โพสต์ยอดนิยม

รับจองมีตติ้งวีไอภาคใต้ ไตรมาส 3/2568

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
Buoyant
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 918
ผู้ติดตาม: 79

Re: PM

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Screenshot 2025-11-07 083807.png
โควท
A613738

Re: AU

โพสต์ที่ 2

โพสต์

Red_Duck เขียน:
พฤหัสฯ. พ.ย. 06, 2025 12:05 pm
แค่ shelf position ก็แพ้เจ้าอื่นแล้วครับ ตะกี้ผมกวาดตามองสักพักเลยกว่าจะเจอว่าอยู่ตรงไหน มันเนียนพอสมควร แต่อาจจะเพราะยอดขายยังไม่เยอะเลยทำให้ยังไม่ได้ตำแหน่งวางในระดับสายตาก็ได้ครับ
เหมือนที่เซเว่นหลายสาขาชาสูตร Original จะหายไปแล้วครับ ไม่รู้ว่าของขาดหรือขายไม่ค่อยดี
โควท
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2050
ผู้ติดตาม: 465

ตลาดหุ้นโลกถูกครอบงำโดยหุ้นยักษ์ 10 ตัว/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ในช่วง 2-3 ปีมานี้  ตลาดหุ้นอเมริกาโดยเฉพาะ NASDAQ มีการปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ  อย่างต่อเนื่อง  แต่สิ่งที่โดดเด่นและเห็นได้ชัดกว่าก็คือ  หุ้นเทคโนโลยีโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับ AI ที่เป็นผู้นำและมีขนาดใหญ่จำนวนประมาณ 7-10 ตัวที่นักลงทุนเรียกว่า “หุ้น 7 นางฟ้า” มีการปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าดัชนีและหุ้นอื่น ๆ  มาก

การปรับตัวขึ้นต่อเนื่องยาวนานโดยที่มีช่วงปรับตัวลงน้อยกว่ามากนั้น  ทำให้หุ้นดังกล่าวมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ  เมื่อเทียบกับหุ้นอื่น  จนถึงนาทีนี้เราคงต้องเรียกว่าเป็น  “หุ้นยักษ์” ที่มีมูลค่าตลาดของหุ้นสูงมาก  หุ้นตัวใหญ่ที่สุดคือ NVIDIA นั้นมีมูลค่าถึงกว่า 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับ 162.5 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 10 เท่าของ Market Cap. ของมูลค่าหุ้นทั้งหมด 7-800 ตัวของตลาดหุ้นไทย

และถ้าเปรียบบริษัทเหมือนกับประเทศ ๆ หนึ่งในโลกที่ผลิตสินค้าและบริการให้กับโลก  หุ้น NVIDIA ก็ใหญ่ขนาดที่เรียกว่าใหญ่กว่าทุกประเทศในโลกยกเว้นสหรัฐและจีนในแง่ของ GDP พูดง่าย ๆ  Market Cap. ของเอนวิเดียใหญ่กว่า GDP ของประเทศเยอรมันที่มีขนาดเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลกที่ประมาณ 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเช่นเดียวกัน



“หุ้นยักษ์” ที่เป็นหุ้นใหญ่ที่สุด 10 ตัวในดัชนี S&P 500   ที่ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเทคทางด้าน AI กลุ่ม 7 นางฟ้าซึ่งประกอบไปด้วยหุ้นเอนวิเดีย  หุ้นแอปเปิล ไมโครซอฟท์ กูเกิล อะมาซอน บรอดคอม เมตา  เทสลา เบิร์กไชร์ และเจพีมอร์แกน มี Market Cap. รวมกันประมาณ 25.7 ล้านล้านเหรียญนับที่วันสิ้นเดือนตุลาคม 2025 เมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดของหุ้นในดัชนี S&P ที่61 ล้านล้านเหรียญ  ก็เท่ากับว่าหุ้นใหญ่ที่สุด 10 ตัวรวมกันมีมูลค่าเท่ากับ 42.2% ของหุ้นทั้งตลาด  และหุ้น เอนวิเดียที่เป็นหุ้นตัวใหญ่ที่สุดเพียงตัวเดียวก็มีมูลค่าประมาณ 8.2% ในดัชนี S&P 500 แล้ว

พูดอย่างหยาบ ๆ  ก็คือ  หุ้นตัวใหญ่ที่สุดในตลาด 10 ตัวนั้น  ได้ “Dominate” หรือ “ครอบงำ” ตลาด S&P500  ซึ่งเป็นตัวแทนประเทศสหรัฐอเมริกาไปแล้ว  คือหุ้นอเมริกาจะขึ้นหรือลงก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มหุ้น 10 ตัวนี้ เป็นหลัก  ตลาดหุ้นจะบูมหนักหรือเกิดวิกฤติในอนาคต  ก็ขึ้นอยู่กับ “หุ้นนางฟ้า” เหล่านี้  และประเทศสหรัฐจะแพ้หรือชนะจีนในการต่อสู้แข่งขัน  ก็ขึ้นอยู่กับผลงานของหุ้นกลุ่มนี้

นักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญต่างก็เชื่อกันว่า  อนาคตของสหรัฐก็คือ  การเติบโตของสินค้าบริการที่นำโดย AI  ที่แทบจะ  “กินรวบ” กิจกรรมทางเศรษฐกิจเกือบทั้งหมด  เพราะถ้ามองจากสัดส่วนของ Market Cap. ที่สูงถึง 42.2% นั้นก็อาจจะแปลว่า  ในอนาคต  คนก็จะใช้หรือทำอะไรเกี่ยวกับ AI มากมายในชีวิตประจำวัน  รายจ่ายต่าง ๆ  ที่จ่ายไปก็อาจจะจ่ายให้กับ AI เกือบครึ่งหนึ่งของรายจ่ายทั้งหมด  โลกกำลังเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

แต่หลายคนก็อาจจะคิดว่า  จริงหรือ?  จำนวนไม่น้อยก็อาจจะคิดว่า  “คิดเวอร์กันไปเอง” โลกยังไปไม่ถึงจุดนั้น  จริงอยู่  AI นั้นมีความสำคัญสุดยอด  การปฎิวัติ AI กำลังเกิดขึ้นก็จริง  แต่มันคงต้องใช้เวลาอีกนานมากกว่าที่มันจะมาทำงานแทนคนมากเสียจนคนเริ่มไร้ความหมายและตกงานกันไปหมด  สิ่งที่เกิดขึ้นจริงตอนนี้กับหุ้นก็คือ  การเก็งกำไรอย่างบ้าคลั่งที่ดันให้ราคาหุ้นขึ้นไปแบบหลุดโลกและไม่ช้าหุ้นก็อาจจะปรับตัวลงอย่างแรงจนอาจจะเกิดหายนะได้

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร  ดูเหมือนคนจะคิดกันว่า  ตลาดหุ้นอเมริกากำลัง “กระจุกตัว” มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์  อานิสงค์จากการที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี AI ขนาดใหญ่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบจะ “กลืนกิน” ธุรกิจรุ่นเก่าที่แทบจะไม่โตอีกต่อไปแล้ว

แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น  ตลาดหุ้นอื่น ๆ  ในโลกก็คงไม่เหมือนอเมริกา  เพราะประเทศอื่นส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้มีหุ้นเทค AI ที่ยิ่งใหญ่เท่า  ไม่ต้องพูดถึงตลาดหุ้นไทยที่เราเป็น  “เศรษฐกิจเก่า” ดังนั้น  หุ้นไทยก็คง “ไม่กระจุกตัว” และหุ้นตัวใหญ่ที่สุดก็คงไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับตลาด  จริงไหม?  ลองมาดูกัน



ตลาดหุ้นไทย ณ.ประมาณสิ้นเดือนตุลาคม 2568 มี Market Cap. ประมาณ 16.8 ล้านล้านบาท  หุ้นใหญ่ที่สุด 10 ตัวมีมูลค่าตลาดรวมกันประมาณ 7.8 ล้านล้านบาท  คิดแล้วเท่ากับ 46.3% ซึ่งสูงกว่าตลาด S&P 500 ที่อยู่ที่ 42.2% น่าตกใจใช่ไหมครับ  และหุ้นใหญ่ที่สุดตัวเดียวคือหุ้นเดลต้ามี Market Cap. 2.73 ล้านล้านบาทหรือเท่ากับ 16.2% เทียบกับหุ้นเอนวิเดียที่ 8.2% งงไหมครับ?  ที่ตลาดหุ้นไทยนั้น  หุ้นยักษ์ 10 ตัวก็ครอบงำตลาดหุ้นไทย  และครอบงำมากกว่าตลาดหุ้นอเมริกาด้วยซ้ำ

ลองมาดูตลาดหุ้นเวียตนามที่คนไทยไปลงทุนกันมาก  “อัตราการครอบงำ” ของหุ้นยักษ์ Top 10 ของเวียตนามก็คือ  หุ้นยักษ์ 10 ตัว มีมูลค่าตลาดรวมกันประมาณ 4 ล้านล้านบาท  ในขณะที่ตลาดมี Market Cap. รวมประมาณ 9.33 ล้านล้านบาท  คิดแล้วเท่ากับ 42.6%  หุ้นที่ใหญ่ที่สุดคือหุ้น VIC หรือวินกรุ๊ปมีมูลค่าประมาณ 9.5 แสนล้านบาท คิดเป็น 10.2% ของตลาดทั้งหมด  นี่ก็กระจุกตัวสูงกว่า S&P 500 เช่นเดียวกันแม้จะน้อยกว่าตลาดหุ้นไทย

มาดูตลาดหุ้นเกาหลีที่ก็มีหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่จำนวนมากแม้ว่าจะไม่ใช่ AI มากนักยกเว้นหุ้นซัมซุง  หุ้น Top 10 จำนวน 10 ตัว มี Market Cap. รวมกันเท่ากับ 1.05 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ  ในขณะที่มูลค่าหุ้นทั้งตลาดเท่ากับ 2.45 ล้านล้านดอลลาร์  ดังนั้น อัตราการกระจุกตัวของหุ้นยักษ์ก็คือ 43% สูงกว่า S&P 500 ที่ 42.2%  และหุ้นซัมซุงที่ใหญ่ที่สุดมี Market Cap. 4.54 แสนล้านดอลลาร์เท่ากับ 18.53% ของตลาดหุ้นเกาหลีทั้งหมด

ตลาดหุ้นไต้หวันนั้น  ถ้าจะพูดไปก็คล้าย ๆ  ตลาดเกาหลีในแง่ที่มีหุ้นยักษ์ AI ระดับโลกจริง ๆ  ก็คือหุ้น TSMC ที่มี Market Cap. ใหญ่มโหฬารที่ 1.52 ล้านล้านเหรียญหรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 49 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณเกือบ 3 เท่าของมูลค่าหุ้นทั้งตลาดของไทย  และคิดเป็น 58.8% ของตลาดหุ้นไต้หวันที่มีมูลค่า 2.59 ล้านล้านเหรียญ

หุ้นยักษ์ 10 ตัวของไต้หวันมี Market Cap. รวมกันเท่ากับ 2 ล้านล้านเหรียญ  ทำให้มีสัดส่วนเท่ากับ 76.8%  ของตลาดหุ้นทั้งหมด  และจึงน่าจะเป็นตลาดหุ้นที่มีอัตราการกระจุกตัวสูงที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง  ถ้าจะพูดไปก็คือ  ตลาดหุ้นไต้หวันนั้นถูกครอบงำสมบูรณ์แบบด้วยหุ้น 10 ตัว  หรือบางทีอาจจะบอกได้ด้วยว่าถูกครอบงำด้วยหุ้นตัวเดียวคือ TSMC



ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นตลาดที่น่าสนใจในแง่ที่ว่าเป็นประเทศที่มีบริษัทไฮเทคจำนวนมากแต่มักอยู่ในเทคโนโลยียุคก่อนอย่างเช่น รถยนต์สันดาป  เครื่องจักรกล  หรืออิเลคโทรนิกส์รุ่นก่อน ๆ 

หุ้นยักษ์ 10 ตัวซึ่งนำโดยโตโยต้าและหุ้นซอฟแบ้งค์ที่เป็นผู้นำทางด้านการลงทุนในธุรกิจดิจิทัลรวมถึง AI มี Market Cap. รวมกัน 1.52 ล้านล้านเหรียญ จากตลาดหุ้นทั้งหมดที่มีมูลค่าตลาดของหุ้น 5.54 ล้านล้านเหรียญ  ดังนั้น  อัตรากระจุกตัวจึงอยู่ที่ 27.4% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ  ทั้งหมดที่กล่าวมา  หุ้นโตโยต้าที่ใหญ่ที่สุดในตลาดก็มี Market Cap. เพียง2.68 แสนล้านเหรียญหรือเท่ากับ 8.71 ล้านล้านบาท  คิดเป็นแค่ 4.84% ของมูลค่ารวมของตลาดหุ้นญี่ปุ่น  ดังนั้น  จึงสรุปได้ว่า  ตลาดหุ้นญี่ปุ่นในขณะนี้  ไม่ได้มีอาการของการเก็งกำไรและการกระจุกตัวของหุ้นใหญ่แต่อย่างใด

สุดท้ายก็คือตลาดหุ้นจีนที่นักลงทุนไทยจำนวนไม่น้อยเข้าไปลงทุน  ตลาดจีนนั้นมีความซับซ้อนในแง่ที่ว่ามีตลาดหุ้นหลายแห่งรวมถึงตลาดฮ่องกงซึ่งมักจะแยกออกจากจีน  และหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงที่เป็นหุ้นเทคและหุ้นขนาดใหญ่ก็มักจะไปจดทะเบียนในตลาด  Nasdaq ด้วย  การเปรียบเทียบต่าง ๆ เรื่องของการกระจุกตัวของหุ้นจึงเป็นเรื่องยากและไม่แม่นยำ  อย่างไรก็ตาม  ผมเองพยายามจะทำและใช้ข้อมูลแบบหยาบ ๆ  เพื่อจะดูว่าตลาดหุ้นจีนนั้นเป็นอย่างไรเทียบกับตลาดอื่น ๆ  ที่กล่าวมาแล้ว

หุ้น Top10 10 ตัวที่ผมเลือกนั้นเริ่มจากตัวที่ใหญ่ที่สุดคือหุ้น Tencent ที่มี Market Cap. 5.94 แสนล้านเหรียญ ตามด้วย อาลีบาบา และหุ้นอื่น ๆ เช่นแบ้งค์ขนาดใหญ่  หุ้นให้บริการโทรศัพท์มือถือ หุ้นปิโตรไชน่าและตบท้ายด้วยหุ้นเสียวหมี่ที่อยู่อันดับ 10  ผลรวมของ Market Cap. เท่ากับ 2.79 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ  ในขณะที่ตลาดหุ้นนั้นคิดจากตลาดในแผ่นดินใหญ่จีนไม่รวมฮ่องกงมีมูลค่าตลาดที่ประมาณ 11.87 ล้านล้านเหรียญ  ทำให้อัตราการกระจุกอยู่ที่ 23.5% น้อยกว่าของตลาดญี่ปุ่นด้วยซ้ำ  ในขณะที่หุ้นตัวใหญ่ที่สุดก็มีสัดส่วนแค่ 5% ของตลาดหุ้นโดยรวม



โดยสรุปแล้ว  ตลาดหุ้นที่ดูเหมือนว่าจะมีหุ้นที่วิ่งขึ้นไปมากเทียบกับหุ้นอื่น ๆ  ในตลาดเดียวกันจนทำให้หุ้นเหล่านั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นมากมายแบบเหลือเชื่อ  และทำให้หุ้นมีการกระจุกตัวสูงในแง่ที่ว่าหุ้นแค่ 10 ตัวรวมกันมีสัดส่วนหรือมีน้ำหนักสูงมากในตลาด  เช่น  40% ขึ้นไปนั้น  คือตลาดหุ้นไต้หวัน  ตลาดหุ้นไทย  เกาหลี  เวียตนาม และอเมริกาที่มา “รั้งท้าย” ไม่ใช่อันดับ 1 อย่างที่คิด

ส่วนหุ้นที่ไม่มีอาการกระจุกตัวของหุ้นเลยน่าจะเป็นตลาดหุ้นญี่ปุ่นกับตลาดหุ้นจีน  ที่ไม่มีหุ้นที่วิ่งขึ้นรุนแรงต่อเนื่องจนกลายเป็นหุ้นยักษ์ระดับโลกและทำให้หุ้นมีการกระจุกตัวในหุ้นขนาดใหญ่เพียง 10 ตัว ที่จะกำหนดชะตากรรมของตลาดหุ้นทั้งหมด

มองอีกด้านหนึ่งก็คือ  หุ้นของตลาดที่มีการกระจุกตัวสูงอาจจะเป็นสัญญาณว่าหุ้นยักษ์ 10 ตัวนั้นโดยส่วนใหญ่แล้วราคาอาจจะแพงจัดเป็นฟองสบู่ที่อาจจะแตกได้ในเร็ววัน  เพราะราคาขึ้นมาจากการเก็งกำไรใน “อนาคต” ของบริษัทที่อิงอยู่กับธุรกิจระดับที่ปฏิวัติโลกที่อาจจะไม่จริง  หรือถึงจะจริง  แต่บริษัทเหล่านั้นก็อาจจะไม่ได้กำไรมากมายอย่างที่คิดเพราะบริษัทอาจจะพ่ายแพ้ในการแข่งขันที่ยังไม่รู้ว่าใครจะชนะ  ดังนั้น  จึงเป็นความเสี่ยงสำหรับคนที่เข้าไปลงทุนในหุ้นเหล่านั้น
โควท
A354438

Re: TACC

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ไตรมาสนี้น่าจะเป็นช่วงโลวซีซั่นของบริษัทเพราะเข้าช่วงฤดูฝน...แต่Top line และ Bottom line กลับยังสร้างการเติบโตได้ต่อเนื่องทั้ง qoq และ yoy(เรียกว่าทุกอย่างดีเกินคาดมากๆด้านผลประกอบการ) รูปภาพ
โควท
A354438

Re: TACC

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ในไตรมาสที่ 3 ปี2568 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 618.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.60% จากปี ก่อน และมี
กำไรสุทธิรวมจำนวน 89.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.98% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายสินค้าในร้าน
7-Eleven ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเติบโตของปริมาณการบริโภคในประเทศ กระแสความนิยมของเครื่องดื่มชาไทยและชา
เขียวในกลุ่มผู้บริโภคที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับ 7-Eleven และลูกค้าของกลุ่ม
บริษัทฯ อย่างไรก็ดี ต้นทุนขายรวมสูงขึ้นจากราคาของเมล็ดกาแฟที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ที่แล้ว แต่กลุ่มบริษัทฯ ก็
สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทย่อยลดลงเป็นจำนวนมากจากการหยุด
ดำเนินธุรกิจ จึงทำให้มีสัดส่วนของต้นทุนและค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
โควท
ampare
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2303
ผู้ติดตาม: 301

Re: TNP

โพสต์ที่ 6

โพสต์

งบไม่แย่นะครับ Sssg -7% แต่ยอดขายรวมถึงกำไรยัง flat ได้ บันทึกไว้หน่อยว่า SSSG ลงได้ถึง 7% โดยที่กำไรไม่ลด เป็น stress test แบบไวๆในอนาคต
สาเหตุที่ลบ 7% เพราะ q3-67 ตุนสินค้าช่วงน้ำท่วม ถ้าจำไม่ผิดช่วงนั้นจะช่วยชาวเชียงรายก็มาซื้อของไปแจกกัน
ตอนนี้จากบทวิเคราะห์กรุงศรี q4 ssg+ และเปิดใน Q4 อีก 2 สาขา ยอดขาย q4 คงโต high single หรือ mid teen ได้ ส่วน %gpm q3-68 q2-68 ก็มี improvement ขึ้นตลอด ซึ่งบริษัทก็เอาสินค้าหมวดใหม่ๆมาขายเพิ่มช่วยปรับปรุงส่วนนี้ กำไรก็น่าจะพอคาดเดากันได้นะครับ ส่วนราคาหุ้นคงต้องตามยถากรรม
โควท
Time is the friend of the wonderful company, the enemy of the mediocre.
GOOD VI
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 486
ผู้ติดตาม: 69

Re: INET

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขออนุญาตเสนอ idea ถ้าปีไหนที่ inet สามารถขาย inetreit ได้กระแสเงินสดเข้ามา แต่ไม่มีผลต่อ net profit
เป็นไปได้หรือเปล่าที่ inet จะ มี dividened payout ratio มากกว่าเดิม ให้ผู้ถือหุ้นได้อานิสงฆ์บ้างครับ เช่นจากเดิม 10% กว่า ของ payout ratio เป็น 40-50% หรืออย่างน้อยก็ตามนโยบายบริษท์ที่แจ้งกับตลาดว่าปันผลขั้นต่ำ 30% ของ NP  ซึ่งดูแล้วก็ไม่ได้เป็นเม็ดเงินมากมายอะไร 
ไม่ต้องขนาดปันผลพิเศษ เข้าใจ inet ต้องเตรียมเงินลงทุนอีกเพื่อการเติบโตในภายภาคหน้าครับ
โควท
Feudalz
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1313
ผู้ติดตาม: 411

Re: KAMART

โพสต์ที่ 8

โพสต์

มาเดินดูคอลแลคชั่น cathy doll x maeng เห็นว่าขายดีมากโดยเฉพาะตัวที่ลิซ่ากับเจนิสใช้ครับ ขายดีทั้งที่ร้านและก็ออนไลน์เลยครับ

ถามเพื่อนๆ ที่ลองใช้ทุกคนบอกคุณภาพดีมากกันหมด เรื่องนี้ถามผู้หญิงน่าจะรู้ดีกว่าผู้ชายครับ 😆

IMG_7382.jpeg
โควท
A443438

Re: NETBAY

โพสต์ที่ 9

โพสต์

1000004437.jpg
1000004440.jpg
โควท
Feudalz
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1313
ผู้ติดตาม: 411

Re: ADVICE

โพสต์ที่ 10

โพสต์

พึ่งมีข่าวว่า Nvidia จะยกเลิกการขาย RTX 50 series รุ่น Super เพราะว่าขาดแคลน RAM GDDR7 3GB ครับ ถ้าจริงเดี๋ยว GPU RTX 50 series น่าจะราคาแพงขึ้นและอาจจะขาดก็ได้ ถ้าจริงก็เรื่องใหญ่มีโอกาสคล้ายช่วงหลังโควิดเข้าไปทุกที

Screenshot 2568-11-08 at 17.14.09.png
โควท
ภาพประจำตัวสมาชิก
Takerisks
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 162
ผู้ติดตาม: 57

Re: ADVICE

โพสต์ที่ 11

โพสต์

phpBB [video]
โควท
ภาพประจำตัวสมาชิก
pop5888
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1494
ผู้ติดตาม: 823

Re: PR9

โพสต์ที่ 12

โพสต์

PR9 Q3 2568.jpg
#PR9

ไตรมาส 3/2568

ตัดรายได้อื่นๆ ออก เพื่อวิเคราะห์ธุรกิจหลัก

รายได้ 1,363 ล้านบาท +11.27% YoY

กลุ่มลูกค้าคนไทย -2.74% YoY .. 
อันนี้เหมือนกับ BH ที่รายได้จากผู้ป่วยชาวไทยลดลง 2% ไปในทิศทางเดียวกัน

กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ +76.95% YoY .. เติบโตดีมาก 
จากกลุ่มผู้ป่วยชาวตะวันออกกลางที่ยังคงเติบโตจากฐานที่ยังไม่ได้สูงมาก

กำไรขั้นต้น 498 ล้านบาท ทำจุดสูงสุดใหม่ 
ที่ อัตราการทำกำไร 36.52% ทรงตัวระดับสูง ใกล้เคียงกับ 4 ไตรมาสก่อนหน้า ... 
แต่จริงๆน่าจะทำได้ดีกว่านี้ จาก Economies of Scale 
จากปริมาณผู้มาใช้บริการที่มากขึ้น แต่ Fixed Cost เท่าเดิม 
และ กลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เติบโตมาก ที่มีอัตรากำไรที่สูงกว่า 
แต่ใน MD&A มีบอกว่ามาจากราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น 
และ บริษัทมีให้ทองคำกับพนักงานที่อยู่มานาน แต่พอยังไม่ได้ให้จริง 
เลยต้องมีการปรับมูลค่าทองคำ เลยส่งผลต่อ อัตรากำไรขั้นต้น

ค่าใช้จ่ายในการขาย 78 ล้านบาท ทำจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาส 
คิดเป็น 5.75 % เมื่อเทียบกับรายได้ ทำจุดสูงสุดใหม่เช่นกัน

ค่าใช้จ่ายในการบริหาร 191 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 4 ล้านบาท QoQ 
และ คิดเป็น 19.78% เมื่อเทียบกับรายได้ เหมือนว่าอาจจะพอควบคุมได้ 
ต้องติดตามว่าต้นทุนส่วนนี้จะหยุดเติบโตแล้วจริงๆหรือไม่ 
ถ้าควบคุมได้และรายได้ยังคงเติบโต ก็จะสามารถกดค่าใช้จ่าย SG&A to Sales ลงมาได้

SG_and_A 19.78% แม้ว่าจะลดลงจาก ไตรมาส 2/2568 เล็กน้อย 
แต่ด้วยการที่รายได้เติบโตมาก จากการที่เป็น High Season ของธุรกิจโรงพยาบาล 
และ เป็นไตรมาสที่เด็กๆชาวตะวันออกกลางปิดเทอม 
จึงทำให้พ่อแม่ ที่จำเป็นต้องเดินทางออกมารักษาเลือกออกมารักษายังต่างประเทศ 
เพราะ ไม่ต้องไปส่งลูกไปโรงเรียน 
ดังนั้นหากรายได้ลดลงจากการ Off Season ก็ต้องมาดูว่า SG&A to Sales นั้นเป็นอย่างไร

กำไรจากการดำเนินงาน 228 ล้านบาท ยังไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ 
แม้ว่ากำไรจะทำจุดสูงสุดใหม่ จากการที่ฐาน SG&A ที่สูงขึ้น

สรุป PR9 ก็ถือว่าเป็น รพ ที่มีรายได้เติบโตได้ดี 
จากการเติบโตของรายได้ที่สูงจากกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติ จนทำให้รายได้ทำจุดสูงสุดใหม่ .. 
แต่ในด้าน SG&A เป็นต้นทุนเพื่อลงทุนในการหารายได้สำหรับการขยายฐานผู้ป่วยชาวต่างชาติยังเพิ่มอยู่ 
ซึ่งหากต้นทุนในส่วนนี้ควบคุมได้ และ รายได้เติบโตจากฐานผู้ป่วยประเทศใหม่ๆ 
ก็น่าจะพอคาดหวังได้ว่า เราจะเห็นกำไรที่เติบโตในอัตราเร่ง 
เพราะ รพ. พระรามเก้ายังมีจำนวนเตียงอีกประมาณ 100 เตียง 
ที่พร้อมจะเปิดให้บริการเพื่อรองรับการเติบโต 
และ ที่สำคัญ คือ อีกกว่า 100 เตียงที่จะทยอยเปิดนี้บันทึกไปทั้งหมดแล้ว ดังนั้นต้นทุนหลักๆรับรู้ล่วงหน้าไปแล้ว 
ดังนั้นหากรายได้เติบโต และ SG&A ควบคุมได้ ก็จะเห็นการเติบโตของกำไรในอัตราเร่งสปีด

จ.บ.
โควท
โพสต์โพสต์