บทความ ของ...คุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 35

บทความ ของ...คุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

:arrow:
วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2548

วิบูลย์ พึงประเสริฐ : มูลค่าของ 'ความโก้หรู'

สมัยนี้เป็นยุคของสังคม "วัตถุนิยม ที่มองคุณค่าของคนทั่วไป จากทรัพย์สินที่มีอยู่ในครอบครอง เรามักจะคิดกันว่าคนที่ขับรถคันโต อยู่บ้านหลังใหญ่ เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับในสังคม มากกว่าคนอื่นๆ คนที่ยังไม่มีก็พยายามขวนขวายหาเงิน เพื่อครอบครองสิ่งเหล่านี้ เพื่อความมีหน้ามีตาในสังคม

ถ้ามีเงินทองมากมายก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่สำหรับคนที่ทำงานกินเงินเดือนประจำในปัจจุบันมักจะพบว่า เงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือนแทบไม่พอค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือแม้กระทั่งผ่อนมือถือ ยิ่งเมื่อพูดถึงการลงทุนแล้ว มักจะมีเหตุผลที่ได้ยินอยู่บ่อยๆ ที่บอกว่า เงินเดือนยังไม่พอใช้เลย แล้วจะมีเงินมาลงทุนได้อย่างไร

แทนที่จะบอกว่าไม่มีเงินมาลงทุน น่าจะถามตัวเองว่าทำไมเราถึงจ่ายเงินซื้อของไปมากมายจนไม่มีเงินมาลงทุนสักที

เหตุผลหนึ่งคือ เราไม่ได้คิดถึง มูลค่า จริงๆ ของสิ่งที่เราซื้อ เช่น เมื่อเราซื้อรถยนต์คันหนึ่งมูลค่า 1 ล้านบาท เรามักจะคิดว่าแค่ผ่อนเดือนละไม่กี่หมื่นบาทเอง หรือไม่ก็คิดว่าถ้ามีเงินมากกว่านี้ก็จะซื้อรุ่นที่โก้หรูที่สุดเท่าที่จะซื้อได้

แต่ในความคิดของ นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า ไม่ได้มองมูลค่าของรถยนต์คันนี้เพียงแค่ 1 ล้านบาทในปัจจุบันเท่านั้น แต่จะมองถึง มูลค่าของความโก้หรู ของรถคันนี้ว่ามีค่าเท่าใด

ถ้านำเงินที่มีมูลค่า 1 ล้านบาทเทียบเท่าราคารถยนต์คันดังกล่าวไปลงทุน สมมติทำผลตอบแทนได้ปีละ 15 เปอร์เซ็นต์ทบต้นทุกปี เงินลงทุนจะมีค่าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกๆ ห้าปี เมื่อเวลาผ่านไปห้าปี เงินก้อนนี้จะมีมูลค่า 2 ล้านบาท ถ้าผ่านไปถึงปีที่สิบ มูลค่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเงิน 4 ล้านบาท!

ขณะเดียวกันเมื่อเวลาผ่านไปสิบปี รถยนต์คันที่ซื้อมาในราคา 1 ล้านบาทอาจจะขายต่อได้ในราคารถมือสองเพียง 3 แสนบาท นั่นหมายความว่า มูลค่าของความโก้หรู ของรถคันนี้มีค่าถึง 3,700,000 บาท! (4,000,000-300,000 บาท) คำนวณจากเงินลงทุนที่ได้ในปีที่สิบหักออกจากราคาขายต่อ

นี่เป็นการคำนวณอย่างคร่าวๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่า มูลค่าของรถยนต์ที่เราคิดว่ามีมูลค่าเพียงแค่ 1 ล้านบาทนั้น ไม่ได้มีมูลค่าอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันแต่อย่างใด ยิ่งสามารถทำผลตอบแทนในการลงทุนได้มากแค่ไหน มูลค่าของความโก้หรูก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ถ้าทำผลตอบแทนได้อย่างวอร์เร็น บัฟเฟตต์ เซียนหุ้นบันลือโลกและเป็นบุคคลที่รวยเป็นอันดับสองของโลก ที่ทำผลตอบแทนจากการลงทุนได้เฉลี่ยปีละ 24 เปอร์เซ็นต์ทบต้นทุกปี เงินลงทุน 1 ล้านบาทในปัจจุบันจะเพิ่มมูลค่าขึ้นสองเท่าในทุกๆ 3 ปี เรามาดูว่าในปีที่เก้า บัฟเฟตต์จะทำผลตอบแทนได้เท่าไหร่

เริ่มต้น เงินลงทุน 1 ล้านบาท

ปีที่ 3 = 2 ล้านบาท

ปีที่ 6 = 4 ล้านบาท

ปีที่ 9 = 8 ล้านบาท

ดังนั้นจากเงินลงทุน 1 ล้านบาทในตอนเริ่มต้นจะงอกเงยจนมีมูลค่าถึง 8 ล้านบาทในปีที่เก้า ถ้ารถยนต์คันเดียวกันขายต่อได้เท่าเดิมที่ 3 แสนบาท มูลค่าของความโก้หรู ของรถคันนี้เป็นจำนวนถึง 7,700,000 บาทเลยทีเดียว

ยิ่งถ้าทำผลตอบแทนได้เทียบเท่าจอร์จ โซรอส พ่อมดทางการเงิน ที่สามารถทำผลตอบแทนจากการลงทุนได้เฉลี่ยปีละ 36 เปอร์เซ็นต์ทบต้นทุกปี เงินลงทุน 1 ล้านบาทจะเพิ่มมูลค่าเป็นสองเท่าทุกๆ 2 ปี ดังนั้นในปีที่สิบเงินลงทุนก้อนนี้จะมีมูลค่าตามข้างล่างนี้

เริ่มต้น เงินลงทุน 1 ล้านบาท

ปีที่ 2 = 2 ล้านบาท

ปีที่ 4 = 4 ล้านบาท

ปีที่ 6 = 8 ล้านบาท

ปีที่ 8 = 16 ล้านบาท

ปีที่ 10 = 32 ล้านบาท

ถ้ารถยนต์คันเดิมยังขายต่อได้ในราคา 3 แสนบาทในปีที่สิบ มูลค่าของความโก้หรู ของรถคันนี้เป็นเงินถึง 31,700,000 บาทเลยทีเดียว!

จะเห็นว่ายิ่งสามารถทำผลตอบแทนในการลงทุนได้มากเท่าใด มูลค่าของความโก้หรูก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น รถยนต์ราคาหนึ่งล้านบาทที่เราเห็นนั้นมีมูลค่าของความโก้หรูตั้งแต่ 3,700,000 จนถึง 31,700,000 บาท! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!

ขณะที่เราขับรถยนต์คันใหม่ป้ายแดงไปทำงานเพื่อหาเงินมาผ่อนรถ แต่วอร์เร็น บัฟเฟตต์ยังขับรถยนต์เก่าๆ ใช้งานมาแล้วกว่าสิบปีหรือแม้แต่จอร์จ โซรอสเองก็นั่งแท็กซี่ไปทำงานโดยไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัว ทั้งๆ ที่ทั้งสองมีเงินมากมายระดับเศรษฐีโลก นั่นเป็นเพราะมุมมองต่อเงินที่ต่างออกไป

ถ้าเราสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่ ให้มองเห็น มูลค่าของความโก้หรูในสิ่งต่างๆ ที่เราคิดจะควักกระเป๋าซื้อ นอกเหนือจากจะช่วยให้เราเข้าใจในสิ่งที่สังคม วัตถุนิยม กำลังหลอกล่อให้เราไปติดกับแล้ว ยังช่วยให้เราเป็น นักลงทุนที่ดี" ขึ้นได้ ถ้าสังเกตดูมูลค่าและผลตอบแทนข้างต้นของทั้งสองเซียนจะเห็นว่า การที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนนั้น จะต้องอาศัย เวลา และ อัตราผลตอบแทน เป็นสำคัญ ส่วนการที่จะ รวยหุ้น ในชั่วข้ามคืนนั้นมีโอกาสน้อยมากทีเดียว

สุดท้ายถ้าเรายังคงใช้จ่ายอย่างไม่ลืมหูลืมตาเพื่อความมีหน้ามีตาในสังคม หรือถ้าทุกวันนี้เรายังไม่ได้คิดถึง มูลค่าของความโก้หรู ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อวันข้างหน้าที่มี "ความมั่นคงทางการเงิน มากกว่าในปัจจุบั
Capo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1067
ผู้ติดตาม: 1

บทความ ของ...คุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เห็นภาพของประโยคที่เคยมีคนสอนมาเลยครับ
คนรวยจะรวยได้ไม่ใช่ด้วยการหาเงินได้เยอะ
ไม่ใช่ด้วยการเก็บเงินได้เยอะ แต่อย่างเดียว

ยังต้องรู้จักใช้เงิน
หรือใช้เงินให้ "เป็น" ด้วย
โพสต์โพสต์