ราชาการ์ตูน/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1892
ผู้ติดตาม: 313

ราชาการ์ตูน/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    พูดถึงภาพยนตร์การ์ตูนแล้วคงไม่มีใครที่จะมีชื่อเสียงมากไปเกินกว่า วอลต์ ดิสนีย์ ในสัปดาห์นี้เราจะไปดูข้อมูลและเรื่องราวของบริษัทนี้กันค่ะ

    วอลต์ ดิสนีย์เป็นนักเขียนกการ์ตูนที่มาจากเมืองแคนซัสซิตี้ มลรัฐแคนซัส ในปี พ.ศ. 2466 เขาได้นำการ์ตูนเรื่อง “เมืองมหัศจรรย์ของ อลิซ” ( Alice’s Wonderland) มายัง California และได้รับการเซ็นสัญญากับ  M. J. Winkler ให้ผลิต Alice Comedies เขาจึงก่อตั้งบริษัท ”Disney Brothers Cartoon Studios” ในวันที่ 16 ตุลาคม 2466 โดยผลิตการ์ตูนทั้งหมดสี่ปี  

    หลังจากนั้นในปี 1927 เข้าได้รับการเซ็นสัญญาให้ผลิต ”Oswald the Lucky Rabbit” จำนวน 26 ตอนและในตนเองผู้เผยแพร่ได้หักหลังเขาหรือไปแอบเซ็นสัญญากับคนทำงานของเขา เมื่อ วอลต์ ดิสนีย์มาดูสัญญาจึงพบว่า สัญญาครั้งแรกที่เขาเซ็นกับนายทุนนั้นทำให้ลิขสิทธิ์ตกเป็นของนายทุนผู้เผยแพร่ หลังจากนั้นมา เขาจึงมุ่งมั่นว่าต้องเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ทุกอย่างที่ทำขึ้น

    เขาย้ายออฟฟิศไปฮอลลีวู้ด และคิดตัวคาแรกเตอร์ใหม่คือมิกกี้เมาส์ ซึ่งมีบุคลิกลักษณะเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าและเขายังทำหนังการ์ตูนอีกสองเรื่องแต่ขายไม่ได้เพราะเป็นหนังเงียบ ไม่มีเสียง

    เขาสร้างหนังเรื่องที่สามคือ Steamboat Willy เป็นภาพยนตร์มีเสียง เปิดตัวในนิวยอร์กเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2471 และในวันนั้น มิคกี้ก็ได้เกิดในโลกบันเทิง

    การ์ตูนเรื่องแรกของเขาที่เป็นสีคือเรื่อง Flowers and Tree ได้รับรางวัลออสการ์การ์ตูนยอดเยี่ยมในปี 2475

    ในทศวรรษนั้นภาพยนตร์การ์ตูนของวอลต์ ดิสนีย์ได้รางวัลออสการ์ทุกปี

    จากนั้นเขาจึงเริ่มขายสินค้าโดยเริ่มจากการพิมพ์รูปมิกกี้เมาส์ลงบนดินสอ และตามมาด้วย ตุ๊กตา ถ้วยชาม แปรงสีฟัน วิทยุ ฯลฯ

    เขาจัดพิมพ์หนังสือมิคกี้และการ์ตูนช่องในหนังสือพิมพ์ครั้งแรกในปี 2473

    ปี 2477 ดีสนีย์ทำภาพยนตร์สำหรับฉายในโรงภาพยนตร์คือ “สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด” ใช้เวลาสร้างสามปี เสร็จในปลายปี 2480 ปรากฏว่าเป็นภาพยนตร์ยอดฮิต ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จนกระทั่งถูก Gone With the Wind มาลบสถิติในภายหลัง

    ในตอนที่กิจการกำลังเดินไปได้ด้วยดีนั้น ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น เมื่อพิน็อคชิโอ และแฟนตาเซีย ออกฉายในปี 2483 ต้นทุนในการผลิตสูงมาก และไม่มีตลาดต่างประเทศ บริษัทจึงต้องทำหนังเรื่องต่อๆไปด้วยงบที่จำกัด โดยดัมโบ้ช้างบิน ที่สร้างในปี 2484 ถือเป็นภาพยนตร์ที่สร้างด้วยงบที่จำกัดมาก จนกระทั่งในปี 2485 จึงสร้างเรื่องแบมบี้ ด้วยงบที่ไม่สูง แต่ทำให้มีเงินเลี้ยงสตูดิโอ

    สวนสนุกดิสนีย์ถือเป็นการหาช่องว่างทางการตลาดของ วอลต์ ดิสนีย์ โดยแนวคิดเกิดจากการที่เขาต้องพาลูกสาวสองคนไป สวนสัตว์ ไปงานคานิวัล (คล้ายงานวัดบ้านเรา) และงานบันเทิงอื่นๆ และพบว่าเขาต้องนั่งรอลูกๆอยู่ข้างล่าง ขณะที่ที่ลูกสาวสนุกกับการเล่นเครื่องเล่นต่างๆ เขาจึงเกิดความคิดที่จะสร้างสวนสนุกที่ผู้ปกครองสามารถไปและเล่นพร้อมกับลูกๆได้ และเริ่มสร้างสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ จนเสร็จในวันที่ 17 กรกฎาคม 2498

    ในช่วงทศวรรษ 2493-2503 เขาได้สร้างภาพยนตร์ดังอีกหลายเรื่อง อาทิ ใต้ทะเล 20,000 โยชน์  แมรี ป็อปปินส์ เป็นต้น

    วอลต์ ดิสนีย์ ถึงแก่กรรมในวันที่ 15 ธันวาคม 2509 และรอย ดิสนีย์ น้องชายของเขาได้สานต่องาน และเปิด ดิสนีย์เวิลด์ ในฟลอริดา รอย ถึงแก่กรรมในปี 2524 และในปี 2552 เริ่มสร้างเอปคอตเซ็นเตอร์ (EPCOT) ซึ่งย่อมาจาก Experimental Prototype Community of Tomorrow เป็นโครงการจำลองโลกในอนาคตที่รอยคิดเอาไว้ และเปิดให้ใช้บริการเมื่อ 1 ตุลาคม 2525

    สวนสนุกแห่งแรกในเอเชียเกิดขึ้นที่กรุงโตเกียวในปี 2526 และในปีเดียวกันนั้น บริษัทมีผู้บริหารชุดใหม่ โดยได้นำเอาการ์ตูนออกจากการฉายในช่องทีวีปรกติทั้งหมด มาทำช่องของตัวเอง ผ่านเคเบิลเน็ตเวอร์ค

    มีการผลิตการ์ตูนและภาพยนตร์อื่นที่ไม่ใช่การ์ตูน ทั้งยังมีการนำเรื่องราวในการ์ตูนไปทำเป็นละคร เช่น ไลอ้อนคิง ทำให้กิจการขยายมากขึ้น

    ปี 2536 ดิสนีย์ซื้อกิจการของ Miramax หลังจากนั้น ก็มีการใช้เนื้อหาเดิมจากการ์ตูนที่มีอยู่ แต่เปลี่ยนสื่อไปเรื่อยๆ จากเทป 8 แทรก เป็น VCD เป็น DVD และ Blue Ray  พร้อมทั้งปรับปรุงสวนสนุกเป็นระยะๆ และเปิดสวนสนุกในฮ่องกง ในปี 2548 ทั้งยังมีการผลิตภาพยนตร์ร่วมกับผู้อื่น และเข้าซื้อ Pixar Animation Studios เมื่อปี 2549 หลังจากนั้นมีการผลิตเรื่องเดิม แต่มาทำในรูปสามมิติ  และล่าสุดดิสนีย์ เพิ่งเปิดสวนสนุกที่เซี่ยงไฮ้ เมื่อปี 2559 นี้เองค่ะ

    หุ้นของดิสนีย์ จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค (NYSE) ใช้ชื่อย่อว่า DIS  ปีบัญชีล่าสุดสิ้นสุด 1 ตุลาคม 2559 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 92,033 ล้านเหรียญ มีรายได้ 55,632 ล้านเหรียญ มีกำไร 9,391 ล้านเหรียญ คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 5.54 เหรียญ ราคาปิดของหุ้นเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 เท่ากับ หุ้นละ 110.71 เหรียญ คิดเป็น 19.98 เท่าของกำไร ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมามากหลังเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐค่ะ เพราะตลาดมั่นใจในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

    หมายเหตุ : ข้อมูลส่วนใหญ่จากเว็ปไซต์ของบริษัท การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนทุกครั้ง บทความนี้มิได้มีวัตถุประสงค์ที่จะชักชวนให้ลงทุนหรือไม่ลงทุน ในหลักทรัพย์ดังกล่าว
[/size]
โพสต์โพสต์