อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด/ธันวา เลาหศิริวงศ์

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1890
ผู้ติดตาม: 311

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” ตรงกับคำกล่าวภาษาอังกฤษว่า “Whatever will be, will be” ซึ่งถูกนำมาแต่งเป็นเพลงที่คุ้นหูโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับ เด็กอยากรู้อนาคตของตนว่าจะเป็นอย่างไร จากวัยเด็กเมื่อโตขึ้นจะสวยไหม หล่อไหม รวยไหม จะมีความสุขกับคนรักด้วยกันตลอดไปไหม ซึ่งคำตอบก็คือ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะไม่มีใครสามารถล่วงรู้อนาคตได้ 
	ในทางการลงทุน แม้ไม่สามารถหยั่งรู้อนาคตได้ถูกต้องแม่นยำ แต่จะเห็น “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” จากสิ่งใกล้ตัวดังนี้	ขนาดของครอบครัวมีจำนวนสมาชิกน้อยลง ครอบครัวส่วนใหญ่มักมีลูกไม่เกินสองคน เมื่อแต่งงานแล้วมักต้องการแยกครอบครัวมายังที่อยู่อาศัยใหม่ เราจึงเห็นบ้านขนาดกลาง ขนาดเล็ก คอนโดมิเนียมแนวสูงเพิ่มขึ้นทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งต่างจังหวัด ทั้งนี้เพราะตอบโจทย์ด้านขนาด ราคา ความสะดวกในการเดินทาง และชีวิตที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น 
	การทำอาหารทานเองน้อยลงและให้ความสำคัญกับ “ความสะดวก” มากกว่า อาจเกิดจากความไม่คุ้มค่าโดยรวมด้านเวลา ค่าใช้จ่าย รสชาติ ความเหน็ดเหนื่อยเทียบกับครอบครัวขนาดเล็ก สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การทานอาหารนอกบ้าน ซื้ออาหารพร้อมทานกลับบ้าน บริโภคขนมปัง สั่งอาหารส่งถึงบ้าน ซึ่งมีราคาถูกจนถึงแพงให้เลือกซื้อตามความสามารถของแต่ละครอบครัว
	ความไม่สมดุลของปริมาณถนนและรถยนต์ คือการเพิ่มปัญหาจราจร การเดินทางโดยระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนจึงเป็นทางเลือกที่สำคัญของชีวิตคนเมืองหลวงเพราะสะดวกและคำนวณเวลาได้ และส่งผลให้มีการกระจายของเมืองและพัฒนาการความเจริญด้านต่างๆ ตามแนวและบริเวณสถานีรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น  
	ค้าปลีกสมัยใหม่ตอบสนองกับพฤติกรรมผู้บริโภคทุกด้าน เราจึงเห็นการเติบโตของห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เกต ซุปเปอร์มาร์เกต ร้านอิ่มสะดวก ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ร้านแว่นตา ร้านหนังสือ ร้านทองและเพชร ร้านมือถือ ร้านอุปกรณ์ไอที ร้านวัสดุก่อสร้าง ร้านสินค้าสุขภาพและความงาม ร้านเสื้อผ้าและแฟชั่น ที่เข้ามาทดแทนร้านค้าปลีกดั้งเดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
	โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์พกพาของทุกคน นับตั้งแต่เด็กปฐมวัยจนถึงผู้สูงอายุ โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ตโฟนให้ ความสะดวกและยังมีแอปพลิเคชั่นหลากหลายทั้งทางธุรกิจและส่วนตัว จึงไม่แปลกใจที่เห็นการใช้โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ตโฟน กันอย่างแพร่หลายจนกลายเป็นปัจจัยที่ห้าในการดำเนินชีวิตประจำวันเลยทีเดียว
	กระแสความห่วงใยสุขภาพทำให้แนวโน้มคนมีอายุยืนยาวขึ้น การให้ความสำคัญกับการป้องกันมากกว่าการรักษา ทำให้คนสนใจออกกำลังกาย ทานอาหารสุขภาพ ทานวิตามินหรือยาบำรุง ตรวจสุขภาพต่อเนื่องเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้บริการโรงพยาบาลยังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยชรา จึงดูเหมือนว่า เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นเพียงแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้น
	ความนิยมเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น เราจะเห็นว่านักท่องเที่ยวใกล้ตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงาน วัยกลางคนจนถึงวัยเกษียณ อาจเนื่องจากการเดินทางที่สะดวกขึ้น ค่าใช้จ่ายไม่แตกต่างเมื่อเทียบกับท่องเที่ยวในประเทศมากนักและยังได้เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมของชาติต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ การท่องเที่ยวด้วยตนเองโดยไม่พึ่งพาบริษัทนำเที่ยวยังเพิ่มมากขึ้นด้วย
	พ่อแม่ส่งเสริมและให้ความสำคัญเรื่องการศึกษาของบุตร เด็กมีอิสระในการเรียนมากขึ้น ทำงานประกอบอาชีพที่ชอบโดยจำเป็นต้องไม่สืบทอดอาชีพของบรรพบุรุษ อย่างไรก็ตาม บัณฑิตจบใหม่ และบุคคลากรคุณภาพยังเป็นที่ต้องการของตลาดจึงเห็นการโยกย้ายงานเพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่าเพิ่มมากขึ้น สำหรับผู้ใช้แรงงานนั้น ส่วนใหญ่จะเลือกงานที่เหน็ดเหนื่อยน้อยกว่า ดังนั้นเราจึงเห็น งานบางชนิดจำเป็นต้องพึ่งแรงงานต่างชาติเช่น แรงงานก่อสร้าง แม่บ้าน เป็นต้น
	ความสนใจลงทุนเพื่อวางแผนทางการเงินและเพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่าเพิ่มขึ้น จะเห็นได้จากอันดับหนังสือขายดีความตื่นตัวเพื่อเข้าอบรมการลงทุน  รายการวิทยุหรือโทรทัศน์เกี่ยวกับการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น ล้วนเป็นสิ่งดึงดูดและชักชวนเม็ดเงินใหม่เข้ามาในตลาดหุ้นเยอะขึ้นเมื่อเทียบกันมูลค่าของบริษัทจดทะเบียนใหม่ที่เข้ามาซื้อขาย
	ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่ และยังมี “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” อื่นๆ อีกที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน จึงต้องมั่นสังเกตและวิเคราะห์ว่า จะมีผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนอย่างไร มากน้อยเพียงใด การประเมินมูลค่าเชิงปริมาณของบริษัทจดทะเบียนนั้น คือการนำตัวเลขสมมติฐานมาคำนวณด้วยวิธีต่างๆ เพื่อได้มูลค่าของกิจการที่อาจต่างกันของแต่ละคน 
	ในฐานะ Value Investor นอกจากใช้ “ศาสตร์” หรือการคำนวณมูลค่าแล้ว ยังใช้ “ศิลป์” หรือ “อะไรจะเกิด” มาช่วยลดความผิดพลาดให้น้อยลง เพราะได้พิจารณาเลือกลงทุนในสิ่งที่ “มันก็ต้องเกิด” นั่นเอง
[/size]
sorageol46
Verified User
โพสต์: 87
ผู้ติดตาม: 0

Re: อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ที่ 2

โพสต์

Thank you for good article.
nut_pws
Verified User
โพสต์: 66
ผู้ติดตาม: 0

Re: อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับ
Jane Seksan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 110
ผู้ติดตาม: 33

Re: อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณครับพี่ธันวา
Add topten
Verified User
โพสต์: 1
ผู้ติดตาม: 0

Re: อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ที่ 5

โพสต์

มองอนาคตให้ออกว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง ?คับ
kaichicken
Verified User
โพสต์: 21
ผู้ติดตาม: 0

Re: อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณครับ
โพสต์โพสต์