ผมแวะไปเดินคาร์ฟูร์บางปะกอกมา
แปลกใจกับการดัมพ์ราคาของพวกบรรดาชาเขียวแบบขวด
pokka ของสิงคโปร์
ซึ่งเป็นชาเขียวแบบขวดเจ้าแรก ที่วางขายตามห้าง
เคยขายขวดละ สามสิบกว่า
เขาขาย ๑ แภม ๑ ราคา ๒๐ บาท
เลยใช้คูปองส่วนลด ซื้อมา ๑๐ ขวด ๑๐๐ บาท
เอามาแจก และกินเองบ้างขวดสองขวด
เอารสชาติของชาเขียวอินเตอร์
![Wink :wink:](./images/smilies/icon_wink.gif)
โตเซน ของยูโรฟูดส์
ซึ่งได้น้องอั้ม ดาวเซ็กซี่อันดับหนึ่งจากโพลถุงยาง
มาเป็นพรีเซนเตอร์ในโฆษณา
ขายขวดละ ๑๕ บาท
แถมติดข้อความทำนองว่า
ลดราคาสนองนโยบายกระทรวงพาณิชย์
ยูนิฟของเครือสหพัฒน์
ขายขวดละ ๑๖ บาท
โออิชิของเสี่ยตัน
เฉพาะรสชาติดั้งเดิม
ขายขวดละ ๑๔.๗๕ บาท
ซิเชน ของฟู๊ดส์แอนด์ดริงค์
ขายขวดละ ๙ บาท !!!!!!!!
มีแต่
โมชิของเบียร์สิงห์ซึ่งขายตัวการ์ตูนสไตล์ญี่ปุ่น
ยืนราคาแบบโดดเดี่ยวผู้น่ารัก
ขายขวดละ ๑๙ บาท
ก็เลยไม่พร่องแม้แต่ขวดเดียวจากชั้นวาง
ส่วนชาขาวเพียวริคุไม่ได้ดูราคา
เพราะเห็นออกอาการตั้งแต่
วัตสันเอามาขาย ๑ แถม ๑ ราคา ๑๙ บาทแล้ว
จากการดัมพ์ราคาต่ำกว่าราคามาตรฐาน
แบบบางยี่ห้อหั่นราคาแหลก
ผมมีความคิดว่า
กระแสชาเขียวเริ่มตกแล้ว
ตกแบบยากจะกู้กลับมาให้เหมือนเดิมด้วย
ยังดีที่ไม่มีสินค้าที่ชูภาพพจน์เรื่องสุขภาพตัวใหม่เข้ามา
ก็เลยอึดได้นานเพราะการอัดงบโฆษณา
คนชั้นกลางที่กินชาเขียวแบบขวด
คงไม่มีใครกินเพื่อสุขภาพอีกแล้ว
แต่ยังกินเพราะติดใจในรสชาติของหวานปนรสชา
ยิ่งพวก blue collar
ไม่มีใครกินชาเขียวเพื่อสุขภาพอย่างแน่นอน
แต่กินเพราะหวังชิงโชค
และอาจจะติดคาเฟอีนกับความหวานของชาเขียวแบบขวด
หรือไม่ก็เป็นการยกระดับทางรสนิยม
ผ่านการกินชาเขียวขวดละสิบกว่าบาท
สรุปก็คือ
ผมเชื่อว่า คุณตันขายหุ้นโออิชิ
เพราะเริ่มรู้ว่า ชาเขียวแบบขวดถึงทางตันแล้ว
ไม่ใช่แรงกดดันจากการเมืองอย่างที่บอกให้นักวิเคราะห์เชื่อครับ
ทั้งหมดนี้
เป็นความเห็นส่วนตัว
แบบไม่มีหลักวิชาการใดๆอ้างอิงครับ
![Embarassed :oops:](./images/smilies/icon_redface.gif)