นิสัย 1% กำไร 100%/วีระพงษ์ ธัม

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1892
ผู้ติดตาม: 313

นิสัย 1% กำไร 100%/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ช่วงที่ผ่านมาผมได้อ่านหนังสือเรื่อง The Power of Habit ของ Charles Duhigg ทำให้เห็นเห็นมุมมองที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุนมากทีเดียว เพราะการสร้างนิสัยที่ถูกต้อง จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ทุกเรื่อง รวมถึงการลงทุน และไม่น่าเชื่อว่านิสัยแค่ 1% อาจจะสร้างผลต่างในการลงทุนมากเป็นเท่า ๆ ตัว

    Charles ยกตัวอย่างการทดลองของนักวิจัยสถาบัน MIT ที่น่าสนใจอันหนึ่ง ที่ศึกษาความเชื่อมโยงระหว่าง “สมอง” “นิสัย” และ “ผลสำเร็จในการแก้ปัญหา” ด้วยการนำเอาหนูเข้ามาวิ่งในเขาวงกตแบบง่าย ๆ โดยมีจุดหมายปลายทางเป็น “ชีสหอม ๆ” เป็นรางวัล ทุกครั้งที่ปล่อยหนูออกวิ่ง จะมีสัญญาณเสียงกริ๊ก และที่กั้นก็จะถูกยกออก หลังจากนั้นหนูก็จะพยายามขวนขวาย ดมกลิ่น และลองผิดลองถูก จนถึงจุดมุ่งหมาย นักวิจัยทำการทดลองซ้ำแต่ละครั้งหนูก็เรียนรู้วิธีเดินผ่านเขาวงกตได้อย่างรวดเร็วขึ้นทุก ๆ ครั้ง

    ที่น่าสนใจคือ นักวิจัย MIT ได้นำเอาเครื่องวัดการทำงานของสมองมาวัด “คลื่นสมอง” ของหนูตลอดเวลา และพบว่า สมองหนูกลับทำงานน้อยลง ทั้ง ๆ ที่หนูใช้เวลาน้อยกว่าเดิมในการทดลองครั้งหลัง ๆ กระบวนการที่สมองกำหนดให้เกิดพฤติกรรมแบบอัตโนมัตินี้เอง เป็นที่มาของแนวคิดเรื่อง “นิสัย” ซึ่งถ้าสร้างตัวแปรก็จะพบว่ามี 3 สิ่งคือ ตัวกระตุ้น (ในที่นี้คือเสียงกริ๊ก) มีรางวัล (ในที่นี้คือชีส) และมีกิจวัตร (คือการเดินในเขาวงกต) และผู้เขียนก็เรียกสิ่งนี้ว่า “วงจรแห่งนิสัย”

    วงจรแห่งนิสัย มีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา และบ่งบอกถึง “เส้นทาง” ในชีวิตของคนทุกคน วงจรแห่งนิสัยในภาพใหญ่จะประกอบด้วย “นิสัยเล็ก ๆ” จำนวนมาก ตั้งแต่การตื่นนอน แปรงฟัน กินข้าว ทำงาน จนเราหลับนอน นิสัยกำหนดให้เราเลือกที่จะตัดสินใจบนเส้นทางที่แตกต่างกันโดยเราไม่รู้ตัว เพราะนี่คือ “พฤติกรรมแบบอัตโนมัติในชีวิต” อันที่จริงนักการตลาดก็ใช้นิสัยของมนุษย์มาสร้างธุรกิจจำนวนมาก Life Style หลายอย่างที่เราเห็น ก็ถูกสร้างจากวงจรแห่งนิสัยนี้นับไม่ถ้วน

    ผมนำแนวคิดวงจรแห่งนิสัยนี้มาเปรียบเทียบกับการลงทุน การลงทุนในทุก ๆ เช้าวันธรรมดาเวลาสิบโมงตรง ก็จะเริ่มมีตัวกระพริบเป็น “ชื่อหุ้น” พร้อม ๆ กับ “สี” แดงบ้าง เหลืองบ้าง เขียวบ้าง ซึ่งมันคือ “ตัวกระตุ้น” นั่นเอง และรางวัลของนักลงทุน คือ “ส่วนต่างกำไร” หรือ “เงินปันผล” ส่วนกิจวัตรของนักลงทุนก็คือการซื้อ ขาย และการวิเคราะห์หาข้อมูล

    นักลงทุนส่วนมาก จะเริ่มต้นการลงทุนจากการมอง “รางวัล” เป็นที่ตั้งก่อน เช่นการอยากมีอิสรภาพทางการเงิน อยากรวย แต่สิ่งที่ควรจะระวังไว้คือ “รางวัล” มักจะนำมาซึ่งอารมณ์ “ความโลภ” ที่อยากจะได้ผลตอบแทนมาก ๆ และนำมาซึ่ง “ความกลัว” ที่จะสูญเสียรางวัลนั้นไปตลอดกาล เพราะเหตุนี้รางวัลจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักที่จะสร้างความสำเร็จในการลงทุน

    และกับดักนักลงทุนที่สอง คือ “ตัวกระตุ้น” ซึ่งเหมือนมีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะเทคโนโลยีทำให้เราสามารถเข้าถึงหุ้นได้จำนวนมากพร้อม ๆ กับข่าวสารที่ถาโถมเข้ามา ตัวกระตุ้นชั้นดีในทุกยุคทุกสมัยคือ “ข่าวลือ” หรือหุ้นจำพวก “Top Gainer” หรือ “Most Active” เพราะนี่คือเสียง “กริ๊ก” ให้เราซื้อ ๆ ขาย ๆ หุ้น ซึ่งมันก็ถูกขยายให้มากขึ้นไปอีก ด้วยเครื่องมือจำพวก Social Media เช่น Line, Facebook เพราะเรามักจะเห็นสนามหญ้าคนอื่นเขียวกว่าตัวเอง และเรามักจะรู้สึกบ่อย ๆ ว่า หุ้นในพอร์ตคนอื่น “เขียว” กว่าพอร์ตหุ้นตัวเองเช่นเดียวกัน

    ที่จริงแล้วความสำเร็จในการลงทุนต้องสร้างจาก “นิสัย” และตัดตัวกระตุ้นทั้งหลายออกไป หากให้ผมเลือก “สามนิสัย” ที่สำคัญที่สุด นิสัยที่ดีที่สุดในการลงทุน คือ “การอ่าน” เพราะนี่คือการหาวัตถุดิบ ซึ่งก็คือความรู้ และข้อมูล เพื่อนำหุ้นมาวิเคราะห์อย่างเป็นกลาง จนสร้างผลสำเร็จคือการ “มองเห็น” อนาคตได้ไกลกว่านักลงทุนคนอื่น ๆ ยิ่งเราสามารถมองได้ไกล (วิสัยทัศน์) มองได้ทั่ว (รู้จักหุ้นจำนวนมาก) เราก็ยิ่งประสบความสำเร็จได้มากเท่านั้น 

    นิสัยที่สอง คือ “การคิด” โดยเฉพาะการคิดหลาย ๆ ชั้น คิดในหลาย ๆ มุม การอ่านจำนวนมากจะไม่มีประโยชน์เท่าไหร่นัก ถ้าไม่สามารถนำความคิดมาต่อยอด สังเคราะห์ และตกผลึกออกมาเป็นผลลัพท์ชั้นยอด การคิดสองชั้นอย่างง่าย ๆ คือ ถ้าเราคิดอะไรได้ เราต้องคิดต่อไปอีกอย่างน้อยหนึ่งชั้นว่า ทำไมคนอื่นถึงคิดไม่ได้เหมือนเรา หรือมีอะไรผิดปกติตรงไหนที่เราลืมคิดไป

    นิสัยที่สามคือ “การรอ” เป็นนิสัยที่ดูขัดแย้งกับความสำเร็จในมุมมองของงานทั่ว ๆ ไป ว่า “ทำมากได้มาก” แต่สำหรับการลงทุน “ทำน้อยอาจจะได้ มากกว่า” เสียอีก บัฟเฟตต์บอกว่าการลงทุนดี ๆ แค่ 20 ครั้ง ก็เพียงพอสำหรับเปลี่ยนชีวิตคุณได้แล้ว “การรอ” คือนิสัยที่ทำได้ยากมาก ไม่ว่าจะเป็นการรอจังหวะซื้อหุ้นที่ราคาดี ๆ และ รอคอย “เวลา” ที่หุ้นจะเติบโตไปถึงจุดที่ดีที่สุดของมัน ทั้งสามนิสัยนั้นนักลงทุนต้องฝึกให้เป็น “พฤติกรรมอัตโนมัติ” และคุณจะโชคดีมาก ถ้านิสัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณชอบอยู่แล้ว เพราะนั่นคือชีวิตที่มีความสุขโดยไม่ต้องฝึกฝนเลย

    วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยพูดถึงนิสัยไว้ว่า “นิสัยที่ดีต่อเนื่อง มักจะเบาเกินกว่าที่เราจะรู้สึกถึงมัน จนกระทั่งนิสัยนั้นถูกสร้างให้หนักแน่นจนเกินกว่าที่มันจะแตกหักได้” ดังนั้น จงสร้างนิสัยที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง เพราะนี่คือสิ่งที่ทำลายคุณไม่ได้ แม้ว่าพอร์ตหุ้นจะลดลง 50% แต่นิสัยที่หนักแน่น จะพาคุณกลับมา และไปได้ไกลยิ่งกว่าเดิม นี่คือสิ่งที่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จพิสูจน์มานักต่อนักแล้ว
[/size]
ลูกหิน
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 1

Re: นิสัย 1% กำไร 100%/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Linzhi
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1526
ผู้ติดตาม: 225

Re: นิสัย 1% กำไร 100%/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 3

โพสต์

อาทิตย์นี้ลงเรื่องเดียวกับอาจารย์เลย บังเอิญแต่เขินครับ :oops: คงได้มุมมองคนละแบบครับ
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4641
ผู้ติดตาม: 23

Re: นิสัย 1% กำไร 100%/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 4

โพสต์

Linzhi เขียน:อาทิตย์นี้ลงเรื่องเดียวกับอาจารย์เลย บังเอิญแต่เขินครับ :oops: คงได้มุมมองคนละแบบครับ
หนังสือ่มนี้ดีมากแถมอ่านสนุกครับ ขอบคุณคุณหลินและมุมมองมากครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
<< New >>
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1150
ผู้ติดตาม: 16

Re: นิสัย 1% กำไร 100%/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณพี่หลินสำหรับบทความดีๆครับ
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: นิสัย 1% กำไร 100%/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณ ..บทความครับ






“นิสัยที่ดีต่อเนื่อง มักจะเบาเกินกว่าที่เราจะรู้สึกถึงมัน จนกระทั่งนิสัยนั้นถูกสร้างให้หนักแน่นจนเกินกว่าที่มันจะแตกหักได้”

Chains of habit are too light to be felt until they are too heavy to be broken.

Warren Buffett

Read more at http://www.brainyquote.com/quotes/quote ... 84858.html

It was the peculiar artifice of Habit not to suffer her power to be felt at first. Those whom she led, she had the address of appearing only to attend, but was continually doubling her chains upon her companions; which were so slender in themselves, and so silently fastened, that while the attention was engaged by other objects, they were not easily perceived. Each link grew tighter as it had been longer worn, and when, by continual additions, they became so heavy as to be felt, they were very frequently too strong to be broken.
Samuel Johnson
http://quoteinvestigator.com/2013/07/13 ... -of-habit/

...

อ่าน
คิด
รอ.
...




"Time makes more converts than reason."
a long habit of not thinking a thing WRONG, gives it a superficial appearance of being RIGHT, and raises at first a formidable outcry in defense of custom. But the tumult soon subsides. Time makes more converts than reason.

Thomas Paine
http://en.wikiquote.org/wiki/Thomas_Paine
..
Mazzi: “Time makes more converts than reason.” Thomas Paine’s Common Sense. Peter: You’re the last person who should be quoting common sense.
-White Collar S04E06 14:04

:D :D :D
IM_VI
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 113
ผู้ติดตาม: 0

Re: นิสัย 1% กำไร 100%/วีระพงษ์ ธัม

โพสต์ที่ 7

โพสต์

บทความดีๆ ทำให้เปลี่ยนนิสัยได้ ขอบคุณมากครับ
โพสต์โพสต์