ความสุขคืออะไร (2)/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1894
ผู้ติดตาม: 313

ความสุขคืออะไร (2)/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

บทความ Value Way  ฉบับวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556
โดย วิบูลย์ พึงประเสริฐ
ความสุขคืออะไร (2)

   ฉบับที่แล้วกล่าวถึงสุขภาพเป็นปัจจัยสำคัญกว่าเงินที่มีผลต่อ”ความสุข”ของผู้คน บทความคราวนี้จะกล่าวถึง”ปัจจัย”ต่อไปที่มีค่ามากกว่าเงิน นั่นคือ”ครอบครัว” หลายๆครั้งที่เรามักเห็นความไม่ลงรอยกันระหว่างสามีภรรยาพ่อแม่ลูก หลายครอบครัวมีฐานะการเงินดีมากเข้าขั้นเศรษฐีแต่พี่น้องทะเลาะกันโดยเฉพาะเรื่องมรดกไม่ว่าจะเป็นมรดกระดับไม่กี่แสนบาทจนถึงระดับหลายหมื่นล้านเหมือนบางตระกูลที่มีเรื่องราวกันใหญ่โต 
   จากการวิจัยของนักเศรษฐศาตร์แห่งความสุขพบว่าถ้ารายได้ลดลงไปหนึ่งในสามหรือลดลง 33 เปอร์เซนต์ ความสุขจะลดลงไป 2 ระดับยังเหลือความสุข 8 คะแนน แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นในครอบครัวจะทำให้ดัชนีความสุขเหลืออยู่ดังต่อไปนี้
   หนึ่ง เกิดการหย่าร้าง ดัชนีความสุขเหลือ 5 คะแนน
   สอง คู่ครองแยกทางกัน ดัชนีความสุขเหลือ 2 คะแนน
   สาม เป็นหม้ายสามีหรือภรรยาเสียชีวิต ดัชนีความสุขเหลือ 6 คะแนน
   สี่ ไม่ได้แต่งงาน ดัชนีความสุขเหลือ 5.5 คะแนน
   แสดงให้เห็นว่าการมีปัญหาในครอบครัวทำให้คนเรามีความสุขลดลงมากกว่าเงิน แต่สิ่งสำคัญคือเรามักมองไม่เห็นความสำคัญของครอบครัวจนกว่าจะเกิดมีปัญหาเช่นเดียวกับสุขภาพ พ่อแม่หรือสามีภรรยาหลายคนยังทำงานอย่างมุ่งมั่นเอาเป็นเอาตายเพื่อจะได้หาเงินเยอะๆโดยไม่ได้มีเวลาดูแลครอบครัว หลายคนไม่เคยเจอหน้าลูกในวันทำงานเพราะตื่นแต่เช้าเพื่อจะได้ไปเข้างานให้ทันและกลับดึกเพื่อทำงานให้หัวหน้างานเห็นว่าเป็นคนขยัน แต่เมื่อกลับถึงบ้านพบว่าลูกหลับกันหมดแล้ว รวมทั้งบางครั้งเสาร์อาทิตย์อาจต้องไปตีกอล์ฟกับเจ้านายหรือสังสรรค์กับลูกค้าเพื่อความก้าวหน้าในอาขีพการงานอีกด้วยเป็นต้น 
   ครอบครัวเศรษฐีหลายครอบครัวมีเงินมากมายแต่ไม่มีความสุขเพราะพ่อแม่ลูกต่างไปคนละทาง พ่อออกไปทำงาน แม่ออกไปสังคม ส่วนลูกมักอยู่กับพี่เลี้ยงหรือคนใช้เป็นส่วนมาก ลูกโตขึ้นไม่ได้รู้สึกสนิทชิดเชื้อกับพ่อแม่สักเท่าไหร่ หลายคนส่งลูกไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่ยังเด็กเพื่อให้เรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวเองในต่างแดน เมื่อลูกกลับมาพบว่าลูกไม่เชื่อฟังพ่อแม่อีกต่อไปเพราะไม่ได้สั่งสอนหรืออบรมเด็กด้วยตนเอง
   ครอบครัวที่มีปัญหาส่งผลให้ความสุขของชีวิตลดลงอย่างเห็นได้ชัด สามีภรรยาที่ไม่เข้าใจกันเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดการหย่าร้างตามมา ปัจจุบันอัตราการหย่าร้างมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆทั่วโลก สาเหตุจากสามีหรือภรรยาไม่อดทนต่อกันมากเหมือนในอดีต ผู้หญิงสามารถทำงานเลี้ยงตนเองได้มากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพารายได้จากสามีแต่เพียงอย่างเดียว ครอบครัวที่แยกทางกันโดยไม่ได้หย่าร้างเป็นเรื่องเป็นราวยิ่งมีความสุขน้อยกว่าคนที่หย่าขาดจากกัน เศรษฐีหลายคนไม่สามารถหย่ากันได้เพราะเรื่องของหน้าตาในสังคม บางครอบครัวยังอยู่บ้านหลังเดียวกันแต่ดูเหมือนจะต่างคนต่างอยู่โดยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน
   สำหรับนักลงทุนการมีครอบครัวที่เข้าใจและเกื้อหนุนกันจะช่วยให้ฐานะทางการเงินดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป บางครอบครัวโดยเฉพาะนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่ดำเนินตามรอยวอร์เรน บัฟเฟตนั้น ภรรยาที่ไม่เข้าใจอาจบอกว่าเป็นคนขี้งก ไม่ชอบใช้เงิน จะใช้เงินแต่ละทีคิดแล้วคิดอีก เพราะบัฟเฟตนั้นมองว่าเงินทุกบาททุกสตางค์นั้นมีคุณค่า การทำผลตอบแทนได้ปีละ 20 เปอร์เซนต์ผ่านไปสิบปี เงินก้อนนั้นจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นสิบเท่า ดังนั้นถ้าเราใช้จ่ายเงินวันนี้เหมือนกับทำลายมูลค่าของเงินในอนาคต กระเป๋าถือใบละสองหมื่นในมุมมองของบัฟเฟตอาจมองว่ากระเป๋าใบนั้นมีมูลค่าถึงสองแสนบาทในอีกสิบปีข้างหน้าเลยทีเดียว หรืออาจมากถึงสองล้านบาทถ้าได้ผลตอบแทนระดับเดียวกันเป็นเวลา 20 ปี บัฟเฟตคิดว่าการลงทุนคือการเลื่อนการบริโภคในวันนี้เพื่อมูลค่าที่มากขึ้นในอนาคต 
   สำหรับนักลงทุนการมีครอบครัวที่ดีและเข้าใจจะช่วยให้ครอบครัวมีความสุขร่วมกันรวมทั้งมีเวลาในการทำให้เงินลงทุนให้งอกเงยตามระยะเวลาที่มากขึ้นอย่างมีสมาธิที่ดีอีกด้วยและที่สำคัญคือการมีครอบครัวที่ดีสำคัญกว่าเงิน
[/size]
ซากคน
Verified User
โพสต์: 1400
ผู้ติดตาม: 0

Re: ความสุขคืออะไร (2)/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ส่วนตัวผมมอง คนที่มีปัญหาในครอบครัว โดยเฉพาะคนที่มุ่งมั่นจะก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หรือ จะร่ำรวยเป็นเศรษฐีนั้น ไม่ได้คิดให้ดีตั้งแต่แรกว่า ต้องการสิ่งใดมากที่สุดสำหรับชีวิต ในระหว่างทางของชีวิตพอเจอคนที่ชอบพอกัน ก็เลยตัดสินใจมีครอบครัว ในขณะที่ตนเองก็ยังไม่บรรลุเป้าหมายส่วนตนให้สำเร็จเสียก่อน ทำให้พอก้าวหน้าไปถึงจุดหนึ่ง ที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของความสำเร็จส่วนตนและอาจต้องใช้พลังและเวลาเกือบทั้งหมดเพื่อสร้างมัน จึงเป็นผลให้คนรอบข้างได้รับผลกระทบไปด้วย พอรูปกาลออกมาเป็นอย่างนี้แล้ว สังคมก็มาเพ่งโทษ เรื่องการ มุ่งหาความร่ำรวย การหาเงินเยอะๆ ให้ตกเป็นจำเลย ของการทำลายความสุขของคนอีกแล้ว!! ผมว่าหากจะเพ่งโทษ ก็ต้องโทษ คนที่ยังทำเป้าหมายส่วนตนไม่สำเร็จ แล้วตัดสินใจที่จะมีพันธะกับผู้อื่น ต่างหาก

เราต้องเข้าใจว่า การจะทำสิ่งใดให้ได้ผลเป็นเลิศที่สุดนั้น ต้องมุ่งเน้นทำทีละอย่าง ซึ่งไม่เหมาะกับคนที่มีครอบครัว หากแต่เหมาะกับคนที่ไม่มีพันธะผูกพันกับใคร ครับ อีกประการนึงอยากเสริม คือ คนที่เขียนบทความที่โน้มเอียงไปในทางใด ก็ย่อมมี lifestyle ที่สนับสนุนกับสิ่งที่ตนเขียน อย่างในกรณีที่เป็นเรื่องของการให้คุณค่าของครอบครัว เหนือ เงินตรา ก็แน่นอนล่ะครับจะมี คนมีครอบครัวหรือมีลูก คนไหนกล้าเขียนว่า ครอบครัว เป็นเรื่องไม่สำคัญ หรือ เป็นรอง เรื่องการแสวงหาความก้าวหน้าและเงินตรา

ทั้งหมดทั้งปวงที่กล่าวมานี้ ไม่มีใครสามารถนิยามความสุขได้อย่างถูกต้องหรอกครับ ความสุขเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แม้กระทั่ง คนมีอาการป่วยทางจิต ไปทางซาดิสต์ ก็ย่อมมีความสุขที่ได้ ทำร้ายหรือรังแกสัตว์เลี้ยง ในขณะที่ คนที่รักสัตว์ ย่อมเป็นทุกข์มากมาย หากได้เห็นสิ่งเหล่านั้น เป็นต้น
โพสต์โพสต์