ทรัมป์ร่วง รีพับลิกันล่ม ประชาธิปไตยรุ่ง/กฤษฎา บุญเรือง

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1890
ผู้ติดตาม: 311

ทรัมป์ร่วง รีพับลิกันล่ม ประชาธิปไตยรุ่ง/กฤษฎา บุญเรือง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

การลงคะแนนถอดถอน (impeach) ประธานาธิบดีทรัมป์จากตำแหน่งเป็นครั้งที่สอง นับว่าเป็นประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ครั้งนี้ต่างจากครั้งแรก คือสมาชิกสภาผู้แทนฯ 10 คนด้านรีพับลิกัน ข้ามฝั่งมาร่วมลงคะแนนกับพรรคเดโมแครต

เที่ยงตรงของวันที่ 20 มกราคมที่จะถึงนี้ จะมีพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของ Joe Biden ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมาก เนื่องจากเหตุการณ์ที่สร้างความตระหนกสะเทือนขวัญชาวอเมริกันและประชาธิปไตยทั่วโลกในวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการบุกรุกทำลายทรัพย์สินของรัฐและมีการสูญเสียหลายชีวิต

Biden มีงานใหญ่ท้าทายรออยู่มาก เริ่มจากอันดับหนึ่งคือการควบคุมโควิด-19ให้ได้ เพราะการระบาดสูงขึ้นตลอด CDC คาดว่าอีกสามสัปดาห์ข้างหน้าจะมีการตายเพิ่มอีก 90,000 คน ซึ่งขณะนี้ชาวอเมริกันเสียชีวิตแล้วประมาณ 400,000 คน ยอดผู้เสียชีวิตต่อวันเพิ่มขึ้นประมาณ 4,000คน เรื่องวัคซีนเป็นความหวังของประชาชน หลายบริษัททำได้สำเร็จเป็นที่น่าพอใจ แต่ก็ยังมีความขลุกขลักเรื่องการแจกจ่าย กว่าจะมีภูมิคุ้มกันแพร่หลาย ก็คงใช้เวลาตลอดปีนี้

เศรษฐกิจที่ต้องฟื้นฟู สุขภาพ สาธารณูปโภค คนเข้าเมือง สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น 100 วันแรกของคณะบริหารใหม่ ที่ต้องทำงานหนักและพยายามสร้างความสามัคคีปรองดองในประเทศให้ได้

ชะตากรรมของทรัมป์ขั้นตอนต่อไป ขึ้นอยู่กับการที่ประธานสภาผู้แทนฯจะส่งเรื่องการถอดถอนสู่วุฒิสภา ซึ่งคงเป็นหลังจากวันที่ 20 มกราคมเป็นต้นไป และเป็นองค์ประชุมใหม่ซึ่งพรรคเดโมแครตเป็นฝ่ายคุมเสียงข้างมาก วุฒิสมาชิก 100 คนจะต้องทำหน้าที่เป็นลูกขุนในการตัดสินความผิด (conviction) และหากมีคะแนนเสียงสองในสามหรือ 67คน ตัดสินว่าประธานาธิบดีทรัมป์ผิด ก็จะมีการยื่นมติต่อเนื่องเป็นกฎหมาย ห้ามไม่ให้กลับเข้ามาสู่การเมืองอีก

พันธมิตรของทรัมป์เริ่มตีจาก ธุรกิจต่างๆถอนตัว เลิกสัญญา ผู้ที่เคยสนับสนุนเริ่มเมินเฉยและทอดทิ้ง ธนาคารตัดความสัมพันธ์ ฯลฯ การสืบสวนดำเนินคดีและฟ้องต่อศาลทั้งกรณีแพ่งและคดีอาญาจะรุมเร้าทันทีที่ลงจากตำแหน่ง เริ่มต้นจากอัยการรัฐนิวยอร์กซึ่งเตรียมคดีการเงิน ภาษี ประกันภัย ตามด้วยอัยการของแมนฮัตตัน (Southern District of New York) ด้วยคดีการเงินและการละเมิดกฏหมายการเลือกตั้ง แถมยังมีอัยการ Fulton County รัฐ Georgia ซึ่งกำลังเตรียมคดีเรื่องการแทรกแซงการเลือกตั้ง และคดีหนักที่สุดก็คือการยุยงให้เกิดการจลาจลล้มล้างอำนาจของรัฐในกรณีบุกรัฐสภา ซึ่งโทษจำคุกถึง 20 ปี สมาชิกในครอบครัวและคนใกล้ชิดก็จะมีปัญหาทางกฎหมายเช่นกัน

พรรครีพับลิกันต้องแก้ปัญหาใหญ่ เพราะสูญเสียฐานอำนาจอย่างที่ไม่คาดฝัน โดยการที่มีประธานาธิบดีทรัมป์บริหารประเทศสี่ปี สร้างความแตกแยก ทำให้เกิดวัฒนธรรมของความเกลียดชัง แทบจะกลายเป็นพรรคการเมืองแบบลัทธิศรัทธาบุคคลคนเดียว และมองข้ามอุดมการณ์ที่ยึดถือกันมาตลอด ส่งผลให้สูญเสียสามฐานอำนาจใหญ่คือ 1) พ่ายตำแหน่งประธานาธิบดี 2) กลายเป็นเสียงข้างน้อยของสภาผู้แทน และ 3) สิ้นสุดความเป็นเสียงข้างมากในวุฒิสภา

ความนิยมของฝ่ายรีพับลิกันต่อตัวบุคคลคือทรัมป์ ที่มี 74 ล้านเสียงลงคะแนนให้เขาในวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทำให้นักการเมืองหลายคนเกิดมีความเกรงกลัวว่า ฐานเสียงเหล่านี้จะยังติดพันกับพรรครีพับลิกันไปอีกนาน บางคนจึงไม่กล้าแสดงออก ทั้งที่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะต้องมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมหลายอย่างภายในพรรค เพื่อจะมีโอกาสช่วงชิงอำนาจทางการเมืองกลับคืนมา พรรครีพับลิกันซึ่งเป็นพรรคที่มีฐานเสียงน้อยกว่าพรรคเดโมแครตอยู่แล้ว (ดูได้จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสี่ครั้งที่ผ่านมา คะแนนของรีพับลิกันอยู่ที่ 46-47% เท่านั้น) กำลังมีวิกฤตภายใน แยกทิศทางเป็นสองด้าน กลุ่มสนับสนุนทรัมพ์ก็ยังเหนียวแน่น อีกกลุ่มก็อยากกู้พรรคกลับมาคืน

สำหรับผู้นำใหม่ ว่าที่ประธานาธิบดี Biden ได้ประกาศวันที่ 14 มกราคมเรื่องนโยบายสู้กับปัญหาโรคระบาด สัญญาว่าจะผลักดันงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 1.9 ล้านล้านเหรียญ ประชาชนส่วนใหญ่จะได้รับเงินโดยตรงอีกคนละ $1,400 ซึ่งนับว่าจะมีกระแสเงินสะพัดอีกเป็นจำนวนมหาศาลในช่วงไม่กี่เดือนนี้ (หากนับรวมกับเงินกระตุ้นตั้งแต่เมษายนปีที่แล้ว และจำนวนที่กำลังเสนอในครั้งนี้ ก็จะมีเงินออกจากกองคลังของอเมริกาอัดฉีดในระบบถึง 5.3 ล้านล้านเหรียญ หรือประมาณ 10 เท่าของจีดีพีของประเทศไทย)

กระแสเงินดอลล่าร์จากคลังอเมริกัน เสริมกับเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางของหลายประเทศ อาจเป็นคำอธิบายว่าทำไมดัชนีหุ้นส่วนใหญ่จึงพุ่งขึ้น ทั้งที่มีวิกฤตร่วมกันทั่วโลก บริษัทเทคโนโลยีการสื่อสารและอีคอมเมิร์ซ รวมทั้งธุรกิจพลังงานสะอาดเช่นรถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าต่างๆ กำลังได้การเยียวยา หรืออาจจะเรียกว่าเป็นอาหารเสริมทำให้เข้มแข็งและเติบโตอย่างรวดเร็ว วิกฤตการเมืองของอเมริกานักหนาถึงขนาดนี้ ก็ยังไม่สามารถจะเขย่าขวัญนักลงทุนได้

บทบาทของสหรัฐอเมริกาต่อประชาคมโลกนั้นคล้ายกับความสำคัญของกรุงเทพฯต่อประเทศไทย เหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาส่งผลกระทบชั่วพริบตาทั่วโลกรวมทั้งไทย

เงินดอลล่าร์สหรัฐได้รับความนิยมมาก ถึงขนาดที่ธนาคารกลางของประเทศใหญ่ต่างๆ ใช้เงินดอลล่าร์เป็นทุนสำรองถึง 60% การทำสัญญาหนี้สินทั้งภาคเอกชนและหน่วยงานของรัฐนานาชาติใช้ดอลล่าร์ถึงกว่า 40% สหรัฐอเมริกาและดอลล่าร์สหรัฐอยู่ได้ และมีความนิยมต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่น (confidence) และความเชื่อใจ(trust) เท่านั้น ปัจจัยอื่นมีความสำคัญน้อยมาก การควบคุมการกระจายของเงินตราสกุลต่างๆในระบบการเงิน การธนาคารเป็นสิ่งที่นับวันขาดหลักการและกติกา แต่ขึ้นอยู่กับกลุ่มอำนาจซึ่งมีอิทธิพลเป็นผู้ตั้งกฎเกณฑ์ เราจึงเห็นว่าไม่มีใครสามารถที่จะคาดคะเนอนาคตของเศรษฐกิจโลกได้อย่างแม่นยำ ที่ทำได้ดีที่สุดก็เพียงแค่การเดาให้ใกล้เคียงที่สุดโดยใช้หลักการตามประสบการณ์ที่สะสมไว้และข้อมูลที่มีจำกัด

สหรัฐอเมริกาอาจดูเหมือนมหาอำนาจที่กำลังเสื่อม เพราะภาพลักษณ์จากการบริหารประเทศที่ล้มเหลว และที่เห็นเด่นชัดมากก็คือการขาดนโยบายแห่งชาติและความเป็นผู้นำเรื่องการควบคุมโรคติดต่อ เป็นประเทศที่มีทรัพยากรมากที่สุดกลับกลายเป็นยับเยินที่สุด หลายกลุ่มที่เป็นคู่แข่งและศัตรูกับอเมริกาได้ถือโอกาสนี้ปรับยุทธศาสตร์และโฆษณาชวนเชื่อพาดพิงถึงจุดบกพร่องของระบอบประชาธิปไตย ถึงขั้นที่มีการเสนอทางเลือกโดยใช้ระบบเผด็จการแทนประชาธิปไตยเป็นต้น

อเมริกาซึ่งเป็นตัวอย่างประชาธิปไตยและการค้าแบบเสรีนั้นในความเห็นส่วนตัวของผม ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่นี่กว่า 30 ปี มั่นใจว่าโอกาสการแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด และปรับปรุงระบบโครงสร้างสาธารณูปโภคใหญ่ รวมทั้งปรับความเข้าใจสร้างสมานฉันท์ยังเป็นไปได้มาก อเมริกาเป็นศูนย์รวมของลูกหลานทั่วโลก ประเพณีวัฒนธรรมและความมานะอดทนจากผู้ที่มาตั้งถิ่นฐานใหม่ที่นี่ จะสามารถลุกขึ้นยืนอีกครั้งหนึ่งและก้าวต่อไปได้โดยความเข้มแข็งและมั่นใจ โอกาสในการแข่งขันสร้างศูนย์อำนาจใหม่ทางเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคงของโลก เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนโดยเฉพาะความหวังอยู่ที่ภูมิภาคเอเชียกับกลุ่มRCEP ของอาเซียน 10 ประเทศและพันธมิตรอีก 5 ประเทศเป็นต้น

สหรัฐอเมริกากำลังจะตื่นจากฝันร้าย ประชาชนกำลังตื่นตัวเพื่อปกป้องประชาธิปไตย พิสูจน์ได้จากการใช้สิทธิในการลงคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นจำนวนสูงเป็นประวัติศาสตร์ และชาวอเมริกันได้เลือกผู้นำที่มีคุณธรรมสูง ไทยและอเมริกามีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไทยเป็นตัวอย่างที่ดีมากเรื่องการการบริหารสุขอนามัยและเศรษฐกิจ จึงมีความพร้อมที่จะพัฒนาอย่างรวดเร็วการฟื้นฟูของอเมริกาจะส่งผลบวกต่อมาตุภูมิแน่นอน อเมริกายุคใหม่ ประชาธิปไตยรุ่ง ไทยมุ่งเตรียมรับโชคครับ
โพสต์โพสต์