ถามความเห็น"หุ้นอาหาร"

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
miracle
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 18408
ผู้ติดตาม: 81

ถามความเห็น"หุ้นอาหาร"

โพสต์ที่ 31

โพสต์

เคยโกรธกับพนักงานThe pizzaที่มาบุญครองชั้น 7 (ต้องเอ๋ยถึงร้านว่าอยู่ไหน เพราะยังจำติดตา และเลยกินร้านนี้ไปเลยแบนตลอดกาล)

แบบว่า เราไปกับเพื่อนอีกสองคน ก็สั่งแบบกินธรรมดาๆ
แต่ที่ผิดสังเกตเราต้องรอ รายการอาหารตัวหนึ่ง ซึ่งปกติ ร้านจำพวกนี้ไม่ค่อยหลุดรายการพวกนี้ เรานั่งคุยนั่งอ่านหนังสือรอ จนเรียกพนังานสองสามรอบแล้ว พนักงานก็แบบว่าพูดแบบว่า โกหกว่าอาหารจะได้ภายใน 15 นาที
ซึ่งจริงๆกว่าจะได้ ตั้งครึ่งชั่วโมง ซึ่งของมันหมดกว่าจะได้ของมา กว่าจะทำคิดดูเอาเองล่ะกัน(ตอนนั้นเราเข้าร้านประมาณเกือบทุ่มหนึ่ง กว่าจะออกจากร้านก็สามทุ่มเข้าไปแล้ว)

เราก็โกรธซิ เราเป็นลูกค้า และไม่ตามว่าอาหารได้ครบไหม การบริการห่วยแตกอีกต่างหาก

งานนี้เลย แบนร้านนี้ดีกว่า ไปกินpizza companyที่บริการดีกว่า

เนี่ยละ ร้านพวกนี้ต้องให้คำว่าบริหารด้วยใจ และบอกลูกค้าตรงไปตรงมาว่า ของหมดหรือไม่มีก็ได้อ่ะ เซ็งไหมล่ะท่าน
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
ซาลาเปา
Verified User
โพสต์: 23
ผู้ติดตาม: 0

ถามความเห็น"หุ้นอาหาร"

โพสต์ที่ 32

โพสต์

:wink:  :wink: ชอบmint คะ ในรสชาติอาหารของ the pizza น่าจะถูกปากคนไทยมากกว่า แม้บริการบางสาขาอาจจะแย่ แต่ปริมาณคนเข้าร้านมากนะคะ โดยส่วนตัวคิดว่าmint น่าจะดีกว่า centel นะคะ และswensen ถ้านึกถึงไอศครีม ก็ swensen นี่ละ   ..... :wink:  :wink: เคยถือ mint มาคาดว่าจะถือยาวแต่พอราคาขึ้น 22% อดใจไม่ไหวขายก่อน  ยังเสียใจ.... :cry:  :cry:  ตอนนี้จะเก็บทันไหมคะ พี่ๆๆช่วย แนะนำหน่อยคะ .... :roll:  :roll:  :roll:  :roll:
ztep
Verified User
โพสต์: 314
ผู้ติดตาม: 0

ถามความเห็น"หุ้นอาหาร"

โพสต์ที่ 33

โพสต์

:P   PR  ผมคงตัดออกไปเพราะรายได้หลักมาจากการขายข้าวซึ่งเป็นธุรกิจที่ไม่น่าสนใจเท่าไหร่ครับ

   อันนี้เขาขายธุรกิจค้าข้าวนี้ออกไปแล้วไม่ใช่หรือครับ  ตั้งแต่ตอนมีข่าว รมต. วัฒนา  แล้วไม่ใช่รือ    :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
worapong
Verified User
โพสต์: 929
ผู้ติดตาม: 2

หุ้นอาหารที่ชอบ

โพสต์ที่ 34

โพสต์

ตัวหุ้นตอบยากหน่อยนะครับ เพราะมันมีเรื่องราคามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ถ้าถามว่าชอบธุรกิจอาหารอะไรบ้าง ตอนนี้ชอบ เอสแอนด์พีครับ เค้กเค้าอร่อยมากครับ ไอติมฮาเก้นดาสก็สุดยอดเลย ฟาร์มเฮาส์ก็ชอบเพราะขนมเค้าถูกดี เสริมสุขก็ดีครับถ้ามีการประกาศว่าโลกนี้ไม่มีเป๊บซี่และโค้กในอีก3วันข้างหน้า ผมว่าคงเกิดจราจลแย่งกันซื้อแน่นอนครับ มาม่าก็เป็นเพื่อนยามเศรษฐกิจตกต่ำ สเวนเซ่นก็ชอบครับ รสแมคคาดาเมียนี่ชอบมาก เคเอฟซีนี่เฉยๆนะ ยูเอฟเอ็มก็พอใช้ได้ ตอนนี้เริ่มกินน้ำผลไม้ทิปโก้มากขึ้นด้วยครับ เค้ามีภาพพจน์ดูทันสมัยกว่าทุกยี่ห้อเลย นึกออกแค่นี้แหละครับที่ชอบจริงๆคงเป็นเอสแอนด์พีครับ เค้าไม่มีคู่แข่งเกรดเดียวกัน เค้าผูกขาดตลาดกลุ่มเล็กๆของเค้าอยู่ และการเอาชนะเอสแอนด์พีในธุรกิจเบเกอรี่คงยากพอๆกับการยึดเพอร์ลฮาเบอร์ครับ หวังว่าราคามันจะลงมาอีกหน่อยนะครับ ถึงผมชอบเค้กของเค้ามาก แต่ผมก็อยากทำเงินมากๆด้วยเช่นกัน ขอดิสเค้าหน่อยเถอะครับ มิสเตอร์มาร์เก็ตที่รัก :twisted:  :twisted:  :twisted:
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6492
ผู้ติดตาม: 921

ถามความเห็น"หุ้นอาหาร"

โพสต์ที่ 35

โพสต์

[quote="ซาลาเปา"]:wink:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
harry
Verified User
โพสต์: 4200
ผู้ติดตาม: 0

ถามความเห็น"หุ้นอาหาร"

โพสต์ที่ 36

โพสต์

ไอติมฮาเก้นดาสของ เอสแอนด์พีเหรอครับ

ขอไปดู 56-1 ดีก่า น่าสนใจมากขึ้นหลายตัวเลย
Expecto Patronum!!!!!!
adi
Verified User
โพสต์: 1155
ผู้ติดตาม: 0

ถามความเห็น"หุ้นอาหาร"

โพสต์ที่ 37

โพสต์

harry เขียน:ไอติมฮาเก้นดาสของ เอสแอนด์พีเหรอครับ

ขอไปดู 56-1 ดีก่า น่าสนใจมากขึ้นหลายตัวเลย
ใช่ครับ ถ้าจำไม่ผิดก็รู้สึกว่าจะหุ้นกับไมเนอร์นี่แหละ
ภาพประจำตัวสมาชิก
worapong
Verified User
โพสต์: 929
ผู้ติดตาม: 2

ผมชอบเอสแอนด์พี แต่ขอรอหน่อยดีกว่าครับ

โพสต์ที่ 38

โพสต์

ธุรกิจอาหารยิ่งนับวันการแข่งขันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ จนเรียกได้ว่าใครหยุดนิ่งเป็นอันต้องเสียส่วนแบ่งตลาดไปอย่างแน่นอน

ล่าสุดค่ายที่มีการขยับตัวอย่างน่าจับตามองอีกแบรนด์ต้องยกให้กับ "เอสแอนด์พี" ผู้นำตลาดอาหารในไทยมาเนิ่นนาน ล่าสุดได้เปิดตัวแคมเปญปีใหม่ Happy Cake... Happy Season Eat - Drink & Be Lucky เมื่อซื้อสินค้าหรือรับประทานอาหารครบทุก 200 บาท รับคูปอง 1 ใบ ลุ้นรับทองคำสัปดาห์ละ 10 บาท รวม 8 สัปดาห์ และรางวัลใหญ่ทองคำหนัก 100 บาท 1 รางวัลในสัปดาห์ที่ 9 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมาจนถึง 5 มกราคม ปีหน้า

การขยับตัวของเอสแอนด์พี น่าสนใจที่เป็นครั้งแรกที่ลุกขึ้นมาจัดทำแคมเปญชิงโชค แจกทอง สำหรับร้านอาหาร จากเดิมที่มีจัดแคมเปญในลักษณะนี้กับขนมไหว้พระจันทร์เท่านั้น

"ทุกปีเราจะจัดแคมเปญซื้อ 4 แถม 1 แต่ปีนี้พิเศษ เพราะเรารู้สึกว่าปีนี้ต้องทำอะไรกับลูกค้ามากขึ้น ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เห็นสัญญาณว่ากำลังใจการซื้อสินค้าของผู้บริโภคลดลงทั้งตลาด เห็นชัดจากเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ที่ผ่านมา ตัวเลขในช่วงแรกของเราเคลื่อนช้ามาก การจัดแคมเปญครั้งนี้ก็จัดขึ้นเร็วกว่าทุกปี เพราะต้องการให้กำลังซื้อกลับมาเร็ว" นายประเวศวุฒิ ไรวา กรรมการบริหาร บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) อธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น

การลุกขึ้นมาแจกทองของเอสแอนด์พี ดูจะเป็นตัวสะท้อนภาพกำลังซื้อของผู้บริโภคในตลาดได้อย่างดี นอกจากนั้น การแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารปัจจุบันที่รุนแรงมากขึ้นก็ถือเป็นตัวบีบให้ทุกค่ายต้องหันกลับมาปฏิวัติตัวเองมากขึ้น

"ภาวะตลาดปีนี้ไม่ดี ต้นทุนทุกอย่างขึ้น กำลังซื้อมีปัญหา ทุกค่ายต้องเผชิญกับปัญหานี้ ตอนนี้ทุกค่ายในวงการธุรกิจอาหารต่างจัดแคมเปญกันหมด อย่างเอ็มเคก็ทำ ตอนนี้หากเราไม่ทำอะไรคงไม่ได้" วิทูร ศิลาอ่อน ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทเอส แอนด์ พี ระบุ

ปกติค่ายที่ถือว่ามีกิจกรรมในลักษณะนี้ออกมาเป็นประจำเกือบทุกปี คือเจ้าตลาดสุกี้ "เอ็มเค" ที่ล่าสุดได้ลอนช์แคมเปญ "มื้อนี้...มีลุ้นกับ MK" โดยลูกค้าที่ทานครบทุก 500 บาท จะได้รับคูปอง 1 ใบ สามารถนำมาใช้เป็นส่วนลด รวมถึงส่งชิงโชคเพื่อลุ้นโชค 2 ชั้น

"วิทูร" มองว่า แต่ละปีสถานการณ์เปลี่ยนไป การจัดกิจกรรมต่างๆ ก็เปลี่ยนไป ต้องประเมินว่าสถานการณ์แบบนี้ต้องจัดกิจกรรมใดถึงจะได้ผล

"ถามว่าเสียภาพลักษณ์ไหม ผมว่าถ้าลดราคาจะเสียภาพลักษณ์มากกว่า เราก็ไม่รู้ว่าแคมเปญลักษณะนี้จะได้ผลหรือไม่ แต่ก็อยากทดลองดู"

จากแผนที่เปลี่ยนไป ยังส่งผลถึงบริหารงบฯการตลาดในปีหน้าด้วย

ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทเอส แอนด์ พี ชี้ว่า การบริหารงบฯในปีหน้าต้องให้เกิดการบาลานซ์ โดยโยกงบฯที่เน้นทำโปรโมชั่นลดราคา เปลี่ยนมาใช้กับการทำตลาดในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติม ทั้งการโฆษณาทางโทรทัศน์ การปรับปรุงร้าน เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในแบรนด์มากขึ้น

"ระยะยาวร้านอาหารไม่สร้างแบรนด์จะอยู่ลำบากอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นแผนของเราอยู่แล้วในปีหน้า เพื่อรักษาฐานลูกค้าที่มีอยู่ไว้ให้ได้ แต่จากกำลังซื้อที่ลดลง จึงเป็นเหมือนตัวเร่งให้ต้องกลับมาเน้นเรื่องแบรนด์ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม รวมถึงปรับปรุงร้านให้เร็วขึ้นกว่าเดิมด้วย"

อย่างไรก็ตาม นอกจากหันมาปรับปรุงตัวเองแล้ว สิ่งสำคัญที่ธุรกิจร้านอาหาร ต้องคำนึงถึงอีกประการคือ การรักษาฐานลูกค้าที่มีอยู่ไว้ให้ได้ ซึ่งกลยุทธ์หนึ่งที่แต่ละแบรนด์นำมาใช้คือ CRM

แบรนด์ที่ลุกขึ้นมาทำเรื่องนี้อย่างจริงจังคือ "บ้านใร่กาแฟ" ที่แม้จะเงียบหายไปพอสมควร แต่แบรนด์ดังกล่าวก็ถือว่ามีลูกค้าอยู่ในมือพอสมควร

"เราจะกลับมาที่การบริการ และรักษาฐานลูกค้าที่มีอยู่มากขึ้น" รุ่งเรือง น้ำคำ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ธุรกิจ บริษัท ออกแบบไร่นา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

ล่าสุดบ้านใร่กาแฟได้ประกาศรับสมัครสมาชิก โดยค่าสมัครบัตรสมาชิกอยู่ที่ราคา 490 บาท ซึ่งลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมถึงส่วนลดจากสถานบริการที่ร่วมโครงการกับบ้านใร่กาแฟ

การลุกขึ้นมาขยับตัวของบ้านใร่กาแฟครั้งนี้ สะท้อนถึงภาพของธุรกิจที่แข่งขันอย่างรุนแรงได้เป็นอย่างดี

ก่อนหน้านี้ "โออิชิ" ก็ลงมือปฏิวัติแบรนด์ทุก แบรนด์ที่มีอยู่ในมือถึง 8 แบรนด์ เพื่อเตรียมรุกครั้งใหญ่ในปีหน้า นอกจากนี้ ยังเตรียมทำ Co-brand ด้วยการจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ด เพื่อให้สิทธิพิเศษกับลูกค้าของโออิชิอีกด้วย

"เราต้องการให้ value กับลูกค้ามากขึ้น เป็นกลยุทธ์ CRM ทำให้สร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี" นายไพศาล อ่าวสถาพร ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ระบุ

โจทย์สำคัญของธุรกิจในวันนี้ จึงเป็นการกลับมาที่จุดแข็งของแบรนด์ตัวเอง เพื่อรักษาฐานลูกค้าที่มีอยู่เอาไว้ให้ได้ ก่อนที่จะขยายรุกสู่ลูกค้าในกลุ่มใหม่ๆ

ใครสามารถปรับตัวได้ก่อนคนนั้นก็จะได้เปรียบ
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch