โลกแห่งพลวัต/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1890
ผู้ติดตาม: 311

โลกแห่งพลวัต/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ต้นเดือนมีนาคม บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ไนท์แฟรงค์ได้ออกรายงาน The Wealth Report 2022 ซึ่งได้ออกมาทุกปี รายงานนี้นำเสนอข้อมูลจากการสัมภาษณ์และสอบถามผู้จัดการเงินทุนของลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งสูงในระดับอภิมหาเศรษฐี คือมีความมั่งคั่งเกิน 30 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 980 ล้านบาท ขึ้นไป ซึ่งในการจัดการบริหารความมั่งคั่งเราจะเรียกคนกลุ่มนี้ว่า Ultra High New Worth Individual (UHNWI)

ประมาณว่า ณ สิ้นปี 2021 ผู้มีความมั่งคั่งสูงเหล่านี้ทั่วโลกมีจำนวน 610,568 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 9.3% โดยอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ 233,590 คน เอเชีย 169,889 คน ยุโรป 154,008 คน ออสตราเลเชีย 24,245 คน อเมริการกลางและอเมริกาใต้ 10,337 คน ตะวันออกกลาง 9,717 คน รัสเซียและกลุ่มประเทศสหภาพโซเวียตเดิม 12 ประเทศ 6,542 คน และอัฟริกา 2,240 คน ทั้งนี้คาดว่าในช่วงห้าปีถัดไป คนกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 28%โดยจะเพิ่มมากที่สุดในประเทศในทวีปเอเชียและออสตราเลเชีย ซึ่งจะเพิ่มขึ้นถึง 33%

รายงานได้สอบถามถึงโอกาสในการลงทุนที่คนกลุ่มนี้มองเห็นในปี 2022 นี้ และปีต่อๆไป โดยสัดส่วนของคนในกลุ่มที่มองปัจจัยต่างๆที่มีความสำคัญ มีดังนี้ การนำเทคโนโลยีมาใช้และการปรับเป็นดิจิตัล 84% การลงทุนในหุ้นนอกตลาดและเวนเจอร์แคปิตอล 79% อสังหาริมทรัพย์ 72% หุ้นทุนในตลาด 70% เทคโนโลยีบล็อกเชน 61% การลงทุนแบบรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาลที่ดี (ESG) 52% การส่งมอบความมั่งคั่งสู่รุ่นต่อไป 49% ความโปร่งใสของระบบการเงินโลก 33% การลดระดับของความเป็นโลกาภิวัฒน์ 22% และอัตราดอกเบี้ย 21%

สำหรับด้านความเสี่ยงและประเด็นสำคัญที่กังวล มีการกล่าวถึงดังนี้ เงินเฟ้อ 70%ภาษีและกฎเกณฑ์ 70% โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ 66% นโยบายของรัฐบาลในประเทศของตน 65% อัตราดอกเบี้ย 60% ความขัดแย้ง สงครามและการก่อการร้าย 57% ผลระยะยาวของการระบาดของโควิด-19 56% ปัญหาด้าน supply chain 55% ภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป 53% และปัญหาความเหลื่อมล้ำ 41%

ที่น่าสนใจคือ ไม่ใช่ว่าอภิมหาเศรษฐีทุกคนจะพอใจกับสภาวะความเป็นอยู่ของตนเองในปัจจุบัน เพราะมีถึง 15% ที่วางแผนจะขอพาสปอร์ตเล่มที่สอง หรืออยากจะขอสัญชาติใหม่ ซึ่งคำนวณได้เท่ากับ 91,585 คน โดยให้เหตุผลหลักๆ 3 เรื่อง คือ เลือกที่ซึ่งมี “ความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่า” เป็นสัดส่วน 36% อยากย้ายเพราะ “ภาษี” (ที่เก็บน้อยกว่าประเทศปัจจุบัน) 30% และ “ง่ายและสะดวกกับการเดินทาง” 24%

หลายประเทศก็พยายามดึงดูดอภิมหาเศรษฐีเหล่านี้ไปเป็นพลเมือง หรือไปอยู่อาศัย เพราะนอกจากจะมีการใช้จ่ายซึ่งจะช่วยเศรษฐกิจแล้ว ภาษีจากรายได้ของคนเหล่านี้ก็จะช่วยสนับสนุนงบประมาณของประเทศด้วย พวกเราก็ทราบกันดีอยู่ว่า โควิด-19 ทำให้รัฐบาลของทุกประเทศ หมดเงินไปกับการป้องกัน การรักษา และการเยียวยาไปเยอะมากๆ แถมยังทำให้รายรับเงินภาษีของรัฐหดหายไป เนื่องจากส่วนใหญ่ของทั้งธุรกิจและบุคคล ล้วนแล้วแต่มีกำไรและรายได้ที่ลดลงทั้งสิ้น

ตัวอย่างประเทศที่คนอยากไปอยู่และรัฐก็มีนโยบายเชิญชวนคนไปอยู่ คือสหราชอาณาจักร (อังกฤษ เวลส์ สก็อตแลนด์และไอร์แลนด์เหนือ) เรียกว่า UK Tier 1 Investor โดยหากมีการลงทุน 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 87 ล้านบาท) ก็สามารถยื่นขอเป็นผู้พำนักได้ ดิฉันไปค้นหาข้อมูลมา พบว่ารัฐบาลเพิ่งยกเลิกไปเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 นี่เองค่ะ แต่ผู้ที่ได้วีซ่าประเภทนี้อยู่แล้ว หากอาศัยอยู่ครบ 5 ปี และลงทุน ถึง 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 217 ล้านบาท) สามารถจะยื่นขอพาสปอร์ตสหราชอาณาจักรได้
ในปัจจุบัน สหราชอาณาจักรพยายามดึงดูดนักธุรกิจที่มีนวัตกรรมค่ะ จึงเปลี่ยนวิซ่าพิเศษเป็น Innovator Visa คือวีซ่านักนวัตกรรม หากตั้งบริษัทใหม่ที่มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 50,000 ปอนด์ (ประมาณ 2.2 ล้านบาท) มีแผนธุรกิจ จะสามารถยื่นขอวีซ่าประเภทนี้ได้ สนใจรายละเอียดลองไปหาข้อมูลในเว็ปนะคะ

ไทยเราแม้ไม่ได้ติดอันดับประเทศท้อปที่อภิมหาเศรษฐีจะมาลงทุนหรืออยู่ แต่ดิฉันได้รับการสอบถามมากมายจากผู้บริหารระดับสูงของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในเอเชียว่า ที่อยู่อาศัยในเมืองไทยบริเวณไหนดี จะซื้อเพื่อมาเกษียณอายุที่นี่ และได้รับทราบข้อมูลจากผู้มาใช้บริการ และสนใจประกอบธุรกิจ Health and Wellness ในไทยว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่เหมาะสมที่สุดในการประกอบธุรกิจนี้ ทั้งเรื่องของแหล่งที่ตั้ง ภูมิอากาศ ผู้คนที่มีจิตใจเป็นผู้ให้บริการที่ดีเยี่ยม(โดยธรรมชาติ ไม่ต้องฝืนใจ) ต้นทุนประกอบธุรกิจที่ยังไม่สูง อาหารอร่อยมากและมีความหลากหลาย มีเชฟฝีมือดีจำนวนมาก มีวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ฯลฯ

ดังนั้น หากรัฐบาลจะใช้โอกาสนี้ เชิญชวนเศรษฐี มาซื้อบ้านหลังที่สาม หรือสี่ หรือมาเกษียณอายุงาน หรือเชิญชวนผู้มีความรู้ความสามารถที่อยู่ในวัยทำงานในอาชีพต่างๆ เข้ามาช่วยเป็นกำลังเสริมในยามที่จำนวนประชากรในวัยทำงานของเรากำลังลดลง ด้วยการออกวีซ่าพิเศษให้ และเชิญมาเป็นประชากรของเราหลังจากที่คนเหล่านั้นได้อยู่อาศัยมาพักหนึ่งและประพฤติตัวดี ก็จะช่วยให้เราสามารถวางแผนกำลังคน ประมาณการรายได้ที่รัฐบาลจะได้รับเพิ่มจากภาษีของคนเหล่านี้ จะเป็นอีกแหล่งกำลังงานและกำลังเงินที่สำคัญของสังคมสูงวัยของเราค่ะ

รับประกันว่าจะมีผู้ขอสมัครกันอย่างล้นหลาม ทั้งพลเมืองของประเทศเพื่อนบ้านรอบๆข้าง และประเทศในเอเชีย ทั้งกลุ่มที่เป็นผู้มาเยือนเป็นประจำ หรือเคยมาทำงานในประเทศไทย ดังนั้นต้องตั้งเงื่อนไขให้ดี ให้สามารถคัดเลือกกำลังคนที่จะมาช่วยเราพัฒนาในส่วนที่เราขาดอยู่ และกำลังจับจ่ายใช้สอยจากผู้มีความมั่งคั่ง ที่อยากมาอยู่สบายๆ และระวังการนำไปใช้หาประโยชน์ในทางมิชอบ ต้องตั้งบทลงโทษให้หนัก

พรรคไหนเสนอนโยบายนี้ เลือกตั้งครั้งหน้า ดิฉันจะลงคะแนนให้ค่ะ
โพสต์โพสต์