นโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Joe Biden #46/กฤษฎา บุญเรือง

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1890
ผู้ติดตาม: 311

นโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Joe Biden #46/กฤษฎา บุญเรือง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

หลังจากการเลือกตั้งครั้งใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ผ่านมาประมาณสองสัปดาห์ ถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ผลการเลือกตั้งออกมาชัดเจนว่า Joe Biden จะรับตำแหน่งประธานาธิบดี เที่ยงตรงวันที่ 20 มกราคมปีหน้าค่อนข้างแน่นอน ขอแสดงความยินดีกับท่าน Biden ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเป็นจำนวน 79,513,515 คน จำนวนผู้ใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าเป็นประวัติการณ์

ปกติช่วงส่งมอบอำนาจจากทีมของประธานาธิบดีปัจจุบัน และผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาแทน จะมีการประสานงานโดยละเอียด เพื่อให้มีความต่อเนื่อง โดยเฉพาะความมั่นคงและเศรษฐกิจ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนประเพณีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะความเป็นจริงในปัจจุบันของโลก ซึ่งไม่สามารถจะเอากฎเกณฑ์เก่ามาใช้ได้ ประธานาธิบดี Trump ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และประกาศต่อสู้ทางกฏหมายโดยการฟ้องศาลต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่คดีถูกปฏิเสธ เนื่องจากไม่มีมูลและไม่มีหลักฐานตามที่อ้าง โอกาสที่จะพลิกผลการเลือกตั้งนั้นแทบจะไม่มีเลย

จึงน่าจะวิเคราะห์ได้ว่า การสร้างความโกลาหลและถ่วงเวลาการประสานงานเพื่อมอบอำนาจ คงเป็นเพราะเหตุที่อยากสร้างกระแสการเมือง รวมกลุ่มของผู้สนับสนุนเพื่อสร้างธุรกิจบางอย่าง เป็นกำลังทรัพย์ และปูพื้นในการควบคุมพรรครีพับลิกัน และอาจหวนกลับมาสมัครชิงตำแหน่งอีกภายในสี่ปีข้างหน้า

สหรัฐอเมริกายังจมปลักกับภาวะวิกฤตที่สลัดไม่ออก คือเรื่องโรคระบาด COVID-19 ที่คร่าชีวิตประชากรไปแล้วเกินกว่า 250,000 คน ยอดการติดเชื้อกว่า 60,000 คนต่อวัน และการเสียชีวิตสูงมากเพิ่มขึ้น ทำลายสถิติเดิมหลายครั้ง ทำให้ระบบการแพทย์พยาบาลกำลังย่ำแย่ ปัจจุบันผู้ประกอบอาชีพแพทย์และพยาบาลตัดสินใจออกจากงานแล้ว เป็นจำนวน ประมาณ 8% Physicians Foundation รายงานว่าแพทย์ปิดคลินิคไปแล้วถึง 16,000 แห่ง สถานศึกษาที่ได้พยายามเปิดบ้าง เมื่อเริ่มต้นปีการศึกษาเดือนสิงหาคม-กันยายน ขณะนี้ส่วนใหญ่ต้องประกาศยกเลิกการเรียนในสถาบันและกลับไปเรียนที่บ้านเหมือนเดิม หลายเมืองใหญ่ในอเมริกากลับไปล็อกดาวน์อีก ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ สนามกีฬา ฯลฯ ปิดอีกครั้ง

แม้ว่าจะมีข่าวดีว่า สองบริษัทยักษ์ใหญ่ Pfizer & Moderna ประสบความสำเร็จในการผลิตและทดสอบวัคซีนขั้นต้น ซึ่งมีประสิทธิภาพเกินกว่า 90 ถึง 95% ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นอเมริกาตอบสนอง หุ้นขึ้นสูง (ดัชนี DOW เมื่อปลายตุลาคมเท่ากับ 26,925 มาถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน ขึ้นมาที่ 29,352) ควบคู่กับความมั่นใจว่า President-elect Biden จะช่วยนำความปกติสู่บรรยากาศการเมือง อย่างที่อเมริกามีความคุ้นเคย ดัชนีหุ้นกำลังเลียบเคียงอยู่ที่ 30,000 และมีการคาดการณ์ว่าภายในหนึ่งปีอาจจะขึ้นถึง 40,000

ขอแนะนำนโยบายของ Biden โดยสังเขปครับ

สุขภาพ - ขยายการประกันสุขภาพ ให้ประชาชนมีโอกาสรับการรักษาพยาบาลกว้างขึ้น โดยรัฐให้ความยุติธรรม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย Affordable Care Act (Obamacare)จะให้บริการ 97% ของประชากร ใช้เงิน $ 750,000 ล้าน ภายใน10 ปี ลดอายุของการประกันสุขภาพคนชราจาก 65 เป็น 60 และผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อยาจากต่างประเทศได้โดยตรง

โควิด - ให้วิทยาศาสตร์การแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้นำ ควบคุมการระบาดอย่างจริงจัง และไม่ปฏิเสธวิทยาศาสตร์เหมือนผู้นำปัจจุบัน (ขณะนี้มีการประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและเอกชนแล้ว ทั้งที่ยังไม่รับตำแหน่ง แต่ประกาศว่ารออีกไม่ได้ เพราะปัญหารุนแรงเพิ่มขึ้นทุกวันและรัฐบาลชุดปัจจุบันเพิกเฉย)

ความเสมอภาคเรื่องรายได้ - ปัจุบันสตรีโดยเฉลี่ยได้รับรายได้เพียงประมาณ 82% ของผู้ชาย สตรีผิวดำได้รับ 62% และผิวสีอื่น 54% ช่องว่างนี้จะต้องปิดลง เพราะทุกคนควรได้เท่าเทียมกัน

สิทธิของสตรีต่อร่างกายของตน - สตรีมีสิทธิ์ตัดสินใจในการตั้งครรภ์และการมีลูก ไม่ให้รัฐเข้ามาแทรกแซง

การรักษากฎหมาย อาชญากรรม และการลงโทษ - จะปฏิรูปด่วน เรื่องมีการคุมขังมากเกินกว่าเหตุ ทำให้สูญเสียทั้งเศรษฐกิจและสังคม อเมริกาเป็นประเทศที่คุมขังมากที่สุดในโลก ไม่ยุติธรรมต่อชนกลุ่มน้อย และจะเสนอยกเลิกการประหารชีวิต

LGBTQ+rights - จะให้สิทธิเท่าเทียมกันกับทุกเพศโดยไม่มีข้อยกเว้น รวมทั้งการเป็นทหาร

พลังงานและสิ่งแวดล้อม - เรื่องนี้เป็นเรื่องด่วนที่สุด วันแรกของการรับตำแหน่ง จะมีการประกาศกลับเข้าร่วมสนธิสัญญาการปกป้องคุ้มครองสิ่งแวดล้อมปารีส เร่งเปลี่ยนพลังงานจากน้ำมันและถ่านหินเป็นพลังงานหมุนเวียน 100% เสนองบประมาณ 2 ล้านล้านเหรียญ เพิ่มการวิจัยและลงทุนในเทคโนโลยีที่ประหยัดพลังงานและลดมลภาวะ เพิ่มงานด้านนี้หลายล้านตำแหน่ง

คนเข้าเมือง - จะเลิกการปฎิบัติอย่างรุนแรงต่อผู้ที่เข้าเมืองโดยไม่มีวีซ่า หรืออยู่ในอเมริกาอย่างผิดกฎหมายการเข้าเมือง และจะหาทางให้คนเหล่านี้ประมาณ 11 ล้านคน มีสิทธิในการอยู่อย่างถาวร และเป็นประชากรอเมริกันได้ มีการจ่ายภาษีถูกต้องและได้รับสิทธิต่างๆเท่าเทียมกับชาวอเมริกันปัจจุบัน รวมทั้งจะไม่มีการส่งกลับเด็กซึ่งพ่อแม่พาเข้ามาในอเมริกาก่อนอายุ 16 ปี จำนวนประมาณ 800,000 คน เพราะอเมริกาคือบ้านของเขา

เศรษฐกิจ - จะไม่เพิ่มภาษีผู้มีรายได้ต่ำกว่า 400,000 เหรียญต่อปี แต่จะเพิ่มภาษีบริษัทจาก 21%ให้กลับไปเท่าเดิมที่ 28% (Trump ลดจาก 28% เป็น 21%) จะเน้นการส่งเสริมธุรกิจขนาดย่อม ลดภาระหนี้สินค่าเล่าเรียนของนักศึกษา และเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุหรือผู้เกษียณเดือนละ 200 เหรียญ

การพาณิชย์ - จะส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปรับปรุงการพาณิชย์กับจีน โดยกติกาที่โปร่งใสแต่เคร่งครัด เพิ่มการค้ากับยุโรปและประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ฯลฯ ส่งเสริมและปฏิรูป WTO

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ - นำอเมริกากลับสู่บทบาทของการเป็นผู้นำของโลก รื้อฟื้นข้อตกลงสำคัญต่างๆที่อเมริกาเคยสัญญากับพันธมิตร แต่ถูกยกเลิกไปในสี่ปีที่ผ่านมา ปรับปรุงความสัมพันธ์กับพันธมิตร ให้ความสนใจกับทวีปอเมริกาใต้และหาช่องทางเปิดความสัมพันธ์กับประเทศสังคมนิยมในภูมิภาค โดยเฉพาะคิวบา

ความปลอดภัยเรื่องปืน - จะปิดช่องโหว่ของกฎหมายที่ทำให้อาชญากรมีโอกาสซื้อปืน และมีการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องการซื้อปืนอย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากกว่าปัจจุบัน รัฐฯจะใช้งบประมาณในการซื้ออาวุธปืนที่มีคุณภาพการทำลายสูงออกจากชุมชนเพื่อทำลายทิ้ง

สาธารณูปโภค - จะทุ่มการลงทุนใหญ่ภายใน 10 ปีกว่า 2 ล้านล้านเหรียญ “ The Greening of the US Economy” สร้างระบบถนน Highway Trust Fund จะถือโอกาสเริ่มที่บริษัทต่างๆที่มาร่วมงานด้านนี้ ให้เป็นตัวอย่างของการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 15 เหรียญต่อชั่วโมง

การศึกษา - ยกเว้นค่าเล่าเรียนในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ให้กับนักศึกษาที่มาจากครอบครัวมีรายได้ไม่เกิน 125,000 เหรียญต่อปี

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประธานาธิบดี Trump ยังมีอำนาจตามกฎหมายในการบริหารประเทศอยู่ และอาจเกรงกลัวเรื่องการลงจากตำแหน่ง เพราะปัญหาทางกฎหมายหรือเศรษฐกิจส่วนตัว เราจึงต้องติดตามข่าวใกล้ชิด เพราะอาจมีเหตุการณ์พลิกผันได้เสมอ เช่น ข่าวลือว่าอเมริกาจะไปโจมตีอิหร่าน การประกาศกฏข้อบังคับใหม่ เช่นกำแพงภาษี การเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ระดับสูง การใช้วิธีพลิกแพลงเพื่อยืดเยื้อไม่มอบอำนาจตามวันที่กำหนดไว้ ต่างๆเหล่านี้ อาจทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจ และใช้วิธี”ขายหุ้นทิ้งก่อนแล้วจึงถามทีหลัง”

ปี ค.ศ. 2020 ทุกประเทศในโลกถูกทดสอบ ขณะนี้โรคระบาดกลับมาเพิ่มขึ้นอีกในหลายประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรปเศรษฐกิจในภาพรวมของโลกยังไม่น่าไว้วางใจ สหรัฐอเมริกาปีนี้โดนหนักมาก เจอศึกหลายด้าน แต่ผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นนิมิตหมายดี ชาวอเมริกันออกมาประกาศเจตจำนงว่าต้องการเดินทางใปทิศใหม่ เรามองโลกในทางบวก ภาวนาให้การเปลี่ยนช่วงของอเมริกาผ่านไปได้ ร่วมมือประสานงานกันทั้งโลกแก้ปัญหาทีละเปลาะ เราต้องทำได้แน่นอน อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะได้เริ่มปีใหม่ฟ้าใหม่แล้วครับ
โพสต์โพสต์