เตือนสติ/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1893
ผู้ติดตาม: 313

เตือนสติ/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

   คงไม่มียุคใดสมัยใดที่ผู้คนไม่ว่าชายหรือหญิง ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ มีความรู้สึกและความต้องการ “ดูดี” และมีค่านิยมที่เป็น “วัตถุนิยม” มากเหมือนในปัจจุบัน
	ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตลาดยุคใหม่ได้พยายามยัดเยียด “แบบแผน” ที่เป็นอุดมคติให้กับผู้บริโภคตั้งแต่ยังเยาว์วัย และแทบจะทุกมุมเมือง เราจะเห็นคนติดอยู่ในความนิยมที่จะบริโภค ไม่ว่าจะเป็นสินค้ารุ่นใหม่ๆ หรือบริการใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา
	คนที่จะได้รับความชื่นชอบและชื่นชมปัจจุบัน ต้องมีหน้าตาดี ผิวพรรณดี สะอาดสะอ้าน จนทำให้ชายหนุ่มทั้งหลาย ไปเป็นลูกค้าของสถานเสริมความงามกันอย่างมากมาย วัยรุ่นสมัยนี้ สิวแม้แต่เม็ดเดียวก็ไม่สามารถให้มีอยู่บนใบหน้าได้ คลินิกผิวหนังจึงผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด
	สิ่งที่ตามมาคือ“ช่องว่าง”ที่เพิ่มขึ้นระหว่างคนมีกำลังทรัพย์ที่จะดูแลหน้าตา ผิวพรรณ การแต่งกาย หาซื้อข้าวของเครื่องใช้ราคาแพงที่เป็นที่นิยม กับคนที่ไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะทำในสิ่งต่างๆเหล่านี้
	เวลาพบกันแทนที่จะถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบ กลายเป็นถามถึงความสวยงาม(และความหล่อ) วิธีการที่จะดูดีเหมือนดาราในละครที่ได้ชม การอวดอุปกรณ์การสื่อสารรุ่นล่าสุดที่แต่ละคนไปไขว่คว้าหามา รวมถึงบางคนที่ไม่สามารถไขว่คว้าได้ก็อาจจะหาวิธีให้ได้มาซึ่งสิ่งของทันสมัยด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง อาจจะไม่ถูกศีลธรรม ไปจนถึงไม่ถูกกฎหมาย
	กลายเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์เรื่องการติดหนี้ติดสิน แก้ปัญหาไม่ตกจนต้องคิดสั้น การยอมขายบริการทางเพศชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อแลกกับ “วัตถุ” ราคาแพง ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า แบรนด์เนม อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ หรือแลกกับเงินเพื่อนำไปผ่าตัดเสริมสวย หรือการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ เช่น ฉกชิงวิ่งราว ฉ้อโกง คดโกง ค้ายาเสพติด เพื่อนำเงินมาแลกกับ ”วัตถุ”ที่ชื่นชอบ เกิดขึ้นตลอดเวลา ไม่ต้องพูดถึงการขายลูกสาวแลกกับมอเตอร์ไซค์หรือรถกระบะซึ่งพบได้ตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน
	หากคนไทยเราไม่สามารถมองข้าม “วัตถุนิยม” เพื่อให้เห็นถึงแก่นแท้ของชีวิต สังคมในอนาคตของเราจะสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายที่เกิดจาก”ตัณหา” คือ “ความอยากมี อยากเป็น” เป็นอย่างมาก อยากมีอุปกรณ์สื่อสารหรือเครื่องเล่นที่ทันสมัยที่สุดในยุค อยากเป็นคนสวยคนหล่อที่ใครๆต้องมองจนเหลียวหลัง อยากเป็นคนรวย มีทรัพย์สินมากมาย โดยไม่ต้องคำนึงถึงที่มา และความอยากอื่นๆอีกมากมาย ที่ล้วนเป็นสิ่งปรุงแต่งภายนอก ไปจนถึงอยากคบหาเฉพาะแต่คนสวยคนหล่อ คนรวย คนดัง ฯลฯ
	อยากเตือนสติลูกหลานของพวกเราหลายๆคน ที่มีปู่ย่าตายายผ่านความยากลำบากในชีวิต ตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ผ่านความลำบากของการ “ไม่มี” ทรัพยากรต่างๆให้ใช้อย่างฟุ่มเฟือย ทุกสิ่งทุกอย่างต้องแบ่งกันใช้อย่างประหยัด ว่าการหลงติดในวัตถุนิยมแบบไร้สติจะพาเราไปสู่หายนะ
	“สติ” คือความระลึกได้ เปรียบเสมือนหางเสือคุมเรือชีวิต เรือที่ไม่มีการควบคุม สามารถถูกกระแสน้ำพัดพาไปในที่แห่งใดก็ได้  ชีวิตที่ไม่มีสติ ก็อาจจะถูกกระแสบริโภคนิยมเข้าครอบงำ พัดพาไปสู่การบริโภคอย่างไม่สิ้นสุด บริโภคเกินฐานะ บริโภคเกินความต้องการ บริโภคเพราะต้องการเลียนแบบคนดัง หรือบริโภคเพียงเพื่อให้ผู้อื่นเห็น 
	ดิฉันเคยเขียนถึงการประหยัดที่ถูกต้องว่า ค่านิยมเรื่องการประหยัดต้องเป็นการประหยัดให้ทั้งกับตนเอง ส่วนรวม ประเทศ ไปจนถึงโลกและมวลมนุษยชาติร่วมโลกของเราด้วย  การประหยัดแต่ของของตน แต่ไปใช้ของส่วนรวมหรือของคนอื่นอย่างฟุ่มเฟือยนั้น เป็นความคิดที่ “เขลา” เพราะในที่สุด ผลเสียก็จะตกมาถึงตนเองหรือลูกหลานของตนเองอยู่ดี
	“ค่านิยม”ที่เราควรจะต้องนำมารื้อฟื้นและส่งเสริมให้มากๆ คือ ชื่นชมคนดีคนเก่ง เคร่งครัดในศีลธรรม ไม่หลงติดในวัตถุนิยม  ใช้ทรัพยากรแต่พอควร  ไม่เห็นแก่ตัว เอื้อเฟื้อและเอื้ออาทรต่อผู้อื่น
	นอกจากจะเป็นนักการเงิน ดิฉันก็เป็นนักการตลาดด้วย ทราบดีว่าเมื่อมีการแข่งขันรุนแรง ผู้ขายต้องพยายามจูงใจผู้ซื้อทุกวิถีทาง เพื่อสร้างยอดขายให้กับตนเอง ดังนั้นในฐานะผู้บริโภค ก็ต้องรู้กำลังซื้อของตนเอง รู้จักยับยั้งชั่งใจ ซื้อหรือบริโภคและมีความเป็นอยู่ให้เหมาะสมกับฐานะของตนเอง 
	ขอฝาก “ผู้ขาย” ให้มีจรรยาบรรณในการขายสินค้าหรือบริการด้วยนะคะ การยัดเยียดสินค้าและบริการให้กับผู้บริโภคอย่างไม่เหมาะสมนั้นถือว่าเป็นการผิดจรรยาบรรณอย่างหนึ่ง ควรดูกำลังซื้อและสถานะของเขาด้วย อย่างน้อยก็เห็นแก่ความยากลำบากที่เขาจะต้องเผชิญ หากเขาต้องใช้เงินเกินตัวเพื่อมาซื้อสินค้าหรือบริการของเรา
	ผู้บริโภคต้องรู้จักป้องกันตัวเองด้วย อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น อย่าคิดว่าผิวพรรณของตนจะต้องสมบูรณ์แบบเหมือนของดาราในจอทีวี  นอกจากการแต่งหน้าและศัลยกรรมตกแต่งจะสามารถกลบเกลื่อนริ้วรอยไฝฝ้าหรือตำหนิใดๆไปหมดแล้ว  เทคโนโลยีปัจจุบันยังสามารถทำให้ภาพออกมาดูดีกว่าตัวจริงได้อีกด้วย
	คนเราไม่ควรจะตั้งเป้าหมายที่ความสมบูรณ์แบบครบถ้วนร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ แต่ละคนย่อมมีจุดบกพร่องหรือข้อเสียบ้าง  อยู่ที่การปรับปรุงแก้ไข และการยอมรับ”ความไม่สมบูรณ์”ของแต่ละคนต่างหาก มองให้ซึ้งถึงน้ำใจและแก่นแท้ของจิตใจของคน เท่านี้เราก็จะสามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติของคนรุ่นใหม่ๆได้ 
	ต้องสอน ต้องบอกกล่าว ต้องบ่น ต้องว่า ต้องชี้แนวทางที่ถูกต้องให้ เพื่อมิให้คนรุ่นหลังหลงผิด เดินไปในทางที่ไม่พึงประสงค์และเป็นผลเสียกับสังคมในระยะยาว  
	อยากให้มีละครโทรทัศน์ที่ชื่นชมคนดี คนมีคุณธรรม คนรู้จักใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า มีค่านิยมที่ถูกต้องให้สังคมได้ซึมซับให้มากกว่านี้ อย่ามอมเมาประชาชนมากเกินไปค่ะ
	ท้ายที่สุดนี้ อยากฝากเรื่องคุณสมบัติของคนดี คือ สัปปุริสธรรม 7 ประการ* อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ท่านนำไปใช้หรือบอกต่อให้กับผู้อื่นนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต คือ
1.รู้จักหลักและรู้จักเหตุ รู้หลักความจริงของธรรมชาติ รู้หลักการ กฎเกณฑ์แบบแผน หน้าที่
2.รู้ความมุ่งหมายและรู้จักผล รู้ผลที่ประสงค์ของงานที่จะทำ
3.รู้จักตน รู้ฐานะ ภาวะ เพศ กำลัง ความรู้ ความถนัด ความสามารถ และคุณธรรม
4.รู้จักประมาณ รู้จักความพอเหมาะพอดี รู้จักประมาณในการบริโภค ในการใช้จ่ายทรัพย์
5.รู้จักกาล รู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร รู้เวลาเรียน เวลาทำงาน เวลาพักผ่อน
6.รู้จักชุมชน รู้ข้อควรปฏิบัติเมื่ออยู่ในสังคม รู้จักมารยาท ระเบียบวินัย ขนบธรรมเนียมประเพณี 
7.รู้จักบุคคล รู้ความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยอัธยาศัย ความสามารถและคุณธรรม
------------------------------------------------
*สรุปย่อจากหนังสือ “พุทธธรรม” หน้า 627-8
[/size]
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เตือนสติ/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากๆครับสำหรับบทความดีๆที่แบ่งปันครับ

------------------------------------------
บุญอยู่ใกล้แค่ปลายนิ้ว ขอเชิญบริจาคคลิก ไลค์ และ แชร์ ได้ที่นี่..

http://thorfun.com/#chanchai/story/51ba ... 050c004b8c
โพสต์โพสต์