เอาแบบซื่อๆเลยครับ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว เดือนละแสนห้า

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
contona
Verified User
โพสต์: 2
ผู้ติดตาม: 0

เอาแบบซื่อๆเลยครับ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว เดือนละแสนห้า

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สวัสดีครับ มือใหม่ครับ
แต่ได้ติดตาม เสาะหาความรู้จากทั่งที่นี่และหนังสือ ตามเวปบอร์ดมาพอสมควร
ผมเปิดพอต ได้ ปีกว่าๆ ตั้งแต่เซท ย่อไป 900 กว่า แต่ก็ยังไม่เข้า
เพิ่งจะเข้าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง ด้วยเงินทุน 5 แสนบาท (ก็หุ้นเจ้าสัว กับหุ้น นายก
)
คือเช่นนี้ครับ อยากขอคำปรึกษา
ตอนนี้อายุ 33 ปี มีรถ 2 คัน มีบ้าน 1 หลัง ภรรยา 1 คน ไม่มีบุตร
รายได้คงตัว คือ ห้องแถว จำนวน 10 ห้อง ตกเดือนละ 2 หมื่นบาท
กับงานประจำเงินเดือน 150,000 บาท หักค่าใช้จ่ายแล้ว
คือเรียนมาน้อย โชคดีที่ได้งานดีเงินเดือนสูง
แต่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องลงทุน

เมื่อก่อนยังลังเล ลงทุนในหุ้น เพราะมีภาระ ห้องแถว กับรถ บ้าน ที่ต้องผ่อนชำระ
ตอนนี้ ทุกอย่างผ่อนหมดแล้วเลยมีความมั่นใจจะ มาลงทุนในด้านนี้
งานที่ผมทำอยู่ตอนนี้รายได้สูงก็จริง แต่ความมั่นคงต่ำมากซึ่งผม คิดว่าไม่เกิน 5 ปี น่าจะถดถอย หรือถึงกับปิดตัว
ผมมีความตั้งใจ จะเอาเงินมาลงทุนในหุ้นทุกเดือน จำนวน 1 แสนบาท ถือยาวๆน่ะครับ อีก 5 หมื่น จะฝากประจำไว้ รายได้จากห้องแถว ก็ให้ภรรยาเก็บไว้(เค้ามีรายได้ของเค้าเดือนละ 3 หมื่นกว่าเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้านต่างๆ)

เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คิดว่าผมทำถูกไหมครับ
1 มีความเสี่ยงอะไร ที่อยากเตือนไหมครับ
2 ภายใน 5 ปี ผมมีสิทธิทำให้พอต โต ซัก 8 ล้านไหมครับ( คือกะว่าแค่นี้คงพอแล้ว)
3 ในระยะเวลา 5 ปีนี้ คิดว่า ควรเข้าไปถือหุ้นกลุ่มใดดีครับ ไม่ต้องบอกชื่อก็ได้ครับ
4 อันสุดท้ายคำว่า อิสรภาพทางการเงิน มันมีอยู่จริงไหมครับ


ขอบคุณทุกท่านครับ
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 86

Re: เอาแบบซื่อๆเลยครับ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว เดือนละแสนห้า

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ความเสี่ยงที่มากที่สุดก็คือ ความไม่รู้ ครับ และจะเสี่ยงมากสุดๆ ถ้าเราคิดว่าเรารู้แล้ว

ผมไม่แน่ใจว่าคุณมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการลงทุนอย่างน้อยแค่ไหน

อีกทั้งปัจจัยสำคัญอีกประการก็คือ ประสบการณ์การลงทุนจริง

แต่จากเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ที่ 5 ปี พอร์ตมูลค่า 8 ล้านบาท โดยจะลงทุนเดือนละ 100,000 บาท 60 เดือนก็ 6 ล้านบาทแล้ว ไม่ยากเกินไปครับ

พยายามยึดกฎของ Buffett ไว้ครับ

กฎข้อที่หนึ่ง อย่าขาดทุน

กฎข้อที่สอง ยึดมั่นในกฎข้อแรกไว้

หมายถึง เราควรมองด้านร้ายไว้ก่อนครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
teerasak.moo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 144
ผู้ติดตาม: 1

Re: เอาแบบซื่อๆเลยครับ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว เดือนละแสนห้า

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ลองตอบดูครับ

1 มีความเสี่ยงอะไร ที่อยากเตือนไหมครับ
ความไม่รู้ คือความเสี่ยง ต้องหาความรู้เพิ่ม
2 ภายใน 5 ปี ผมมีสิทธิทำให้พอต โต ซัก 8 ล้านไหมครับ( คือกะว่าแค่นี้คงพอแล้ว)
ต้องการผลตอบแทนเท่าไรต่อปี ลอง 15%
100,000 x 12=1,200,000 x 1.15 = 1,380,000 ปีที่1
(1,380,000 + 1,200,000) x 1.15 = 2,967,000 ปีที่2
(2,967,000 + 1,200,000) x 1.15 = 4,792,050 ปีที่3
(4,792,050 + 1,200,000) x 1.15 = 6,890,857.5 ปีที่4
(6,890,857.5 + 1,200,000) x1.15 = 9,304,4860125 ปีที่5

3ในระยะเวลา 5 ปีนี้ คิดว่า ควรเข้าไปถือหุ้นกลุ่มใดดีครับ ไม่ต้องบอกชื่อก็ได้ครับ
กลุ่มไหนดี ต้องหาความรู้เพิ่มครับ ผมว่าหาหุ้นที่อยู่ใกล้ตัวและลองศึกษาเป็นตัวๆ จนกว่าจะแน่ใจ
หรือลองลงทุนในกองทุนรวมก่อน ผลตอบแทน 10% ในระยะยาวน่าจะได้

4 อันสุดท้ายคำว่า อิสรภาพทางการเงิน มันมีอยู่จริงไหมครับ
มีจริงครับ
contona
Verified User
โพสต์: 2
ผู้ติดตาม: 0

Re: เอาแบบซื่อๆเลยครับ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว เดือนละแสนห้า

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำ

เรื่องเรียนรู้ ผมพยายามแน่นอนครับ
คือทำงาน เต็มเวลารายได้ดีแต่หนักมาก 8 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม จันทร์ ถึง เสาร์ ส่วนวันอาทิตย์ก็ต้องกลับไปอยู่กับครอบครัว
อาจจะกำจัดเรื่องเวลาหน่อย ทำให้เรียนรู้ไม่ได้เต็มที่แต่ก็จะพยายามทุกครั้งที่มีเวลาเหลือ

ด้วยความเคารพ อีก 1 ปีจะ มาบอกสถาณะนะครับว่าได้ถึงเป้าแค่ไหน


ขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
todsapon
Verified User
โพสต์: 1137
ผู้ติดตาม: 0

Re: เอาแบบซื่อๆเลยครับ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว เดือนละแสนห้า

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ทำที่ตนถนัดครับ แต่ได้รายได้แน่นอนเดือนละ 20,000 บาท ยังไม่พออีกหรือครับ ก็อาจจะไม่พอจริง ๆ ลองมีลูกสิค่าใช้จ่ายตามกว่านี้อีก ในเมื่อทำห้องแถวแล้วประสบความสำเร็จก็ทำต่อสิครับ หรืออยากระจายมาหุ้นบ้าง ตอนนี้หุ้นโดยส่วนใหญ๋จะแพง(แต่ไม่ใช่ทั้งหมด) ถ้าลงทุนในหุ้น ลงในสิ่งที่ตนถนัดครับ ถนัดวิเคราะห์ธุรกิจอะไรก็ลงทุนทางนั้น
ผลตอบแทน 15% ต่อปีก็พอ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
syj
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4256
ผู้ติดตาม: 6

Re: เอาแบบซื่อๆเลยครับ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว เดือนละแสนห้า

โพสต์ที่ 6

โพสต์

รายได้สูง แอบอิจฉาครับ.

แต่ดูลักษณะงานตอนนี้ คงไม่มีเวลาศึกษาติดตามมากนัก
ผมว่าลองดู กองทุนส่วนบุคคลที่ลงทุนแนว VI ก็ได้นะครับ
เมื่อจบงานแล้ว มีเวลาศึกษามากขึ้นค่อย ลงทุนเต็มตัว...
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
MindTrick
Verified User
โพสต์: 1288
ผู้ติดตาม: 0

Re: เอาแบบซื่อๆเลยครับ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว เดือนละแสนห้า

โพสต์ที่ 7

โพสต์

todsapon เขียน:ทำที่ตนถนัดครับ แต่ได้รายได้แน่นอนเดือนละ 20,000 บาท ยังไม่พออีกหรือครับ ก็อาจจะไม่พอจริง ๆ ลองมีลูกสิค่าใช้จ่ายตามกว่านี้อีก ในเมื่อทำห้องแถวแล้วประสบความสำเร็จก็ทำต่อสิครับ หรืออยากระจายมาหุ้นบ้าง ตอนนี้หุ้นโดยส่วนใหญ๋จะแพง(แต่ไม่ใช่ทั้งหมด) ถ้าลงทุนในหุ้น ลงในสิ่งที่ตนถนัดครับ ถนัดวิเคราะห์ธุรกิจอะไรก็ลงทุนทางนั้น
อันนี้จริงครับ

ทำที่ถนัด ถามตัวเองว่า เราเก่งกว่าคู่แข่งไหม ถ้า ตอบได้เป็นหลายๆข้อ ก็เข้าเค้า ....ถามอีกทีว่า จริงไหม ลำเีอียงเข้าข้างตัวเองฟรือเปล่า ...ถ้้าคำตอบเป็นบวก ...ไปต่อได้แล้ว

มีเงินเก็บได้เดือนละแสน ก็น่าสนว่า ทำหอพักต่อ กู้เพิ่มก็ได้ เอาของเก่าไปค้ำ เก่งจริง หาทำเลเก่ง บริหาร ค่าใช้จ่ายเก่ง ก็เป็นอิสรภาพได้สบายๆ

เดามั่ว ว่าไม่ชอบเป็นหนี้ เลยอยากมาลงหุ้น
..
...
การคำนวณจากท่าน teerasak.moo นั้นน่าสนใจมาก..เป็นไปได้จริง... อยากให้ระวังนิดนึงคับ ชีวิตจริง เงินคุณไม่ได้ซื้อหุ้นได้ตลอด หลายเดือนหุ้นราคาแพง มีถือเงินสดบ่อยๆ ซึ่งส่วนนั้นไม่ได้กำไรนะคับ

....บอกคำเดียวคับ "ซื้อให้ยาก" รอมันลดราคาถูกๆ ถ้ามันไม่ลดกระหน่ำกว่าราคาแท้จริง อย่าซื้อ!

....ตอนนี้ รู้หรือเปล่า ว่าคุณไม่รู้อะไรบ้าง..ลองนึกนะคับ...1..2..3..4..5...
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
navapon
Verified User
โพสต์: 760
ผู้ติดตาม: 0

Re: เอาแบบซื่อๆเลยครับ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว เดือนละแสนห้า

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ศึกษาหาความรู้มากๆก่อนครับสำหรับมือใหม่
ที่คุณคิดมีโอกาสทำได้จริงครับ แต่ก็ไม่ง่ายนัก

ผมมีความตั้งใจ จะเอาเงินมาลงทุนในหุ้นทุกเดือน จำนวน 1 แสนบาท
ประโยคนี้ ผมไม่เห็นด้วยครับ ผมว่ามือใหม่ซักเดือนละ 50,000 ไปก่อน ดีกว่าไหมครับ ต้องคิดเผื่อพลาดไว้ด้วย รอจังหวะดีๆแล้วค่อยซัดไม้ใหญ่ทีเดียวดีกว่า

ว่าแต่ ถ้าหาหุ้นได้"ทุกเดือน"นี่ ฝีมือไม่ธรรมดาแล้วนะครับ ผมยังหาไม่ได้เลย :D :D :D
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
untrataro25
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1053
ผู้ติดตาม: 40

Re: เอาแบบซื่อๆเลยครับ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว เดือนละแสนห้า

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เข้ามาระยะแรกนี่สำคัญที่สุดคือ รักษาเงินต้น ไว้ให้ได้ครับ
"เพราะเรียบง่าย จึงชนะ"
noknusara
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 29
ผู้ติดตาม: 1

Re: เอาแบบซื่อๆเลยครับ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว เดือนละแสนห้า

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอเสนออีกแนวทางหนึ่ง
นำเงินส่วนหนึ่งมาลงทุนในโปรแกรมออมหุ้น
มี 2 หลักทรัพย์ที่ให้บริการอยู่
สามารถอ่านแนวคิดการลงทุนโดยการออมหุ้นของคุณสุมาอี้ 7thLTG ได้ใน dekisugi.net
birthboro
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 458
ผู้ติดตาม: 1

Re: เอาแบบซื่อๆเลยครับ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว เดือนละแสนห้า

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ลองวางแผนการเงินระยะยาวก่อนครับ ว่าชีวิตต้องการอะไรกันแน่
หุ้นนี่มีเงินก็ซื้อได้ครับ กำไรระยะสั้นๆดวงดีก็ได้ทุกคนครับ
แต่ถ้าจะเป็นการลงทุนเพื่อชีวิตระยะยาว ได้ผลตอบแทนสม่ำเสมอต้องการความรู้อย่างมากนะครับ

สรุป วางแผนการเงินระยะยาวกับนักวางแผนการเงินที่มีความรู้ จัดพอร์ตฟอลิโอการลงทุน(ไม่จำเป็นต้องหุ้นอย่างเดียว) ลงทุนตามแผนนั้น ถ้าไม่มีเวลาศึกษาก็ฝากให้คนอื่นจัดการให้(กองทุน) ขอให้โชคดีครับ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
crazyrisk
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 4562
ผู้ติดตาม: 40

Re: เอาแบบซื่อๆเลยครับ รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว เดือนละแสนห้า

โพสต์ที่ 12

โพสต์

contona เขียน: แต่ก็ยังไม่เข้า
เพิ่งจะเข้าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง ด้วยเงินทุน 5 แสนบาท (ก็หุ้นเจ้าสัว กับหุ้น นายก
)
คือเช่นนี้ครับ อยากขอคำปรึกษา
ตอนนี้อายุ 33 ปี มีรถ 2 คัน มีบ้าน 1 หลัง ภรรยา 1 คน ไม่มีบุตร
รายได้คงตัว คือ ห้องแถว จำนวน 10 ห้อง ตกเดือนละ 2 หมื่นบาท
กับงานประจำเงินเดือน 150,000 บาท หักค่าใช้จ่ายแล้ว
คือเรียนมาน้อย โชคดีที่ได้งานดีเงินเดือนสูง
แต่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องลงทุน

ผมมีความตั้งใจ จะเอา
เงินมาลงทุนในหุ้นทุกเดือน จำนวน 1 แสนบาท ถือยาวๆน่ะครับ อีก 5 หมื่น จะฝากประจำไว้ รายได้จากห้องแถว ก็ให้ภรรยาเก็บไว้(เค้ามีรายได้ของเค้าเดือนละ 3 หมื่นกว่าเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้านต่างๆ)



เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คิดว่าผมทำถูกไหมครับ
1 มีความเสี่ยงอะไร ที่อยากเตือนไหมครับ
2 ภายใน 5 ปี ผมมีสิทธิทำให้พอต โต ซัก 8 ล้านไหมครับ( คือกะว่าแค่นี้คงพอแล้ว)
3 ในระยะเวลา 5 ปีนี้ คิดว่า ควรเข้าไปถือหุ้นกลุ่มใดดีครับ ไม่ต้องบอกชื่อก็ได้ครับ
4 อันสุดท้ายคำว่า อิสรภาพทางการเงิน มันมีอยู่จริงไหมครับ


ขอบคุณทุกท่านครับ
ที่ผมสงสัยก็คือว่า asset ที่คุณมี ผมว่า รวมๆกันแล้ว มันน่าจะ 8 ล้านแล้วมังครับ
ประเด็นก็คือว่า จากรายได้ที่คุณบอกมา
มันเลยงงๆ ว่า จริงๆ การไปถึงเป้าที่คุณว่ามา จากรายได้หลัก
เผลอๆ ไม่ต้องลงทุนเลยด้วยซ้ำ



ผมว่า คนเริ่มต้นเล่นหุ้น มักมองเป้า เป็นตัวเลข เป็นสำคัญ
เช่น อยากได้ เท่า กับ เซียนคนนั้น เซียนคนนี้
ยิ่ง มีหนังสือ มีสัมภาษณ์บอกว่า คนนี้เริ่มต้นจาก ไม่กี่แสน กลายเป็น หลายร้อยล้าน

ผมว่า บางครั้งต้องระวังข้อมูลพวกนี้ให้ดีครับ
หลายครั้ง มันเป็นข้อมูลที่บิดเบือนอะไรบางอย่างไป


ผมว่า เริ่มต้นอันดับแรก คือ คิดว่า อิสรภาพทางการเงินของคุณคืออะไร
ถ้าเอาตามสูตร ของ richdad คือ passive income = ค่าใช้จ่ายทั้งหมด

แล้วยิ่งคุณมี passive เริ่มต้นที่ 20000 จาก ค่าเช่าแล้ว ยิ่งหวานเลยครับ

สมมติว่า รายจ่ายคุณเดือนละ 50000 บาท ก็เอา 50000*12 ตั้ง แล้วคิดเทียบไปว่า ในปีนึงมีรายจ่าย 600000
ควรจะเป็นดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนจากการลงทุนจากเงินเท่าไหร่

เช่น หากผลตอบแทน 600000 ต้องมีเงินต้นจาการลงทุนเท่ากับ x บาท
แล้วหากเงินต้น 100 บาท ต้องทำ yield ให้ได้กี่ %

ลองยกตัวอย่าง

yield 20% คุณต้องมีเงินต้น 3000000 เพื่อให้ได้ เงิน 6 แสนต่อปี
(แต่ yield บัฟเฟต ยัง average ที่ 25-40 เองนะครับ)

yield 10% เคยมีคนทำการศึกษาว่า นักลงทุนมือฉมังส่วนใหญ่ก็ได้ return ประมาณนี้
ก็ต้องมีเงินเริ่มต้น 6 ล้านบาท

นี่คือ หัวข้อ ของคำว่า อิสรภาพทางการเงินครับ



ส่วนอีกประเด็นคือ ทำอย่างไรให้ได้เงิน 8 ล้าน
ให้ใช้กฎ 72 ครับ กฎนี้ ง่ายมาก และ ใช้ได้เสมอๆ
คือ เอาผลตอบแทนทบต้น มาประเมินว่า จะคืนทุนในกี่ปี

สมมติ ว่า ลงทุน 100000 *12 ปีนึง มีเงิน 1.2 ล้าน

ถ้าลงทุนได้ yield 10% แปลว่า 72/10 = 7.2 ปี คุณจะได้เงิน 1 เท่า
ถ้าลงทุนได้ yield 15% แปลว่า 72/15 = 6 ปีกว่าๆ คุณจะได้เงิน 1 เท่า

ทีนี้ ก็แล้วแต่ว่า คุณพึงพอใจ yield แค่ไหน
ลองเอาตัวเลขไปทบต้นดู ก็จะพบว่า จะถึงเป้าหมายเมื่อไหร่


แต่จริงๆแล้ว การเอาตัวเลขพวกนี้ มากำหนดเป้าหมายการลงทุนนั้น
จะทำให้ชีวิตคุณเหนื่อยมากขึ้น
เพราะอย่าลืมว่า หากเราลงทุนแล้วไม่ศึกษาให้ดีพอ
เงินเริ่มต้น 1 แสน ลดไป 50% เหลือ 5 หมื่น
แต่กว่าจะกลับคืนมา ต้องลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 100% เลยนะครับ

ในไทยวีไอ ส่วนใหญ่ ผมถามคนเก่งๆหลายคน ไม่ได้หวังว่า
ปีนี้ ต้องได้ yield เท่านั้นเท่านี้ แต่เน้นดูที่คุณค่าของกิจการที่เขาลงทุน
ว่ามีโอกาสในการโต ไปอีกขนาดไหน
แล้วก็ถือไปเรื่อยๆตราบเท่าที่ บริษัทยังคงเดินไปในแนวทางที่เราคิดไว้


ผมว่า หากเงินเริ่มต้น แสนนึงจริงๆ
ใช้เวลา สัก 1 ปี แล้วเรียนรู้การลงทุนให้ดีๆก่อน
อาจจะลองผิดลองถูกไปก่อน ศึกษาหาแนวทางลงทุนที่เหมาะกับตัวเอง

น่าจะดีกว่าครับ
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
โพสต์โพสต์