การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
-
caramail
- Verified User
- โพสต์: 18
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อตลาดหุ้นไทย PE 18 เท่า!!!! (ณ. วันที่ 26/12/55)
เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ชาวVI มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ ณ ตรงจุดนี้
(ส่วนตัวผม คือ รู้สึกว่าอากาศเริ่มจะหนาวๆแล้ว ไม่ซื้อลงทุนเพิ่ม รอขายอย่างเดียว
![Rolling Eyes :roll:](./images/smilies/icon_rolleyes.gif)
)
อยากแชร์ความรู้สึกน่ะครับ
ขอบคุณครับ
-
zephyr
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 979
- ผู้ติดตาม: 31
ผมว่าก็ระวังๆไว้ก็ดีครับ
แต่ PE 18 เป็น การคิด PE แบบย้อนหลังนะครับ ผมว่าตลาดตอนนี้คาดหวังผลประกอบการ Q4 ครับ
ถ้ากำไรโต PE ก็น่าจะลดลงครับ
การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ
-
nut776
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 4
ส่วนกลับคือ 1/18 แสดงว่า return5%
ไว้ต่ำกว่า 10 yr bond ก่อนค่อยกลัวก็ได้คับ
show me money.
-
Hwamei
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 410
- ผู้ติดตาม: 10
nut776 เขียน:ส่วนกลับคือ 1/18 แสดงว่า return5%
ไว้ต่ำกว่า 10 yr bond ก่อนค่อยกลัวก็ได้คับ
ถ้าใช้สูตรนี้ หมายความว่าถ้า bond 3 % pe 30 ก็ยังได้ แล้วถ้า bond ดอกปรับขึ้นมามันจะยิ่งเสี่ยงไปรึเปล่าครับ
-
Zolaa
- Verified User
- โพสต์: 172
- ผู้ติดตาม: 0
จะรอMOSคงต้องpanicเท่านั้นแหละผมว่างั้นนะดัชนีมาไกลมากละหวังว่าคงไปต่อนะอิอิเพราะเพิ่งเข้าตอน1300
![Mr. Green :mrgreen:](./images/smilies/icon_mrgreen.gif)
-
yakjabon
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 314
- ผู้ติดตาม: 2
ไม่คิดถึงตลาด แล้วกลับมาดูผลประกอบการหุ้นที่เราถืออยู่ดีกว่าครับ
Invincible MOS is knowing what you're doing
-
canuseeme
- Verified User
- โพสต์: 302
- ผู้ติดตาม: 0
มัน เป็น ค่าเฉลี่ย นี่ ครับ
-
luz666
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 845
- ผู้ติดตาม: 1
เคยคิดแล้วปวดหัว เลยสนแค่ forward pe หุ้นตัวเองพอ
all i need is Zero
-
prichar s.
- Verified User
- โพสต์: 1426
- ผู้ติดตาม: 0
ปลายปีที่แล้วมีแต่หัวข้อล้างพอร์ต ถือเงินสดเต็ม 100% กลัวตลาดถล่ม
กลัวหุ้นตกเพราะวิกฤติยุโรป อเมริกา
ตอนนี้ ประเด็นหนี้กรีซ เสปน อิตาลี ลืมกันหมด?
ประเด็นความกลัวเปลี่ยนเป็นหุ้นแพงเกินไปซะแล้ว
SET มาไกลเกินคาด?
ใช้ PE ย้อนหลังประเมินความถูก-แพงของตลาดอาจทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนนะ
ซื้อหุ้นคือการซื้ออนาคตของหุ้น
มองไปข้างหน้า น่าจะเพิ่มโอกาสถึงจุดหมายได้มากกว่ามองไปข้างหลัง
ไม่ได้ฟันธงให้ถือหรือซื้อนะ
เพียงแต่อยากให้ลองประเมิน PE ตลาดปี 2556 หรือ 2557 หรือ 2558 ดูก่อน
และถ้าให้ครอบคลุม ลองประเมินหุ้นในพอร์ตด้วย
ถ้ายังรู้สึกเย็นยะเยือกอยู่ก็ ไม่ต้องเสียดาย โยนซ้ายไปเลย
......................................................
ตลาดหมี-มีส่วนลด หุ้นดี ๆ มีให้เลือกมากมาย แต่ไม่ใคร่มีใครต้องการซื้อ
ตลาดกระทิง-มีส่วนเพิ่ม หุ้นดี ๆ พอมีอยู่ แค่หายากหน่อยเท่านั้น ใครต่อใครก็ไม่สนใจเสาะหา(เล่นเก็งดีกว่า)
ตลาดในภาวะวิกฤติ หุ้นดีและถูกเกลื่อน แต่ไม่มีใครซื้อ เพราะต่างถอดใจหนีออกจากตลาดกันหมดแล้ว
-
vajiralux
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 74
- ผู้ติดตาม: 1
Spot PER คือ 18-19 เท่า Forward PER ประมาณ 12-13 เท่า จากหลาย ๆ โบรกเกอร์ประมาณการมา
ที่จริงน่าจะต้องดูละเอียดลงไปว่า ภาพรวมของทั้งประเทศเกิดการ Change ไปทางใด เกิดถือหุ้นที่รอการเกิดวัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่ แล้วมัวแต่ตกใจกลัว SET จะหักหัว ผลคือ จะต้องเกิดการขายหมูอย่างสุดแสนน่าเสียดาย
หากประเทศไทยในปี 2556 เป็นประเทศที่ลดการพึ่งการส่งออก หันเป็นพึ่งการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนแทน ภาพ SET จะเกิดอะไรขึ้น ตรงนั้นเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา ไม่งั้นสมัยก่อน SET คงไม่มีไป 1,700 ได้ เพราะตอนนั้น GDP , มาร์เก็ตแคป SET. เล็กกว่าตอนนี้หลายเท่า กำไร บจ. ก็ต่ำกว่าตอนนี้มาก
สิ่งที่ต่างกันคือก่อน 1,700 กับก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง ภาคการลงทุนเป็นตัวขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่มาก ตอนนั้นเราใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ 3 ประเภทเดินเครื่อง คือ Consumption, Private Investment และ Government Spending ตอนหลังเรามาเลือกใช้เครื่องจักรจิ๋ว คือ Export ซึ่งต้องลบด้วย Import ร่วมเดินเครื่ิองกะเครื่องจักรใหญ่ คือ Consumption ขับเคลื่อน GDP มาร่วม 10 ปี
ลองใช้เครื่องจักรใหญ่เดินเพิ่มอีก 2 เครื่อง แม้เครื่องยนต์จิ๋วดับ แต่น่าจะทำให้ทั้ง GDP และ SET ฉลุยกว่านี้
-
peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 2
ทุกทีก็คาดเข็มขัดทุกครั้ง
แต่ตอนนี้คาดเข็มขัดและขับด้วยความเร็วไม่เกิน 80 KM/H ครับ
-
nu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 454
- ผู้ติดตาม: 17
Trailing P/E = 18 เท่า
Forward P/E = 13เท่า
อืมมม P/E ลงขนาดนั้น นี่คาดว่า EPS ตลาดปีหน้าโต 38% เลยเหรอครับ
ล้อเล่นใช่ไหม
-
harikung
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2238
- ผู้ติดตาม: 18
vajiralux เขียน:Spot PER คือ 18-19 เท่า Forward PER ประมาณ 12-13 เท่า จากหลาย ๆ โบรกเกอร์ประมาณการมา
ที่จริงน่าจะต้องดูละเอียดลงไปว่า ภาพรวมของทั้งประเทศเกิดการ Change ไปทางใด เกิดถือหุ้นที่รอการเกิดวัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่ แล้วมัวแต่ตกใจกลัว SET จะหักหัว ผลคือ จะต้องเกิดการขายหมูอย่างสุดแสนน่าเสียดาย
หากประเทศไทยในปี 2556 เป็นประเทศที่ลดการพึ่งการส่งออก หันเป็นพึ่งการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนแทน ภาพ SET จะเกิดอะไรขึ้น ตรงนั้นเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา ไม่งั้นสมัยก่อน SET คงไม่มีไป 1,700 ได้ เพราะตอนนั้น GDP , มาร์เก็ตแคป SET. เล็กกว่าตอนนี้หลายเท่า กำไร บจ. ก็ต่ำกว่าตอนนี้มาก
สิ่งที่ต่างกันคือก่อน 1,700 กับก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง ภาคการลงทุนเป็นตัวขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่มาก ตอนนั้นเราใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ 3 ประเภทเดินเครื่อง คือ Consumption, Private Investment และ Government Spending ตอนหลังเรามาเลือกใช้เครื่องจักรจิ๋ว คือ Export ซึ่งต้องลบด้วย Import ร่วมเดินเครื่ิองกะเครื่องจักรใหญ่ คือ Consumption ขับเคลื่อน GDP มาร่วม 10 ปี
ลองใช้เครื่องจักรใหญ่เดินเพิ่มอีก 2 เครื่อง แม้เครื่องยนต์จิ๋วดับ แต่น่าจะทำให้ทั้ง GDP และ SET ฉลุยกว่านี้
ถ้าforward pe 12-13 แปลว่าปีนี้ผลประกอบการโดยรวมของบมจ.ต้องโตอย่างน้อย30-40%เลยนะครับ
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
-
harikung
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2238
- ผู้ติดตาม: 18
vajiralux เขียน:Spot PER คือ 18-19 เท่า Forward PER ประมาณ 12-13 เท่า จากหลาย ๆ โบรกเกอร์ประมาณการมา
ที่จริงน่าจะต้องดูละเอียดลงไปว่า ภาพรวมของทั้งประเทศเกิดการ Change ไปทางใด เกิดถือหุ้นที่รอการเกิดวัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่ แล้วมัวแต่ตกใจกลัว SET จะหักหัว ผลคือ จะต้องเกิดการขายหมูอย่างสุดแสนน่าเสียดาย
หากประเทศไทยในปี 2556 เป็นประเทศที่ลดการพึ่งการส่งออก หันเป็นพึ่งการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนแทน ภาพ SET จะเกิดอะไรขึ้น ตรงนั้นเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา ไม่งั้นสมัยก่อน SET คงไม่มีไป 1,700 ได้ เพราะตอนนั้น GDP , มาร์เก็ตแคป SET. เล็กกว่าตอนนี้หลายเท่า กำไร บจ. ก็ต่ำกว่าตอนนี้มาก
สิ่งที่ต่างกันคือก่อน 1,700 กับก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง ภาคการลงทุนเป็นตัวขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่มาก ตอนนั้นเราใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ 3 ประเภทเดินเครื่อง คือ Consumption, Private Investment และ Government Spending ตอนหลังเรามาเลือกใช้เครื่องจักรจิ๋ว คือ Export ซึ่งต้องลบด้วย Import ร่วมเดินเครื่ิองกะเครื่องจักรใหญ่ คือ Consumption ขับเคลื่อน GDP มาร่วม 10 ปี
ลองใช้เครื่องจักรใหญ่เดินเพิ่มอีก 2 เครื่อง แม้เครื่องยนต์จิ๋วดับ แต่น่าจะทำให้ทั้ง GDP และ SET ฉลุยกว่านี้
ถ้าforward pe 12-13 แปลว่าปีนี้ผลประกอบการโดยรวมของบมจ.ต้องโตอย่างน้อย30-40%เลยนะครับ
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
-
Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 8
ผลตอบแทนเฉลี่ยตลาดล่าสุดของปีนี้ ถ้าลงทุนซื้อหุ้นทุกตัวจำนวนเงินเท่าๆ กัน วันเปิดตลาดต้นปีถือไว้จนวันนี้ นับตอนปิดตลาดเมื่อเช้า บ่ายแนวโน้มสูงขึ้นอีกนิด
จะได้ผลตอบแทน 35.2% ยังไม่นับรวมปันผล
(แต่จากดัชนี ไม่ไ่ด้ดูผลประกอบการ .... )
ขณะปีที่แล้ว -0.72% เมื่อสุทธิกับปันผล 3.72% เฉลี่ย โต 3%
-
naphas12
- Verified User
- โพสต์: 950
- ผู้ติดตาม: 2
PE ขนาดนี้ ก็เพราะนักลงทุนซื้อ Profit ปี 55 และ 56 ไปเรียบร้อยแล้ว
ถ้าประกาศงบออกมา น่าจะมีการ Sale on Fact ต้นปี 56
-
ReRedrum
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
ไม่ค่อยได้สนใจ PE ตลาดเท่าไรครับ
ส่วนตัวแล้วจะให้ความสนกับ PE ของหุ้นที่ตัวเองสนใจมากกว่า
แต่ตอนนี้ก็เริ่มอยู่ในสภาวะเฝ้าระวังแล้วครับ
"ผมไม่ได้ลงทุนในหุ้นเพียงเพราะว่าผมต้องการเงินมากมาย
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"
"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"
-
investor2011
- Verified User
- โพสต์: 36
- ผู้ติดตาม: 0
ยามใดที่เม่าคิดว่าตลาดหุ้นแพงเกินไป มันก็จะมีแพงกว่า
แต่ยามใดที่เม่าคิดว่าตลาดหุ้นถูก มันก็จะมีถูกกว่า
เช่นนี้แล...
-
Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 532
- ผู้ติดตาม: 4
อืม ระวังไว้นิดนึงคับ
ต้นปีหน้า มี LTF รอขาย อีกประมาณ 20,000 ล้านบาท
คิดว่าขายแน่ๆ เพราะ SET ก็ขึ้นมาสูง 1,300 กว่าจุด (เอาเงินมาส่งรถคันแรกมั้ง 555)
LTF ไม้นี้ เข้าตั้งแต่ 600 กว่าจุด กำไรเด้งนึงแล้ว
ไหนจะมีพี่หรั่ง ตุนไว้อีก 1 ม.ค.- 20 ธ.ค.55 เข้าซื้อ 7.25 หมื่นลบ.
คงรอจังหวะดีๆกระหน่ำขายให้พี่ย่อยอีก
หุ้นสาธารณูปโภค อย่าง RATCH, BAFS ผมก็ว่าขึ้นมาแฟร์เวลูและ
โดนกองทุนสอยซะ
SET เองหาหุ้นที่มี MoS ดีๆยากพอควร แต่ภาพเศรษฐกิจปีหน้าก็ยังดีนะ
ถ้า SET จะปรับฐานใหญ่ พวกหุ้นตัวใหญ่ๆที่พวกกองทุนถือกัน ใน SET 50 คงโดนเทขาย
ตัวกลางตัวเล็ก ก็คงโดนหมดละมั้ง เพราะหุ้นมันขึ้นมาทุกกลุ่มเลย ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน
อานิสงค์นารีขี่ม้าขาวรึเปล่าเนี๊ย
อาจเป็นโอกาสเข้าซื้อหุ้นดีๆอีกครั้ง แต่อย่ารีบร้อนนะผมว่า รอให้มีดปักถึงพื้น แล้วต้องหยุดแกว่งก่อนด้วย
อ้อ...ความคิดเห็นส่วนตัวนะคับ
-
vajiralux
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 74
- ผู้ติดตาม: 1
ทำไมได้ EPS growth 38% หรือ 30-40% ล่ะ หายังไงหรือคะ
ถ้า 18/13 = 38% (13 เป็นเป้าหน้า 18 เป็นจุดสตาร์ท) คิดว่าโบรกเกอร์ที่ประมาณการออกมาไม่น่าจะใช้วิธีคิดแบบนั้น แต่คิดว่าใช้ตัวที่มี Market Cap สูง และเป็นหุ้นที่เค้า Cover ประมาณสักมากกว่า 80% ของ Cap รวม เป็น Proxy นะคะ ในเปเปอร์ดังกล่าว คิด EPS growth ได้ราว 15% แต่ใน Bloomberg Consensus ได้ผลสรุปออกมาที่ 20.5%
ยังเชื่อว่า PER เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่น่าระมัดระวังเท่านั้น แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของการตัดสินใจว่าหุ้นถูกแพง
PER 13 เท่าคิดจากค่า Forcast Earnings ส่วน PER 18 เท่า เป็น Trial PER ประกาศโดยตลาดหลักทรัพย์ (SET 1400 อาจจะ 19 เท่าแล้วนะ)น่าจะได้มีการรวมขาดทุน-กำไรไตรมาส 4/54 เข้าไปด้วย(4 quarter ย้อนหลัง) ซึ่งยังเห็นผลกระทบเรื่องน้ำท่วมเข้ามาอยู่ ยิ่งบางกิจการเพิ่งมากำไรดีช่วงไตรมาส 2/55 แสดงว่า PER 18 เท่า ยังมีผลกระทบน้ำท่วมรวมอยู่ 1-2 ไตรมาส ซึ่งปัจจัยน้ำท่วมคงเป็น One Time Loss ไปแล้ว เป็นไปได้ว่า Forward PER ของปี 2555 อาจจะไม่ถึง 18 เท่า และปี 2556 ก็ลดต่ำไปจากปี 2555 อีก
ถ้าจะเบี่ยงเบนไม่มาก แต่ไม่น่าใช่ Growth 30-40% ที่ว่าน่ะค่ะ
ต้องขออภัย การเปรียบเทียบสองค่า PER 18 กะ 13 ไม่ได้อยู่บนฐานเดียวกัน ไม่ได้กำลังจะเปรียบ PER ปี 55 กะปี 56 ด้วยค่ะ
-
nu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 454
- ผู้ติดตาม: 17
vajiralux เขียน:ทำไมได้ EPS growth 38% หรือ 30-40% ล่ะ หายังไงหรือคะ
ถ้า 18/13 = 38% (13 เป็นเป้าหน้า 18 เป็นจุดสตาร์ท) คิดว่าโบรกเกอร์ที่ประมาณการออกมาไม่น่าจะใช้วิธีคิดแบบนั้น แต่คิดว่าใช้ตัวที่มี Market Cap สูง และเป็นหุ้นที่เค้า Cover ประมาณสักมากกว่า 80% ของ Cap รวม เป็น Proxy นะคะ ในเปเปอร์ดังกล่าว คิด EPS growth ได้ราว 15% แต่ใน Bloomberg Consensus ได้ผลสรุปออกมาที่ 20.5%
ยังเชื่อว่า PER เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่น่าระมัดระวังเท่านั้น แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของการตัดสินใจว่าหุ้นถูกแพง
PER 13 เท่าคิดจากค่า Forcast Earnings ส่วน PER 18 เท่า เป็น Trial PER ประกาศโดยตลาดหลักทรัพย์ (SET 1400 อาจจะ 19 เท่าแล้วนะ)น่าจะได้มีการรวมขาดทุน-กำไรไตรมาส 4/54 เข้าไปด้วย(4 quarter ย้อนหลัง) ซึ่งยังเห็นผลกระทบเรื่องน้ำท่วมเข้ามาอยู่ ยิ่งบางกิจการเพิ่งมากำไรดีช่วงไตรมาส 2/55 แสดงว่า PER 18 เท่า ยังมีผลกระทบน้ำท่วมรวมอยู่ 1-2 ไตรมาส ซึ่งปัจจัยน้ำท่วมคงเป็น One Time Loss ไปแล้ว เป็นไปได้ว่า Forward PER ของปี 2555 อาจจะไม่ถึง 18 เท่า และปี 2556 ก็ลดต่ำไปจากปี 2555 อีก
ถ้าจะเบี่ยงเบนไม่มาก แต่ไม่น่าใช่ Growth 30-40% ที่ว่าน่ะค่ะ
ต้องขออภัย การเปรียบเทียบสองค่า PER 18 กะ 13 ไม่ได้อยู่บนฐานเดียวกัน ไม่ได้กำลังจะเปรียบ PER ปี 55 กะปี 56 ด้วยค่ะ
ผมเอามาเทียบบัญติไตรยางค์ธรรมดาๆเลยครับ
ณ สิ้นเดือน 11 Index 1,324 จุด Set index P/E = 17.08 เท่า ->EPS ตลาด = 77.51
ตอนนี้ index 1397 -> P/E ตลาด = 18.05 เท่า
ถ้าจะทำให้ P/E ปีหน้าเหลือ 13 เท่า EPS ตลาดต้องเท่ากับ 107.46 -> EPS ตลาดต้องโต 38.64%
อันนี้คงไม่ใช่วิธีที่นักวิเคราะห์ใช้หรอกครับ แต่ผมลองคิดย้อนกลับเช็คดูว่าสิ่งที่นักวิเคราะห์บอกออกมามันดูสมจริงแค่ไหน
ซึ่งต่อให้มีน้ำท่วมทำให้ EPS ตลาดต่ำกว่าความเป็นจริง แต่การคาดหวังกำไรโต 38.64% มันก็น่าหวาดเสียวอยู่
-
vajiralux
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 74
- ผู้ติดตาม: 1
ไม่ทราบเหมือนกันว่าความคาดหวังนักวิเคราะห์สูงหรือเปล่า เพราะไม่ได้เป็นผู้วิเคราะห์นะคะ เห็นใน Paper ที่เค้าทำมาจึงเรียนให้ทราบ
แต่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะใช้ PER ตั้งต้น 17.xx มาจาก PER ที่ตลาดประกาศ ก็ยังน่าจะเป็น 12 เดือน หรือ 4 ไตรมาสย้อนหลัง 17 นั้นก็มีช่วงทับซ้อนน้ำท่วมมาด้วย ซึ่งน่าจะเป็นค่าเฉลี่ยให้ได้ EPS ต่ำ
เวลาเปรียบเทียบกัน น่าจะเอา แอปเปิล เทียบแอปเปิล สาลี่ เทียบสาลี่ trial PE ปี 55 เทียบปี 56 หรือ Forward PE ปี 55 กับ ปี 56
เรากำลังพูดอยู่จากการวัดคนละฐานกัน น่ะค่ะ ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นสับสน เลยต้องชี้แจงต่ออีกหน่อย
ที่เราพูดถึง 18 เท่า เพราะกระทู้เค้าตั้งไว้อย่างนี้ แต่นั่นเป็น Trial PER ตลาด แต่เป็นสิ่งที่ผู้คนรับรู้ ซึ่งไม่ได้สะท้อนภาพของอนาคต
แต่ที่บอกให้ใจชื้นว่า Forward PER ยังมีโอกาสได้เห็น 13 (ถ้านักวิเคราะห์คาดได้ถูกเป๊ะนะ) 13 เป็นเรื่องของการคาดการณ์ โดย Consensus หรือของโบรกใดโบรกหนึ่ง แล้วแต่เราเอามาอ้างอิง Actual ออกมาอาจไม่ตรงกับ Forecast ก็ได้
ถ้าให้เห็นภาพ ลองหยิบบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เอา EPS 4 ไตรมาสย้อนหลัง เช่น 3/55 2/55 1/55 และ 4/54 มารวมกัน แล้วหาค่า PER คิดว่าได้ค่า PERต่างจาก เอา EPS ปี2555F ซึ่งคาดการณ์โดย Consensus นะคะ เพราะ EPS 55F เกิดจาก ไตรมาส 1-4/55 (4/55 ยังเป็น Forecast อยู่)
ยังเห็นว่าตัวที่เอามาคิดเป็นตัวต่างกัน ไม่ควรเปรียบเทียบกัน
-----------------------------------------------------------------
ตลาดเกิดการซื้อขายได้เพราะผู้คนในตลาดมีความเห็นที่ต่างกัน
-
vajiralux
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 74
- ผู้ติดตาม: 1
เห็นขัดแย้งกันดีนะคะ ทำให้คิดอะไรออกเยอะดี
-
Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 4
ความรู้สึกเหมือนกับที่ผมถามอยู่ในกระทู้นี้ เกี่ยวกับแนวทางการลงทุนในอนาคตของผมเอง
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=54765
ผมมีความเห็นส่วนตัวว่าควรสนใจกับตลาดบ้างก็ดีนะครับ ไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจเลย นอกจากคุณจะเป็นคนที่มีจิตใจมั่นคงหนักแน่นมากๆ
หรือไม่มีความรู้สึกเลย ในระหว่างที่ตลาดบ้านเราเจอเงินร้อนๆที่เดี๋ยวก็ไหลเข้าไหลออกอย่างนี้ไปอีกหลายๆปี
ซึ่ง "เหตุการณ์เงินท่วมระบบ" เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีตนะครับจากความรู้ของผม (ถ้าผิดก็ขออภัย)
ดังนั้นจะเอียงหูฟังนายตลาดบ้างก็ดีครับ
แต่ถ้าถามว่าทำไมไม่ล้างพอร์ตไปเลย รอตลาดถล่มแล้วค่อยซื้อ คำตอบคือ
- เราทำนายราคาตลาดไม่ได้ ไม่งั้นผมก็ไปเล่นฟิวเจอร์ให้รวยเละไปแล้ว
- เชื่อว่ายังสามารถหาหุ้นที่ยังให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับความเสี่ยงได้อยู่ครับ
-
nu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 454
- ผู้ติดตาม: 17
vajiralux เขียน:ไม่ทราบเหมือนกันว่าความคาดหวังนักวิเคราะห์สูงหรือเปล่า เพราะไม่ได้เป็นผู้วิเคราะห์นะคะ เห็นใน Paper ที่เค้าทำมาจึงเรียนให้ทราบ
แต่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะใช้ PER ตั้งต้น 17.xx มาจาก PER ที่ตลาดประกาศ ก็ยังน่าจะเป็น 12 เดือน หรือ 4 ไตรมาสย้อนหลัง 17 นั้นก็มีช่วงทับซ้อนน้ำท่วมมาด้วย ซึ่งน่าจะเป็นค่าเฉลี่ยให้ได้ EPS ต่ำ
เวลาเปรียบเทียบกัน น่าจะเอา แอปเปิล เทียบแอปเปิล สาลี่ เทียบสาลี่ trial PE ปี 55 เทียบปี 56 หรือ Forward PE ปี 55 กับ ปี 56
เรากำลังพูดอยู่จากการวัดคนละฐานกัน น่ะค่ะ ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นสับสน เลยต้องชี้แจงต่ออีกหน่อย
ที่เราพูดถึง 18 เท่า เพราะกระทู้เค้าตั้งไว้อย่างนี้ แต่นั่นเป็น Trial PER ตลาด แต่เป็นสิ่งที่ผู้คนรับรู้ ซึ่งไม่ได้สะท้อนภาพของอนาคต
แต่ที่บอกให้ใจชื้นว่า Forward PER ยังมีโอกาสได้เห็น 13 (ถ้านักวิเคราะห์คาดได้ถูกเป๊ะนะ) 13 เป็นเรื่องของการคาดการณ์ โดย Consensus หรือของโบรกใดโบรกหนึ่ง แล้วแต่เราเอามาอ้างอิง Actual ออกมาอาจไม่ตรงกับ Forecast ก็ได้
ถ้าให้เห็นภาพ ลองหยิบบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เอา EPS 4 ไตรมาสย้อนหลัง เช่น 3/55 2/55 1/55 และ 4/54 มารวมกัน แล้วหาค่า PER คิดว่าได้ค่า PERต่างจาก เอา EPS ปี2555F ซึ่งคาดการณ์โดย Consensus นะคะ เพราะ EPS 55F เกิดจาก ไตรมาส 1-4/55 (4/55 ยังเป็น Forecast อยู่)
ยังเห็นว่าตัวที่เอามาคิดเป็นตัวต่างกัน ไม่ควรเปรียบเทียบกัน
-----------------------------------------------------------------
ตลาดเกิดการซื้อขายได้เพราะผู้คนในตลาดมีความเห็นที่ต่างกัน
ุถ้าอย่างนั้นคงต้องถามคุณ vajiralux ล่ะครับคิดว่าตอนนนี้ PE ตลาดเป็นเท่าไหร่ คิดว่าปีหน้า EPS จะเติบโตซักเท่าไหร่
แล้วลองคำนวนกลับดูนะครับว่ามันสิ่งที่คิดไว้มัน imply การเติบโตซักกี่ %
-
harikung
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2238
- ผู้ติดตาม: 18
เมื่อก่อนpeตอนตลาดซึมๆ หุ้นpe12-15นลท.ก็บอกกันว่าโคตรแพงแล้ว แต่ปัจจุบันบอก forward pe 20 ถูกจัง ตกลงโลกมันเปลี่ยนไปแล้วใช่มั้ยครับ ผมจะได้ปรับความคิดใหม่เผื่อจะได้ผลตอบแทนสูงๆมั่ง อันนี้สงสัยจริงๆนะครับไม่ได้กวนติง
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
-
Sumotin
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1145
- ผู้ติดตาม: 53
vajiralux เขียน:ไม่ทราบเหมือนกันว่าความคาดหวังนักวิเคราะห์สูงหรือเปล่า เพราะไม่ได้เป็นผู้วิเคราะห์นะคะ เห็นใน Paper ที่เค้าทำมาจึงเรียนให้ทราบ
แต่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะใช้ PER ตั้งต้น 17.xx มาจาก PER ที่ตลาดประกาศ ก็ยังน่าจะเป็น 12 เดือน หรือ 4 ไตรมาสย้อนหลัง 17 นั้นก็มีช่วงทับซ้อนน้ำท่วมมาด้วย ซึ่งน่าจะเป็นค่าเฉลี่ยให้ได้ EPS ต่ำ
เวลาเปรียบเทียบกัน น่าจะเอา แอปเปิล เทียบแอปเปิล สาลี่ เทียบสาลี่ trial PE ปี 55 เทียบปี 56 หรือ Forward PE ปี 55 กับ ปี 56
เรากำลังพูดอยู่จากการวัดคนละฐานกัน น่ะค่ะ ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นสับสน เลยต้องชี้แจงต่ออีกหน่อย
ที่เราพูดถึง 18 เท่า เพราะกระทู้เค้าตั้งไว้อย่างนี้ แต่นั่นเป็น Trial PER ตลาด แต่เป็นสิ่งที่ผู้คนรับรู้ ซึ่งไม่ได้สะท้อนภาพของอนาคต
แต่ที่บอกให้ใจชื้นว่า Forward PER ยังมีโอกาสได้เห็น 13 (ถ้านักวิเคราะห์คาดได้ถูกเป๊ะนะ) 13 เป็นเรื่องของการคาดการณ์ โดย Consensus หรือของโบรกใดโบรกหนึ่ง แล้วแต่เราเอามาอ้างอิง Actual ออกมาอาจไม่ตรงกับ Forecast ก็ได้
ถ้าให้เห็นภาพ ลองหยิบบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เอา EPS 4 ไตรมาสย้อนหลัง เช่น 3/55 2/55 1/55 และ 4/54 มารวมกัน แล้วหาค่า PER คิดว่าได้ค่า PERต่างจาก เอา EPS ปี2555F ซึ่งคาดการณ์โดย Consensus นะคะ เพราะ EPS 55F เกิดจาก ไตรมาส 1-4/55 (4/55 ยังเป็น Forecast อยู่)
ยังเห็นว่าตัวที่เอามาคิดเป็นตัวต่างกัน ไม่ควรเปรียบเทียบกัน
-----------------------------------------------------------------
ตลาดเกิดการซื้อขายได้เพราะผู้คนในตลาดมีความเห็นที่ต่างกัน
เห็นด้วยกับคุณ vajiralux เรื่อง Trail PER ที่ได้รับผลกระทบจาก Q4 ปีก่อนครับ PE จริงตลาดตอนนี้อาจจะประมาณ 15x ก็เป็นได้
harikung เขียน:เมื่อก่อนpeตอนตลาดซึมๆ หุ้นpe12-15นลท.ก็บอกกันว่าโคตรแพงแล้ว แต่ปัจจุบันบอก forward pe 20 ถูกจัง ตกลงโลกมันเปลี่ยนไปแล้วใช่มั้ยครับ ผมจะได้ปรับความคิดใหม่เผื่อจะได้ผลตอบแทนสูงๆมั่ง อันนี้สงสัยจริงๆนะครับไม่ได้กวนติง
จริงครับ คุณ harikung ช่วงก่อนๆผมมอง PE 8 คือ fair valuation ของผมแล้ว ตอนนั้นหาแต่หุ้น PE 5-6 ยิ่ิงช่วงต้นปี 2009 PE 2-3 ก็มีให้เห็นกัน ตอนนี้โดยตัวผมเองก็ขยับการประเมิน PE มาเป็น 12-15 เท่าแทน แต่ก็ระวังตัวมากขึ้นครับ
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
-
Nevercry.boy
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 24
ลอง short ดูครับ จะได้รู้ว่าหุ้นลงง่ายกว่าขึ้นรึเปล่า
จิตวิทยาการลงทุนครับ ต้องลองอยู่อีกฝ่ายนึงดู
-
amornd
- Verified User
- โพสต์: 385
- ผู้ติดตาม: 0
Nevercry.boy เขียน:ลอง short ดูครับ จะได้รู้ว่าหุ้นลงง่ายกว่าขึ้นรึเปล่า
จิตวิทยาการลงทุนครับ ต้องลองอยู่อีกฝ่ายนึงดู
หยั่งกับ jesse livermore เลย
-
peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 2
Nevercry.boy เขียน:ลอง short ดูครับ จะได้รู้ว่าหุ้นลงง่ายกว่าขึ้นรึเปล่า
จิตวิทยาการลงทุนครับ ต้องลองอยู่อีกฝ่ายนึงดู
ถ้าผมเริ่มรู้สึกไม่สบายใจที่จะถือ แบบตอนนี้ ผมจะเริ่ม short against port บ้างแล้วครับ