จีนยกเลิกนโยบายลูกคนเดียว/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1893
ผู้ติดตาม: 313

จีนยกเลิกนโยบายลูกคนเดียว/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ประกาศยกเลิกนโยบายลูกคนเดียวที่ใช้มาตลอด 35 ปีที่ผ่านมา เพื่อควบคุมจำนวนประชากรไม่ให้มีมากจนเกินไป จนทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ไม่พอต่อจำนวนประชากร

    เมื่อคราวที่นโยบายให้มีลูกได้เพียงคนเดียวออกมาใช้เมื่อ 35 ปีก่อน ชาวโลกต่างวิจารณ์กันว่าเป็นนโยบายทางสังคมที่แปลกประหลาดที่สุดในยุคนั้น

    ข้อแตกต่างของการประกาศใช้กับประกาศยกเลิกที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ ตอนประกาศใช้ ประกาศลงหนังสือพิมพ์อย่างโจ่งแจ้ง แต่ตอนยกเลิก มีเพียงข้อความสองบรรทัดซ่อนอยู่ในข่าวภาครัฐ ในรายงานของสำนักข่าวซินหัว

    เหตุผลของการยกเลิกนโยบายนี้ได้เขียนเอาไว้ชัดเจนคือ เพื่อปรับให้เข้ากับสถานการณ์สังคมที่มีประชากรสูงวัย และเพื่อทำให้ยุทธศาสตร์โครงสร้างประชากรดีขึ้น ประชาชนทั้งหมดทุกกลุ่มจะได้รับสิทธิในการมีลูกคนที่สอง

    ในความเป็นจริง จีนได้ทยอยให้คนกลุ่มต่างๆมีสิทธิ์ที่จะมีลูกมากกว่าหนึ่งคนมาพักใหญ่แล้ว หากคนกลุ่มนั้นมีฐานะดีพอที่จะเลี้ยงดูบุตรได้โดยไม่ต้องพึ่งสวัสดิการของรัฐ หรือในกรณีที่เป็นชาวนาหรือชาวสวนและมีลูกสาว ทางการอนุญาตให้มีลูกคนที่สองได้ โดยคาดหวังว่าจะเป็นเด็กผู้ชาย เพื่อให้ช่วยงานในไร่นา ซึ่งเป็นงานที่หนัก  แต่ครั้งนี้ประกาศให้สิทธิแก่ทุกคนโดยถ้วนหน้า

    คนส่วนใหญ่คาดว่าชาวจีนจะดีใจที่สามารถมีลูกได้มากกว่าหนึ่งคน เพราะที่ผ่านมา การมีลูกได้เพียงคนเดียว ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ “คุณหนูผู้ยิ่งใหญ่ของบ้าน” ที่มีอากง อาม่า 4 คน และพ่อ กับ แม่ รวม 6 คน คอยดูแลประคบประงมเด็กหนึ่งคน  จนทำให้เด็กถูกตามใจจนเสียคน

    นอกจากนี้ ยังเกิดปรากฏการณ์ เด็กผู้ชาย เต็มเมือง เพราะมีโอกาสมีลูกได้เพียงคนเดียว ครอบครัวหัวเก่าจำนวนมากจึงทำแท้งหากทราบว่าเด็กในท้องเป็นผู้หญิง ด้วยความที่ต้องการมีเด็กผู้ชายไว้สืบสกุล ทำให้ปัจจุบัน ประเทศจีนมีประชากรชายมากกว่าหญิง และคาดว่าจะมีประชากรชายประมาณ 30 ล้านคนที่จะหาเจ้าสาวไม่ได้ เพราะผู้หญิงจีนมีจำนวนน้อยกว่าผู้ชาย

    ชายชาวจีนเหล่านี้จึงต้องออกไปแสวงหาเจ้าสาวในต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วยค่ะ ใครที่มีลูกสาวและอยากมีลูกเขยเป็นคนจีน ต้องให้ลูกสาวเตรียมเรียนภาษาจีนไว้นะคะ

    ข่าวแจ้งมาว่า แทนที่ประชากรจีนจะดีใจที่กฎเหล็กเรื่องมีลูกได้คนเดียวถูกยกเลิกไป ตรงกันข้าม ประชาชนส่วนหนึ่งรู้สึกว่า จำนวนคนที่จะเพิ่มขึ้นมา รังแต่จะทำให้ทรัพยากรขาดแคลน จะทำให้เกิดมลภาวะเพิ่มขึ้น และพ่อแม่ส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มีฐานะดีมาก ก็ไม่สามารถเลี้ยงดูลูกคนที่สองได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว

    ดังนั้น ถึงจะเปิดโอกาสให้มีลูกได้สองคน ชาวจีนโดยทั่วไปอาจจะพอใจที่จะมีลูกเพียงหนึ่งคนเท่านั้น โดยเฉพาะผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านที่มักรู้สึกว่าภาระในการเลี้ยงลูกนั้นสาหัสสากรรจ์ มากๆเลยทีเดียว

    รัฐบาลจีนก็อาจจะไม่บรรลุเป้าหมายในการเพิ่มประชากรวัยแรงงานมาทดแทนประชากรวัยแรงงานที่ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆตามกาลเวลา เนื่องจาก 35 ปีที่ผ่านมา จำนวนประชากรจีน เพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำ ดังนั้น ประชากรวัย 0-35 ปีจึงมีอยู่น้อยในปัจจุบัน

    หากการยกเลิกนโยบายมีลูกคนเดียวได้ผล จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 15 ปี จึงจะมีประชากรที่จะเข้าสู่วัยแรงงานเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นในช่วงนี้ก็จะเห็นประชากรวัยแรงงานของประเทศจีนลดลงอย่างรวดเร็วกว่าประเทศอื่นๆที่มีการทดแทนของประชากรอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ

    อย่างไรก็ดี ค่าเงินหยวนที่แข็งขึ้นในช่วง 10  ปีที่ผ่านมา ทำให้คนจีนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ประเทศต่างๆต้องการต้อนรับ นักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นอย่างยิ่ง ไกด์ พนักงานขายของ พนักงานเสริฟ ต้องพูดภาษาจีนได้ ป้ายบอกทาง และป้ายชื่อร้านค้าต่างก็มีภาษาจีนกำกับ แม้ห้างสรรพสินค้าในญี่ปุ่นซึ่งชาตินิยมเอามากๆ ยังมีการประกาศผ่านลำโพงเป็นภาษาจีน

    แทบจะเห็นได้ว่าบางโรงแรมในประเทศญี่ปุ่น หากมีทัวร์จีนเข้าพักมากๆ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นก็จะหายไป และนักท่องเที่ยวชาวไทยก็จะเริ่มหายไป เพราะเข้าพักโรงแรมในญี่ปุ่น แต่รู้สึกเหมือนไปเที่ยวประเทศจีน ไม่ได้บรรยากาศญี่ปุ่นเลยค่ะ ห้องพักเหม็นกลิ่นควันบุหรี่ ที่อาบน้ำแบบออนเซ็นเลอะเทอะ เสียงดัง และคนเบียดเสียดยัดเยียดไปหมด

    ดิฉันยังแอบคิดว่า สำหรับประเทศไทย หากเราต้องการรักษาบรรยากาศบางอย่าง ในบางครั้ง เราอาจจะต้องจำกัดจำนวนคนเข้าชม อย่าหวังขายแต่ปริมาณ ควรจะคำนึงถึงคุณภาพด้วยค่ะ

    เตรียมตัวเอาไว้นะคะ อีก 15 ปี เราจะได้เตรียมต้อนรับกุมารจีนรุ่นลูกคนที่สอง กันอย่างสนุกสนานค่ะ

    ไจ้เจี้ยน (แล้วพบกันใหม่ค่ะ)
[/size]
โพสต์โพสต์