มีใครคิดเหมือนผมเปล่าว่าการลงทุนแบบ VI นั้นยาก

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
KGYF
Verified User
โพสต์: 399
ผู้ติดตาม: 0

Re: มีใครคิดเหมือนผมเปล่าว่าการลงทุนแบบ VI นั้นยาก

โพสต์ที่ 61

โพสต์

boy2t เขียน:5 ปีแล้วสินะ 4% ต่อปีเอง ดีนะยังไม่ขาดทุน สงสัยต้องศึกษาเพิ่มเติม เพื่อจะพัฒนาตัวเองไปได้ดีกว่านี้



ผมว่าพี่ลองฝึกจิต ให้นิ่งกว่านี่ก่อนดีกว่านะครับ


:bow: :bow: :bow:
" สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ = การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง "

" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
Teerasak Boonrat
Verified User
โพสต์: 42
ผู้ติดตาม: 0

Re: มีใครคิดเหมือนผมเปล่าว่าการลงทุนแบบ VI นั้นยาก

โพสต์ที่ 62

โพสต์

ผมลงทุนในแนว VI มาตลอด ไม่ได้ศึกษาวิธีการลงทุนแบบอื่นเพื่อมาเปรียบเทียบ
แต่ผมเห็นว่าแนว VI นั้นไม่ยาก พอที่จะเรียนรู้ได้ หาความรู้มากๆ เลือกบริษัทที่ผู้บริหาร
มีคุณธรรม ผลประกอบการในอดีตดี งบการเงินดี PE ไม่สูง พยายามหาให้พบถึงโอกาส
ที่กิจการจะเติบโด ที่เหลือคือคอยครับ

ถ้าเรายังใหม่ต่อการลงทุนอยู่ควรจะลงแต่น้อยในกิจการที่เราคุ้นเคยมากที่สุด เช่น ถ้าเรา
ทำงานเกี่ยวกับธนาคารอยู่ก็น่าจะเลือกธนาคารที่ดีมาได้สัก 1 - 2 ธนาคาร พอคุ้นเคยแล้ว
หรือมีประสบการณ์แล้วค่อยขยายไปที่อุตสาหกรรมอื่น

ผมเคยถือหุ้นสูงประมาณ 10 - 11 บริษัท ส่วนใหญ่มีกำไรครับ แต่มีบางตัวขาดทุน แต่โดยรวม
แล้วได้กำไรครับ ถ้าเราคาดหวังประมาณ 10% - 15% เป็นไปได้ครับ เมื่อผมมีประสบการณ์
มากขึ้นถือเพียง 3 - 5 ตัว พบว่าได้กำไรมากขึ้นครับ

สำคัญคือจิตใจต้องหนักแน่น ผมเองเคยเผลอไปเก็งกำไรอยู่บ้างแต่ไม่เคยประสบความ
สำเร็จแถมนอนไม่ค่อยหลับด้วยครับ
ซากคน
Verified User
โพสต์: 1400
ผู้ติดตาม: 0

Re: มีใครคิดเหมือนผมเปล่าว่าการลงทุนแบบ VI นั้นยาก

โพสต์ที่ 63

โพสต์

สิ่งนึง ที่ทำให้ การลงเงิน ลงแรงกายใจ ไม่เป็นการลงทุนอีกต่อไป
ไม่ว่าจะเป็นวีไอหรือไม่ก็ตาม

คือ ความคาดหวังที่สูงของคนๆนั้นเอง เอาสั้นๆนะครับ ได้แก่

ความคาดหวังว่า ราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นไปในระยะเวลาที่คาดไว้
ความคาดหวังว่า ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นไปคิดเป็น % ที่สูงกว่าผลประกอบการ
ความคาดหวังว่า เจ้าของบริษัทให้ความสนใจกับหุ้นตัวเอง มากพอๆกับงานที่ทำ
ฯลฯ

หากใจของเราเป็นดังนี้แล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรมากไปกว่า พัฒนาความสามารถ
ที่ทำให้เราได้ในสิ่งที่เราต้องการ ในขณะเดียวกัน ก็หมั่นสังเกตจุดบกพร่องที่เกิดขึ้นในแนวทางที่เราใช้ แล้วแก้ไขทันที อย่าให้ลุกลามจนพอร์ตเสียหายเกินไป

สรุปง่ายๆ นะครับ คุณจะเป็นอะไร ก็เป็นไป แต่ความพอใจในผลงาน เป็นน้ำหล่อเลี้ยงให้คุณมีกำลังใจเดินบนเส้นทางนี้ไปได้อีกยาวนานครับ เมื่อไม่พอใจ ก็จงเชื่อความรู้สึกตัวเอง หาทางปรับปรุง แก้ไข จนกว่าจะพอใจครับ

ซากขอเป็นกำลังใจให้ในฐานะซากเองก็ยังล้มเหลวบนเส้นทางนี้ครับ
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง