ลงทุนมา 5 ปี แต่พรอตขาดทุน

[VIVICH]

ได้เก็บราคาสาหร่ายที่ส่งออกจากเกาหลีมายังไทย เทียบจากจำนวนมูลค่าหารจำนวนตัน มาเปรียบเทียบให้ดูในช่วงเวลานั้นค่ะ

[newposhy]

Sappe AGM

Updates
- UK = 2 รสใหม่ bubble gum และ cotton candy feedback ดี ตอนนี้ไปหลายเมืองใหญ่แล้วเช่น Liverpool Birmingham
- US = ได้เข้าไปอยู่ใน Walmart บ้างแล้วใน LA
- Indonesia = มีแผนในการขยายสินค้า mogu jelly
- Philippines = มีการทำ campaign 7 day challenge Sappe Beauti Drink (กินแล้วสุขภาพดีขึ้นยังไง) ยอด engagement ใน Tik Tok ดี reached หลักล้านคน
- Thailand = launched product ใหม่ขาย TT ในไทยคือ Sappe Beauti Powder ปกติสินค้าในไทย made to stock 20% ไม่เหมือนในต่างประเทศที่ made to order
- France = MT โตเรื่อยๆ
- Middle East = ไม่เน้น marketing แต่เน้น online และ shelf visibility
- Korea = ได้ไปอยู่ใน k-drama 2 เรื่อง: Welcome to Samdal Ri และ Blossom With Love

Q&A
1. ลายละเอียดการขาย Sappe Europe

ขายไปให้ partner ใน Europe

2. รายละเอียดการจัดตั้ง Sappe Philippines

ตั้งบริษัทใน Philippines เพราะอยากขายสินค้าอื่นได้ง่ายขึ้นไม่ใช้แค่ mogu ทำให้เจาะตลาดนี้ได้ง่ายขึ้นและ access พวก chain store ได้มากขึ้น สินค้าอื่นที่จะขายก็คล้ายๆ ไทยต่างคือไม่ได้ผลิตใน Philippines แต่ product ที่ขอกับ Danone ในไทยจะไม่ขายใน Philipppines เพราะเค้ามี local partner อยู่แล้ว

3. R&d expense ปีนี้

ปกติเป็น % to sales ยัง disclose ของปีนี้ไม่ได้

4. การไปตั้งโรงงานผลิตในต่างประเทศ

กำลังศึกษาอยู่

5. New capacity ใช้ได้เมื่อไหร่

เริ่มใช้เดือนนี้ น่าจะ run ได้เต็มที่ใร Q2 อยากให้ efficency สูงสุดพายใน 3 เดือนแรก

6. Dividend payout ratio

ปีนี้ 60% ปีที่แล้ว 80% ถ้า capex ไม่เยอะก็เพิ่มได้

7. International plans

India = ได้มีการเพิ่ม channel ใหม่ๆ ราคาขายใน India สูงแต่ไม่สูงเท่า Europe
Japan = ใหม่มากยังไม่อยากเคลมอะไรเยอะ
France = selling expense ในช่วง Olympics Paris ปกติ in-line กับ budget แต่ยังไม่มี plan ชัดเจนว่าจะออก campaign อะไร

8. Shelf life

ปกติ 12-14 months

9. COGS

น้ำตาลและ resin offset กันปีนี้ น้ำตาลขึ้นแต่น้อยกว่าที่บริษัท expect ปกติ lock ราคาไว้ 1 ปี เพื่อลดความเสี่ยง ราคา resin ลง และปีนี้น่าจะได้ประโยชน์จากบาทอ่อน

11. Selling expense สูงควรเป็นข้อกังวลไหม

ไม่ควนกังวลบริษัทมองว่าเป็นการเสิรมสร้าง branding เป็น long-term investment จะมีการทำ campaign ที่เข้มข้นกว่าเดิมสำหรับ mogu โดยเฉพาะในเกาหลี ปีนี้เป็นปีแรกที่ rebrand Beauti Drink ครั้งแรกใน 15 ปี

12. เราจะไปเล่นในตลาดน้ำมะพร้าวมากขึ้นไหมหรือจะ focus ที่ mogu

ปกติคนไทยรู้จัก All Coco ในฐานะ brand ที่เป็นน้ำมะพร้าวน้ำหอม 100% แต่ในต่างประเทศตอนนี้ได้มีการทำน้ำมะพร้าวน้ำหอมผสมซึ้งจะถูกกว่า All Coco ที่เป็นมะพร้าวน้ำหอม 100% ซึ้ง product นี้จะขายในต่างประเทศไม่ใช้จีนเพราะไม่ได้ focus ที่จีนแต่ข้อไม่ disclose ประเทศ

13. Mogu สูตรน้ำตาลน้อย

ผบห aware กับเทรนด์นี้แต่ consumer (target group mogu) ส่วนมาก prefer แบบน้ำตาลปกติมากกว่า ในอดีตปรับสูตรแล้วแต่ขายไม่ดีเท่าแบบนี้

14. Capacity ในการผลิต

Slot 1 และ 2 approved ไปแล้วและกำลังดำเนินการ Slot 3 หลัง 2026 ยังไม่ approved และยังศึกษาอยู่อาจจะไปตั้งในต่างประเทศเพราะช่วยเรื่อง logistics cost แต่การตั้งโรงงานในต่างประเทศต้อง consider demand ว่าสูงจริงๆ เพราะถ้าไม่เยอะจริงจะไม่ efficent เท่าโรงงานในไทย ส่วนสินค้าที่ขายในไทยก็ plan ว่าจะ oem เหมือนเดิมยังเอากับเข้ามาผลิตไม่ได้ต้อง delay ไปก่อนเพราะ cap เต็ม

15. Pricing power และการขึ้นราคา mogu

ในต่างประเทศค้อนข้าง flexible เคยปรับขึ้นปแล้วสองครั้งตอนมีเงินเฟ้อสูงและปีที่แล้ว แต่จริงๆแล้วไม่อยากปรับขึ้นเพราะอยากให้ consumer ได้เข้าถึงสินค้าได้เยอะๆ

18. Margin mogu ประเทศไหนสูงสุด

disclose ไม่ได้

19. วิธี deal กับสินค้าเลียนแบบ

เป็นเรื่องที่เจอมาตลอดทั้งคู่แข่งในประเทศและต่างประเทศเช่นในเวียดนาม ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับบริษัท แต่เชื่อว่าบริษัทได้เปรียบจาก
1. first mover advantage
2. branding ซึ้งจะไม่หยุดทำ branding เพราะเห็นความสำคัญในการ invest in branding
3. การขยาย channel เพิ่ม

20. amount วุ้นมะพร้าว

so far ยังไม่เจอ complain จากลูกค้าว่าวุ้นมะพร้าวน้อยไป และยังไม่ได้ทำ research ว่าจำนวนวุ้นมะพร้าวเยอะน้อย influence buyer ขนาดไหน ปัจจุบันมีวุ้นมะพร้าวอยู้ 25% ใน mogu

21. แผนหลัง reach 10,000m THB ใน 2026

กำลังทำแผนอยู่

21. เรื่อง dist XO

กำลังคุยกันอยู่

[amornkowa]

AGM Sappe 18 apr 67 13.30

วาระที่3 รับทราบผลการดำเนินงานของบริษัท

1.Sappe overview
ทำให้ผู้คนมีชีวิตดีขึ้น
สินค้าno 1 moku moku
ก่อตั้ง 1973
มีการร่วมมือ กับ power roof ซึ่งเป็นแบรนด์ กาแฟ 3 in 1
High light เติบโตอย่างต่อเนื่อง
โครงสร้างคร่าว
Sappe europe มีการปิด
Sappe holding ลงทุนหลายบริษัท all coco, danon
ตั้งsappe ph 100%
2.การเติบโตอย่างยั่งยืน
มุมของเศรษฐกิจ คุณ อ้อ กับ อเนกจะพูด
ประเมินความยั่งยืนและเอาเข้ามาในvalue chain
ทำให้ผู้บริโภค suppier farmer อย่างยั่งยืน
ลดค่าขนส่ง
เรื่องการสื่อสารกับผู้บริโภค ไม่overclaim

Sustain policy
1. Build sustain
2. Encourage quality
3. Caring on sustainable
Economic performance
คุณ อเนก บอกว่า product 5 group
1.multi drink
2.functional drink : sappe multi drink , blue
3.Powder
4.Healthier Snack
5.supplement

3 direction
1.มีทีมR&D ,graphic design พัฒนาจากเราทั้งหมดเลย
เข่น Danon, All coco
2.Business partnership
3.Innostudio

Revenue growth 32% การเติบโตของตปท โตดีกว่าในไทย
กำไรโต 64% มาจากการบริหารต้นทุน costบริหารดีกว่าเดิม4% และ fx 1.5 % ภายใน 2.5%
No new investment
Selling : logistic cost ลดลง
Selling expense 749 Mb ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สร้างแบรนด์เติบโตในตลาด
Admin expense 8.5% โตเล็กน้อย
พอร์ตในตปท ค่อนข้างเยอะ ขาย 100 ประเทศ เอเชีย ex thai 39%
Mde and other
แบ่งตามregion america +37.4% โตมากขึ้นแต่สัดส่วนยังเล็กอยู่
Eu +97% เราจะโฟกัสตรงนี้มากขึ้น
Business update
แบ่งตาม3 โมเดล
1.trading model
2. Rising
Zone asia +21%
ตลาดหลัก คือ เกาหลี MT76% , Pl MT 90% , INDO MT 63%
ทำการตลาดเกาหลีอย่างเข้มแข็ง โคเรีย เฟริส์ ลงในseries 2เรื่อง
เราเห็นโมกุในชั้นเกือบทุกประเทศ รวมถึง online marketing
สินค้าใหม่ในอินโด คือ โมกุ เจลลี่
ใน pl. จัดกิจกรรม 7day ดูผิวพรรณว่าดีขึ้นอย่างไร

EU โตในส่วนในอังกฤต
ฝรั่งเศส MT 25% to 47%
มีการสร้างawareness ให้ลูกค้า เช่น bubble gum ในอังกฤษ
US growth 37%
Domestic
Online marketing
สร้าง engagement ดูดวง เสริมดวง ออกสินค้าใหม่ มีผลตอบรับดีมาก
ขายไปตลาด TT sappe multi powderในตลาดอื่นมากขึ้น
ทำmusic marketing คุณมินตรา
ให้ความสำคัญกับ E-commerce
ที่ทำมากขึ้น คือ ทำผ่าน Tick tok

All coco มีขาดทุน 47 ลบ มาจากการตั้งสำรอง หนี้สงสัยจะสูญ ที่ส่งไปที่จีน
มีการล่าช้าในการชำระเงิน ฝ่ายบริหาร ไม่นิ่งนอนใจ เราไม่มีนโยบายเปิดความเสี่ยงแบบนี้อีก
ไม่เปิดขายแบบให้เครดิตอีก เราตั้งสำรองครบถ้วนแล้ว
เอาstockเก่าไปใช้กับขายใหม่
เราซื้อสินค้า และ มีสวนมากขึ้นสองเท่า
Cafe เราเปิดสาขาที่ดูไบ operateโดยลูกค้า
Domestic : Foodland , Grumet
กำลังการผลิต เกือบmaxแล้วปีนี้ จะขยายอีก 25%
เพื่อรองรับการเติบโต โดยตั้งโรงงานใหม่ 1,xxx ลบ
รวมสามรายการการผลิต จะเพิ่มขึ้นสองเท่าตัว
Wh 8,000 ตรม เราต้องเช่าข้างนอก3-4 จุด ทำให้เราสูญเสียทรัพยากร และ ต้นทุน
เราขออนุมัติ เปิด กลางปี นี้รองรับได้ 20,000 พาเรต เป็น fully automation ลดcostอย่างมีนัยยะ

Mission to mars
ยอดขายปี2026. 10,000 ลบ
ปี2024 โต 20-25% แบ่ง
ตปท การสร้างแบรนด์ มีการโฟกัสสร้างแบรนด์คนไทย ที่ขายในตลาดโลก
เราขาย 100 ประเทศ fulยังไม่เยอะ การขยายchannel เพิ่มขึ้น
นอกเหนือจากนั้น ยังdiversify brand อื่นนอกจากโมกุ
E-commerce เข้าถึงconsumerได้ เรามีแผนเข้าทั่วโลก
เราโฟกัสที่core brand ต่อมาค่อยมีแบรนด์หลากหลาย
ร่วมมือกับพันธมิตร
Platform E-commerce

Social performance K adisak
ส่วนนี้มีสามมิติ
1.Employee
2.Communitiy รณรงค์ให้คนอยู่รอบปลูกว่าน แจกหมวกกันน๊อต สร้างรายได้คนรอบโรงงาน
Engagement survey เพิ่มขึ้นจาก 71 ครัวเรือนปี2021 เป็น 339 ครัวเรือน
3.Society, Environment ทำsolar roof top , solar floating
Recycle พลาสติกเป็นผู้ร้าย เราดูแลอย่างดี สลากจากPVCเป็นPET100% เอาขวดpet 14 ขวดมาทำเป็นเสื้อ

Q&A
1.โครงการcsr นอกจากปันผล อยากให้ผู้ถือหุ้นมีส่วนด้วย
คุณปิยจิต ตอบว่าอยู่ในช่วงขยายโรงงาน ยังไม่สะดวก ไว้ถ้าทำเสร็จเมือ่ไหร่จะเชิญอีกที
แต่ถ้าสวนมะพร้าวไปได้
2.เรื่องsappe EU ที่เราจะขายหุ้นออกไป อยู่ในกระบวนการขาย
ตอนนี้ทางsappeเข้าไปทำตลาดได้ หรือ ต้องรอให้จบลง
ตอบ sappeยุโรป ขายให้partner ดังนั้นปิดเรียบร้อย ทางsappeสามารถขายอโรเวล่าไปทั่วยุโรปได้
3.ESG ชืมชมบริษัท มาตลอด ค่อนข้างจำเป็นสำหรับเราในการลดcarbon น่าจะมีประโยชน์ในอนาคต
การปลดปล่อยcarbon 3243 ตัน ปีที่แล้ว ลดลง ทำไมครับ
ตอบ เราติดsolar roof top , solar floating เราเข้าไปดูวิธีการลึกขึ้นถึงวิธีคำนวณ
4.บริษัทย่อยในPL เรามีcriteriaอย่างไร
ตอบ ตลาด PL ถือว่าสำคัญ ปัจจัยหลัก คือ เราต้องการขายสินค้านอกจากโมกุ โมกุ
เราสามารถเข้าไปเชนมากขึ้น ในอนาคต pl ทำคล้ายกับsappe ไทย
เราขยายธุรกิจสินค้าอื่นเข้าไปที่PLมากขึ้นลึกขึ้น เป็นจุดที่spin off PL นอกจากrely partner อย่างเดียว
ดาน่อน โค JV กับ partner แล้วที่ PL เราจะเอาสินค้าอื่นที่เหมาะกับPLเข้าไป
5.งบR&D สำหรับตัวบริษัทเท่าไหร่ ในรายงาน งบปี64 ,65 ,66 กำหนดตามสัดส่วนรายได้ใช่ไหม
ตอบ ใช่ แต่ไม่ได้เปิดเผย ขึ้นกับสัดส่วนของรายได้
เวลาลงค่าใช้จ่าย ขึ้นกับลักษณะกับประเภท เป็น amortize , ค่าใช้จ่าย

6.ในPL เรานำจากไทยไปขายใช่ไหม
ตอบ ปัจจุบัน เอาจากปทุมธานีส่งไป
เปิดlineใหม่1line ไปขาย
เราศึกษาในปีที่ผ่านมา ลงทุนในฝั่งยุโรป อาจยังไม่ถึงจุดลงทุน
เลยลงทุนในไทยแทน พอร์ตเราเริ่มเปลี่ยนแปลง อยู่ระหว่างการศึกษาอยู่
ประเทศที่ผลิต ต้องดูความเสี่ยง ผลตอบแทนก่อน
สินค้าเครื่องดื่ม 20% made to stock เช่นส่งไห้ 7-11
แต่ตปท สินค้าคนละ sku (80%) made to order มากกว่า

7. Cap ใหม่ yield rate เท่าไหร่
ตอบ lineใหม่เริ่มoperateเดือนนี้ เราตั้งสามเดือนแรก ramp upเร็วที่สุด
ช่วงแรก เน้นทำงานให้ดีก่อน พยายามเพิ่มให้เท่าที่ทำได้ ไม่สามารถตอบได้
80%ยังไม่น่าเป็นไปได้ปกติใช้เวลา6เดือนแต่เป้าหมายท้าทายภายใน3เดือน

8.Q1ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนไหม
ตอบไม่ได้ แต่ปกติมีการจองfxขึ้นกับวงเงินที่รับการอนุมัติ
ถ้าค่าเงินอ่อนค่ามาก มีการขาดทุนจากการทึ่จอง หรือ ที่ถืออยู่
ก็มีการขาดทุนใน P&L แต่สุดท้ายก็เป็นบวกในทั้งปี เงินบาทอ่อนค่าเอื้อเราพอสมควร

วาระที่4 งบการเงิน
วาระที่5 อนุมัติปันผล

9.ปันผลจะเพิ่มขึ้นอีกไหม
ตอบ บางปีปันจากกำไร 80% ปีนี้ก็ปันผลเป็นจำนวนเงินเพิ่มขึ้นแต่อัตราลดลง
ส่วนพาร์คงไม่ได้ทำอะไร ถึงแม้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น

[nuthjira]

จากรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น 2567 ครับ

มีประเด็นที่หลายๆคนน่าจะสงสัย

1. ไนจีเรีย - เปลี่ยนระบบคิดค่าเงินตอนโอนกลับ ทำให้อาจจะไม่ขาดทุนค่าเงินสูงๆแล้ว
2. พม่า (+) สินค้าที่ขายเป็นยาสามัญ ซึ่งยังมีความจำเป็น (-) การจดทะเบียนยาเพื่อขายในประเทศพม่า อาจทำได้ยากขึ้น การเติบโตอาจลดลง
3. เวียดนาม - กำลังวางแผนเปิดโรงงานที่เวียดนาม รอผลไตรมาส 2

[PLOYPUANG]

ถ่ายวันที่ 19 เมษา จาก Woolworths Melbourne
https://maps.app.goo.gl/pggWzijeiHazCSs28?g_st=il
.
.
.

.
.
.

ถ่ายวันที่ 15 เมษา จาก Woolworths คนละสาขากันค่ะ
https://maps.app.goo.gl/fQ8kQuK5V3f8bfrV9?g_st=ic

[เหรียญ]

IR : KCG

1.Q1รายได้โตYoY mid single digit, GPMไม่ต่ำกว่า30%, SG&A to sale ใกล้เคียงทั้งปี66 ที่24%

2.รายได้เพิ่มYoYไม่มาก เพราะ
-Q1/66มีออกสินค้าใหม่เยอะทำให้ยอดโดด
-Q1/67ลดSKUที่ยอดน้อยกำไรน้อยออก
-SKUใหม่ๆเข้าQ2/67

3.สำรองเครื่องจักรจะbookกลับ ถ้าขายได้ ที่มีการเปลี่ยนเครื่องจักรหลายpartเกิดจาก หลักๆ
ต้องการให้autoมากขึ้นจะเห็นผลตั้งแต่Q2/67 คุ้มค่าที่จะเปลี่ยนเป็นผลดีในระยะยาว

4.สินค้าไหนไม่ชำนาญ หรือ ทำแล้วไม่ได้scale ก็จะปรับแผนที่จะใช้OEMผลิตให้ ซึ่งจะได้ต้นทุนที่ดีกว่า ซึ่งเริ่มแล้วในQ1/67ที่ผ่านมา

5.ต้นทุนสินค้าสำคัญกว่าค่าเงิน เน้นlockราคาช่วงถูก และเรานำเข้าวัตถุดิบ50% ไม่ได้นำเข้าทั้งหมด

6.มีlockราคาต้นทุนถึงQ3/67ไว้แล้ว จะเห็นGPM Q1<Q2<Q3 (ส่วนQ4เป็นเรื่องการใช้uti%ที่ดีกว่าQอื่น)

7.ความสัมพันธ์กับNSLยังดี ยอดส่วนนี้ก็โต คิดว่าNSLตั้งบริษัทมาเพื่อทดลองใช้กับสินค้าใหม่ๆที่ทางKCGอาจจะยังไม่ได้ทำ

8.ต้นทุนทางการเงินQ1/67จะลดลงจากQ4/66 แต่ไม่ได้เยอะแบบQ3/66มาQ4/66

9.มีซื้อfxไว้3เดือน น่าจะมีกำไรค่าเงิน

10.ยังมั่นใจทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า10% Q1/67ทำได้ตามแผนที่วางไว้

[kot31]

ผมเพิ่งจะซื้อหุ้นตัวนี้เข้าพอร์ตวันนี้เลยครับ เพราะเห็นราคาลงมาเยอะแล้ว แล้วก็เพิ่งจะได้เข้ามาอ่านข้อความในโพสต์นี้
ผมอาจจะไม่ได้ติดตามบริษัทต่อเนื่องเลยตกข่าวเรื่องคุณพิชิตขายหุ้นให้กับพันธมิตรไป (จริงๆได้ยินเรื่องพันธมิตร แต่ไม่ได้ติดตามว่าเป็นการขายของคุณพิชิต)

เห็นในเว็บมีการถกกันเยอะเรื่องนี้ เลยอยากขออนุญาตแสดงความคิดเห็นบ้างครับ

1. ดีลนี้ผมคิดว่าเป็นประโยชน์กับ NETBAY แน่ๆในแง่ของการเปิดตลาดให้กว้างขึ้น
2. แต่ก็มีข้อเสียคือบริษัทที่เป็นพันธมิตรบางบริษัทมีขอบข่ายของงานที่ใกล้เคียงกันมาก ทำให้บางงานอาจจะมีความซ้ำซ้อนกัน แม้ว่าจะมีการแบ่งงานกันทำ แต่ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะทำให้ขอบเขตของงานแคบลงได้ (แต่เชื่อว่าไม่น่ากระทบรายได้มากนัก เทียบกับโอกาสที่เปิดกว้างขึ้น)
3. ด้วยการต้องแบ่งงานกันระหว่างพันธมิตร ความเสี่ยงคือ ธุรกิจที่น่าสนใจ จะถูกแบ่งให้ใครทำกันแน่ (อย่างเช่น Carbon credit exchange) อาจจะไม่ใช่ Netbay ที่เป็นคนทำเองก็ได้ อาจจะกลายเป็นของพันธมิตรรายใดรายหนึ่ง
4. สิ่งที่น่ากังวลคือการที่คุณพิชิต ขายหุ้นทั้งหมดออกไป แม้ว่าจะอ้างว่าเป็นการแลกหุ้นไปถือหุ้น DITTO ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่แน่นอนสัดส่วนในบริษัท Netbay ลดลงแน่นอน

ถ้าผมเป็นคุณพิชิต การที่จะตัดสินใจขายหุ้นของบริษัทตัวเองที่ตั้งมากับมือทั้งหมดนี่ ไม่ง่ายเลยครับ ต่อให้มีปัญหาสุขภาพ ก็แค่ถอยฉากจากตำแหน่งผบห.ออกไปก็ได้ แต่การขายหุ้นทั้งหมดนี่ อาจหมายถึงการหมดไฟในธุรกิจ และไม่เห็นอนาคตที่จะดีไปกว่านี้แล้วเลยต้องการขายเพื่อ exit (คุณพิชิตอาจจะมองว่า Passion ของคุณพิชิต หรือโอกาสในอนาคตอยู่ที่ DITTO มากกว่า (ผมเลยกังวลตามข้อ 3 ว่าธุรกิจในอนาคตจะยังอยู่ที่ Netbay จริงหรือไม่)

สุดท้าย ผมก็คิดว่าเราผถห.รายย่อยคงต้องตัดสินใจกันเอง ว่าธุรกิจของ Netbay หลังการมีพันธมิตรเข้ามาจะดีจริงๆหรือไม่

ผิดถูกตรงไหนแย้งได้นะครับ

[Can do]

อันนี้จาก Presentation ของ McCormick ดูเป็น trend ขแงเครื่องปรุงอาหารรสเผ็ด

ทีมา https://ir.mccormick.com/static-files/7 ... 9557a189eb

[A62800]

ผมมองว่าการมีพันธมิตรเป็นบวกกับบริษัทมากกว่าถ้าเทียบกับข้อเสียอื่นๆ ส่วนเรื่องที่คุณพิชิตขายหมด หรือหมดไฟหรือเปล่า ถ้าลองเปลี่ยนมุมมองในมุมของดิตโตะดู ดิโตะก็คงอยากถือเนตเบให้ได้สัดส่วนมากที่สุดเหมือนกัน เพราะจุดเด่นของเนตเบคือ digital tranformation โดยเฉพาะ B2G แล้วรายได้เป็นรีเคอริ่ง
ซึ่งถ้าดูในสไลด์ออปเดย์ของดิตโตะ backlog ในส่วนของ Data & Document Management สิ้นปี2022อยู่ที่ 329ล้าน และ q3/2023 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2พันล้าน จะเห็นว่าโอกาสในน่านน้ำนี้ยังมีอีกเยอะมากที่จะเก็บเกี่ยว (ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนนึงมาจาก คาแรกเตอร์ของดิตโตะเอง ทำให้คู่แข่งเข้ามาแย่งสัดส่วนนี้ไม่ง่าย) ล่าสุดเพิ่งมีประกาศ กับ การประปานครหลวง ซึ่งในอนาคตอาจจะเห็นการเปิดบิลเก็บค่าน้ำ หรือการขออนุญาตมิเตอร์น้ำ อาจจะทำผ่าน IBOX หรือ DOC2sign ของเนตเบก็ได้
และปีนี้จะเป็นปีที่ใช้งบประมาณของทั้งปี 2567และ2568 โอกาสที่ดิตโตะจะได้งานจากภาครัฐเพิ่มเติมก็จะมีเข้ามาเรื่อยๆ สิ่งที่นักลงทุนรอก็คงเหลือแค่ เนตเบจะ "ได้เท่าไหร่" จากดิตโตะมากกว่า (ถ้าดิตโตะถือเนตเบแบบเบ็ดเสร็จโอกาสได้งานเข้ามามากก็มีเยอะ) ราคานี้ที่พีอี20เท่า ปันผล4%++ มองมุม risk reward ผมว่าเป็นราคาที่ยังไม่ pric in growth ของเนตเบมากเท่าไหร่ ถ้าทางบริษัทมีประกาศแจ้งตลาดมาเรื่อยๆว่าได้งานส่วนไหนมาบ้าง ผมก็หวังว่าจะได้หลุดดอยกับเค้าเหมือนกันครับ (ฮา)

[firstee]

phpBB [video]

[pop5888]

เปรียบเทียบรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่
วันที่ 14 มีนาคม 2567 กับ วันที่ 27 มีนาคม 2567

[HolmesB]

หลังจากผมตามอ่านมาวันนึง ผมก็พบว่าหุ้นตัวนี้มี story ที่ simple มากคือ มันผลิตของที่พิสูจน์มาแล้วว่าขายได้ ตัวบริษัทเองก็มีความถนัด และมีช่องทางจัดจำหน่าย ไม่ต้องเริ่มจาก 0

แถมยอดขายก็เห็นแล้วว่าโอกาสมามีสูงเพราะบริษัทเองก็เห็นคำสั่งซื้อล่วงหน้า

สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นประเด็นคือเรื่องค่าใช้จ่าย

1. ยังไงค่าเสื่อมก็น่าจะเป็นตัวฉุดรั้งกำไรนิดหน่อย โอเคว่า NPD เข้ามา 500 ล้านก็น่าจะกำไร แต่อาจจะฉุด margin บ้าง เพราะกำไรปีนี้จะต้องโดนค่าเสื่อมลบไปประมาณ 40 ล้าน

2. ต้นทุนมะพร้าว ผมอ่านจากผู้รู้ในบอร์ดก็ใจชื้นว่ามะพร้าวแกงไม่ค่อยผันผวน แต่จากที่ผมดูราคาผมว่ามันก็ขึ้นมาอยู่ดี ทีนี้ผมก็ทำ sensitivity analysis แบบหยาบๆ โดยสมมุติว่าบริษัท...

- ทำยอดขายได้ 2100 ล้านตามที่พูด

- SG&A เพิ่มขึ้นมาเป็น 14.2% (ปี 66 = 13.32%) ที่ให้เพิ่มแทนที่จะลดจากยอดขายที่เพิ่มเพราะผม track ดูปีก่อนๆก็พบว่าถึงขายดีตรงนี้ก็ไม่ได้หายไป ผมเลยให้เพิ่ม 1% เผื่อว่ามีการแข่งขันที่ดุเดือด และการโปรโมตสินค้าใหม่ที่จีนต้องใช้เงินเยอะ ( พยายาม conservative)

- เรื่อง BOI อะไรผมถือว่าไม่มีไว้ก่อน คิดว่ากำไรก็จ่ายภาษีปกติ เพราะบริษัทไม่ได้เน้นตรงนี้ เลยคิดว่ามีก็คงไม่มีนัยยะ

ผมพบว่าถ้าต้นทุนขาย (ซึ่งส่วนมากก็คงเป็นค่ามะพร้าว)เพิ่มขึ้นจากปี 66 สัก 4% ก็จะทำให้กำไรปี 67 ไม่เพิ่มจากปี 66 เลย ในขณะที่ถ้าต้นทุนเท่าเดิมแม้จะเพิ่มค่าเสื่อมมาบ้าง ก็จะมีกำไรเพิ่มราวๆ 33%

จะเห็นได้ว่าต้นทุนขายสำคัญมาก ผมคิดว่าถ้าคุมได้คือจบ แต่ผมเกรงว่า ณ สถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่าราคามะพร้าวก็จะขึ้นไปบ้าง แม้มะพร้าวแกงจะขึ้นไม่แรงเหมือนมะพร้าวหอม แต่ผมคิดว่า 4% มันก็อยู่ในวิสัยเพราะต้นทุนขายอย่างอื่นก็คงมีไม่มากที่ไม่วิ่งตามยอดขาย แปลว่าถ้ามะพร้าวแพงขึ้น 10% มันก็อาจกระทบต้นทุนรวมมากกว่า 4% ไม่รู้ผมคิดตกหล่นตรงไหนมั้ย มองกันยังไงครับเรื่องต้นทุน?

ขออนุญาติออกความคิดเห็นนะครับ ผมว่าส่วนที่สำคัญจริงๆน่าจะเป็นยอดส่งออกหรือรายได้จากการขายนะครับ

จริงๆผมไม่แน่ใจว่าคุณ​AreeAnna คิด cogs ยังไงเพราะผมเข้าใจว่าในงบส่วน cogs จะผันตามรายได้จากการขาย (ส่วนนี้ถ้าคุณAreeAnna ช่วยโชว์วิธีการคำนวณจะดีมากครับเพราะผมไม่ค่อยช่ำเท่าไร)

ลองมาดูบรรทัด gpm 22q4 กับ 23q1 จะเห็นว่าgpmต่ำมากๆ ต่างจากปกติที่อยู่ประมาณ 29%-32% เช่นเดียวกับ food cost percentageที่สูงกว่าปกติ ทั้งๆที่ราคามะพร้าวแก่ 22q4 และ 23q1 ถูกกว่า 22q1 ซะอีก (ขอให้เครดิตคุณ Pondtrade นะครับเพราะจริงๆคุณ Pondtrade เคยอธิบายทำนองนี้ไปแล้ว)

จากนั้นพอมาดูตรงรายได้ 22q4 กับ 23q1 จะเห็นว่ารายได้จากการขายลดลงมากถ้าเทียบกับqอื่นๆ และก็มีผลกระทบมายังbottomline

ผมกำลังจะสื่อว่าต้นทุนมะพร้าวก็สำคัญแต่เพียงแค่ว่า สิ่งที่สำคัญมากที่สุดน่าจะเป็นตัวรายได้จากการขายที่เราต้องคอยtrackจากข้อมูลสินค้าส่งออกน้ำผลไม้ของไทย(โดยเฉพาะที่ส่งออกไปUS) เพราะถ้ายอดนี้ลดลง ก็ขายได้น้อยลง gpmก็ลดลงตาม แถมต้องผลิตน้อยลง economy of scaleน้อย cogsก็จะเพิ่มขึ้น กำไรก็ลดลง

ผมเข้าใจตรงส่วนไหนผิดหรือคิดตรงไหนผิดหรือต้องดูส่วนไหนเพิ่มสามารถบอกได้เลยนะครับ คิดเห็นกันอย่างไรก็แชร์กันได้ครับ

[Dech]

https://www.selinawamucii.com/historica ... 024-04-16/

สาหร่ายมันก็มีหลากหลายเกรดนะครับ
ค่า mix max ต่างกันเยอะพอควร

ไม่รู้ tkn ใช้แบบไหน


https://www.selinawamucii.com/insights/ ... a/seaweed/

[RnD-VI]

เมื่อวานได้มีโอกาสเข้า Eagm
ผู้บริหารให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขยายสาขา L size ว่าขอดูสภาวะเศรษฐกิจในช่วง Q3/67
สำหรับการตัดสินใจเริ่มก่อสร้างสาขาให้ 2 สาขาซึ่งบริษัทได้เตรียมที่ดินรอไว้แล้ว

[Dech]

ข่าวทันหุ้นวันนี้ครับ

ICHI ส่งซิก Q1 โตแรง พีกต่อ Q2 เข้าฤดูร้อน
          อิชิตัน ลั่นไตรมาส 1/67 ยอดขายโตแรง! รับตลาดไทยขยายตัวสูง-ตลาดต่างประเทศดีขึ้น เตรียมแจ้งงบ Q1 วันที่ 13 พ.ค.นี้

พร้อมคาดไตรมาส 2/67 โตต่อเนื่อง รับไฮซีซั่นเข้าหน้าร้อน-สงกรานต์หนุนยอดขายพุ่ง
เห็นกราฟขาขึ้นตั้งแต่เม.ย.

ลุ้น ดิจิทัลวอลเล็ต เริ่มใช้ไตรมาส 4/67 เชื่อดันยอดขายโชห่วยโต ย้ำเป้ารายได้ปีนี้พุ่ง 9 พันล้านบาท

[Mr.Wayne]

เห็นตอนนี้ กระแสน้ำมะพร้าวกำลังมา แต่ไม่มีใครพูดถึงของ magic farm เลย ทั้งที่ส่วนตัว ผมชอบตัวนี้ที่สุด
อากาศร้อนๆแบบนี้ ทานทุกวันเลย มีเนื้อวุ้นมะพร้าวเคี้ยวกรึบๆมาก ไม่นอนก้นขวดด้วย อยากให้เพื่อนๆได้ลองกันครับ

ปล. ถ้าใครชอบเหมือนกัน เม้นมาบอกกล่าวกันได้นะครับ ผมจะได้รู้ว่าผมไม่ได้ bias เพราะมีหุ้นอยู่

[RnD-VI]

[lek0577]

ธนพิริยะสาขาแม่ไร่ สาขาที่ 47

[ThekopChamp]

Updated SSSG Q1/67 from LIB

[shaneseanshawn]

เห็นในข่าวว่าจะเริ่มรุกตลาด Med Spa ถ้าตามเเผนนี้ปีนี้ได้จริง ส่วนตัวผมว่าน่าสนใจนะครับ (ที่สยามนี่เป็น service market fit เลย) ตลาด spa/wellness ใหญ่มาก target ได้ทั้ง locals / tourists

“เดอะคลีนิกค์จึงมองโอกาสในตลาดเวลเนสเป็น Inorganic Growth ในอนาคต ทำให้เบื้องต้นมีแผนจะเปิดตัว Med Spa ขนาด 200 ตารางเมตร ที่สยามสแควร์ในปีนี้ ที่ให้บริการด้านนวดผ่อนคลายทางการแพทย์ รวมถึงออฟฟิศซินโดรม ตลอดจนให้บริการนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) โดยเฉพาะจากจีนและกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งถือเป็นฐานลูกค้าสำคัญ”

Source: The Standard Wealth
https://thestandard.co/kliniq-aims-to-e ... this-year/

ปล.ในข่าวบอกว่าปีนี้จะขยายประมาณ 15-20 สาขา เหมือนจะเยอะกว่าที่เคยประกาศไว้นะครับ รอติดตาม

[thakthay]

phpBB [video]

ของวันที่ 11 เม.ย. นี้ครับ

[Pondtrade]

ผมคิดว่า หากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น บริษัทคงมีแผนใช้สูตรสำรองตามที่แจ้งไว้ใน One report ครับ

อย่างไรก็ดี ราคาวัตถุดิบช่วงนี้ก็ปรับตัวขึ้น แต่ก็ยังน้อยกว่าช่วงปี 2564-2565 (ตามรูป) ราคามะพร้าวมักจะสูงในช่วง Q1,Q4 แต่ราคามักจะลงในช่วง Q2,Q3 (ผมก็ไม่ทราบสาเหตุนะ อาจจะเป็นช่วงฝนตก หรือนำเข้ามะพร้าวมาเยอะหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจครับ) ผมเลยเดาว่า ช่วง Q2,Q3 ปีนี้ ราคาวัตถุดิบก็อาจจะปรับราคาลงก็ได้ครับ

ปีที่แล้ว ฝนไม่ค่อยตกเท่าไหร่เนื่องจากเหตุการณ์เอลนิญโญ่ ซึ่งต้นมะพร้าวต้องการน้ำมากเพื่อไปเลี้ยงใบ ดอก ผล ลำต้น (ต้นมะพร้าวผลิตน้ำมะพร้าว ก็ต้องการน้ำมาก) ถ้าฝนไม่ตก สภาพอากาศแล้ง ผลผลิตก็น้อยลง แต่ปีนี้คาดว่าจะมีลานิญญ่าช่วงกลางปี มะพร้าวคงได้รับน้ำฝนมากขึ้น ผลผลิตก็คงจะกลับมามากขึ้น

ข้อมูลนี้ไม่ต้องเชื่อผม 100% นะครับ ลองไปถามข้อมูลจากชาวสวนมะพร้าวหลายๆแห่งดู ผมอาจจะผิดก็ได้ครับ ขอบคุณครับ

[Guez07]

ส่วนแบ่งทางการตลาดของผลิตภัณฑ์แต่ละกลุ่ม (จากFiling)

โจทย์ของNeoน่าจะไม่ใช่การตีตลาดนะครับ
เพราะสินค้าแต่ละกลุ่มส่วนมาก ก็เป็นผู้นำตลาดหรือเป็นเบอร์2หรือ3ในตลาดอยู่แล้ว
แต่โจทย์น่าจะเป็นจะโตต่อจากนี้ยังไง เพราะตลาดของกลุ่มสินค้าโตไม่เยอะ และกลุ่มสินค้าที่เป็นเบอร์1ในตลาดก็มีmarket share60-70%
อาจจะไปเน้นสินค้ากลุ่มที่ยังperformanceไม่ดีมาก, ขยายตลาดต่างประเทศ หรือเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและจัดการภายใน

[shanghaigeny]

สรุป Q&A ประชุมผู้ถือหุ้น RSP วันที่ 18 เม.ย. 67
้
1.รายได้ตั้งเป้าเติบโตเท่าใด และ ไตรมาส 1/67 ทำได้ตามแผนหรือไม่
- ตั้งเป้าปี 67 เติบโต 10-15% ซึ่งในไตรมาส 1/67 ขอยอมรับว่า ทำได้ต่ำกว่าเป้า เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดีอย่างที่คิดไว้เมื่อต้นปี แต่ทางบริษัทเราจะพยายามผลักดันไปให้ถึงเป้าที่ตั้งไว้

2. สงครามมีผลกระทบต่อบริษัทหรือไม่
- ผลกระทบทางตรงคงไม่มี แต่ผลกระทบทางอ้อมเราคงได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งมีผลต่อต้นทุนสินค้าที่เรานำเข้ามาขายเพิ่มขึ้น ซึ่งทางบริษัทสามารถลดผลกระทบได้โดยการใช้นโยบาย cost plus และมี fixed ค่าเงินบ้างในบางช่วง

3. จากงบกระแสเงินสด เหตุใด ณ สิ้นงวด ธ.ค.67 จึงลดลง ถึง 65 ล้าน จากสิ้นงวด ธ.ค. 66
- รายการหลักๆ คือเกิดจากการที่ทางบริษัทได้ทำการ ซื้อ แบรนด์ใหม่เข้ามาในช่วงปลายปี

4. ในงบแสดงฐานะการเงิน รายการที่ดินอาคารและอุปกรณ์ พบว่ามูลค่า เพิ่มขึ้นจาก 164 ล้านมาเป็น 197 ล้าน อยากทราบว่าทางบริษัทไปซื้อที่ดินมาทำอะไร
- บริษัทไม่ได้ไปซื้อที่ดิน แต่มูลค่าที่เพิ่มขึ้นมาคืออุปกรณ์ร้านค้าสาขาต่างๆ

5. ในงบแสดงฐานะการเงิน สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นมาจาก 365 ล้านมาเป็น 471 ล้าน เหตุใดจึงเพิ่มขึ้นมาในปริมาณที่มากขนาดนี้ และการตั้งส่วนลดมูลค่าสินค้าคงคลัง 11 ล้าน คาดว่าเพียงพอหรือไม่
- สาเหตุที่เพิ่มขึ้นมาเนื่องจาก มีการเปิดสาขาใหม่ สต็อกเพื่อขายช่วงปีใหม่ และมีการสต็อกสินค้าจากแบรนด์ใหม่ที่เราซื้อมาด้วย ด้วย ส่วนการปรับลดมูลค่า สินค้าคงเหลือ 11 ล้าน คาดว่าเพียงพอแล้ว

6.ทำไมปี 66 ถึงมีการรับรู้ผลขาดทุนจากเงินลงทุน 57 ล้าน ทั้งๆที่ ปี 65 รับรู้ผลขาดทุนแค่ 5.5 ล้าน
- เนื่องจากทางบริษัทมีเงินสดเยอะจึงนำเงินไปลงทุน โดยจ้างผู้จัดการการลงทุนมาดูแล แต่เนื่องจากช่วงปี 66 หุ้นไม่ค่อยดีมูลค่าหุ้นและกองทุน ลดลง ดังนั้นเวลาปิดงบ จึงต้อง mark to market และรับรู้ผลขาดทุน
หลังจากที่ผ่านไตรมาส 1 มา พอว่าเงินลงทุน มีมูลค่ามากขึ้น ทางบริษัทให้นโยบายแก่ผู้จัดการการลงทุนหากเงินลงทุนมีกำไรก็ควรจะขายทำกำไรออกไปบ้าง

7.บริษัทไปลงทุนต่างประเทศเป็นอย่างไรบ้าง
-เราไปขยายตลาดที่กัมพูชา แค่หนึ่งประเทศ ปีุ 67 คาดว่าจะทำได้แค่ทรงๆ เพราะเศรษฐกิจ กัมพูชา ก็ไม่ค่อยดี

8. ปี 67 บันทึกภาษีจ่าย 31 ล้าน ซึ่งเมื่อคิดเป็น tax rate 24% เหตุใดจึงต้องเสียภาษีเยอะกว่าปกติ
- เนื่องจากมีการด้อยค่าเงินลงทุนในกัมพูชา จากการที่กิจการในกัมพูชา มีผลขาดทุน ซึ่งแนวโน้มปี 67 ก็ยังน่าจะต้องเสีย tax ที่มากกว่าปกติ เช่นเดิม ( CFO อธิบายมาก็ยังงงๆ)

9. นักท่องเที่ยวมาเยอะเลย จะมีผลต่อยอดขายมากไหม
-ดีขึ้นแต่ไม่มาก เพราะ สาขาที่เปิด กทม:ต่างจังหวัด เป็น 40:60 ซึ่งสาขาในกทม.ยอดขายดี แต่ ตจว. ไม่ค่อยมีผลกระทบทางบวก

10.รองเท้าแบรนด์ HAVAIANAS รายได้เป็นไปตามคาดหวังไหม
-แบรนด์นี้ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร เนื่องจากเป็นแบรนด์รองเท้าแตะที่รู้จักกันดีในชาวต่างชาติ ยอดขายดีมากโดยเฉพาะสาขาใน กทม. ซึ่งทางบริษัทคาดหวังว่าในอนาคตจะ contribute รายได้ให้กับบริษัทในสัดส่วนที่สูงกว่านี้ ( ตจว.ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าใดนัก)

11. ทางบริษัทมีการเลือกแบรนด์อย่างไร
- 1.เลือก brand เอง เช่น ACME DE LA VIE และ ฺBARREL
2. เจ้าของแบรนด์อยากเปลี่ยน ผู้จัดจำหน่าย ตัวอย่างเคสนี้คือ แบรนด์ HAVAIANAS
3. เราไปซื้อแบรนด์เอง เช่น O&B

12.บริษัททำ GPM ได้ดีมากในปี 66 จะสามารถรักษา GPM ระดับนี้ได้หรือไม่
- จริงๆ GPM ระดับ 55-56% คือ ระดับปกติที่ควรจะเป็น แต่ในช่วงปี 64-65 ที่เป็นช่วงโควิด เราต้องลดราคาสินค้าจึงทำให้ GPM ทำได้เพียง 50% เท่านั้น

จดมาได้ประมาณนี้ครับ

[kur2519]

'จุลพันธ์' ยัน 'เซเว่น' เข้าเกณฑ์ร้านสะดวกซื้อ ไฟเขียวใช้จ่ายได้รอบแรก

18 เม.ย. 2024 เวลา 18:00 น.

"จุลพันธ์" เผย "เซเว่น-อีเลฟเว่น" เข้าเกณฑ์ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าขนาดเล็ก ใช้จ่ายได้ในรอบแรก บังคับหมุมเงินสองรอบจึงถอนเงินสดได้ ยันใช้เงิน ธ.ก.ส. 1.72 แสนล้าน เป็นไปตามกฎหมาย นโยบายกึ่งการคลังตามอำนาจของรัฐบาล มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตรงเป้า

'จุลพันธ์' ยัน 'เซเว่น' เข้าเกณฑ์ร้านสะดวกซื้อ ไฟเขียวใช้จ่ายได้รอบแรก
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น เข้าเกณฑ์ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งก็อยู่ที่อำนาจของกระทรวงพาณิชย์ในการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าหลายหน่วยงานตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการเอื้อทุนใหญ่

อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์ยกเหตุผลว่า "ร้านสะดวกซื้อ" มีสิทธิเข้าร่วม ซึ่งรัฐไม่สามารถเลือกปฏิบัติได้ว่าจะให้ร้านโชห่วยในชุมชนที่อัปเกรดเป็นร้านสะดวกซื้อตามชุมชน รวมถึงร้านที่เป็นแฟรนไชน์ หากจะตัดสิทธิกลุ่มนี้ทั้งหมดก็ลำบาก และต้องยอมรับว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคไทยนิยมเข้าร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้าอุปโภคบริโภคสอดคล้องกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการบริโภคและการผลิต

โดยตั้งเกณฑ์ให้ต้องมีการหมุนเวียนเงินในระบบอย่างน้อย 2 รอบจึงจะขึ้นเป็นเงินสดได้ สำหรับประชาชนที่ไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ ร้านก็จะต้องนำเงินไปซื้อของต่อกับผู้ผลิตต่อเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนเงินในระบบ ซึ่งร้านที่สามารถจะขึ้นเงินได้ก็จะต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น

"สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนรับสิทธิดิจิทัลวอลเล็ตแล้วจะต้องใช้ครั้งแรกภายใน 6 เดือน ถ้าไม่ใช้จะตัดคืนภาครัฐ และกำหนดร้านค้าถอนเป็นเงินสดได้ภายใน 1 ปี โดยไม่มีการกำหนดยอดการใช้ขั้นต่ำ"

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องจะทำหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตีความ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าขั้นตอนดังกล่าวมีความเหมาะสมและจำเป็นหรือไม่ และยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อไทม์ไลน์ของดิจิทัลวอลเล็ต โดยเตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนเม.ย.นี้

รัฐดำเนินนโยบายกึ่งการคลังตามอำนาจ

ในขณะนี้ส่วนราชการที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลเองก็ไม่ได้เป็นกังวล ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลดำเนินโครงการผ่านหน่วยของรัฐ สถานบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) เป็นการดำเนินนโยบายกึ่งการคลัง ให้ดำเนินการไปก่อนโดยใช้เงินในสัดส่วนที่บริหารจัดการได้ ไม่เป็นภาระ โดยมีการตั้งงบประมาณคืนในปีถัดมา ซึ่งไม่ได้ระบุว่าจะต้องคืนให้กับโครงการใดก่อน อย่างกรณี ยืม ธ.ก.ส.จำนวน 1.7 แสนล้าน แล้วตั้งงบคืนปีละ 8 หมื่นล้าน 3 ปีก็ใช้หมดแล้ว แต่เมื่อตั้งงบใช้คืน ก็ขึ้นอยู่ที่การบริหารจัดการภาระงบประมาณว่าจะเลือกคืนให้โครงการไหนก่อน

ทั้งนี้ เงินที่รัฐบาลจะต้องตั้งคืนให้กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ดำเนินการตามนโยบายกึ่งการคลังที่ั้เป็นไปตามกรอบของวิธีการงบประมาณอยู่แล้ว

ปัจจุบันกรอบการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณตามมาตรา 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ยังอยู่ในกรอบ 32% ของวงเงินงบประมาณ โดยยังไม่มีแผนว่าจะขยายเพิ่ม ทั้งนี้เมื่องบประมาณในปีถัดไปมีผลบังคับใช้ก็จะทำให้ขยายฐานงบประมาณเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันเรื่องที่ต้องทำคือเร่งการทำงานของ 2 คณะอนุกรรมการ ประกอบด้วยคณะอนุกรรมการด้านการตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ โดยมีรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธาน ให้เร่งกำหนดกรอบรายละเอียดโครงการ เตรียมแผนรับมือช่องทางที่อาจเกิดการรั่วไหล

และคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินโครงการฯ ที่มีผมเป็นประธาน จะต้องเร่งรัดการพัฒนาแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการดำเนินโครงการ

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า การเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตนั้นเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยกระชากให้เศรษฐกิจไทยที่อยู่ในภาวะซึมยาวมาโดยตลอด ได้หันหัวขึ้น ซึ่งโครงการนี้เป็นเพียงหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่จะเข้ามากระตุ้น และยังมีมาตรการอื่นๆ อีก ทั้งมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ดึงดูดการลงทุน กระตุ้นการท่องเที่ยวซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งนโยบายเหล่านี้ต้องดูแบบเป็นองค์รวม จะดูแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งไม่ได้ เมื่อประกอบเข้าด้วยกันจึงเป็นปัจจัยที่เพียงพอในการสร้างแรงขับให้ระบบเศรษฐกิจเติบโตต่อไปข้างหน้าได้

โว "ดิจิทัลวอลเล็ต" นวัตกรรมการคลังใหม่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความมั่นใจเพียงใดว่าโครงการจะประสบความสำเร็จ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ผมมั่นใจสูง ด้วยระบบของดิจิทัลวอลเล็ตที่สามารถกำหนดการใช้งานได้ แตกต่างจากการแจกเงินแบบ Helicopter Money หรือโปรยเงินสู่มือประชาชน ซึ่งแนวทางดังกล่าวมีมานานแล้วและประเทศไทยก็เคยทำ ซึ่งสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ระดับนึง แต่มีข้อสงสัยว่ามาตรการดังกล่าวจะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจมากเพียงใด เกิดผลคูณทางเศรษฐกิจอย่างคุ้มค่าหรือไม่

ขณะที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีการใช้กลไกบล็อกเชน จึงเชื่อว่าจะสามารถให้คำตอบเกี่ยวผลลัพธ์ของมาตรการได้

"ถ้าดิจิทัลวอลเล็ตทำสำเร็จ จะเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับโลกในเรื่องการผลิตนโยบายทางการคลัง แม้จะทำยากแต่ก็จำเป็นต้องทำ วันนี้ประเทศไทยต้องการนวัตกรรมทางการเงินและการคลังใหม่ๆ เพื่อเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในอดีตเองก็มีคนตั้งข้อสงสัยเรื่อง นโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค หรือกองทุนหมู่บ้าน แต่นโยบายเหล่านี้ก็ประสบความสำเร็จและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน จึงเชื่อว่าดิจิทัลวอลเล็ตจะเป็นอีกนโยบายหนึ่งที่จะทำให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ กระตุ้นการใช้จ่าย และเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐในการกำหนดนโยบายการคลังอย่างตรงเป้า"

https://www.bangkokbiznews.com/business ... 22793?anf=

"จุลพันธ์" เผย "เซเว่น-อีเลฟเว่น" เข้าเกณฑ์ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าขนาดเล็ก marketcapเกือบจะ 5แสนล้าน 5555

[RnD-VI]

[A19860]

จากตู้กดสั่งเมนู
เต่าบินคาเฟ่ @ เดอะมอลล์บางกะปิ

น่าจะตรียมการขายเมนูต่างๆเหล่านี้ แต่ขึ้นว่าหมดไปก่อน เมนูเยอะ หลากหลายไม่น้อยเลย

[ampare]

พี่ท่านได้ได้เข้า agm บ้างครับ
พอจะแชร์ข้อมูลการประชุมบ้างได้ไหมครับ

https://www.blcplc.com/storage/document ... tes-th.pdf

[Dech]

พรุ่งนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นนะครับ

[Introverted investor]

“มูลค่าและส่วนแบ่งทางการตลาดอุตสาหกรรมประกันในประเทศไทย”
..........................................................
ณ สิ้นปี 2023 อุตสาหกรรมประกันในประเทศไทยนั้นมีมูลค่าตลาดมหาศาลถึง 918,000 ล้านบาท!! แบ่งเป็นมูลค่าตลาดประกันชีวิตประมาณ 633,000 ล้านบาท และมูลค่าตลาดประกันวินาศภัย 285,000 ล้านบาท
...
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และสมาคมประกันชีวิตไทยนั้น คนไทยมากกว่า 60% จากประชากรทั้งหมดยังไม่มีประกันชีวิต!! ไม่มีเครื่องมือสำหรับบริหารจัดการความเสี่ยงในอนาคต
..................................
ขณะที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรทำประกันชีวิตมากที่สุดในโลกนั้นมีกรมธรรม์มากถึง 322 ล้านฉบับ หรือมากกว่าจำนวนประชากรทั้งประเทศถึง 3 เท่า!! (เฉลี่ย 3 กรมธรรม์ต่อคน) มองไปยังกลุ่มประเทศฝั่งยุโรปก็เช่นกันที่ประชากรถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตเฉลี่ย 2 ฉบับต่อคน
..................................
อุตสาหกรรมประกันชีวิตและประกันวินาศภัยจะเติบโตไปได้อีกไกลแค่ไหน? ค่านิยม วัฒนธรรม และวิถีชีวิตนั้นมีส่วนหรือไม่ต่อการขยายตัวของมูลค่าตลาดประกันในประเทศไทย?
..................................
เบี้ยประกันชีวิตรับรวมทั้งหมดของบริษัทประกันชีวิต (22 บริษัท) ในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 633,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยกรมธรรม์ปีแรก 178,000 ล้านบาท และเบี้ยกรมธรรม์ปีต่ออายุ 455,000 ล้านบาท คิดเป็นเบี้ยต่ออายุประมาณ 70% จากมูลค่าเบี้ยทั้งหมด
...
ช่องทางจำหน่ายกรมธรรม์ประกันชีวิตส่วนใหญ่เน้นไปที่การขายผ่านตัวแทน (53%) และผ่านช่องทางธนาคาร (38%) กว่า 90% ของเบี้ยรับรวมทั้งหมดมาจาก 8 บริษัทขนาดใหญ่ที่กินรวบส่วนแบ่งทางการตลาดขนาดมหาศาลดังกล่าวเอาไว้
..................................
ส่วนแบ่งทางการตลาดอุตสาหกรรมประกันชีวิตในประเทศไทย ณ สิ้นปี 2023
...
‘บริษัท เอ ไอ เอ จํากัด’ : (25%) เบี้ยประกันรับรวม 158,000 ล้านบาท
...
‘บริษัท ไทยประกันชีวิต จํากัด (มหาชน)’ : (14%) เบี้ยประกันรับรวม 90,000 ล้านบาท
...
‘บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จํากัด (มหาชน)’ : (14%) เบี้ยประกันรับรวม 90,000 ล้านบาท
...
‘บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จํากัด (มหาชน)’ : (11%) เบี้ยประกันรับรวม 71,000 ล้านบาท
...
‘บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จํากัด (มหาชน)’ : (7%) เบี้ยประกันรับรวม 45,000 ล้านบาท
..................................
มายังด้านของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัย มีมูลค่าประมาณ 285,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นประกันภัยรถยนต์และประกันภัยเบ็ดเตล็ด (สุขภาพ โรคร้ายแรง และอุบัติเหตุ จัดอยู่ในหมวดเบ็ดเตล็ด) มีการคาดการณ์ว่าเบี้ยประกันภัยรับรวมจะเติบโตขึ้นจนมีมูลค่าตลาดมากกว่า 300,000 ล้านบาทในปี 2024 โดยได้รับแรงหนุนจากประกันภัยสุขภาพ อุบัติเหตุ และประกันภัยการเดินทาง ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทุกปี
..................................
ส่วนแบ่งทางการตลาดอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยในประเทศไทย ณ สิ้นปี 2023
...
‘บริษัท วิริยะประกันภัย จํากัด (มหาชน)’ : (14%) เบี้ยประกันรับรวม 40,000 ล้านบาท
...
‘บริษัท ทิพยประกันภัย จํากัด (มหาชน)’ : (12%) เบี้ยประกันรับรวม 34,000 ล้านบาท
...
‘บริษัท กรุงเทพประกันภัย จํากัด (มหาชน)’ : (10%) เบี้ยประกันรับรวม 28,000 ล้านบาท
...
‘บริษัท คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน)’ : (7%) เบี้ยประกันรับรวม 20,000 ล้านบาท
...
‘บริษัท เมืองไทยประกันภัย จํากัด (มหาชน)’ : (6%) เบี้ยประกันรับรวม 18,000 ล้านบาท
..................................
แรงขับเคลื่อนหลักที่จะผลักดันให้อุตสาหกรรมประกันชีวิตและประกันวินาศภัยในประเทศไทยเติบโตต่อไปได้ในอนาคตคือ การที่คนไทยให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินส่วนบุคคลและการวางแผนเกษียณอายุเพิ่มมากขึ้น ไปจนถึงแนวโน้มของสังคมผู้สูงอายุ การใส่ใจต่อสุขภาพ ความเจ็บป่วย และความเข้าใจต่อการบริหารจัดการความเสี่ยง การสร้างหลักประกันแก่ชีวิตในอนาคต
..................................
ขอให้มีความสุขกับการลงทุน ในทุกๆวันนะครับ

...

...