อวสานของหุ้นเท็ค?/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1892
ผู้ติดตาม: 313

อวสานของหุ้นเท็ค?/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 หุ้น Meta เจ้าของ Facebook เว็บสื่อสังคมที่ใหญ่ที่สุดในโลกตกลงมาถึงประมาณ 26% คิดเป็นมูลค่าของหุ้นที่หายไปประมาณ 7 ล้านล้านบาทซึ่งเป็นการลดลงวันเดียวที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก เหตุผลที่หุ้นตกลงมานั้นเป็นเพราะมีการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ที่ดูเหมือนว่าการเติบโตของบริษัทจะเริ่มถดถอยลง เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ จำนวนคนใช้เฟซบุคในแต่ละวันเริ่มลดลง “เล็กน้อย” เป็นครั้งแรกเนื่องจากคู่แข่งอย่างเช่น “ติ๊กต็อก” และอื่น ๆ กำลังเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของคนรุ่นใหม่ที่เห็นว่าเฟซบุคนั้นเริ่ม “ตกยุค” นอกจากนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องของกฎ “ความเป็นส่วนตัว” ของผู้ใช้โทรศัพท์ที่อาจจะทำให้การโฆษณาที่เป็นรายได้หลักของเฟซบุคถูกกระทบและมีผลต่อผลประกอบการในอนาคตของบริษัทด้วย

อย่างไรก็ตาม รายได้และกำไรของบริษัททั้งปี 2564 ก็ยังเพิ่มขึ้นถึง 37% และ 35% ตามลำดับ และนี่ก็เป็นเรื่องน่าตกใจมากที่หุ้นเท็ค “แห่งอนาคต” ที่ประกาศจะสร้าง “เมตาเวอร์ส” หรือ “โลกเสมือน” ที่คนทั้งโลกอาจจะเข้าไปใช้ชีวิตได้ มีราคาหุ้นตกลงมาราวกับว่าบริษัทกำลังเผชิญกับ “วิกฤติ” อย่างกระทันหัน หรือนี่จะเป็นสัญญาณเตือนว่าเป็นการ “จบรอบ” หุ้นเท็คยักษ์ใหญ่ที่มีราคาเพิ่มขึ้นมากมายจนแทบจะครองตลาดหุ้นอเมริกา เพราะหุ้นเท็คที่ใหญ่ที่สุด 5 ตัวคือ เฟซบุค อะมาซอน แอปเปิล ไมโครซอฟท์ และกูเกิล มีมูลค่าตลาดหรือ Market Cap. รวมกันเท่ากับประมาณเกือบ 25% ของหุ้นในดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นทั้งสหรัฐ เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ในช่วงเร็ว ๆ นี้ หุ้นเท็คและหุ้นและสินทรัพย์เก็งกำไรจำนวนมากเช่น เหรียญคริปโต ต่างก็ตกลงมาค่อนข้างแรงอานิสงค์จากภาวะเงินเฟ้อและการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มจะรุนแรงขึ้นมาก

คำถามสำคัญก็คือ นี่จะเป็น “อวสานของหุ้นเท็ค” หรือไม่ แน่นอนว่าหุ้นเท็คนั้นก็คงจะต้องอยู่กับเราต่อไปอีกนานเท่านาน ไม่มีทางที่มันจะล้มหายตายจากไป รวมถึงการเปลี่ยนตัวบริษัทผู้นำก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็วเพราะบริการหรือผลิตภัณฑ์มักจะมี “Network Effect” หรือมีเครือข่ายที่ทำให้ลูกค้าไม่หนีไปไหนแม้ว่าลูกค้าใหม่ ๆ อาจจะไม่เพิ่มขึ้นเร็วแล้วเพราะตลาดเริ่ม “อิ่มตัว” และคู่แข่งใหม่ ๆ ที่เข้ามาเสนอสิ่งใหม่ ๆ ที่สามารถ “แย่งเวลา” ไปจากสินค้าหรือบริการเดิม ๆ ได้ ตัวอย่างเช่น “ติ๊กต็อก” ที่สามารถจับตลาดของคนรุ่นใหม่ได้ดีกว่า ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่เป็นการอวสานในแง่ของตัวบริษัทหรือกิจการของบริษัทเท็คขนาดใหญ่อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่ควรจะคิดก็คือ ถ้ามองในฐานะของ “หุ้น” เท็คขนาดใหญ่ที่มีผลงานดีเยี่ยมมานาน มันถึงเวลา “หมดรอบ” หรือ “อวสาน” หรือยัง?

ผมเองคิดว่าช่วงเติบโตเร็วแบบ “Super Growth” ของหุ้นเท็คโดยเฉพาะที่เป็นแนว “ดิจิทัล” นั้น น่าจะใกล้พีคหรือไปถึงจุดสุดยอดแล้ว และ “ตัวเร่ง” การเติบโตก็คือ โควิด-19 ที่ทำให้คนทั้งโลกต้องหันมาใช้บริการของบริษัทใหญ่ ๆ เหล่านั้นทันที รอช้าไม่ได้ ผลก็คือยอดขายและกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นมากและหลังจากวันนี้ที่โควิดคลี่คลายลง การใช้บริการก็จะเพิ่มต่อไม่ได้เร็วอีกต่อไปนอกเสียแต่ว่าจะมีผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ เช่นเรื่องของเมตาเวอร์สหรืออินเตอร์เน็ตออฟธิงค์ที่ทำให้เครื่องใช้และสิ่งต่าง ๆ สามารถติดต่อกันเองได้ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าสิ่งเหล่านั้นน่าจะค่อย ๆ เกิดขึ้นมากกว่า

ดังนั้น ผมคิดว่าช่วงเวลานี้น่าจะเป็นช่วงของการปรับตัวลงของหุ้นเท็คที่เคยดีมานานและดียิ่งขึ้นในช่วงโควิด-19 จะเรียกว่าเป็น “อวสานของหุ้นเท็ค” ก็น่าจะได้ แต่จะต้องเข้าใจว่านี่ไม่ใช่บริษัทแย่ลงหรือมีบทบาทน้อยลงในเศรษฐกิจโลก แต่เป็นเรื่องของราคาหุ้นที่อาจจะขึ้นเกินเลยไปมากและการเติบโตของบริษัทที่จะโตช้าลง ประกอบกับการที่ต้นทุนของเงินหรืออัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้นักลงทุนขายหุ้นซึ่งจะทำให้หุ้นเท็คปรับขึ้นได้ยาก บางตัวอาจจะตกลงอย่างหนัก โดยที่เฟซบุคเป็นตัวอย่างที่เด่นชัด แต่สิ่งที่คนอาจจะไม่ตระหนักก็คือ “หุ้นเท็คจีน” ที่ลงนำไปก่อนแล้วและลงมากกว่าเฟซบุคด้วยซ้ำ

คำถามสำคัญต่อมาก็คือ เราควรขายหุ้นเท็คหรือไม่ คำตอบของผมก็คือ ขึ้นอยู่กับราคาเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นฐานที่แท้จริงของหุ้นเท็คแต่ละตัว การตกลงมาของหุ้นเท็คยักษ์ใหญ่หลายตัวซึ่งรวมถึงหุ้นเท็คของจีนน่าจะทำให้หุ้นเท็คบางตัว “ไม่แพงอีกต่อไป” และถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่โตเร็วมากเหมือนในอดีตอีกแล้วแต่มันก็น่าจะสามารถรักษาสถานะที่เป็นอยู่ได้พร้อม ๆ กับการเติบโตบ้างโดยเฉพาะจากการสร้างบริการและผลิตภัณฑ์ไฮเท็คใหม่ ๆ โดยอาศัยทรัพยากรโดยเฉพาะเงินสดที่มีอยู่มหาศาลต่อสู้กับคู่แข่งใหม่ ๆ หรือไม่ก็ซื้อธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพที่จะโตเร็วในอนาคต พูดง่าย ๆ ผมคิดว่าหุ้นเท็คขนาดใหญ่นั้นกำลังกลายเป็น “หุ้นแข็งแกร่ง” ที่จะไม่มีใคร Disrupt หรือทำลายล้างได้ง่าย ดังนั้น ถ้าราคาหุ้นสมเหตุผล ก็สามารถลงทุนได้อย่างน่าจะปลอดภัยพอสมควร

ลองมาดูหุ้นเท็คยักษ์ของโลกว่าถูกแพงแค่ไหน เริ่มตั้งแต่เฟซบุคที่ราคาต่ำลงมามาก คือลดลงจากจุดสูงสุดถึงประมาณ 37% และค่า PE อยู่ที่ประมาณ 17 เท่า หรือ EP เท่ากับ 5.9% ซึ่งแปลว่าลงทุนหุ้นตัวนี้ ถ้ากำไรในระยะยาวไม่ลดลงก็จะได้ผลตอบแทนไม่น้อยกว่าปีละประมาณ 5.9% ก็ดูไม่แพงเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่แม้ว่าจะกำลังเพิ่มขึ้นแต่ก็อาจจะไปได้ไม่เกิน 4-5% ในระยะยาว

หุ้นอะมาซอนมีค่า PE ที่ 62 เท่า และราคาก็ลดลงจากจุดที่เคยสูงสุดประมาณ 15-16% ในช่วงปีที่แล้ว ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังมองว่าเป็นหุ้นซุปเปอร์โกรทที่สามารถโตต่อไปได้อีกมาก รวมถึงอาจจะเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้บริหารที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น การทำร้านค้าปลีกเช่นสะดวกซื้อหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ไม่ต้องมีคนขายหรือคนคิดเงิน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การที่หุ้นมีราคาแพงมากนั้น ถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือผิดคาดแม้แต่นิดเดียวก็อาจจะทำให้หุ้นถูกเทขายได้ง่ายเหมือนอย่างเฟซบุค ดังนั้น ผมเองคิดว่าหุ้นมีความเสี่ยงสูงเกินกว่าที่จะรับได้โดยเฉพาะสำหรับคนที่เป็น VI ที่อนุรักษ์นิยม

หุ้นแอปเปิลซึ่งเดี๋ยวนี้กลายเป็นหุ้นยอดนิยมของวอเร็น บัฟเฟตต์นั้น ตกลงมาน้อยมากในรอบนี้ และต่ำกว่า All Time High แค่ 5-6% มีค่า PE ประมาณ 29 เท่า ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกแต่ก็ไม่ถือว่าแพง เหตุเพราะว่าสถานะของผลิตภัณฑ์และบริษัทมั่นคงมาก ว่าที่จริงในช่วงแรกที่บัฟเฟตต์เข้าถือหุ้นตัวนี้ มันแทบจะเป็นหุ้น Value ด้วยซ้ำ เพราะค่า PE ตอนนั้นน่าจะไม่เกิน 13-14 เท่า และมีเงินสดมหาศาล บัฟเฟตต์ไม่ได้คิดว่ามันขายความเป็นไฮเท็ค เพราะว่าโทรศัพท์ของแอปเปิลนั้นเป็น “ไลฟ์สไตล์” ไปแล้ว

หุ้นไมโครซอฟท์นั้น คล้าย ๆ กับหุ้นแอปเปิลในแง่ที่ว่าผลิตภัณฑ์และบริษัทแข็งแกร่งมากและความเสี่ยงที่จะถูก Disrupt น้อยมาก ค่า PE ที่ประมาณ 33 เท่า นั้นน่าจะสมเหตุผล อย่างไรก็ตาม การเติบโตต่อไปเร็ว ๆ ก็คงจะยาก และอุปสรรคของราคาหุ้นที่จะขึ้นไปก็คือภาวะดอกเบี้ยที่กำลังปรับตัวขึ้นซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นที่ขึ้นมามาก ๆ ในช่วงที่ผ่านมาไปต่อได้ยากเช่นกัน

หุ้นกูเกิลหรือหุ้นอัลฟาเบ็ท นั้นดูเหมือนว่าปรับตัวขึ้นมาตลอดและแทบจะไม่ตกเลย คนจำนวนมากคงจะคิดว่าผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะเวบกูเกิลนั้นหาคู่แข่งยากมากและคนที่จะใช้ก็น่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่ต้องศึกษาหาข้อมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเดี๋ยวนี้ถ้าอยากจะรู้อะไรก็ต้องถาม “อากู๋” ดังนั้น ค่า PE ที่ประมาณ 26 เท่าจึงดูไม่แพงและน่าจะลงทุนระยะยาวได้

หุ้นอาลีบาบาของจีนนั้น ตั้งแต่มีข่าวรัฐบาลจีนเข้ามา “จัดระเบียบ” ก็ตกเอา ๆ จนล่าสุดเหลือเพียงประมาณ 122 เหรียญสหรัฐ ตกลงมาจากจุดสูงสุดถึง 61% และทำให้ค่า PE เหลือเพียง 17 เท่า ทั้ง ๆ ที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทก็คล้าย ๆ กับอะมาซอนที่ยังมีโอกาสโตอีกมาก ดังนั้น หุ้นตัวนี้อาจจะกลายเป็นหุ้น Value ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม การมีเรื่องกับรัฐบาลนั้นเป็นความเสี่ยงที่สำคัญมากและคาดการณ์ได้ยากโดยเฉพาะเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเด็ดขาดและอยู่ภายใต้คนคนเดียวหรือไม่กี่คน

หุ้นเทนเซนของจีนซึ่งทำทางด้านสื่อสังคมคล้ายเฟซบุคนั้นก็คงคล้ายกับหุ้นอาลีบาบาแต่ตกลงมาจากจุดสูงสุดน้อยกว่าที่ประมาณ 37% มีค่า PE ที่ 20 เท่า สูงกว่าเฟซบุคเล็กน้อยแต่ก็ดูไม่แพงเมื่อเทียบกับหุ้นทั่วไปที่รวมถึงหุ้นไทย ดังนั้น นี่ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่พอลงทุนได้แม้ว่าตลาดหุ้นจีนยังมีปัญหา

ทั้งหมดนั้นก็คือหุ้นเท็คขนาดใหญ่ที่ตอนนี้เปลี่ยนภาพไปมาก จากการเป็นสิ่งที่เข้าใจและคาดการณ์ได้ยากและราคาแพงมาก กลายเป็น “หุ้นแข็งแกร่ง” ที่มีราคาที่ “จับต้องได้” และในไม่ช้าก็จะเป็นหุ้นที่ “ลงทุนง่าย” สำหรับทุกคน เช่น ผ่าน “DR” ซึ่งเป็นตราสารแทนหุ้นที่ซื้อขายได้ในตลาดหุ้นไทย
miracle
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 18398
ผู้ติดตาม: 75

Re: อวสานของหุ้นเท็ค?/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

คำถามที่น่าคิดคือ
google หรือ Alphabet นั้นมี Anroid OS ยังลูกพี่ลูกคนเรื่องการผูกขาดตลาด ที่มี iOS เป็นที่สอง ถ้าหากโดนเรื่องผูกขาด OS เหมือน MS โดนเมื่อครั้น ที่เป็นสงคราม Brownser ก็ดูไม่จืด งานนี้เลยไปบีบ หัวเว่ยสร้าง OS ร่างอวตารของ Anroid แต่ตัด Google Service ทิ้งทั้งหมด ทำให้ผู้ใช้งานใช้งานยากขึ้นเพื่อ ให้มีคู่แข่งมากขึ้น เลยรอด

ส่วน Facebook หรือ Meta อันนี้โดนเรื่อง data privacy จากด่านยุโรป ที่เป็นต้นตอของการเลือกตั้งสมัยของหัวนิ้ว เลยล่าม จนต้องทำ Metaverse เพื่อต่อยอด ของเดิมไม่งั้นของเดิมโดนทั้งเรื่องกฏหมาย และ เรื่องของ iOS และ Anroid ที่ทำให้เข้าถึงข้อมูลยากขึ้น

ส่วน MS อันนี้ก็ไม่ลอยตัว เพราะ แข่งกันเรื่อง Data Center และการพัฒนา Tools ต่างๆในยุคหน้า ซึ่ง MS โดนทิ้งอยู่ในตอนนี้ ตอนนี้ทุกอย่าง MS เน้นไปที่ Cloud เป็นหลัก แถมตอนนี้ กำลังออก เรื่องของ ให้ anroid มารันบน MS windows ได้อย่างสมบูรณ์ไม่ต้องมี ตัวแปลง (Emu) มาใช้งานแล้ว ทำให้ฆ่าบริษัทที่ทำ เรื่อง Emu ต่อจากเมื่อก่อนหน้านี้ windows defender ก็ฆ่าพวกบริษัท Antivirus ไปพอควร เพราะเป็นของที่ติดมากับ MS windows และ ไม่เพียงแค่นั้น ข้ามจากMS windows ไปยัง Linux ได้อีกต่างหาก งานนี้ หลังจากที่ออกจากยุคมืดของ MS แล้วก่อให้เกิด บริษัท tech อืนถึงเวลาตัวเองมาบางแหละ

ส่วน Apple นั้น เป็น nich market แต่สินค้าหลังๆเริ่ม Wow! ลดลงไปเรื่อยๆ แต่สร้าง Ecosystem ของตัวเอง คือ ใช้ของชิ้นหนึ่งแล้วต่อยอดไปเรื่อยๆ แต่อย่างไรเสีย Entertainment ยังไม่ดีเพียงพอเป็นผู้เล่นรายหลักในแง่ของ Content แต่ Hardware ก็ไม่มีอะไร Wow! อาจจะเริ่มเข้าสู่ยุคอิ่มตัวของ มือถือก็ได้ ต้องหาอะไรต่อยอดต่อไป

โควิค 19 เป็นตัวเร่งที่ทำให้เทคโนโลยีทางไอทีมาก่อนกาลอันควร เลยทำให้ เกิดการเร่งปล่อยของ แถมของบางอย่างต้องรอเทคโนโลยี่อีกต่างหาก ดังนั้นต้องรอดูว่า เวลานี้มันรออะไรหรือเปล่า
รอในที่นี้คือ รอการประมวลผลด้วยตัวอุปกรณ์เอง หรือ รอ ความเร็วในการสื่อสารที่เพิ่มขึ้น หรือ รออย่างอื่นที่กำลังพัฒนาอยู่ นั้นเอง
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
IndyVI
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 17931
ผู้ติดตาม: 934

Re: อวสานของหุ้นเท็ค?/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

อวสานหุ้นเทคโนโลยี?

ถามอีก กับดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร บิดานักลงทุนหุ้นคุณค่าของไทย


https://youtu.be/mUshg3UuLuk

phpBB [video]
Investment success doesn’t come from “buying good things,” but rather from “buying things well.
# Howard Mark #
ภาพประจำตัวสมาชิก
IndyVI
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 17931
ผู้ติดตาม: 934

Re: อวสานของหุ้นเท็ค?/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

FM 96.5 | รู้ใช้เข้าใจเงิน | อวสานหุ้นเท็ค? | 7 ก.พ. 65

คุยกับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

https://youtu.be/I8iNL9LSNt8?t=1280

phpBB [video]
Investment success doesn’t come from “buying good things,” but rather from “buying things well.
# Howard Mark #
miracle
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 18398
ผู้ติดตาม: 75

Re: อวสานของหุ้นเท็ค?/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

สรุปเรื่อง FB หรือ META ที่ร่วงลงไว้ดี ตั้งประเด็นไว้ด้วยว่าทำไมถึงร่วง

phpBB [video]
:)
โพสต์โพสต์