Value VS Trader โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

ล็อคหัวข้อ
Administrator
Verified User
โพสต์: 78
ผู้ติดตาม: 0

Value VS Trader โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ถ้าอยากจะรู้ว่าใครเป็นนักลงทุนแบบ Value Investor หรือใครเป็นนักเล่นหุ้นแบบ Day Trader ต่อไปนี้คือคุณสมบัติหรือพฤติกรรมบางประการที่จะช่วยให้สามารถแยกแยะได้

ข้อแรกก็คือคนเล่นหุ้นมักจะตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้นโดยอิงกับเพื่อนฝูง มวลชน หรืออิงกับตลาด ชอบเล่นหุ้นเป็นกลุ่มตาม ๆ กันไปหรือตามความนิยมในแต่ละช่วงที่เรียกว่าตามกระแส ส่วน Value Investor นั้นชอบคิดเอง ตัดสินใจเอง ไม่ตามคนหมู่มาก Value Investor จะมีความเป็นปัจเจกบุคคลสูง และแม้ว่าเขาจะปรึกษาแลกเปลี่ยนความเห็นกับเพื่อนฝูงที่มีแนวทางการลงทุนแบบเดียวกัน แต่การตัดสินใจสุดท้ายแล้วมักขึ้นอยู่กับตนเอง

ข้อสอง นักเล่นหุ้นทั่ว ๆ ไปมักจะใช้อารมณ์และความรู้สึกในการซื้อขายหุ้น ในยามที่มี ข่าวดี เขาก็มักจะมีความรู้สึกที่ดีกว่าที่ควรจะเป็น ตรงกันข้ามเมื่อมี ข่าวร้าย เขาก็มักจะมีความรู้สึกแย่มากกว่าความเป็นจริง อารมณ์ของนักเล่นหุ้นจึงมักแกว่งตัวขึ้นลงสูงมาก เช่นเดียวกับกิจกรรมการซื้อและขายหุ้นที่ขึ้นลงจนน่าตกใจ ในขณะที่ Value Investor นั้นจะต้องเป็นคนที่ใช้เหตุผลในการซื้อขายหุ้นมากกว่าข่าวหรือภาวะตลาดที่เกิดขึ้นทุกวัน ว่าที่จริงความมั่นคงทางอารมณ์เป็นหัวใจสำคัญในการลงทุนแบบ Value Investment ไม่น้อยไปกว่าความสามารถในการวิเคราะห์เลือกหุ้นลงทุน

ข้อสาม Trader ซื้อขายหุ้นโดยมุ่งเน้นไปที่ราคาหุ้น นั่นก็คือจะเลือกซื้อหุ้นลงทุนต่อเมื่อมีการเคลื่อนไหวของราคา เช่นเดียวกับการขายหุ้นที่ต้องดูราคาเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นหุ้นที่มีความผันผวนของราคาน้อยจึงมักไม่เป็นที่สนใจของคนเล่นหุ้น แต่ Value Investor นั้น การลงทุนขึ้นอยู่กับคุณค่าก่อน ส่วนราคาหุ้นนั้นถึงแม้จะสำคัญเท่า ๆ กันในช่วงของการซื้อหุ้น แต่กิจกรรมหลังจากนั้นจะอิงกับราคาน้อย ถ้าจะสรุปสั้น ๆ ก็คือสำหรับ Value Investor แล้วราคาไม่ใช่จุดเริ่มของการซื้อขายหุ้น การลงทุนจะต้องเริ่มต้นจากคุณค่า

ข้อสี่ นักเล่นหุ้นส่วนใหญ่มัก เล่นรอบ ทั้งในแง่ของตลาดและในแง่ของหุ้นแต่ละตัว นั่นก็คือชอบลงทุนในช่วงที่ตลาด กำลังวิ่งขึ้น และหยุดเล่นในยามที่ตลาด เหงา และชอบเล่นหุ้นที่ กำลังวิ่ง และเลิกเล่นหุ้นที่ คนเลิกเล่น ในขณะที่ Value Investor นั้น ชอบลงทุนไปเรื่อย ๆ เมื่อพบหุ้นที่ มีคุณค่า โดยไม่สนใจภาวะตลาดหรือภาวะที่หุ้นร้อนแรงทั้งขึ้นและลงเพราะช่วงปกติคือช่วงที่การลงทุนน่าจะมีเหตุผลมากที่สุด

ข้อห้าคนเล่นหุ้นชอบเก็งกำไร การซื้อขายหุ้นทำเพื่อหวังกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นในเวลาที่รวดเร็ว เขาซื้อหุ้นเพราะเชื่อว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นในอนาคตอันสั้นเนื่องจากจะมี ข่าวดี หรือมีคนมาไล่ซื้อต่อ เขาขายหุ้นเมื่อคิดว่าราคาหุ้นจะตกต่ำลงหรือจะต่ำลงไปอีกในอนาคต Value Investor ซื้อหุ้นลงทุนเพราะอยากเป็นเจ้าของธุรกิจที่ดีในราคาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมาก

ข้อหกซึ่งต่อจากข้อห้าก็คือ คนเล่นหุ้นนั้นไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันกับหุ้นหรือธุรกิจที่เขาซื้อถึงแม้ว่าการเป็นเจ้าของหุ้นก็คือการเป็นเจ้าของบริษัทคนหนึ่ง ความผูกพันนี้ถ้าหากเป็นกิจการเอกชนก็เป็นเรื่องสำคัญที่ หุ้นส่วน จะต้องอยู่กันนาน แต่สำหรับนักเล่นหุ้นแล้วเขาพร้อมที่จะ เลิก หรือขายหุ้นทิ้งตลอดเวลา ในขณะที่ Value Investor นั้น ก่อนที่จะลงทุนเขาคิดนานและเมื่อเข้าเป็นผู้ถือหุ้นหรือเป็น หุ้นส่วน แล้ว เขาจะมีความ ภักดี คือถือหุ้นของบริษัทยาวนาน คอยรับปันผลและเติบโตไปพร้อม ๆ กับกิจการของบริษัท

ข้อเจ็ด เป้าหมายผลตอบแทนของการลงทุนสำหรับนักเก็งกำไรแล้วดูเหมือนจะสูงกว่าความเป็นจริง คนเล่นหุ้นจำนวนมากคิดว่าเขาสามารถทำผลตอบแทนได้เดือนละเป็น 10% ถ้า ตลาดดี ทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริงก็คือ โดยเฉลี่ยในระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ไทยให้ผลตอบแทนปีละไม่ถึง 10% หรือเดือนละไม่เกิน 1% Value Investor เองก็มีเป้าหมายผลตอบแทนสูงกว่าตลาดแต่ก็มักตั้งไว้เพียงปีละ 20 30% หรือเดือนละ 2 3% ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็มักทำไม่ได้ในระยะยาว แม้ว่าจะมีบางคนที่สามารถทำได้ในช่วงเวลาที่ยาวพอสมควร

ข้อแปด นักเล่นหุ้นนั้นโดยชื่อก็บอกแล้วว่าชอบ เล่น ดังนั้นเขาจะมีกิจกรรมซื้อ ๆ ขาย ๆ ค่อนข้างมาก เวลาที่ใช้ส่วนใหญ่อยู่กับจอดูราคาหุ้นและการสั่งซื้อสั่งขายหุ้น ส่วน Value Investor นั้นชอบอ่านและศึกษาข้อมูล ติดตามผลการดำเนินงานของบริษัท และจะดูราคาหุ้นเพื่อหาโอกาสซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงเป็นครั้งคราว ถ้าจะสรุปง่าย ๆ ก็คือ Trader นั้นจะศึกษาน้อยแต่ทำมาก แต่ Value Investor นั้นมักจะคิดมากศึกษามากแต่ทำน้อย

ข้อเก้าต่อจากข้อแปดก็คือ ต้นทุนในการซื้อขายหรือก็คือค่าคอมมิชชั่นสำหรับคนเล่นหุ้นจะสูงกว่าต้นทุนของ Value Investor มาก และแม้จะดูว่าการซื้อหรือขายแต่ละครั้งเสียค่าธรรมเนียมเพียง 0.25% แต่ถ้าทำบ่อย ๆ ทุกวันหรือทุกเดือนต้นทุนในส่วนนี้สำหรับนักเล่นหุ้นขาประจำ ผมเชื่อว่าจะสูงถึงปีละ 10% ของพอร์ตลงทุน ในขณะที่ Value Investor ไม่ควรมีต้นทุนในส่วนนี้เกินปีละ 1 2% และนี่คือข้อได้เปรียบของ Value Investor ต่อคนเล่นหุ้น

สุดท้ายคือข้อสิบแต่ไม่ใช่ข้อแตกต่างสุดท้าย ก็คือ เรื่องของการกระจายความเสี่ยง คนเล่นหุ้นมักจะชอบซื้อขายเป็นรายหุ้น คือ ซื้อแล้วขายแล้วซื้อตัวใหม่ทำ กำไร เป็นตัว ๆ มีบ่อยครั้งเหมือนกันที่มีหุ้นในพอร์ตหลายตัวที่ถือมานานแต่มักจะเป็นหุ้นที่ ติด คือขาดทุน ขายไม่ลง ในขณะที่ Value Investor นั้นตั้งใจถือหุ้นหลายตัวในพอร์ตตลอดเวลาเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง

ทั้งหมดนี้คือความแตกต่างระหว่าง Value Investor กับนักเล่นหุ้นประเภท Day Trader ที่มีความคิดและพฤติกรรมที่อยู่กันคนละขั้ว โดยเฉลี่ยแล้วผมเชื่อว่า Value Investor ได้ผลตอบแทนดีกว่า Trader มากด้วยเหตุผลทางด้านของต้นทุนการซื้อขายหุ้น แต่ก็แน่นอนว่าทั้งในกลุ่ม Value และกลุ่ม Trader นั้นย่อมมีคนที่สามารถทำผลตอบแทนได้เหนือกว่าคนอื่น ๆ ในกลุ่ม และอาจได้ผลตอบแทนมหาศาล การแข่งขันระหว่างกลุ่มนักลงทุนนั้นมีอยู่ตลอดเวลา ผมเองก็ไม่ทราบว่าในประเทศไทยใครคือ ผู้ชนะ ผมเพียงแต่รู้ว่า Trader นั้นลงแข่งโดยการ ว่ายทวนน้ำ เพราะต้องเสียค่าคอมมิชชั่นมาก ในขณะที่ Value Investor นั้น ว่ายตามน้ำ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 35

Value VS Trader โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

:mrgreen: :
ล็อคหัวข้อ