ทำไมรถไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าที่คิด/ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1892
ผู้ติดตาม: 313

ทำไมรถไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าที่คิด/ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมเชื่อว่าในอีก 20 ปี รถส่วนใหญ่ที่วิ่งอยู่ตามถนนจะเป็นรถไฟฟ้า (electric vehicle, EV) ไม่ใช่รถยนต์สันดาปภายใน (internal combustion engine, ICE) หรือรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซลเป็นเชื้อเพลิง เช่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แต่มีความเป็นไปได้ว่ารถไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าที่คิดด้วยเหตุผล 3 ประการคือ

วิวัฒนาการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน อาจถูกพัฒนาให้ต้นทุนถูกลงได้รวดเร็วเกินคาด เพราะแบตเตอรี่ดังกล่าวนั้นมิได้ใช้กับรถเพียงอย่างเดียว แต่ใช้กับอุปกรณ์หลายประเภทที่ตลาดจะขยายตัวอย่างก้าวกระโดด เช่น โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสารพกพาต่างๆ ซึ่งต้องการ แบตเตอรี่ที่ทรงพลังและมีขนาดเล็ก

ดังนั้นจึงจะมีการทุ่มเทเงินทุนและทรัพยากรในการค้นคว้าวิจัยให้ได้มาซึ่งแบตเตอรี่ขนาดเล็กลงและเก็บไฟได้มากขึ้น เติมพลังไฟฟ้าได้รวดเร็วและมีต้นทุนต่ำ ซึ่งหากต้นทุนแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนลดลงไปอีกประมาณ 30-40% เมื่อใดก็จะทำให้ราคารถไฟฟ้าถูกกว่าราคารถที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซล ดังนั้นเงินทุนที่ถูกจัดสรรมาวิจัยพัฒนาแบตเตอรี่เป็นจำนวนหลายพันล้านเหรียญทั่วโลก จึงน่าจะนำมาซึ่งผลสำเร็จในการแสวงหาแหล่งเก็บพลังงานที่จะทำให้รถไฟฟ้าตีตลาดรถยนต์ในเวลาอีกไม่กี่ปีก็เป็นได้

Tesla เปิดตัวรถไฟฟ้า model 3 เมื่อเดือนมี.ค.2016 ปรากฏว่ามีผู้มาสั่งจองรถรุ่นดังกล่าวเกือบ 400,000 ราย โดยยอมจ่ายค่าจองคันละ 1,000 เหรียญ ทำให้ Tesla สร้างประวัติศาสตร์ในการเปิดตัวสินค้า กล่าวคือสามารถทำยอดขายได้ทั้งสิ้นเกือบ 14,000 ล้านเหรียญ ทำให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในเยอรมันเช่นไดแอมเลอร์ (เบนซ์) ตำหนิผู้บริหารอย่างรุนแรงว่าทำไมจึงทำเป็นทองไม่รู้ร้อน

ทั้งนี้บริษัทรถยนต์ค่ายอื่นๆ ก็ถูกกดดันเช่นกัน รวมทั้งจากรัฐบาลเยอรมันซึ่งหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานว่าที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเมอรแคลเรียกประชุมผู้ผลิตรถยนต์ทุกค่ายและถามว่า “เราจะทำอย่างไรกับ Tesla?” ซึ่งในที่สุดผ็ผลิตรถยนต์เยอรมันให้คำมั่นสัญญาว่าจะเร่งผลิตรถไฟฟ้าออกมาเป็นสิบรุ่นใน 3-5 ปีข้างหน้า และจะร่วมลงทุนกับรัฐบาลเยอรมันในการสร้างสถานีเติมไฟฟ้าอีกหลายร้อยแห่งทั่วเยอรมันและยุโรป เพื่อรองรับการขยายตัวดังกล่าว

โดยรัฐบาลเยอรมันได้ออกมาตรการลดภาษีรถไฟฟ้าคันแรกคิดเป็นมูลค่า 2,000 ถึง 3,000 ยูโรต่อคัน กล่าวคือมีแรงกดดันจากหลายกลุ่มให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องออกมาแข่งขันกับ Tesla เพราะหาก Tesla ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจมาได้เพียง 10 กว่าปียังจะขายรถ EV ได้ 4 แสนคัน ทำไมบริษัทรถยนต์อื่นๆ ที่ผลิตรถยนต์มานานกว่า 100 ปีจะไม่สามารถขายรถ EV เป็นแสนคันได้บ้างและจะปล่อยให้ Tesla เป็นผู้ผลิต EV อยู่เจ้าเดียวได้อย่างไร

ทั้งนี้บริษัท GM สามารถรีบนำรถ Chevy Bolt ออกมาขายได้ก่อน Tesla Model 3 ในปลายปีที่แล้ว โดยรถคันดังกล่าวราคา 37,000 เหรียญและสามารถวิ่งได้ 420 กม.จากการเติมไฟฟ้า 1 ครั้ง ในขณะที่ประธานของบริษัทโตโยต้า (นาย Toyoda) ได้ประกาศว่าบริษัทโตโยต้าจะพัฒนารถไฟฟ้าโดยตนจะเป็นประธานขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวด้วยตัวเอง ทั้งนี้ในอดีตโตโยต้าไม่สนับสนุนรถไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ลิเทียม แต่พยายามส่งเสริมการใช้ Hydrogen fuel cell มาโดยตลอด

ข้อสรุปของผมคือเมื่อเป็นที่ประจักษ์ว่า Tesla Model 3 มียอดจองสั่งซื้อ 4 แสนคัน ทุกค่ายก็คงต้องการผลิตและขายรถไฟฟ้าค่ายละเป็นแสนคันต่อปี แข่งขันและช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดจาก Tesla บ้างและเนื่องจากมีผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ประมาณ 10 บริษัททั่วโลก ก็เป็นไปได้ว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ทุกบริษัทจะมีความพยายามผลิตและขายรถไฟฟ้า 4 ล้านคันต่อปีและหากประสบความสำเร็จก็จะส่งผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์เบนซินและดีเซลเร็วเกินคาด (ปัจจุบันทั่วโลกมียอดขายรถประมาณ 100 ล้านคันต่อปี)

ทั่วโลกมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดขึ้นในการลดมลภาวะ ซึ่งเห็นได้ชัดในประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งต้องการให้ใช้รถที่ปราศจากมลภาวะภายใน 20 ปีข้างหน้าเป็นอย่างช้าและผู้ว่าการเมืองหลวงบางแห่งประกาศว่าต้องการห้ามใช้รถที่ก่อให้เกิดมลภาวะโดยเร็วที่สุด (กรุงโตเกียวห้ามรถใช้ดีเซลมาตั้งแต่ปี 2000 แล้ว) ในประเทศกำลังพัฒนาก็มีปัญหาด้านมลภาวะ เช่นประเทศใหญ่ 2 ประเทศคือ จีนและอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหามลภาวะทางอากาศของมืองใหญ่ในประเทศจีนที่เป็นข่าวใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้ว

ประเด็นหลักคือทุกประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศพัฒนาแล้วหรือประเทศกำลังพัฒนาหลัก (คือจีนและอินเดีย) ก็จะไม่มีความต้องการรถยนต์เบนซินและดีเซลเพิ่มขึ้นจะมีแต่ลดลง (หรืออย่างมากก็ขยายตัว 2% ต่อปี โดยการคาดการณ์ของ McKinsey) ทั้งนี้ขอให้ท่านผู้อ่านลองคิดดูว่าประเทศส่วนใหญ่หลายสิบประเทศในโลกเป็นประเทศที่นำเข้ารถยนต์ มีประมาณ 20 ประเทศเท่านั้นที่ส่งออกรถยนต์สุทธิ

ดังนั้นเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ที่กำจัดมลภาวะได้ การยอมรับและความต้องการใช้สินค้าดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วเกินคาด กล่าวคือผมเชื่อว่าประเทศผู้ซื้อรถจะรีบปฏิเสธรถ ICE ในโอกาสแรกที่รถ EV สามารถแข่งขันได้ในด้านราคาและสมรรถนะครับ
[/size]
syj
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4256
ผู้ติดตาม: 6

Re: ทำไมรถไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าที่คิด/ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

แล้วปัญหาต่อไป จะเอาขยะแบตตารี่ที่เสื่อมแล้ว ไปทิ้งที่ไหน?
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
PLUSLOVE
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1524
ผู้ติดตาม: 3

Re: ทำไมรถไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าที่คิด/ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ตอนข่าวรถยนต์ไฟฟ้ามาใหม่ๆ ผมก็เคลิ้มตามเหมือนกัน พอผ่านมาสักระยะได้มานั่งคิดๆ ดูแล้ว มันจะเป็นไปได้เหรอกับการมาแทนที่รถน้ำมันในอีก 20 ปี

ยอดขายรถทั่วโลกปีละ 100 ล้านคัน ต้องใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนจำนวนมหาศาล อย่าง 10 ปี รถผลิตใหม่ก็เท่ากับ 1,000 ล้านคัน แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนจะมีเพียงพอหรือเปล่า ?

และถ้าเกิดเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันหมด รถยนต์จำนวนหลายพันล้านคันเมื่อแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเสื่อม กองขยะมันจะขนาดไหน ?

เทคโนโลยีนี้ตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อมจริงเหรอครับ
yoko
Verified User
โพสต์: 4395
ผู้ติดตาม: 8

Re: ทำไมรถไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าที่คิด/ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขยะเหล่านี้กำจัดไม่ได้หรือครับ :?:
soi
Verified User
โพสต์: 34
ผู้ติดตาม: 0

Re: ทำไมรถไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าที่คิด/ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

แบต มือถือ ยังระเบิด ถ้า แบตรถยนต์ระเบิด ?
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ii'8N
Verified User
โพสต์: 3682
ผู้ติดตาม: 7

Re: ทำไมรถไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าที่คิด/ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

soi เขียน:แบต มือถือ ยังระเบิด ถ้า แบตรถยนต์ระเบิด ?

ถึงจะไม่เยอะ เทียบกับทั้งหมดที่ผลิตออกมา
แต่ข้อเท็จจริงคือมี
ของตัวพ่อ คือ tesla เองด้วย



clip นี้ บอกรา่ยละเอียด ว่าเหตุการเกิดขึ้น ระหว่างทดสอบ (test drive) ในฝรั่งเศส





อันนี้ชนแล้วถึงระเบิด




อันนี้ที่นอรเวย์ ระหว่างชาร์จไฟ
(ต้น clip ใส่สีสันไปหน่อย ของจริงอยู่ท้า่ย)
ภาพประจำตัวสมาชิก
anubist
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1373
ผู้ติดตาม: 7

Re: ทำไมรถไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าที่คิด/ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

แบตเตอรี่สามารถรีไซเคิลได้ครับ
จริงๆเราสามารถรีไซเคิลมาตั้งแต่สมัยถ่านไฟฉายNi-Cadแล้วครับ แต่คชจ.ในการคัดแยก/รวบรวมถ่านไฟฉายอาจสูงมากจนไม่คุ้มค่านำมารีไซเคิล
ต่างกับแบตเตอรี่เก่าในรถยนต์ที่ปัจจุบันมีกระบวนการรวบรวมเป็นปกติผ่านการให้ส่วนลดแบตเตอรี่ใหม่2-500บาทแล้วแต่รุ่น เมื่อคืนแบตเก่าให้ทางร้าน
ฉนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องขยะจากแบตเตอรี่รถไฟฟ้าเลย
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
Night90
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 161
ผู้ติดตาม: 8

Re: ทำไมรถไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าที่คิด/ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ตอนนี้ Tesla 3 สามารถทำราคาเริ่มที่ 35K $ แต่ Toyota Camry ราคาเริ่มที่ 23K $ ส่วนต่าง กัน 12k $ สามารถซื้อ Camry ได้ครึ่งคัน ซึ่งมันน่าจะพอสำหรับการเติมน้ำมัน และการดูแลรักษาได้อีกยาวนาน

ผมเลยมีคิดว่ามีความเป็นไปได้พอสมควรเหมือนกันที่ต้องใช้เวลานานและอาจจะนานกว่าที่คิดกว่าทุกอย่างจะคุ้มสำหรับแทนที่รถน้ำมันทั่วไป
KriangL
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1489
ผู้ติดตาม: 4

Re: ทำไมรถไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าที่คิด/ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

รถไฟฟ้าผมว่าจะใช้มากก็ต้องรอให้ระบบชาร์จไฟทำได้รวดเร็วก่อนครับ ไม่อย่างงั้นคนที่มีรถไฟฟ้าก็ต้องมีบ้านที่เอารถเข้าไปจอดในบ้านได้จะได้ชาร์จได้ตอนกลางคืนโดยไม่ต้องกลัวขโมยทั้งหลาย ที่จะมาขโมยตัวชาร์จ ขโมยแบตเตอรี่ หรือขโมยใช้ไฟ
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 4

Re: ทำไมรถไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าที่คิด/ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

คนอยู่คอนโด นี่ คงวุ่นวายน่าดู
กว่าจะลงตัวเรื่อง การชาร์จ จะทำ อินฟรา ใหม่ยังไง
จะเก็บเงินยังไง

รอดูๆๆๆ
show me money.
โพสต์โพสต์