วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
คนขายของ
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 792
ผู้ติดตาม: 125

วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

วิจัยแต่ไม่พัฒนา / โดย คนขายของ


หากเราถามคนส่วนใหญ่ว่า “ถ้าพูดถึงเรื่องนวัตกรรม คุณจะนึกถึงบริษัทไหนในโลก?” ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ อาจจะตอบว่า “APPLE” ผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต รายใหญ่, “AIRBUS” ผู้ผลิตเครื่องบิน A380 ขนาดมหึมา หรือ “SIEMENS” ผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ถ้าบริษัทที่มีนวัตกรรมต้องมี งบประมาณในการวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่สูงมาก เราคงประหลาดใจเมื่อเรามาดูงานวิจัยของ Booz&Company แล้วพบว่า รายชื่อบริษัทที่มีงบวิจัยและพัฒนาสูงทีสุดในโลก 20 อันดับแรกนั้น ไม่มี บริษัททั้งสามนี้อยู่เลย ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่า บริษัทที่มีงบ R&D สูงๆนั้นเป็นบริษัทที่สร้างกำไร ให้กับบริษัทได้คุ้มค่าหรือไม่? บริษัทที่มีงบลงทุนใน R&D น้อยจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน จริงหรือไม่? เราจะลองมาดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในอุสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกากัน

ในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และซอฟแวร์ของอเมริกา บริษัทที่มีงบ R&D สูงสุดในช่วงปี 2009-2013 มีอยู่ด้วยกัน 3 บริษัท INTEL, MICROSOFT และ IBM โดยในปี 2013 INTEL บริษัทผลิตไมโครชิพชั้นนำของโลก มีงบ R&D สูงที่สุดถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 323,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นถึง 20% ของรายได้ และหากมองไปห้าปีย้อยหลัง INTEL มีการลงทุนใน R&D อยู่ในช่วง 15-20% ของรายได้มาโดยตลอด โดยในปี 2009 อยู่ที่ 16% ของรายได้ และขยับขึ้นมาอยู่ที่ 20% ในปี 2013 ทั้งนี้ งบ R&D ที่เพิ่มขึ้น คงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Net Profit Margin ของ INTEL ลดลงจาก 25% ในปี 2010 ลงมาเหลือ19.4% เมื่อลองดูรายได้และกำไรของ INTEL สามปีย้อนหลังพบว่าอยู่ในแนวโน้ม ชะลอตัวลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เพื่อที่จะสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันไว้ได้ INTEL ต้องมีการลงทุนที่สูงอยู่เสมอ

หันมาดูทางด้านหุ้นค้าปลีกออนไลน์ระดับโลกอย่าง AMAZON กันบ้าง กิจการ AMAZON เป็นกิจการ ค้าปลีกที่ค่อนข้างแปลก เพราะว่าโดยทั่วไปกิจการค้าปลีกอย่างห้าง WALMART จะไม่มีค่าใช้จ่าย R&D แต่เมื่อเรามาดูงบการเงินของ AMAZON กลับพบว่า บริษัทมีค่าใช้จ่าย R&D สูงถึงประมาณ 8% ของยอดขาย ซึ่งแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากจากห้าปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ประมาณ 5% ทั้งนี้เพราะนอกจากบริษัท ต้องจ้างโปรแกรมเมอร์และนักสถิติไว้ทำการพัฒนาเว็ปไซด์ AMZON ยังเข้าสู่ธุรกิจ Consumer Electronics ที่มีการแข่งขันสูงอีก เมื่อเรามาดูตัวเลขกำไรของบริษัท เทียบกับค่าใช้จ่าย R&D ผมเชื่อว่า นักลงทุนหลายๆท่านอาจจะตกใจ ในปี 2013 บริษัททำกำไรได้เพียง 274 ล้านเหรียญ แต่มีค่าใช้จ่าย R&D สูงกว่า 6,565 ล้านเหรียญ เมื่อไหร่ที่บริษัทหาทางลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้ กำไรก็น่าจะโตได้อีกหลายเท่า

แล้วบริษัทอย่าง APPLE ที่เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตรายใหญ่ของโลก มีค่าใช้จ่ายทางด้าน R&D เป็นอย่างไรกันบ้าง? เมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ APPLE มีค่าใช้จ่ายด้าน R&D ที่น้อยมาก เพียงแค่ 2.62% ของยอดขายในปี 2013 เมื่อมองไปห้าปีย้อนหลังก็พบว่าค่าใช้จ่ายตรงนี้ไม่เคยเกิน 3.5% ของยอดขายเลย แม้กระทั่งในปี 2005-2006 ซึ่งเป็นช่วงปีก่อนที่ APPLE จะเปิดตัวIPhone เป็นครั้งแรก ค่าใช้จ่าย R&D ของบริษัทก็อยู่แค่ 3.8% และ 3.7% ตามลำดับ ในปี 2013 APPLE จ่ายเงินไปกับ R&D 4,475 ล้านเหรียญ (ซึ่งน้อยกว่าของ AMAZON ราว 30%) แต่ APPLE ทำกำไรสุทธิได้ถึง 37,040 ล้านเหรียญ มากกว่ากำไรของ AMAZON ถึง 135 เท่า

ค่าใช้จ่าย R&D เป็นค่าจ่ายสำคัญของบริษัทเทคโนโลยีซึ่งมีผลต่อกำไรและราคาหุ้นของบริษัทนั้นๆเป็น อย่างมาก เมื่อเร็วๆนี้ Sanford C. Bernstein ได้ออกบทวิเคราะห์เรื่องค่าใช้จ่าย R&D ของบริษัท เทคโนโลยีและพบว่า โดยเฉลี่ย บริษัทที่มีค่าใช้จ่าย R&D คิดเป็นเปอร์เซ็นของยอดขายสูงๆ (ประมาณ 18-35% ของยอดขาย) ราคาหุ้นในช่วงห้าปีที่ผ่านมาจะแย่กว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมประมาณ 15% ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันที่เข้มข้น ทำให้มีงบ R&D ที่ค่อนข้างสูง ซึ่งการทำวิจัยและพัฒนาบางอย่างก็ยากที่จะประเมินว่าจะได้รับผลสำเร็จหรือไม่ ถือเป็นความ เสี่ยงสำคัญที่นักลงทุนควรศึกษาประสิทธิภาพของการใช้เงิน R&D ของบริษัทนั้นๆ ให้รอบคอบก่อนตัดสิน ใจลงทุนในอุตสาหกรรมนี้
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
ลูกหิน
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 1

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากครับพี่ชาย
miracle
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 18398
ผู้ติดตาม: 75

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ประเด็นนี้น่าสนใจครับ
ตรงกันข้ามกับความเชื่อเลยละครับ
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sumotin
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1145
ผู้ติดตาม: 52

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณมากครับ ถ้าในมุมมองของบริษัทมันมีโอกาสทั้งถูกและผิดกับการทำ R&D แต่ผมเห็นด้วยกับการทำ R&D ในเชิงการสร้างสรรสิ่งใหม่ๆให้โลก ทั้งในมุมการลงทุนของประเทศและบริษัทต่างๆด้วยครับ ^^

บางบริษัทลงทุนวิจัยอาจจะไม่ได้เห็นผลใน 4-5 ปีบางการวิจัยใช้เวลาเป็น 10 ปี แต่ถ้าเป็น technology ที่เปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้ผมว่ายังคุ้มค่าอยู่ครับ

:bow: :bow: :bow:
Timing is everything, no matter what you do.

CAGR of 34% in the past 15 years of investment
TLSS
Verified User
โพสต์: 616
ผู้ติดตาม: 2

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เปิดมุมมองมากครับ ขอบคุณมากครับพี่
GG
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 105
ผู้ติดตาม: 14

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณมากๆครับพี่ชาย บทความมีประโยชน์มากครับ
How not to be your own worst enemy
Mr.Kcip
Verified User
โพสต์: 87
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ชอบคุณครับพี่ชาย
Green prince
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 526
ผู้ติดตาม: 24

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

หรือเราควรลงทุนในบ.ที่มี C&D แทน บ.เหล่านี้น่าจะมีเยอะในจีน ผลตอบแทนก็น่าจะดีนะครับ :B
b4solid
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1137
ผู้ติดตาม: 73

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เท่าที่รู้ apple นี่ ในงบ r&d เหมือนจะน้อย
แต่ ว่าละส่วนงานมีลักษณะเป็น r&d กันเป็นปกติเลย แต่ไม่เรียก r&d
ภาพประจำตัวสมาชิก
Lastpun
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 819
ผู้ติดตาม: 2

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

เปรียบเทียบได้ดี และข้อมูลแน่นมากครับ
c.watanyoo
Verified User
โพสต์: 3
ผู้ติดตาม: 0

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ขอแสดงความคิดเห็นครับ

ผมเป็นลูกค้าของทั้งสองบริษัทเลย อิอิ

Amazon:
โดยส่วนตัวแล้ว การพัฒนาของอเมซอนออกมาในแนวพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเกี่ยวกับรากฐานการใช้จ่ายพื้นฐานของคน(หนังสือ, ของกิน, ของใช้ทั่วๆไป) ในระยะยาวแล้วมันไม่ค่อยเปลี่ยนมาก ดังนั้นมันจึงเป็นการสร้างเสร็จแล้วใช้ได้ยาวนาน ค่าพัฒนาในส่วนนี้จะค่อยๆลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญในอนาคตครับ

Apple:
จุดเด่นของ apple คือ product, design และ fashion แต่ละครั้งพี่พัฒนาเหนื่อยแทบขาดใจ หลังจากนั้นก็ต้องตั้งต้นพัฒนาใหม่เพื่อให้ product สวยขึ้น ดีขึ้นไปเรื่อยๆ (ผมเคยคุยกับคนที่ทำงานที่แอปเปิ้ลมา) ผมมองว่าใน Long run แล้วค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆอย่างมีนัยยะสำคัญในอนาคตครับ ผมไม่แน่ใจว่าอนาคต Apple ก็น่าจะมี life cycle คล้ายๆกับพวกรุ่นพี่ในวงการอย่าง microsoft, ibm ครับ
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ก่อนอื่น
ขอบคุณ k. คนขายของ
สำหรับบทความคุณภาพสูงมาก
(อ่านทุกครั้งจุดประกายมากมาย)
:bow: :bow: :bow:
~~~





.....

อ่านแล้วก็เลย
ไปค้นต่อเรื่อง
innovative companies


เจอของ
บอสตันคอนซัลแตน์กรู๊ป BCG ที่โด่งดัง
มีบทความ ศึกษาเรื่อง innovative companies
มี chart ประกอบน่าสนใจ

source:
ต.ย.1
https://www.bcgperspectives.com/content ... 3#chapter3
Pfizer increased its R&D investment from $8.1 billion to $9.1 billion. As a proportion of sales, however, R&D investment fell from 16.7 percent to 13.5 percent. In 2011, Pfizer made a shift in its R&D approach to ensure that each investment provided the highest commercial value to the firm.

The change, as outlined in public filings, involved pruning the existing portfolio, relocating R&D centers closer to leading external research organizations, and setting up flexible partnerships with external R&D partners to allow Pfizer to focus on the highest value-added activities.


ต.ย. ข้อสรุป
For instance, companies that outperformed in terms of total shareholder return increased their R&D-to-revenue ratio by 6 percent on average; by contrast, the R&D-to-sales ratio of underperformers declined by 3 percent.
...



...................................
:arrow:
ส่วน link นี้ เป็น ต.ย. แหล่งข้อมูล r&d (source of information)
ของ pfizer ปี 2006-2012
http://www.statista.com/statistics/2678 ... ince-2006/
........

Pfizer Research and Development Expense (Quarterly)
http://ycharts.com/companies/PFE/r_and_d_expense

:idea: :idea: ....
.......

ส่วน
บความสุดท้าย ของ wikiinvest(PFE) ในหัวข้อ restructuring
http://www.wikinvest.com/wiki/Pfizer_%28PFE%29
จะเห็นว่ามันไม่ได้อยู่ที่ ปริมาณเงินอย่างเดียว
อยู่ที่เรื่องที่ จะ focus ด้วยว่า เรื่องไหน ส่งผลต่อ bottomline ดีสุด
Pfizer has announced plans to shift its research and development focus away
from heart disease drugs
to cancer and biotechnology drugs,
which it says are more profitable.
....





:idea: :idea:
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

เรื่องที่ต้องระวังอีกเรื่องของ
บ. r&d คือ patent expiration
The patent expiration of big-sellers,
not-so-fondly called the “patent cliff” by industry insiders
http://pharma.about.com/od/BigPharma/a/ ... 3-2016.htm

ต.ย.
source wikinvest อันเดิม
http://www.wikinvest.com/wiki/Pfizer_%28PFE%29
Lipitor is a statin that decreases LDL levels, and, due to its unprecedented safety and effectiveness,
is the best selling drug in the world. It is by far the most important drug for Pfizer and has contributed significantly to the company's growth in the past several years.

However, the patent for Lipitor expired in 2010,



more
related on patent cliff
http://blogs.wsj.com/corporate-intellig ... ent-cliff/

:?: :shock:

...
kraikria
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1175
ผู้ติดตาม: 4

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ขอบคุณครับ
ไม่ควรลงทุนอะไร ถ้าไม่รู้สึกสบายใจในสิ่งนั้น
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

more
Notes & Links
to
sources of information
on R&D n Innovative Company
........




Global Innovation 1000 Study:
โดย strategy&

source:
1.http://www.strategyand.pwc.com/global/h ... ation-1000
2.http://www.strategyand.pwc.com/global/h ... #/tab-2011


จากการศึกษาของ startegy&
3 models
ของ
innovative company

1. Need Seekers
2. Market Readers
3. Tech Drivers


[youtube]9N-rgT7jm6g[/youtube]
The 2014 Global Innovation 1000 Study: Proven paths to innovation success
Published on Oct 27, 2014

Strategy& Senior Partner and Global Innovation 1000 study author Barry Jaruzelski
discusses the 3 innovation models in terms of proven innovation success.



.....



Link:
a. The Global Innovation 1000: Top 20 R&D Spenders 2005-2014
http://www.strategyand.pwc.com/global/h ... nders-2014
(rank by spending)

b. The top innovators and spenders (2005-2014) (top10-top20)
http://www.strategyand.pwc.com/global/h ... #/tab-2010

c. video
The 10 most innovative companies of 2013 | Strategy&
[youtube]0HcjC1DhCZk[/youtube]
(not how much/it how effective u spend)
(effective:
c1. deep customer insight
c2. culture align w strategy
c3. effectieve use of digital tools)

d. video มี chart r&d ของ sector(only 4 sectors increase r&d) (m0.27)
The 2014 Global Innovation 1000 Study: The last 10 years of R&D spending
[youtube]wIPIdfgzdas[/youtube]
(top r&d spenders are not the most innovative (m1.16))
d1. innovative outperform in 2 keys fin matric (m1.28)
d1.1 Revenue Growth
d1.2 EBITDA as a%
d1.3 Market Cap Growth


..........................................
:roll:

~~~
ผิดตกขออภัย
โปรดตรวจซ้ำกับต้นทาง
....
rapacia
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 40
ผู้ติดตาม: 3

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ขอบคุณครับ
โพสต์โพสต์