ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ประเทศไทยได้ A+/กฤษฎา บุญเรือง

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1890
ผู้ติดตาม: 311

ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ประเทศไทยได้ A+/กฤษฎา บุญเรือง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เหลืออีกไม่กี่วันปี ค.ศ. 2020 ก็จะจบลง ดัชนีหุ้นทุกตลาดเพิ่มขึ้น และมีท่าทีว่าจะพุ่งแรงไปจนถึงวันสุดท้ายแห่งปี (Dow 30,303, S&P 500 3,722, Nasdaq 12,764 ; 17 ธฺ.ค.) แม้ยังมีความวุ่นวายของการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา แต่ก็ค่อนข้างแน่ชัดว่า วันที่ 20 มกราคมปีหน้า ประธานาธิบดีคนใหม่จะเข้ามากุมบังเหียน ความมั่นใจเรื่องการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อเมริการะยะสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงความมั่นใจว่าเงินตราจะเพิ่มสะพัดในระบบ ทำให้ไม่กล้าขายหุ้นทิ้งออกจากตลาด ราคาทองคำไม่ได้พุ่งขึ้นสูงอย่างเคยคาดไว้ Bitcoins พุ่งแรงมากเกือบสองเท่า หุ้นของเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและอุตสาหกรรมดิจิตอลต่างๆ มีแนวโน้มจะขึ้นต่อเนื่อง

รัฐสภาสหรัฐอเมริกาและทำเนียบขาว เตรียมการอนุมัติเงินอัดฉีดฉุกเฉินเข้าสู่ระบบอีกประมาณ 9 แสนล้านดอลล่าร์ ตลาดหุ้นตื่นเต้นรอรับ เพราะมีข่าวว่าจะต้องออกมาแน่ไม่เกินสิ้นปีนี้ มีข่าวลือว่าชาวอเมริกันจะได้รับ 600 ดอลล่าร์ต่อหัว

เมื่อประธานาธิบดี Biden เข้ารับตำแหน่ง ครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 2021 คาดว่าจะมีการเพิ่มเงินอัดฉีดเข้ามาอีกประมาณ 3.5-4.5ล้านล้านดอลล่าร์ (เงินจำนวนนี้เป็นงบฯที่ใช้ในการหยุดยั้งโรคระบาดและฟื้นฟูเศรษฐกิจ) หากพรรคเดโมแครตได้วุฒิสมาชิกอีกสองตำแหน่งจากรัฐ Georgia ในวันที่ 5 มกราคม การอนุมัติเงินก้อนใหญ่คงไม่มีปัญหา (สัญญาณที่ดีอีกอย่างก็คือในรัฐบาลชุดใหม่นี้ คณะรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงจะมีสตรีและชนกลุ่มน้อยเป็นจำนวนมาก)

ตลาดหุ้นอเมริกาคงจะพุ่งแรงแน่นอน ดัชนีดาวโจนส์ที่เกิน 30,000 ก็อาจจะปีนถึง 40,000 (Federal Reserve ส่งสัญญาณจะกดดอกเบี้ยไว้ต่ำไปอีกกว่าสองปี)

ที่ต้องระมัดระวังคือความขัดแย้งภายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเกิดจากผลของการบริหารแบบแบ่งแยกตลอดสี่ปีที่ผ่านมา การประท้วงหลายครั้งของผู้สนับสนุนTrump มีการแต่งกายติดอาวุธเพื่อเป็นการข่มขู่ฝั่งตรงข้าม เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่ารัฐบาลชุดใหม่ต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์ร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้

โรคระบาดโควิด ยังเป็นวิกฤติใหญ่อันดับหนึ่งในอเมริกา อัตราการตายต่อวันประมาณกว่า 3,000คน หรือนาทีละหนึ่งคน อัตราการติดเชื้อใหม่กว่า 250,000 คนต่อวัน อเมริกามีประชากรเพียงแค่ 4% ของโลกแต่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตประมาณ 20%

วัคซีนจากสองบริษัท Pfizer & Moderna ได้เพิ่งจะรับอนุมัติให้เริ่มใช้ ชาวอเมริกันประมาณ 20 ล้านคน จะได้รับวัคซีนภายในไม่เกินช่วงสามเดือนนี้ การจัดลำดับก่อนหลังให้ผู้ที่รับวัคซีนก่อนคือ เจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลและอาสาสมัครกองทัพหน้า รวมทั้งผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว แต่กว่าคนส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนก็คงเป็นครึ่งหลังของปีค.ศ. 2021

โรคที่กำลังระบาดอย่างหนักอีกอย่างหนึ่ง และรุนแรงมากกว่าโควิด ก็คือการแพร่ข้อมูลด้วยความรวดเร็วและปริมาณมาก (Social media in internet platform) สาระไม่มีการกลั่นกรอง และไม่มีการตรวจสอบแหล่งที่มา นอกเหนือจากนั้นยังมีการใช้ hacking ตั้งแต่ระดับบุคคลและสังคมจนถึงการแทรกแซงระหว่างประเทศ


สัปดาห์นี้เพิ่งมีการค้นพบ cyberattacks โดยการแทรกซึมจากรัสเซียเข้าไปในระบบสื่อสารของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาทั้งกระทรวงการคลัง กลาโหม สถาบันการเงินใหญ่รวมทั้งธนาคารชาติ การค้นพบการ hacking เกิดโดยบังเอิญเพราะบริษัทเอกชนเจอก่อน จึงแจ้งให้ฝ่ายรัฐที่ร่วมงานกันให้ทราบ น่าห่วงคืองบประมาณการป้องกันเรื่องนี้ที่รัฐบาลอเมริกาใช้หลายหมื่นล้านดอลล่าร์ ไม่ได้ผล กว่าจะรู้ตัวก็เกิดความเสียหายมากแล้ว

Social media เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์หากเรารู้วิธีการใช้ถูกต้อง Internet platform มีคุณค่ามาก แต่ทั้งโลกกำลังประสบกับวิกฤตินี้ กฎหมายตามไม่ทัน และลงเอยที่บริษัทยักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีไม่กี่บริษัทมีอำนาจในการควบคุมเนื้อหา จึงทำให้เกิดความลำเอียงและความไม่ไว้วางใจ มีการขัดผลประโยชน์ ทำให้วิธีการปฏิบัติบกพร่องและไม่ยุติธรรม

การป้อนข้อมูลที่ผิดหรือบิดเบือน ไม่เพียงแต่สร้างความกังวลหรือรำคาญ แต่เป็นความเสียหายอย่างรุนแรง และอาจทำลายแทบทุกอย่างที่เราพัฒนามาถึงจุดนี้ ชาวอเมริกันกำลังแบ่งเป็นสองฝ่าย เลือกบริโภคข่าวและข้อมูลที่สอดคล้องกับความเชื่อที่ตนเองมีอยู่ก่อนแล้ว ไม่รับฟังข้อมูลจากอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อผู้ควบคุมเทคโนโลยีเหล่านี้มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง จริยธรรมก็อาจลดลง ผู้บริโภคข่าวเกิดถลำลึกมาก มีความเชื่อความหลงและความคลั่งไคล้ศรัทธาต่อบุคคล สถาบันหรือความคิดฯลฯ และยึดถือสิ่งเหล่านั้นว่าเป็นความเท็จจริง

ประชาธิปไตยคือกระบวนการเพื่อส่งเสริมให้มีการสนทนาระหว่างประชาชนในประเทศ ประชาธิปไตยไม่ใช่บ้านที่สร้างแล้วครั้งเดียวเสร็จ และเราย้ายเข้าไปอยู่โดยที่ไม่ต้องทำอะไรอีก

ประชาธิปไตย คือ กระบวนการที่ต้องพัฒนาต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง ผู้บริหารประเทศและประชาชนทุกคน ทุกวัยและทุกสถานะเศรษฐกิจและสังคม ต้องปรับตัวตามสถานการณ์ และต้องเตรียมใจและเตรียมสติเพื่อยอมรับการประนีประนอมหาทางอยู่ร่วมกันโดยสันติให้ได้ โดยวิธีใดวิธีหนึ่ง ไม่มีฝ่ายใดจะมีความถูกต้องเสมอไป

มาตุภูมิของเรากำลังจะผ่านปี พ.ศ. 2563 ไปได้โดยที่ไม่บอบช้ำมาก การควบคุมผลเสียหายจากโรคระบาดโควิด ที่มีประสิทธิภาพมาก เป็นหลักฐานของความสามารถและวินัยของชาวไทย เศรษฐกิจที่เปราะบางแต่ไม่แตกร้าว อีกไม่นานก็จะฟื้นฟู

ปีนี้โดนทดสอบกันทั่วโลก ไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ได้เกรด A+

ปีหน้าฟ้าใหม่ แม้จะมีการระบาดอีกครั้ง มลภาวะกลับมาตามฤดู การเมืองร้อน การค้าเย็น ฯลฯ เรามาเตรียมตัวรับมือ ทำให้ปีพ.ศ. 2564 นำความสุขสงบ สุขภาพดีและเศรษฐกิจพอเพียง ให้ประชาคมโลกรู้ว่าเรา A+ ของแท้ครับ
โพสต์โพสต์