New S-Curve คือทางรอดของธุรกิจ/วีระพงษ์ ธัม

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1892
ผู้ติดตาม: 313

New S-Curve คือทางรอดของธุรกิจ/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ถ้าถามว่าบริษัทที่มี Innovation สูงในสินค้าอิเล็คโทรนิคในยุค 100 ปีที่แล้ว คืออะไร ? คงไม่มีใครนึกถึงบริษัทที่ชื่อว่า Zenith Radio Corporation บริษัทแห่งนี้ถูกก่อตั้งปี 1918 และให้กำเนิดวิทยุแบบพกพาเครื่องแรกของโลก ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงเกือบครึ่งศตวรรษก่อนที่เราจะรู้จัก Sony Walkman หรือ Ipod ในยุคนี้ หลังจากนั้นบริษัทก็สามารถย้ายจุดโฟกัสและผลิตทีวีได้สำเร็จในสองทศวรรษถัดมา บริษัทคิดค้นสิ่งที่สุดยอดที่สุดในยุคนั้นคือ “รีโมททีวี” และเริ่มผลิตทีวีสีได้ ในปี 1975 บริษัทครองส่วนแบ่งตลาดทีวีสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา

    แต่ในยุค 1970s นี่เองที่ “ลมเริ่มเปลี่ยนทิศ” ทีวีจากประเทศญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาตีตลาดด้วยราคาที่ถูกกว่า ทำให้ผู้ผลิตทีวีของอเมริการวมถึง Zenith เสียส่วนแบ่งไปอย่างรวดเร็ว บริษัทญี่ปุ่นได้ส่วนแบ่งถึง 45% ในปลาย 1970s ซึ่งเติบโตหลายเท่าตัวในช่วงเวลาไม่กี่ปี บริษัท Zenith จึงหาทางออกโดยเริ่มเข้าสู่ธุรกิจ Personal Computer (PC) ในขณะเดียวกันธุรกิจทีวีก็เริ่มหาทางออกใหม่คือ “HDTV” หรือทีวีความละเอียดสูงเหมือนที่เราใช้ในปัจจุบัน

    การเข้าสู่ HDTV นั้นเหมือนว่าเร็วเกินไปสำหรับผู้บริโภค เพราะสื่อต่าง ๆ ในยุคนั้นยังไม่รองรับ และเทคโนโลยีนี้มีราคาแพงมาก ที่แย่ไปกว่านั้นกว่าจะรอให้ผู้บริโภคพร้อม ฐานะการเงินของบริษัทก็เริ่มยากลำบากและในที่สุด Partner คนหนึ่งคือบริษัทเกาหลีที่ชื่อว่า LG Electrics ก็เริ่มเข้าซื้อหุ้นของกิจการ Zenith ที่ละน้อยเพื่อครอบครองเทคโนโลยี HDTV ในปี 1999 บริษัท Zenith เข้าสู่กระบวนการล้มละลายและ LG ก็ควบรวมเอาหุ้นที่เหลือ และ Zenith ก็เข้าเป็นบริษัทลูก LG ตั้งแต่นั้นมา

    บริษัท Zenith เป็นตัวอย่างหนึ่งของหลายตัวอย่างบริษัทในโลกใบนี้ เช่น Kodak ในธุรกิจกล้องดิจิตอล APPLE ในยุคที่ผลิต Newton และแพ้ Palm inc. แต่ในที่สุดก็กลับมาชนะด้วย Iphone และ Ipad หรือแม้กระทั่งรัฐชาติ เช่น ไต้หวัน สิงค์โปร์ ญี่ปุ่น สวีเดน นอร์เวย์ เยอรมัน หรือแม้กระทั่งสหรัฐอเมริกา ที่ผ่านช่วงเวลาที่รุ่งเรือง และชะลอตัวลง จนหาความรุ่งเรืองใหม่ได้ ซึ่งในทางทฤษฎีเรียกว่า “New S-Curve” ทั้งสิ้น ธุรกิจหรือรัฐไหนที่ไม่มี S-Curve ใหม่ หรือมี “ช้าเกินไป” ย่อมเกิดปัญหาในการเติบโต เพราะบริษัทหรือรัฐที่จะยิ่งใหญ่ในระยะยาว “ชนะครั้งเดียว” นั้น “ไม่เพียงพอ”

    บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วงที่ผ่านมา เช่น ค้าปลีก ก็มีการขยายไป “ต่างประเทศ” เพราะต้องการ S-Curve ใหม่ แม้ว่าจะขาดทุนช่วงแรก เพราะบริษัททราบดีว่า ถ้าเราต่อ S-Curve ช้าเกินไปย่อมเกิดปัญหาในการเติบโตและความอยู่รอดในระยะยาว อย่างไรก็ดีในทางกลับกันบริษัทค้าปลีกต่างชาติหลายแห่งในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามก็ม้วนเสื่อกลับบ้าน เพราะ “ตลาดยังไม่พร้อม” ที่จะรับ S-Curve ใหม่ คล้ายกับกรณี HDTV ของ Zenith หรือกรณีล่าสุดอย่างธุรกิจสื่อสาร บ้านเราที่มีผู้เล่นรายใหม่ พยายามเข้ามาต่อ S-Curve ของตัวเอง ความพยายามเหล่านี้ย่อมเกิดโอกาสและความเสี่ยงมหาศาลในธุรกิจ

    การวิเคราะห์ว่าบริษัทจะสามารถ “กระโดด” ไปสู่ S-Curve ใหม่ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ปัจจัยที่สำคัญคือ ขนาดธุรกิจใน S-Curve ใหม่จะต้อง “ใหญ่” และมี “โอกาส” เพียงพอ ตัวอย่างหนึ่งคือ Novo Nordisk ที่กระโดดสู่ S-Curve ใหม่โดยการทำยารักษาโรคเบาหวานซึ่งบริษัทมองทิศทางว่าชีวิตความเป็นอยู่ของคนในปัจจุบันนั้น มีแนวโน้มเป็นเบาหวานสูงขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจัยที่สองคือ “ความสามารถของบริษัท” นั้นจะต้องสูงกว่าและสามารถส่งมอบ “คุณค่า” ได้อย่างชัดเจน แต่บริษัทไม่จำเป็นต้องทำทุกเรื่องให้ดีกว่า แค่ “บางเรื่อง” ที่มีความสำคัญสูง บริษัทก็สามารถชนะได้ ตัวอย่างเช่น Walmart สามารถส่งมอบสินค้า “ราคาถูก” กว่าคู่แข่ง ผู้บริโภคไม่ได้สนใจความสวยงามของห้าง หรือความหรูของห้องน้ำ หรือบริการของพนักงานขายเป็นต้น

    สำหรับปัจจัยที่สามที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุด คือ บริษัทจะต้องมี “Talent” หรือบุคคลที่มีความสามารถสูง มีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์แรงบันดาลใจ มีแรงขับเคลื่อน มีพนักงานขายที่สู้ยิบตา มีวิศวกรที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรง เพื่อที่จะขับเคลื่อนบริษัทไปได้ บริษัทที่มี S-Curve ใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลาจึงเป็นบริษัทที่มีความสามารถในการ “ดึงตัวคนเก่ง” เข้ามา และ “รักษาคนเก่ง” ได้ตลอดเวลา บริษัทเหล่านั้นจะมีพนักงานที่มีความพึงพอในในบริษัทสูง

    ทุก ๆ New S-Curve จะมี “ระเบิดเวลา” ของ S-Curve เก่าเสมอ ๆ บริษัทที่เกาะ S-Curve เก่าไปเรื่อย ๆ โดยไม่สามารถสร้าง S-Curve ใหม่ได้ ก็จะยากลำบาก ในแง่กลยุทธ์บริษัทจะต้องหา “แกนกลางธุรกิจ” หรือความสามารถเฉพาะของตัวเองให้ได้ว่าคืออะไร พร้อม ๆ ไปกับการหา “ความต้องการ” ของตลาดเร็วกว่า ดีกว่าคนอื่น ผมคิดว่าบริษัทในประเทศไทยนั้นหลายบริษัทกำลังหา New S-Curve หรือกำลังสร้างมันอยู่ รวมไปถึง “ประเทศไทย” เองก็กำลังสร้าง New S-Curve ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งถ้าบริษัทเหล่านี้ทำสำเร็จ นี่ไม่เป็นเพียงทางรอดของธุรกิจ แต่นี่กำลังเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับประเทศไทย
[/size]
KedJade
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 584
ผู้ติดตาม: 17

Re: New S-Curve คือทางรอดของธุรกิจ/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ช่วงนี้ เริ่มได้ยิน คนพูดถึง S-Curve กันมากขี้น เริ่มจาก ดร.สมคิด ดร.กอบศักดิ์ ไล่เรียงจนถึง คุณกวี ในรายการ คู่หูนักลงทุน เมื่อวาน ผมเชียร์สุดใจเลยครับ ขอให้ไทยสร้าง S-Curve ใหม่ให้สำเร็จ

Reference: เผื่อใครสนใจ
MONEY TALK - เศรษฐกิจนอกเศรษฐกิจในและผลกระทบหุ้นไทยในปี 59 - มกราคม 2559, ดร.กอบศักดิ์
https://youtu.be/q2Q88YpJdwQ

รายการ คู่หูนักลงทุน เมื่อวาน (25-Jan-2016)
https://www.youtube.com/watch?v=_VXdZ3ddZLs
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: New S-Curve คือทางรอดของธุรกิจ/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ไปดูเพิ่มเรื่อง
Thailand’s New S-Curve
มา ตาม link ข้างบน เลยมาช่วย
แปะเพิ่ม

1. Thailand: The Next Growth Phase
ApisakTantivorawong/Minister of Finance/thailand focus2015
https://www.set.or.th/th/news/thailand_ ... Apisak.pdf

ต.ย.
PowerPoint Presentation - MrApisak.pdf 2016-01-31 18-34-46.jpeg
รวมถึง coming bidding ปี 2016
PowerPoint Presentation - MrApisak.pdf 2016-01-31 bid.jpeg
.............
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: New S-Curve คือทางรอดของธุรกิจ/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ “ยกเครื่องเศรษฐกิจใหม่ Thailand’s New S-Curve”ตอนที่ 2


imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: New S-Curve คือทางรอดของธุรกิจ/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 5

โพสต์

m15.24

"ไม่มีอะไรเลย ยกเว้น ขายยาง ขายข้าว
10ปี ที่แล้วไป..เมืองจีน... ขายยาง ขายข้าว
เดี๋ยวนี้..ไป(เมือง จีน) ก็ยัง ขายยาง ขายข้าว"
ภาพประจำตัวสมาชิก
zakell
Verified User
โพสต์: 27
ผู้ติดตาม: 0

Re: New S-Curve คือทางรอดของธุรกิจ/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 6

โพสต์

เข้ามาเก็บข้อมูลครับ ขอบคุณมากๆ

ขอให้ ไทย สร้าง S-Curve ใหม่ ให้ได้เช่นกัน
KedJade
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 584
ผู้ติดตาม: 17

Re: New S-Curve คือทางรอดของธุรกิจ/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 7

โพสต์

'ประยุทธ์' เผยได้ข้อยุติรถไฟความเร็วสูงแล้ว
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 24 มีนาคม 2559, 01:45

"พล.อ.ประยุทธ์" เผยผลหารือทวิภาคีนายกฯ จีน ได้ข้อยุติรถไฟความเร็วสูงแล้ว ยันไทยลงทุนเองทั้งหมดตามศักยภาพที่มี

ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพบหารือทวิภาคีกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า นอกเหนือจากเรื่องการประชุมกรอบความร่วมมือผู้นำแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 1 แล้ว ยังได้มีการพูดคุยในหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นการสร้างรถไฟความเร็วสูง ที่วันนี้ได้ข้อยุติในหลักการแล้วว่าไทยจะลงทุนดำเนินการเองทุกขั้นตอน แต่จะจ้างจีนให้มาสร้างรถไฟให้กับไทยแทน โดยไม่มีการให้สัมปทานหรือร่วมทุนใดกับประเทศจีน เนื่องจากไทยได้พิจารณาแล้วว่า มีศักยภาพที่สามารถสร้างรถไฟความเร็วสูงในระยะทาง 250 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ-นครรราชสีมาได้

ทั้งนี้ ไม่ต้องการนำเรื่องของความเร็วไปเปรียบเทียบกับประเทศใด หรือไม่ได้คิดว่าการสร้างรถไฟดังกล่าวจะต้องไปเชื่อมโยงกับประเทศใดบ้าง แต่ต้องการให้รถไฟความเร็วสูงบริการประชาชนให้สามารถเดินทางได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นความตั้งใจของตนที่ต้องการสร้างประวัติศาสตร์การกำเนิดของรถไฟความเร็วสูงให้แก่ประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากเส้นทางสายอีสานก่อนที่ในอนาคตจะขยายเส้นทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ภายในประเทศ ทั้งเหนือและใต้ ซึ่งวันนี้ถึงเวลาที่ไทยจะต้องริเริ่มสร้างรถไฟความเร็วสูงแล้ว ไม่เช่นนั้นจะตามประเทศอื่นไม่ทัน และมั่นใจว่าหากตนไม่ดำเนินการในช่วงเวลานี้ รถไฟความเร็วสูงก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีกอย่างแน่นอน

พร้อมทั้งขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าตนดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ และไม่ให้ประเทศไทยเสียประโยชน์ รวมทั้งตนไม่ได้มีผลประโยชน์จากเรื่องนี้แต่อย่างใด

“ขอให้ไว้ใจผม ก็ไว้ใจมา 2 ปีแล้ว ยืนยันไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น เชื่อมั่นผมได้ โดยตามกติกาในเดือนกรกฎาคมนี้จะสามารถดำเนินการได้ แต่จะต้องดูในรายละเอียดราคาเงินกู้อีกเล็กน้อย เพราะเรื่องของเส้นทาง ไทยได้ทำการศึกษามาแล้ว แต่ที่ผ่านมาเสียเวลาจากทางการจีนในเรื่องของราคาที่มันต่างกันอยู่ แต่อยากให้ดูด้วยเหตุด้วยผลและข้อจำกัดของแต่ละประเทศ ซึ่งจีนไม่สามารถจะร่วมทุนกับไทยได้ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำ มีแต่การทำเป็นสัมปทานอย่างเดียว ซึ่งที่ผ่านมาจีนไม่เคยได้ร่วมสร้างรถไฟกับประเทศใด เคยแต่ทำสัมปทาน และหากจะให้เรายกสัมปทานให้จีน เราทำไม่ได้ ซึ่งวันนี้ได้ข้อยุติแล้ว ก็ขอให้ทุกฝ่ายจบเรื่องนี้ได้ และอย่านำประเด็นเรื่องของราคามาสร้างความขัดแย้ง เพราะหากไทยมัวแต่ขัดแย้งกันและไม่ทำอะไรสักอย่าง ในวันนี้ประเทศก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

Ref: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/691983

... คืบหน้าไปอีกขั้นครับ
KedJade
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 584
ผู้ติดตาม: 17

Re: New S-Curve คือทางรอดของธุรกิจ/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 8

โพสต์

คลังเล็งระดมทุนผ่าน 'ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฯ' สร้างรถไฟ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 25 มีนาคม 2559, 15:56

กระทรวงการคลัง เล็งระดมทุนสร้างรถไฟไทย-จีนผ่าน กองทุนไทยแลน์ด์ฟิวเจอร์ฟันด์ เหตุต้นทุนต่ำ คาดเริ่มระดมทุนเดือน มิ.ย.นี้

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากกรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนและสรุปความตกลงร่วมมือแบบรัฐต่อรัฐในการสร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นตะวันออกเฉียงเหนือ โดยไทยจะเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างระบบราง สถานีทั้งหมด ด้วยการหาแหล่งทุนเพื่อนำมาว่าจ้างจีนดูแลการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานเส้นทางที่มีความพร้อม คือ เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา

สำหรับแผนการระดมทุนเมื่อเปรียบเทียบดูหากระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐานไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ มองว่าอาจมีภาระต้นทุนต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยของจีนซึ่งเสนอให้ไทยกู้ยืม คาดว่าจะเปิดระดมทุนได้ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ เพราะเงินลงทุนสร้างรถไฟฟ้าไทย-จีน ใช้เงินนับแสนล้านบาท
โพสต์โพสต์