ศุกร์ ก.ย. 20, 2024 9:14 am
armchakorn เขียน: ↑ พฤหัสฯ. ก.ย. 19, 2024 8:27 pm
โพสต์ที่ 1570 ของกระทู้ VIH คุณ pop ได้อธิบายไว้ถึงจุดขายช่วง peak ของราคาหุ้น VIH ในรอบที่แล้ว ได้อย่างน่าเลื่อมใสในฝีมือครับ รอบนี้คุณ pop กลับมาถือหลายเดือนแล้วพอจะแชร์ได้ไหมครับ ว่าจุดขายในรอบนี้ คุณ pop มองไปที่จุดไหน เมื่อไหร่ที่สมมติฐานที่ตั้งไว้ จะเริ่มแปลกๆ ไรงี้ครับ ขอแสดงความนับถือ
ผมย้อนกลับไปเล่าถึงเหตุผลที่ผมซื้อก่อนแล้วกันนะครับ
โดยส่วนตัวในการลงทุนแต่ละครั้งนั้นผมต้องการที่จะถือลงทุนระยะยาวนานมากๆ คือ ถ้าไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงการลงทุนของผมแต่ละครั้งจะยาวนานมากๆ เพราะ ผมมองเรื่องของความแข็งแกร่งระยะยาว มองการเติบโตแบบเปลี่ยน Marlet Cap ที่ขึ้นไปแล้วไม่ลงมาแบบหุ้นเจดีย์ เพราะ สินทรัพย์ของบริษัทที่เพิ่มขึ้น เช่น จำนวนสาขา จำนวนฐานลูกค้า จะเพิ่มในระยะยาวทำให้รายได้ยกฐานขึ้นไป และ กำไรยกฐานขึ้นไป โดยไม่กลับลงมา ทำให้ Market Cap ยกฐานขึ้นไปแล้วไม่ลงมาอีกเลย เช่น HMPRO GLOBAL CPN CPALL BCH BDMS CHG
ประสบการณ์การลงทุนผมสอนว่า
1. ผมต้องมองการกระจายความเสี่ยงให้ดี เพราะ ผมเคยผิดพลาดในการลงทุนมาก็หลายครั้ง และ ที่ขาดทุนก็จากการมองปัจจัยบวกระยะสั้นมากเกินไป
2. ผมจะไม่ได้ลงทุนอะไรที่มีความเป็น Fashion ที่เราตอบไม่ได้ว่าจะดีไปอีกกี่ไตรมาส
3. ผมจะไม่ลงทุนหุ้นที่ต้องโทรไปถาม IR บ่อยๆเพื่อขอ Guidance รายไตรมาสทั้งในส่วนของรายได้ ต้นทุน ซึ่งก็มักจะเป็นหุ้นที่มีลูกค้าเป็น B2B
4. ผมจะต้องลงทุนในบริษัทที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี มีจำนวนหลายสาขา
5. บริษัทที่ผมลงทุนมีลูกค้าที่เป็น B2C หรือ B2B2C เท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงของอำนาจการต่อรองของลูกค้า และ ความกระจุกตัวของลูกค้า
6. ผมจะมองว่าผมอาจจะตายเมื่อไรก็ได้ เพราะ คุณพ่อผมตายตั้งแต่ผม 4 ขวบ คุณแม่ผมต้องหาเลี้ยงตัวผมเองด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นผมก็จะไม่ให้ครอบครัวผมซ้ำรอยตรงนั้น จึงจะต้องหาหุ้นที่มันลงทุนได้ยาวๆจริงๆเพื่อหากผมเป็นอะไรไป ภรรยาผมและลูกก็จะไม่ต้องกังวลกับความเปลี่ยนแปลง
ด้วยเหตุผลตรงนี้ผมจึงซื้อ VIH ในรอบที่แล้ว เพราะ ผ่าน Criteria ต่างๆในการลงทุนของผม
ส่วนในจังหวะซื้อลงทุนนั้น ผมซื้อ เพราะ ผมเห็นว่า VIH มีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว มีจำนวน 4 สาขา ซึ่งถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี และ บริษัทผ่าน Phase ของการลงทุนไปแล้ว โดยดูจาก ค่าเสื่อมราคา และ ภาระผูกพันรายจ่ายฝ่ายทุน (ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน) ว่าบริษัทกำลังเข้าสู่ Phase ของการเก็บเกี่ยวตั้งแต่ไตรมาส 1/2563 และ คอนเฟิร์มในไตรมาส 2/2563 แต่ผมก็ยังไม่ได้ซื้อลงทุน VIH เพราะ ผมรองบไตรมาส 3/2563 ที่น่าจะแย่กว่าปกติก่อน เพราะ กำไรจะลดลง YoY เพราะ ไตรมาส 3/2563 มีเรียนออนไลน์ที่จะทำให้นักเรียนไม่ไปโรงเรียนและงบแย่กว่าปกติจากสถานการณ์พิเศษก่อน และ ใช้โอกาสนี้คอนเฟิร์มว่า ค่าเสื่อมราคา จะยังคงไม่เติบโต และ ภาระรายจ่ายผูกพันรายจ่ายฝ่ายทุน จะไม่กลับมาเพิ่มอีก ... ดังนั้นต่อให้งบการเงินคอนเฟิร์มว่าไม่ดี ผมก็ซื้อ เพราะ ผมทำการบ้านมามากพอ และ รอคอยจังหวะซื้ออย่างอดทน เพราะ ผมมี Strategy ในการลงทุนที่ชัดเจน
แต่ในจังหวะที่ขาย ตอนที่งบไตรมาส 2/2564 ออก คืนนั้นผมโทรบอกเพื่อนๆนักลงทุนว่างบจะยังคงดีต่อไปอีกในไตรมาส 3/2564 แต่หุ้น BCH และ CHG มันมีแรงขายออกมาก่อนแล้วนะ อาการมันดูแปลกๆ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่ดูแย่ เช่น สนามบิน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ทำไมมันดูมีแรงซื้อทั้งๆที่ COVID-19 ผู้ป่วยในประเทศไทยยังคง New High มันเหมือน Smart Money กำลังเปลี่ยนกลุ่มการลงทุน และ ตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ดีกว่าปกติ มันมีความเสี่ยงที่ราคาหุ้นจะลงได้เสมอ แล้วสัญญาณมัน Confirm จาก BCH และ CHG แล้วดังนั้นต้องระวัง
ผมจำคำพูดผมได้ว่าผมบอกเพื่อนๆผมทุกคนที่ซื้อ VIH ว่าทุกอย่างมันดูดีไปหมด แต่ก็อย่าประมาท และ อย่าเชื่อผม (ผมพูดเสมอ แม้กระทั่งวันนี้ผมก็ยังคงพูดเสมอว่า “อย่าเชื่อผมนะ” เอาผมเป็นข้อมูล เป็นไอเดียก็พอ) ..
และ ผมก็บอก Strategy ของผมกับเพื่อนๆนักลงทุนที่มี VIH ว่า ... "ผมเอาราคาเปิดเป็นเกณฑ์ ถ้าเปิดกระโดดผมจะลดความเสี่ยงบ้าง, แต่ถ้าหุ้นไปต่อผมจะทยอยลดความเสี่ยง แล้วจะถือสักครึ่งนึงไปรองบไตรมาส 3/2564 เพราะ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าหุ้นมันจะขึ้นหรือลง ... แต่ถ้าหุ้นหลุดราคาเปิดที่เปิดกระโดดขึ้นมา แปลว่า Mr. Market คอนเฟิร์มแล้วว่าพอแล้วกับ Event Play ครั้งนี้ และ ผมจะขายทั้งหมดถ้าราคาเปิดกระโดดแล้วมีแรงขาย ซึ่งผมอาจจะขายหมูก็ได้ เพราะ ผมก็ไม่รู้จริงๆว่าหุ้นมันจะขึ้นหรือลง แต่ต้องคำณวน Risk Reward ว่าเป็นอย่างไร .. และ ผมก็ย้ำกับเพื่อนๆนักลงทุนว่า อย่าเชื่อผม เพราะ ผมก็ไม่รู้อนาคต แต่ผมจะทำตาม Strategy นี้อย่างเคร่งครัด
โดยสาเหตุที่ผมคิดว่า Mr Market พอแล้วกับ Event Play ครั้งนี้ก็มาจากประสบการณ์ของการศึกษาหุ้น Commodity ว่า หุ้นมันจะลงก่อนที่ไตรมาสที่ดีที่สุดจะมาถึง ถ้าคุณรอให้ไตรมาสที่ดีที่สุดมาถึง และ ทุกคนพร้อมที่จะขายหุ้นพร้อมๆกับคุณ แล้วใครจะซื้อหุ้นที่กำลังเทขาย เพราะ มันเป็น Event Play ที่อาจจะไม่กลับมาอีกเลยก็ได้ เพราะ เหตุการณ์ก่อนโรคระบาดที่มีคนตายมากๆก่อน COVID-19 ก็ต้องย้อนไปตอน ไข้หวัดเสปน ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว ดังนั้นเราก็ต้องพิจารณา Risk Reward
ดังนั้นการซื้อของผม ผมซื้อในเหตุการณ์ที่แย่กว่าปกติ Reward มันเลยดูคุ้มค่าในระยะยาว และ ขายในจังหวะที่ดีกว่าปกติ ซึ่ง Risk มันเพิ่มขึ้นสูงมากที่ควรจะขาย ดังนั้นคงจะเอามาเป็นเกณฑ์คงจะไม่ได้ว่าผมควรจะขายเมื่อไร เพราะ ตอนซื้อผมรู้ว่าผมรู้อะไร Reward เป็นอย่างไรในระยะยาว และ ถ้าไม่มีเหตุการณ์ COVID-19 ผมก็คงไม่ได้ขาย เพราะ เหตุที่ผมขายเพราะว่าบริษัทดีกว่าปกติ
จริงๆ ผมก็ติดตามมาตลอด แต่ผมว่าปีที่เปิดประเทศในปี 2565 มันวัดอะไรกันไม่ได้ เพราะ มันมี Pend Up Demand จากการที่คนต้องผ่าตัด แล้วผ่าไม่ได้ทั้งจากด้าน Supply ที่ห้องผู้ป่วยไม่พอจากการต้องรักษา COVID-19 และ ในด้าน Demand ที่คนก็ไม่กล้าไป รพ. ... แต่เมื่อทุกคนได้รับวัคซีนแล้ว และความรุนแรงของโรคก็ลดลงแล้ว ทำให้ Demand กลับมาสูงกว่าปกติ ถามว่าเราจะวิเคราะห์อย่างไรในสถานการณ์ที่รายได้ดีกว่าปกติที่มี Pend Up Demand ของการกลับมาของผู้ป่วยที่อยากจะผ่าตัด แต่ไม่กล้าไป รพ. และ รพ. ก็ไม่มีห้องผู้ป่วยใน ?
แต่จุดที่ทำให้ผมคิดว่าเป็น Tricker ที่ทำให้รู้สึกว่า VIH กลับมาสู่สถานการณ์ปกติแล้ว คือ ไตรมาส 4/2566 ที่รายได้กลับมา +YoY ได้เป็นไตรมาสแรก แปลว่า Pend Up Demand ที่ลดลงมาตลอดถึงไตรมาส 3/2566 นั้นจบลงแล้ว จึงเป็นจุดที่ทำให้บริษัทดูมีความน่าสนใจที่น่าจะกลับมาลงทุนอีกครั้ง เพราะ รายได้กลับมาเติบโตตามปกติแล้ว และ ถูกคอนเฟิร์มอีกครั้งด้วยงบไตรมาส 1/2567 ว่าบริษัทกำลังเข้าสู่หมวดในการกลับมาเติบโต แปลว่ายังไงผมก็ควรจะกลับมาลงทุน VIH อีกครั้ง ก็ด้วยสถานการณ์ที่กลับมาปกติแล้ว แต่ราคาหุ้นก็ยังไม่ขึ้น
แล้วบริษัทก็ประกาศเรื่อง รพ. ใหม่ และ เพิ่มทุนที่ราคา 8.00 บาท ผมก็ซื้อหุ้นเพื่อไปประชุม AGM และ ก็ได้รับข้อมูลใน AGM ที่เป็นประโยชน์ เห็นภาพ รพ. ใหม่ ผมจึงคิดว่า VIH น่าสนใจกว่าเดิมในระยะยาวจาก รพ. แห่งใหม่ ซึ่งพอผมเห็นภาพ รพ. ใหม่ชัดเจนขึ้น ราคาหุ้นอยู่ต่ำกว่าราคา 8.00 บาทที่จะเพิ่มทุน และ ผมคิดกำไรปี 2567 ที่ประมาณ 350 ล้านบาท PE ก็ประมาณ 12 เท่า ผมว่าราคาหุ้นก็ไม่ได้แพง และ ภาพระยะยาวก็น่าจะใช่ ต่อให้ไม่ใช่ ผมก็ไม่ได้ซื้อ VIH ในราคาที่ รพ. ใหม่ประสพความสำเร็จ ดังนั้นโอกาสแพ้ก็ไม่ได้มาก เพราะ ผมลงทุนระยะยาวๆ ผมก็เลยกลับมาลงทุน
ถ้าถามว่าผมจะขาย VIH ตอนไหน เอาตามที่ผมบอกกับภรรยา, ลูก และ เพื่อนๆผมแล้วกันนะครับ ... VIH ถือไปเลยยาวๆ เพราะ เข้าใจง่าย มีอะไรก็ขับรถไปดู ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน วันนี้เป็นหุ้นเติบโต ถ้า รพ.ใหม่ ประสพความสำเร็จ ราคาหุ้นน่าจะขึ้นไปได้อีกมากๆ และ สุดท้ายเงินปันผลก็จะมากตาม และ สุดท้าย VIH เมื่ออัตราการครองเตียงเต็มก็จะเป็นหุ้นปันผลที่จะปันผลเพิ่มเรื่อยๆจากการที่ปรับราคาได้ตามสภาวะเงินเฟ้อ .... แต่ถ้ามีสถานการณ์ที่ดีกว่าปกติอย่างที่เคยเกิดขึ้นในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ตรงนั้นผมก็อาจจะพิจารณาขายครับ
แต่ผมย้ำอีกทีนะครับ ไม่ต้องเชื่อผม เพราะผมก็ผิดพลาดได้ ผมก็แค่บอกว่าผมคิดเห็นอย่างไร
โพสต์
โดยเฉพาะการแข่งขันทางด้านราคา และการแย่งชิงพื้นที่ ณ จุดขาย
บันทึกไม่สำเร็จ