โรงเรียนสอนเปียโน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1890
ผู้ติดตาม: 311

โรงเรียนสอนเปียโน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โลกในมุมมองของ Value Investor          25 พฤษภาคม 56
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โรงเรียนสอนเปียโน

​ภรรยาผมเป็นครูสอนเปียโนและก็ยึดอาชีพนี้มาตลอดตั้งเรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ นับถึงวันนี้ก็ประมาณ 30 ปีแล้ว ดังนั้นผมจึงรู้อะไรเกี่ยวกับการเรียนการสอนเปียโนอยู่บ้างแม้ว่าโดยส่วนตัวจะไม่มีความสามารถทางด้านดนตรีเลยไม่ว่าจะเป็นเปียโนหรือดนตรีอย่างอื่น  เหตุผลที่ผมไม่มีความสามารถหรือความรู้เกี่ยวกับดนตรีเลยส่วนหนึ่งก็คือ  ในช่วงวัยเด็กฐานะทางบ้านผมจนมากทำให้เราไม่สามารถที่จะซื้อเครื่องดนตรีไม่ว่าชนิดไหนมาเล่นได้  ดนตรีในสมัยนั้นยังถือว่าเป็น  “สิ่งฟุ่มเฟือย”  และเปียโนนั้นเป็น  “ราชา”  ของดนตรีที่หรูหราและฟุ่มเฟือยที่สุด   เพราะเครื่องเปียโนมีราคาแพงมาก นอกจากนั้น  การเล่นเปียโนให้เป็นและเก่งนั้นต้องอาศัยการเรียนและการฝึกฝนอย่างหนักและนานมากแถมค่าเรียนก็แพงกว่าการเรียนดนตรีอย่างอื่น

​ในช่วงประมาณ 20 ปีที่ผ่านมาและเป็นช่วงที่ลูกผมยังเล็กอยู่นั้น  ผมจำได้ว่าเป็นช่วงที่การเรียนเปียโนเริ่มเป็นที่นิยมขึ้นมาก  ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะลูกของคนยุค “เบบี้บูม” ที่เป็นคน “เจน Y” เริ่มเกิด  พ่อแม่ของเด็กยุคนี้เริ่มจะมีฐานะดีขึ้นเนื่องจากการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย  พวกเขามีลูกน้อยและอยาก  “สร้างลูกให้เป็นอัจฉริยะ”  หรือทำให้ลูกมีความสามารถและมีความ  “สุนทรี” กับ  “ศิลปะ” และพวกเขามีความเชื่อว่าดนตรีนั้นมีอิทธิพลอย่างสูงต่อพัฒนาการของเด็ก  ดังนั้น  การให้ลูกเรียนเปียโนจึงเป็นสิ่งที่คนทำกันมาก  บ้านไหนของคนที่มีรายได้ค่อนข้างสูงที่ลูกสาวไม่เรียนเปียโนนั้น   บางทีอาจจะถูกมองว่าเชยหรือไม่ค่อยทันสมัยไปเลย  และนั่นคือยุค “บูม” ของการเรียนการสอนเปียโน  โรงเรียนสอนดนตรีที่มีเปียโนเป็นคลาสใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นมาก  ครูเปียโนมีงานสอนเต็มเวลาไม่ต้องง้อโรงเรียนหรือนักเรียนเลย

​เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเร็ว ๆ  นี้   สังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก  วัฒนธรรม “ป็อบ”  เข้ามาแทนที่วัฒนธรรม “รุ่นเก่า”  คน “รุ่นใหม่” ต้องการ  “ย่นระยะเวลาแห่งความสำเร็จ”  ในชีวิตให้เหลือสั้นที่สุด  ดังนั้นอะไรที่ทำได้เร็วใช้เวลาน้อยจึงเข้ามาแทนที่สิ่งที่ต้องใช้เวลามาก  คนรุ่นใหม่ไม่สามารถรอหรือต้องทุ่มเทความพยายามมากเกินไปในการที่จะ  “ประสบความสำเร็จในชีวิต”  ดังนั้น  การเรียนเปียโนจึงค่อย ๆ  จางหายไปในแวดวงคนรุ่นใหม่  และนี่ก็อาจจะรวมไปถึงกิจกรรมทางศิลปะที่ต้องใช้เวลามากในการฝึกฝนเช่น  การเต้นบัลเล่ต์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ  ในทำนองเดียวกัน

​เด็กรุ่นใหม่เขาไปเรียนอะไรกัน?  ผมเองก็ไม่ทราบรายละเอียดมากนักแต่สิ่งหนึ่งที่ภรรยาผมบอกก็คือ  พวกเขาไปเรียนการร้องเพลงสมัยใหม่แบบที่ผู้เข้าแข่งขันประกวดแนว  AF หรือ อะแคเดมี อะวอร์ด ทำกัน  บางคนก็ไปเรียนการแสดงเผื่อว่าจะได้มีโอกาสเข้าไปแข่งขันหรือเข้าวงการบันเทิงในอนาคต  ดนตรีเองก็อาจเน้นไปในเครื่องดนตรีที่สอดคล้องกับดนตรีสมัยใหม่ที่สามารถโชว์ได้เช่นกีตาร์หรือกลองเป็นต้น  ส่วนเปียโนนั้น  ดูเหมือนว่านักเรียนจะค่อย ๆ  ลดลงเรื่อย ๆ และโรงเรียนเองก็อาจจะไม่ทำกำไรอย่างที่เคยและอาจจะต้องลดขนาดลงเนื่องจากค่าเช่าพื้นที่ในห้างที่มีราคาเพิ่มขึ้นทุกปี มองไปแล้วนี่คืออุตสาหกรรมที่กำลังค่อย ๆ  ตกต่ำลงอย่างไม่หวนกลับ

​ผมถามต่อว่าแล้วใครหรือกิจการอะไรจะมาแทนที่โรงเรียน  คำตอบก็คือ  น่าจะเป็น  “ร้านเสริมความงาม”  ซึ่งเห็นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ   เพราะเดี๋ยวนี้คนไปเสริมเติมแต่งร่างกายให้สวยงามขึ้นมาก  ถ้าอยู่ในแวดวงบันเทิงแล้วแทบจะทุกคนต้องทำ  คนธรรมดาเดี๋ยวนี้ก็ทำกันมากเพราะรู้สึกว่าทำแล้ว “เห็นผลทันที”  คนไม่รู้สึกว่าการทำศัลยกรรมหรือเติมสารต่าง ๆ  เข้าไปในร่างกายเป็นความเสี่ยงอะไรมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับความสวยงามที่จะได้รับแถมราคาก็สมเหตุผล   สถานเสริมความงามนั้นสามารถที่จะจ่ายค่าเช่าที่แพง ๆ  ได้ในขณะที่โรงเรียนสอบเปียโนนั้นรับไม่ไหว   เหตุผลหลักก็คือ  ธุรกิจเสริมความงามนั้นกำลังเป็นธุรกิจที่เติบโตมีคนเข้าเต็มร้านในขณะที่โรงเรียนสอนเปียโนนั้นเป็นธุรกิจที่กำลังตกต่ำนักเรียนน้อยลงเรื่อย ๆ

​ผมนึกต่อไปถึงเรื่องของโรงเรียนสอนหนังสือสายสามัญตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษา  แล้วก็ทำให้ผมเข้าใจว่าทำไม  “โรงเรียนติว” จึงเจริญรุ่งเรืองและอยู่ได้มายาวนานมากแถมทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ  เหตุผลก็คือ  พวกเขาสอนเร็ว  มีเป้าหมายชัดเจนเพื่อให้สามารถทำข้อสอบได้ดีขึ้นทำคะแนนได้สูงขึ้นและสามารถสอบเข้าโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากขึ้น  นี่คือสิ่งที่ตรงกับความคิดของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการอะไรที่เร็วและได้ผลทันที  เขาไม่ต้องการอะไรที่อาจจะหนักแน่นและอาจจะมีประโยชน์มากกว่าหรือดีกว่าในอนาคตที่ยังมองไม่เห็น   การประสบความสำเร็จหรือมีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อยของ  “ไอดอล” ที่พวกเขาเห็นจากสื่อสมัยใหม่ที่เปิดกว้างนั้น   ทำให้พวกเขาต่างก็ต้องการที่จะเดินทาง  “สายตรง”  พวกเขาคิดว่าการ “สร้างฐาน” ที่หนักแน่นนั้นอาจจะเสียเวลาเกินไป

​ที่เขียนมาซะยืดยาวนั้นหลายคนอาจจะตั้งคำถามว่ามันเกี่ยวอะไรกับการลงทุน  คำตอบของผมก็คือ  ผมกำลังจะอธิบายว่านี่คือการวิเคราะห์หุ้นหรือกิจการที่กำลังค่อย ๆ  ถดถอยลงอย่างต่อเนื่องและยาวนาน  มันกำลังตกต่ำลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมและสภาวะแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยและในที่สุดธุรกิจก็อาจจะอยู่ไม่ได้  ในลักษณะแบบนี้โอกาสที่กิจการจะฟื้นตัวกลับมาอาจจะยากไม่เหมือนอุตสาหกรรมที่เป็นวัฏจักรที่ในที่สุดธุรกิจก็จะกลับมาดีได้อีก  

​ถ้าลองมาดูธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเร็ว ๆ  นี้  ก็จะพบว่ามีธุรกิจหลายอย่างประสบกับปัญหายอดขายไม่เพิ่มและกำไรตกลงมาอย่างน่าใจหายทั้ง ๆ  ที่เคยเป็นกิจการที่รายได้เติบโตโดดเด่นรวมถึงกำไรที่โตต่อเนื่องเป็นหุ้นที่เป็นขวัญใจของนักลงทุนแบบ VI  แต่ในขณะนี้ต้องเผชิญกับคำถามสำคัญที่ว่าธุรกิจนั้นกำลังตกอยู่ในสภาวะที่จะตกต่ำลงยาวนานจนยากที่จะฟื้นตัวกลับมาหรือไม่  ตัวอย่างก็เช่น  ธุรกิจขายเครื่องและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ไม่อิงอยู่กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงอย่างอื่นเลยที่กำลังถูกแย่งชิงจากผู้ขายสมาร์ทโฟนและแทบเล็ตรวมถึงจากผู้ผลิตและผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเองที่มาเปิดร้านแข่ง   อีกธุรกิจหนึ่งก็คือ  ธุรกิจร้านขายหนังสือที่เป็นเล่มมีหน้าร้านขนาดใหญ่ที่กำลังถูกแย่งลูกค้าโดยสื่ออิเล็คโทรนิกส์อื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงและขายถูกกว่าทำให้คนอ่านหนังสือเล่มน้อยลงไปเรื่อย ๆ    หรือธุรกิจผลิตและขายถ่านหินที่กำลังถูกคุกคามจากก๊าซธรรมชาติและแหล่งพลังงานทดแทนอื่น ๆ  ที่สะอาดและบางทีราคาก็ถูกกว่าทำให้ปริมาณการใช้ถ่านหินไม่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับราคาที่อาจจะไม่ปรับตามราคาพลังงานอย่างอื่นเท่ากับที่เคยเป็นมา  ซึ่งอาจจะส่งผลให้ธุรกิจนี้ตกต่ำต่อเนื่องยาวนาน

​เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าธุรกิจไหนที่เราสงสัยจะกลายเป็นธุรกิจตะวันตกดินแน่นอนในช่วงต้น ๆ  ของยอดขายและกำไรที่ตกต่ำลง  ส่วนใหญ่แล้วเราจะรู้ชัดเจนก็ต่อเมื่อเวลามันผ่านไปยาวนานและยอดขายและกำไรมันลดลงไปมากจนกิจการแทบจะไปไม่ไหวแล้ว  ซึ่งถ้าถึงวันนั้น  ราคาหุ้นก็อาจจะตกไปมากจนทำให้การลงทุนกลายเป็นหายนะ หน้าที่ของเราในฐานะนักลงทุนก็คือ  เราต้อง  “รู้สึกตัว”  ให้เร็วที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้นกับอุตสาหกรรม? มีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือที่ทำให้ยอดขายและผลประกอบการออกมาไม่เป็นไปตามคาด? การได้ “สัมผัส” กับธุรกิจโดยตรงจะช่วยเราได้มาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 19

Re: โรงเรียนสอนเปียโน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ครบเลยครับ
IT
SE-ED
BANPU

รอดูว่าใครจะรอด ใครจะไม่รอด...
kanxit
Verified User
โพสต์: 103
ผู้ติดตาม: 0

Re: โรงเรียนสอนเปียโน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบครับ. ขอบคุณครับๆๆๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4641
ผู้ติดตาม: 22

Re: โรงเรียนสอนเปียโน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

[quote="kongkiti"]ครบเลยครับ
IT
SE-ED
BANPU

รอดูว่าใครจะรอด ใครจะไม่รอด...[/quote]

คำตอบของคนที่เป็นแม่ทัพในศึกที่ศัตรูล้อมทุกด้านคืออะไรครับ

หนี ยอมจำนน ตีฝ่า สร้างเงื่อนไขใหม่ในการสู้รบ
dragonrider
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 571
ผู้ติดตาม: 0

Re: โรงเรียนสอนเปียโน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

[quote="Nevercry.boy"][quote="kongkiti"]ครบเลยครับ
IT
SE-ED
BANPU

รอดูว่าใครจะรอด ใครจะไม่รอด...[/quote]

คำตอบของคนที่เป็นแม่ทัพในศึกที่ศัตรูล้อมทุกด้านคืออะไรครับ

หนี ยอมจำนน ตีฝ่า สร้างเงื่อนไขใหม่ในการสู้รบ[/quote]

ถ้าพิจารณาตามกลยุทธ ผมคิดว่า
Banpu กำลังยอมจำนน กับสถานการณ์ เนื่องจากเป็น commodity ธุรกิจก็ต้องรอเวลาราคาถ่านหินกลับมา
ผบห เลือกใช้วิธีการ ซื้อหุ้นคืน ซึ่งเหมือนกับการปลุกปลอบขวัญและกำลังใจเท่านั้น
SE-ED เหมือนใช้กลยุทธสร้างเงื่อนไขใหม่ โดยไปเน้นธุรกิจ Learning Center เป็นกำลังเสริม ส่วนธุรกิจร้านหนังสือ
คงไม่ปรับเปลี่ยนอะไร ไม่ว่าจะเป็นลักษณะรูปแบบร้าน ขนาด จำนวน สาขา หรือ e-book ก็ดูไม่ได้ใส่ใจอะไร
IT น่าจะเป็นการตีฝ่าออกไป ผบห ขาย SPVI เพื่อระดมทุนมาขยายสาขา iStudio ส่วน IT ก็ปรับกระบวนทัพเล็กน้อย
แต่ยังคงขยายสาขามากขึ้น

สำหรับ Banpu ผมคิดว่ายังไงการบริโภคถ่านหิน ก็คงมีอยู่ ไม่ล้มหายตายจากไปง่ายๆ ส่วน IT กับ SE-ED สถานการณ์
ดูแย่กว่ามาก กลยุทธที่ใช้ ผลจะออกมาอย่างไร? จะมีผู้รอด? ผู้ชนะ? ล้มหายตายจากไป? คงต้องรอเวลาเท่านั้น
PLUSLOVE
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1524
ผู้ติดตาม: 3

Re: โรงเรียนสอนเปียโน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 6

โพสต์

[quote="kongkiti"]ครบเลยครับ
IT
SE-ED
BANPU

รอดูว่าใครจะรอด ใครจะไม่รอด...[/quote]

เหมือนจะขาด j-mart ไปนะครับ
NEWYORKER
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 164
ผู้ติดตาม: 0

Re: โรงเรียนสอนเปียโน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ตอนนี้น่าจะมี bgt.
silomlaw
Verified User
โพสต์: 97
ผู้ติดตาม: 1

Re: โรงเรียนสอนเปียโน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ขอบคุณอาจารย์มากครับเกี่ยวกับเรื่องนี้ถูกต้องเลยครับและถูกใจมากครับ เพราะลูกสาวผมตอนนี้สามขวบ คุณแม่จ่ายค่าเรียนเป็นแพงมากๆ (ตกไม่น้อยกว่าปีละแสน) เข้าโรงเรียน Supper Star Accademy เรียนเต็น เรียนร้องเพลง เรียนโน๊ตเปียโน ควบคู่กันไป เพื่ออยู่ในสังกัดของเขาและให้เขาทำการตลาดให้ด้วย (ทำใจคิดเสียว่าซื้อหุ้นคุณค่าทุกๆปี)
Hao Zhao
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 473
ผู้ติดตาม: 3

Re: โรงเรียนสอนเปียโน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ธุรกิจยอดแย่ + ผู้บริหารยอดเยี่ยม ผลลัพธ์ออกมาคือ แย่
the_matrix
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 157
ผู้ติดตาม: 0

Re: โรงเรียนสอนเปียโน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณมากครับ ที่ช่วยเตื่อนให้รู้ว่าในสถานะนักลงทุนสิ่งที่ไม่ควรลืมคือ "รู้สึกตัว" ให้เร็วที่สุดว่าอะไรจะเกิดขึ้นไม่ว่าอุตหกรรมหรือบริษัท
โพสต์โพสต์