อาจารย์ของผม:ชาลี มังเจอร์(1)ValueWay:วิบูลย์พึงประเสริฐ

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
PERFECT LUCKY
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 795
ผู้ติดตาม: 0

อาจารย์ของผม:ชาลี มังเจอร์(1)ValueWay:วิบูลย์พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Value Way ฉบับวันที่ 16 สิงหาคม 2553
โดยวิบูลย์ พึงประเสริฐ

อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์ (1)

บทความต่อไปนี้เป็นคำนิยมที่ลี ลู (Li Lu) เขียนไว้ในหนังสือ "Poor Charlie's Almanack: The Wit and Wisdom of Charles T. Munger"  ฉบับแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาจีน ลี ลูเป็นผู้ขัดเกลาสำนวนให้ตรงกับสิ่งที่มังเกอร์ต้องการสื่อให้ผู้อ่านทราบถึงปรัญญาต่างๆจากการได้สัมผัสคลุกคลีกับมังเกอร์โดยตรงมาเป็นเวลายาวนาน 20 ปี

เมื่อ 20 ปีก่อน ผมเป็นเด็กหนุ่มที่มาเรียนที่อเมริกา นึกไม่ถึงว่าวันนี้ผมจะมีอาชีพเป็นนักลงทุน และนึกไม่ถึงว่าผมจะโชคดีที่ได้พบกับกูรูร่วมสมัยทางด้านการลงทุนอย่างชาร์ลี มังเจอร์ ในปี 2004 มังเจอร์ได้เป็นหุ้นส่วนในด้านการลงทุนของผม และหลังจากนั้นเป็นผู้ให้คำปรึกษาและเพื่อน เป็นโอกาสที่ผมไม่เคยคิดฝันมาก่อน ผมจบจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในปี 1996 และก่อตั้งบริษัทเพื่อการลงทุนในปี 1997 ถือเป็นจุดเริ่มต้นกับอาชีพการลงทุน
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ นักลงทุนส่วนบุคคลและสถาบันส่วนใหญ่ยังคงใช้ปรัชญาในการลงทุนที่มีพื้นฐานที่เรียกว่า "ทฤษฏีดั้งเดิม" ตัวอย่างเช่น พวกเขาเชื่อในสมมุติฐานที่ว่าตลาดมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงเชื่อว่าความผันผวนของราคาหุ้นเป็นความเสี่ยงอย่างแท้จริง และตัดสินผลงานของคุณจากความผันผวนนั้น ในความคิดของผม ความผันผวนของราคานั้นไม่ใช่ความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงคือการขาดทุนอย่างถาวรต่างหาก การตกลงของราคาหุ้นไม่ใช่แค่ความเสี่ยง แต่เป็นโอกาสต่างหาก คำถามคือคุณจะหาหุ้นถูกๆ จากที่ไหนได้อีกล่ะ? ดูอย่างผิวเผิน ผมพบว่าผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงยอมรับทฤษฎีของบัฟเฟตและมังเจอร์และชื่นชมในผลงานของเขาทั้งสอง แต่ในทางปฏิบัติกลับทำในสิ่งตรงข้าม เนื่องจากลูกค้าของพวกเขาก็ทำในสิ่งที่ตรงข้ามเช่นกัน พวกเขายังคงยอมรับทฤษฎีที่ว่า "ความผันผวนคือความเสี่ยง" และ "ตลาดมักถูกเสมอ"

ผมพบกับชาร์ลีครั้งแรก ที่บ้านของเพื่อน ในขณะที่ผมทำงานด้านการลงทุนที่แอลเอ (Los Angelis) หลังจากเรียนจบจากมหาวิทยาลัย ความประทับใจแรกที่ผมพบคือ "ความห่าง" เขามักเหม่อลอยกับบทสนทนาของอีกฝ่าย แต่ผู้เฒ่าท่านนี้พูดได้อย่างกระชับและเต็มไปด้วยความรู้ที่ทำให้คุณต้องหยุดคิด

7 ปีต่อมาหลังจากที่เราได้รู้จักกัน ในวันขอบคุณพระเจ้าปี 2003 เราได้คุยกันนานอย่างใจจดใจจ่อ ผมได้แนะนำบริษัททุกบริษัทที่ผมได้ลงทุนหรือที่ศึกษากับชาร์ลี จากนั้นเขาจะวิจารณ์แต่ละบริษัทกลับมา ผมยังขอคำแนะนำสำหรับปัญหาที่ผมกำลังเผชิญ ในท้ายที่สุดเขากล่าวว่าปัญหาที่ผมกำลังเผชิญเป็นปัญหาเดียวกันกับพวกวอร์ลสตรีท ปัญหาก็คือถึงแม้ว่าเบิร์คไชน์ (Berkshire Hathaway) จะประสบความสำเร็จอย่างไร ก็ไม่มีบริษัทไหนในวอร์ลสตรีทที่จะลอกเลียนแบบได้เลย และถ้าผมยังดันทุรังลงทุนในแบบเดิมๆอีก ผมจะยังคงต้องกังวลในแบบเดิมอีกต่อไป แต่ถ้าผมยกเลิกวิธีการแบบเดิมให้แตกต่างจากพวกวอร์ลสตรีท ชาร์ลีก็พร้อมที่จะร่วมลงทุนด้วย มันทำให้ผมประทับใจอย่างมาก

จากความช่วยเหลือของชาร์ลี ผมได้ปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อการลงทุนของผมอย่างสมบูรณ์ ไปเป็นรูปแบบคล้ายๆ กับของบัฟเฟตและมังเจอร์ในช่วงแรกๆ และเหล่ากองทุนบริหารความเสี่ยงก็ค่อยๆ หายออกจากพอร์ตไป เหลือแต่นักลงทุนระยะยาวเท่านั้น และผมไม่ได้รับนักลงทุนใหม่อีกเลย นั่นทำให้ผมเข้าสู่ช่วงเวลาทองของการลงทุนของผม ผมได้หลุดจากข้อจำกัดทั้งหลายของพวกวอร์ลสตรีท อย่างไรก็ตามผลตอบแทนยังคงผันผวนเช่นเคย แต่ในที่สุดผลตอบแทนก็เติบโตสูงขึ้นมาก จากไตรมาส 4 ปี 2004 ไปจนถึง สิ้นปี 2009 กองทุนให้ผลตอบแทนในอัตราทบต้น 36% ต่อปี หลังจากหักค่าใช้จ่าย ผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทุนในเดือนมกราคมปี 1998 มีอัตราผลตอบแทนทบต้น 29% ต่อปีและใน 12 ปีเงินกองทุนได้เติบโตถึง 20 เท่า

บัฟเฟตได้กล่าวว่า แม้ว่าในชีวิตนี้เขาพบคนมามากมายนับไม่ถ้วน ไม่มีใครที่เหมือนชาร์ลีเลย ซึ่งทำให้ผมได้เชื่ออย่างนั้นหลังจากที่ผมโชคดีที่ได้รู้จักและทำความเข้าใจเขา ผมยิ่งเชื่ออย่างลึกซื้งว่า ไม่ว่าใคร อายุเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครเหมือนเขา ชาร์ลีเป็นคนที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร โดยเฉพาะเอกลักษณ์ในเรื่องความคิดและบุคลิกภาพ เมื่อไหร่ที่ชาร์ลีคิดในสิ่งใด เขามักจะคิดในทางตรงกันข้าม เช่น เมื่อเขาอยากรู้ว่าจะทำอย่างไรให้ชีวิตมีความสุข ชาร์ลีจะศึกษาว่าทำอย่างไรชีวิตถึงจะทุกข์ เมื่อเขาจะเรียนรู้วิธีจะทำให้ธุรกิจยิ่งใหญ่และเข้มแข็ง เขาจะเริ่มศึกษาวิธีทำอย่างไรให้ธุรกิจตกต่ำและจบลง หลายคนศึกษาวิธีที่จะประสบความสำเร็จจากตลาดหุ้น แต่ชาร์ลีจะศึกษาว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงได้ล้มเหลวจากตลาดหุ้น วิธีการคิดอย่างนี้ได้รับมาจากปรัชญาของเขาที่กล่าวว่า ฉันอยากรู้ว่าฉันจะตายที่ไหน เพื่อที่ฉันจะได้ไม่ไปที่นั่น
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว" :)
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1252
ผู้ติดตาม: 0

อาจารย์ของผม:ชาลี มังเจอร์(1)ValueWay:วิบูลย์พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ปู่ชาร์ลี กำลังกำจัดจุดอ่อนอยู่ๆๆ  :P
zeazon
Verified User
โพสต์: 175
ผู้ติดตาม: 0

อาจารย์ของผม:ชาลี มังเจอร์(1)ValueWay:วิบูลย์พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เยี่ยมครับขอบคุณ
โพสต์โพสต์