This too shall pass/ธันวา เลาหศิริวงศ์

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1893
ผู้ติดตาม: 313

This too shall pass/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

	หากดูสถิติ 3 ปีย้อนหลัง ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องถึงระดับ 1,148.28 จุดเมื่อเดือนสิงหาคม 2554 ก่อนปรับตัวลงเกือบ 300 จุดหรือกว่า 26% ในเวลา 2 เดือนที่ระดับ 843.69 จุดเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2554 หลังจากนั้นก็เข้าสู่ ‘ยุคทอง’ ของการลงทุนเพราะดัชนีได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกือบเท่าตัวหรือกว่า 95% ในเวลา 18 เดือนต่อมาและปิดที่ระดับ 1,649.17 จุด ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2556 สร้างผลกำไรอย่างงามให้นักลงทุนทุกเพศทุกวัย ความหอมหวานของตลาดหุ้นไทยได้ดึงดูดนักลงทุนน้อยใหญ่เข้ามาลงทุนมากขึ้น ดัชนีชี้วัดอย่างหนึ่งคือ อันดับหนังสือขายดีล้วนเข้าทำนอง ‘รวย’ด้วยหุ้น ‘อย่างง่าย’ นั่นเอง
	ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีกลับเผชิญอุปสรรคและความไม่แน่นอน เพราะหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่องกว่า 18% โดยแตะระดับต่ำสุดที่ 1,354.62 จุดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2556 เส้นทางที่เคยคิดว่า ‘ง่าย’ และ ‘เป็นความหวังที่สร้างความมั่งคั่งในระยะเวลาอันสั้น’ ของนักลงทุนกลับไม่เป็นดังคาดเสียแล้ว
	สำหรับนักลงทุนที่เก่งเรื่องคาดการณ์ภาวะขึ้นลงของตลาดและตัดสินใจเลือกถือเงินสดก่อนหน้านั้น คงอยากเห็นราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อไปอีก โดยนักลงทุนเหล่านี้หวังที่จะใช้ประสบการณ์เพื่อวิเคราะห์และคาดการณ์ภาวะตลาดอย่างถูกต้องอีกครั้งเพื่อเข้าซื้อหุ้นเป้าหมายในราคาที่ถูกที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
	สำหรับนักลงทุนที่เลือกถือหุ้นและยังมีหุ้นอยู่ในพอร์ตจนถึงปัจจุบันนั้น มีทางเลือกที่ควรพิจารณาอย่างไรบ้าง
	กรณีต้องการขายหุ้นหมดพอร์ตเนื่องจากขาดทุนอย่างหนัก ปิดพอร์ตและหันหลังให้กับตลาดหุ้น การเลือกใช้กลยุทธ์นี้ต้องเข้าใจว่า ในระยะยาวนั้นตลาดหุ้นยังสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ดีกว่าการลงทุนชนิดอื่นไม่ว่าจะเป็นตราสารสกุลเงินหรือเทียบเท่า การลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดผลผลิตเช่นทองคำ เป็นต้น จากจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเบิร์กไชร์ แฮทธาเวย์ปี 2011 วอร์เรน บัฟเฟต์ นักลงทุนเอกของโลกกล่าวถึงการลงทุนหุ้นที่เขาชื่นชอบว่า คือการลงทุนในกิจการหรือสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดผลผลิตที่มีความสามารถชนะเงินเฟ้อ กิจการที่เติบโตขึ้นจะเพิ่มอำนาจในการต่อรองมากขึ้นส่งผลให้กิจการมีผลประกอบการดีขึ้นตามลำดับ
	กรณีต้องการขายหุ้นออกมาก่อนเพื่อกลับเข้าลงทุนหุ้นเดิมในราคาที่ต่ำกว่า การเลือกใช้กลยุทธ์ ‘market timing’ ต้องมั่นใจความสามารถในการคาดการณ์ภาวะตลาด เพราะหากคาดการณ์ผิดอาจเกิดความเสียหายในการลงทุนได้ นอกจากนี้การซื้อขายหุ้นบ่อยครั้งจำเป็นต้องเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวราคาซื้อขายและมีช่วงของราคาเพียงพอต่อค่าคอมมิชชั่นที่เกิดขึ้นด้วย
	กรณีขายหุ้นที่ถืออยู่เพื่อเข้าลงทุนหุ้นที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น การปรับพอร์ตหรือ ‘switching’ อาจจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีกลยุทธ์หนึ่งหากพบกิจการยอดเยี่ยมในราคาที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับหุ้นถืออยู่ การ switching หุ้นนั้นต้องระมัดระวังในทางปฏิบัติเพราะปัจจัยเรื่องของเวลาและราคาซื้อขายที่แตกต่างกันเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การปรับพอร์ตไม่ควรเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพราะนั่นคือสิ่งบ่งบอกถึงความสามารถในการเลือกหุ้นที่ยังไม่ดีเพียงพอ 
	กรณีถือหุ้นเต็มพอร์ตโดยไม่ได้ขายหุ้นออกมาเลย เนื่องจากนักลงทุนยังมั่นใจใน ‘คุณภาพ’ และ ‘ศักยภาพ’ ของกิจการในระยะยาว แม้ราคาหุ้นและภาวะตลาดปรับตัวลงอย่างมากทำให้ความมั่งคั่งลดลงแต่คิดว่าน่าจะเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราว การเลือกใช้กลยุทธ์ ‘อยู่เฉยๆ’ อาจเป็นเพราะคิดว่าตนไม่เก่งเรื่องของ market timing หรือไม่พบกิจการที่แข็งแกร่งกว่าในราคาที่เหมาะสมเพื่อใช้กลยุทธ์ switching นั่นเอง	
	ในฐานะ Value Investor ที่ตั้งใจลงทุนในตลาดหุ้นต่อไปอีกยาวนานต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า หนึ่ง ไม่ควรนำความผันผวนของภาวะตลาดระยะสั้นมาใช้เป็นเกณฑ์เพื่อประเมินความสำเร็จของเป้าหมายการลงทุนระยะยาว ซึ่งอาจส่งผลเชิงลบต่อภาวะอารมณ์และจิตใจ สอง การถือหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งยอดเยี่ยมนั้น มักอุ่นใจ สบายใจ กินอิ่ม นอนหลับได้ดีกว่า หากตลาดกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ราคาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีมักจะปรับตัวเร็วว่าหุ้นที่มีคุณภาพด้อยกว่า สาม ทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่นั้นมักเป็นผู้ที่ใช้ ‘โอกาส’ ในวิกฤติให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
	‘ขนาด’ และ ‘ความเร็ว’ ของความผันผวนนั้น นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นจากพัฒนาการที่เปลี่ยนไปทั้งด้านนวัตกรรมเครื่องมือทางการเงิน การเคลื่อนย้ายเงินทุน เทคโนโลยี โซเชียลมีเดีย ความผันผวนครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งแรกและจะเกิดเป็นครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมักจะไม่หวั่นไหว มีสติ พร้อมเรียนรู้และเตรียมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นเสมอ และยังตระหนักดีว่าแล้วมันก็จะผ่านไปดังคำที่ว่า “this too shall pass” นั่นเอง
[/size]
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: This too shall pass/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากๆครับสำหรับบทความดีๆ ได้ข้อคิดมากทีเดียว

------------------------------------------
บุญอยู่ใกล้แค่ปลายนิ้ว ขอเชิญบริจาคคลิก ไลค์ และ แชร์ เพื่อทุนการศึกษาได้ที่นี่..
http://thorfun.com/#chanchai/story/51ba ... 050c004b8c
pakhakorn
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 957
ผู้ติดตาม: 0

Re: This too shall pass/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณมาก ครับ
โพสต์โพสต์