สหัสวรรษประเทศไทย 2

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เป็นตอนต่อเนื่องจาก สหัสวรรษประเทศไทย "ใครเอาชีสของฉันไป"
กรณีศึกษาของบริษัทที่ระบุไว้ในตอนนี้
บางส่วนถูกนำมาถ่ายทอดแล้วในกระทู้
"เข้าชั้นเรียนกับ Drucker"โพสไว้ในห้องนั่งเล่น

อ้อ ถ้าพ่อมดคนไหนเข้ามาอ่าน
รบกวนให้เติมคำว่า 1 ท้ายหัวข้อ"สหัสวรรษประเทศไทย"ที่โพสไปแล้วด้วยครับ
จะได้ต่อเนื่องมาถึงตอนที่ 2 นี้
เพราะกะจะมีสหัสวรรษประเทศไทยตอนที่ 3, 4 ต่อไป
ผู้อ่านจะได้ไม่งง
ขอบคุณคร้าบ :lol:
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 2

โพสต์

รูปภาพ

จากชีสฉันหายไปไหน ถึงพ่อฉันหายไปไหน

ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ ยังคงจำกันได้ถึงนิทานคติสอนใจ
ใครเอาชีสของฉันไป หรือ Who Moved My Cheese?
แต่งโดย Spencer Johnson, M.D.

ซึ่งได้กูรูสรุปความย่อๆเล่าสู่กันฟังไปแล้ว
แม้เนื้อหาจะดูเป็นเรื่องสมมติแต่แก่นของเรื่อง
มาจากสังเกตการณ์ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในโลกปัจจุบัน
ทั้งมนุษย์จิ๋วอย่างเฮมกับฮอว์กับเจ้าหนูสนิฟกับสเคอร์รี่
ก็คือปุถุชนคนทำงานทั้งหลายที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนนานัปการ
ขึ้นอยู่ว่าแต่ละคนจะมีวิธีการเผชิญและเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

มาคราวนี้ กูรูจะสะท้อนเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้วกับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทั่วโลกรู้จักกันดี
บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ปกครองพนักงานด้วยระบบพ่ออุปถัมภ์ (Paternalistic)
มั่นคง อบอุ่น มาตลอด นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง
จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ถึงขนาดเหล่าพนักงานตั้งข้อกังขาและร้องถามหา พ่อฉันหายไปไหน

ครับ บริษัทยักษ์นี้ก็คือ โกดัก(Kodak)
หรือที่อเมริกันชนรู้จักกันดีในสัญญลักษณ์กล่องเหลือง (Yellow Box)

จอร์ช อีสต์แมน (George Eastman) ถือกำเนิดบริษัท อีสต์แมน โกดัก
เมื่อปี ค.ศ ๑๘๘๘ เมืองโรเชสเตอร์ มลรัฐนิวเจอร์ซีย์
เขาเริ่มธุรกิจพัฒนาฟิล์มถ่ายภาพจากโรงเก็บของเล็กๆที่บ้าน
ด้วยความขยันหมั่นเพียร อดทนและหัวใจที่ไม่ยอมแพ้แก่อุปสรรค
บริษัท อีสต์แมน โกดักได้เติบใหญ่และสร้างคุณูปการสารพัดแก่ชนชาติอเมริกัน
จน"โกดัก" ได้กลายเป็นชื่อเรียกใช้ในครัวเรือน(Household Name)ไปโดยปริยาย
ทุกบ้านเรือนจะต้องมีผลิตภัณฑ์ของบริษัทยักษ์กล่องเหลืองปรากฏ
ณ มุมใดมุมหนึ่งตลอดเวลา
เพิ่อเตรียมพร้อมนำออกมาใช้บันทึกภาพได้ไม่ติดขัด
สมกับแคมเปญโฆษณาที่สร้างสรรค์มาต่อเนื่องหลายปี
เมื่อใดที่คิดถึงห้วงขณะอันควรค่าแก่การจดจำ
เมื่อนั้นคือเวลาของ โกดัก( Kodaks Moment)

กล่าวกันว่าใครก็ตามที่มีจิตใจอ่อนไหวมากๆ
ได้ดูหนังโฆษณาโกดักที่ไร อดน้ำตาซึมไม่ได้
เพราะเนื้อเรื่องของหนังแต่ละชุด
จะถ่ายทอดถึงความประทับใจในห้วงขณะต่างๆของวิถีมนุษย์
อาจจะเป็นการตัดต้นสนคริสตมาสครั้งแรกของตัวคุณ
การเป่าเค้กวันเกิดแกมเปื้อนไปหมด
วันที่คุณจบการศึกษาพร้อมอนาคตอัน
สดใส วันแต่งงาน เริ่มปักหลักชีวิตครอบครัว
จนกระทั่งเกษียณอายุและเป็นคุณตา คุณยาย
นั่งเล่าเรื่องราวในอดีตของตนผ่านภาพถ่ายจากฟิล์มโกดักซ้ำแล้วซ้ำอีก
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 3

โพสต์

รูปภาพ

สำหรับชาวเมืองโรเชสเตอร์ Kodaks Moment
มีความหมายยิ่งใหญ่เหนือกว่านั้น
ชื่อโกดักไม่ได้แปลว่าฟิล์มหรืออุปกรณ์ถ่ายภาพ
แต่เป็นชื่อของพ่ออุปถัมภ์ผู้ร่ำรวยและเมตตา
ชาวเมืองโรเชสเตอร์ มองช่วงเวลาของโกดักคือความมั่นคง
มั่นคั่งทุกลมหายใจเข้าออกของชีวิตทีเดียว
เด็กเล็กที่เกิดมาในรัฐนี้จะถูกปลูกฝังสายเลือดของความเป็นโกดัก
ดั่งพ่อบังเกิดเกล้าผู้จะคุ้มครองให้ความดูแลแต่เล็กจนเติบใหญ่และลาโลกในที่สุด
ทุกคนเห็นสัญลักษณ์กล่องเหลืองทุกที่ทุกแห่งหนในเมือง
ตั้งแต่อาคารร้านค้าชุมชน สนามเด็กเล่น ตึกเรียนในสถาบันการศึกษาต่างๆ
หอประชุมกลางเมือง เวทีการแสดง สวนสาธารณะ ฯลฯ
ทุกครอบครัวชาวโรเชสเตอร์จะต้องมีใครสักคนทำงานอยู่ที่โกดัก
และเป็นที่กล่าวถึงอย่างภาคภูมิว่า
ถ้าคุณไม่ได้ทำงานที่โกดัก แสดงว่าคุณยังไม่ได้ งานทำอย่างแท้จริง
( If you didnt work for Kodak, you didnt have a real job)


ชาวโกดัก(Kodaker)ทุกคนอิ่มหมีพีมันกับเงินเดือนค่าตอบแทนที่ได้รับอย่างเหลือเฟือ
ไม่นับโบนัสกลางปี ปลายปี เงินสงเคราะห์ เงินบำนาญสะสม เงินสวัสดิการอีกสารพัด
ภายใต้ระบบพ่ออุปถัมภ์ดังกล่าวนี้ ไม่ว่าใครก็ตาม
ก็อยากจะทำงาน ณ ที่นี้ตลอดไป
พร้อมๆกับสานความฝันตามแบบฉบับชาวอเมริกันผู้ร่ำรวย Americans Dream
นั่นก็คือ ชีวิตที่พรั่งพร้อมด้วยบ้านหรูหรา
มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
รถสปอร์ตขับในเมืองและรถกึ่งแวนสำหรับขับพักผ่อน
มีเงินและสินทรัพย์สุขสบายตลอดระยะเวลาจ้างงาน
และเงินสะสมก้อนใหญ่หลังเกษียณ
มีวันหยุดประจำปีทุกปี เป็นสมาชิกคันทรีคลับหรือสโมสร
เพื่อพบปะสังสรรค์กับผู้คนในระดับเดียวกัน เป็นต้น

นี่คือวิถีที่มั่นคงและเพียบพร้อมอย่างหาที่ติไม่ได้เลย ภายใต้ร่มเงาของคุณพ่อโกดัก

และแล้ว วันหนึ่งคุณพ่อของพวกเขาก็ได้หายไป :roll:
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 4

โพสต์

รูปภาพ

ความจริง ถ้าพวกเขามีจมูกช่างดมกลิ่นแบบเจ้าหนูสนิฟกับเคอร์รี่สักนิด
ไม่หลงระเริง กับชีวิตเลิศหรูจนเกินไป
พวกเขาอาจจะสังเกตเห็นเงาของคุณพ่อโกดักเริ่มจาง
และหดสั้นลงทุกทีๆ ไม่ได้แผ่อาณาจักรกว้างกระจายเหมือนแต่ก่อน

เริ่มตั้งแต่ทิศทางธุรกิจที่ไม่ชัดเจน การลดขนาดของบริษัทลูก
พร้อมการโยกย้ายสังกัดพนักงานระลอกแล้วระลอกเล่า
ผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ชัดเจน
กอปรกับภาวะการแข่งขันที่มิอาจสู้กับคู่แข่งญี่ปุ่นคือฟูจิ ได้
ล้วนสร้างแรงกดดันให้กับผู้บริหารระดับสูงของโกดักหลายต่อหลายคน

มาปะทุเอาเมื่อ เคย์ วิทมอร์(Kay Whitmore)
ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง CEO ในกลางปี ๑๙๙๐
ทว่าผู้บริหารระดับกลางและระดับล่างมิได้รับรู้ถึงแรงกดดันเหล่านี้เลย
เพราะถูกปกปิดจากคณะกรรมการประการหนึ่ง
และถึงรู้ก็ยังคงคิดว่าเป็นแค่ปัญหาชั่วครั้งชั่วคราวตามวัฏจักรธุรกิจขึ้นๆลงๆ
ซึ่งชาวโกดักเคยฝ่าฟันมากันได้แล้วในหลายชั่วอายุคน
ชาวโกดักยังดำเนินวิถีชีวิตตามปกติ
มาทำงานตามเวลา กลับตามเวลา
มีเวลาพักเที่ยงกินอาหารๆดีและย่อยถึงสองชั่วโมง
มีปาร์ตี้งานเลี้ยงไม่เคยเลิกลา
ความฝันแบบอเมริกันชน
ยังอยู่ในมโนภาพของทุกคน

ทว่าฝันร้ายของชาวโรเชสเตอร์เริ่มต้นขึ้น
เมื่อมีการประกาศโปรแกรมสมัครใจออกของพนักงานด้วยค่าตอบแทนสูงลิ่ว
เหมือนประกาศสถานะที่ยังแข็งแกร่งของบริษัท
ชาวโกดักส่วนหนึ่งซึ่งมีอายุงานมากพอสมควร
และเริ่มคิดถึงวัยเกษียณได้สนองโปรแกรมนี้
ซึ่งดูเหมือนว่าไม่ส่งผลอะไรกับประสิทธิภาพของการทำงานของพนักงานที่เหลือ
เพราะต่างคิดว่า คุณพ่อโกดัก
ยังมีเงินเก็บเงินเก่าสะสมมากพอที่จะดำเนินธุรกิจ
คุ้มครองความมั่งคงให้ชีวิตพวกเขาได้อีกนาน

ความฝันของชาวโกดักเริ่มสั่นคลอน
เมื่อมีการประกาศเลิกจ้างครั้งต่อมา
ด้วยค่าชดเชยน้อยลงกว่าเดิม

เมื่อมีการเลิกจ้างที่หนึ่งเกิดขึ้นได้ ครั้งที่สอง
และครั้งที่สามก็ตามมาติดๆอย่างไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัว
ด้วยจำนวนพนักงานที่ถูกให้ออกทบเท่าทวีคูณ
ครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้าและครั้งที่เท่าไรไม่รู้จบก็กำลังจะไล่ตามมา
ความฝันแบบอเมริกันชนสูญสลายลง ณ บัดนั้น

แน่ละครับ ไม่มีใครเข้าใจหริอยอมรับว่าทำไม
คุณพ่อที่แสนดีอย่างโกดักจึงกระทำกับลูกๆที่แสนจงรักภักดีอย่างพวกเขาได้
พวกเขาไม่ใช่แรงงานฝีมือกระจอกๆเหมือนพนักงานรุ่นแรกของโกดักเลย
เป็นถึงวิศวกรระบบ ผู้จัดการแผนกสำคัญๆ ทั้งนั้น
บางคนก็เคยเป็นพนักงานดีเด่นที่อุทิศทุ่มเทชีวิตและเวลาเพื่อโกดัก
บางคนเพิ่งได้รับการโปรโมทมาหยกๆ
และหลายคนเพิ่งจบการศึกษาระดับสูงด้วยเงินลงทุนของ
คุณพ่อโกดัก จำนวนมหาศาล
พวกเขามีนงง ฉงน ตะโกนร้องว่า
คุณพ่อโกดักหายไปไหน ใครเอาพ่อของฉันไป :cry:
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 5

โพสต์

รูปภาพ


เห็นมั๊ยล่ะครับ
ชาวโกดักยักษ์ใหญ่มีสภาพตอนนี้ไม่ผิดกับเฮมกับฮอว์ มนุษย์จิ๋ว ที่เคยเล่าไว้เลย
ทุกคนเครียดและโกรธกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน
และยิ่งแค้นหนักขึ้น เมื่อรู้ว่าคณะกรรมการบริหารบริษัท
ผู้ไม่เคยตัดสินใจอะไรถูกต้องเลย
ได้ปลด เคย์ วิทมอร์ออก
และแต่งตั้ง จอร์ช ฟิชเชอร์ (George Fisher)อดีต CEO จากโมโตโรล่า เข้าสวมตำแหน่งแทน
ด้วยค่าตอบแทนที่แพงที่สุดเท่าที่CEO คนไหนเคยได้รับมาในประวัติศาสตร์

เมื่อ ฟิชเชอร์ ขึ้นมาเป็นผู้บริหารสูงสุดแล้ว
สิ่งที่เขาได้เร่งดำเนินการก็คือ ผ่าตัดองค์กรขนานใหญ่
ตัด ขายทิ้งกิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักออกไป
ได้แก่ธุรกิจเวชชภัณฑ์ของสเตอริ่งค์ ดรัก
ธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภค บริโภคของ L&F
เจ้าของแบรนด์น้ำยาทำความสะอาด Lysol
เพื่อนำเงินมามุ่งพัฒนาธุรกิจฟิล์มและกล้องให้แข่งกับฟูจิ
เสริมความแข็งแกร่งให้กับหน่วยงานต่างๆ
สลายระบบการทำงานที่เชื่องช้า ไม่ทันการณ์
ขยายตลาดฟิล์มโกดักในญี่ปุ่นและภูมิภาคอื่นๆให้มากขึ้น
เหตุการณ์ต่อมาก็คือสิ่งที่เรารับรู้ในปัจจุบัน
โกดักเริ่มเยียวยา ฟื้นไข้ขี้นมาบ้าง

ถึงทุกวันนี้ แม้พนักงานที่เคยถูกเลย์ออฟ
จะได้รับกลับเข้าทำงานบ้างโดยมีลักษณะการจ้างงานเป็นสัญญา
ทุกคนก็ยังอดพรั่นพึงถึงฝันร้ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ได้

ไม่มีใครเรียกหาคุณพ่อโกดักอีกต่อไป :evil:
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 6

โพสต์

รูปภาพ

ก็มิใช่ว่าจะมีคนยึดมั่นติดมั่นแบบเฮมกับฮอว์ เท่านั้น
ยังมีคนแบบเจ้าหนูสนิฟกับสเคอร์รี่
ที่มีจมูกพิเศษดมกลิ่นทะเแม่งๆได้ก่อนใครอื่น
เขาผู้นี้ก็คือ เออร์นี่ เดฟเวนพอร์ท(Earnie Deavenport)CEO
แห่ง อีสต์แมน เคมีคอล เมืองคิงสพอร์ท มลรัฐเทนเนสซี่

ภูมิหลังที่เติบโตมาจากระดับล่างสุดของครอบครัวชาวชนบทยากจนแห่งรัฐมิสซูรี
เดฟเวนพอร์ท มีวิถีชีวิตที่ยากแค้นลำบากมาตั้งแต่เด็ก
แต่มีหัวใจไม่ยอมแพ้เช่นเดียวกับ อีสต์แมน โกดัก
เขาก้าวสู่ตำแหน่งงานทีละก้าวอย่างมั่นคงจนเป็นผู้บริหารสูงสุดเมื่อปี ๑๙๘๙
และพยายามไม่ดำเนินรอยตามความผิดพลาดแบบที่บริษัทใหญ่ประสบ

บริษัทอีสต์แมน เคมีคอล แหกกฏหลายข้อของบริษัทแม่
เช่น ขอร้องกึ่งบีงคับให้พนักงานของตนซื้อหุ้น
เพื่อแสดงกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของและร่วมรับผิดชอบกับผลการดำเนินงาน
ถ้าธุรกิจไปได้ดี หุ้นก็จะมีราคา ผลประโยชน์ก็จะกลับคืนสู่พนักงานเอง
พนักงานทุกระดับของอีสต์แมน เคมีคอล ต้องประหยัด
ไตร่ตรองทุกวิถีทางที่จะระมัดระวังมิให้เกิดการสูญเสียโดยใช่เหตุ
ทุกคนทำงานหนัก ไม่มีเวลาสรวลเสเฮฮา
ไม่มีความฝันเลิศเลอเหมือนพนักงานที่โรเชสเตอร์
ทุกคนทำงานเพื่อมุ่งหวังชีวิตที่ดีขึ้น
สังคมที่มีความสุข ปราศจากอาชญากรรม
ผลก็คือ ธุรกิจเคมีของบริษัทเป็นกิจการเดียวที่มีกำไร
และกลายเป็นแหล่งสำรองเงินสดขนาดใหญ่เพื่อค้ำจุนฐานะของบริษัทแม่
:shock:
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 7

โพสต์

รูปภาพ

แน่นอน พนักงานของอีสต์แมน เคมีคอล
รวมทั้ง เดฟเวนพอร์ท ไม่สู้พอใจนัก
ที่เงินโบนัสที่เขาควรได้กลับถูกตัดลง
เพราะผลประกอบการขาดทุนโดยรวมของสำนักงานใหญ่
ด้วยสามัญสำนึกและสัญชาติญาณของคนทำงานติดดิน
เดฟเวนพอร์ท เริ่มมองเห็นภยันตรายที่กำลังคุกคามบริษัทโกดัก
ซึ่งจะต้องลามมาถึงบริษัทลูกๆไม่ช้าก็เร็ว
อีสต์แมน เคมีคอล เอง
ก็อาจจะถูกตัดสินชะตากรรมให้รวมหรือขายทิ้งไป
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว วิถีชีวิตของชาวใต้ที่เรียบง่าย
ทำงานหนักอย่างพวกเขาจะเป็นเช่นไร

โดยไม่รอช้าเดฟเวนพอร์ทและคณะกรรมการบริหารบริษัทอีสต์แมน เคมีคอล
ได้ยื่นข้อเสนอขอแยกตัวออกจากบริษัทแม่โดยเร็ว
และจะนำหุ้นทั้งหมดกระจายเข้าระดมทุนจากตลาดมหาชน
พวกเขารอคำตอบวันแล้ววันเล่า
เพราะไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้
ในภาวะที่บริษัทกำลังระส่ำด้วยวิกฤตหลายเรื่อง
ด้วยสายเลือดของนักต่อสู้ เดฟเวนพอร์ท รุกอย่างไม่ถอยอีกนับครั้งไม่ถ้วน
ในที่สุดชัยชนะก็เป็นของพวกเขา
เมื่อปลายปี ๑๙๙๓ ระหว่างที่สำนักงานใหญ่ที่โรเชสเตอร์
กำลังติดต่อทาบทามหา CEO คนใหม่อย่างขะมักเขม้น
อีสต์แมน เคมีคอล ได้ประกาศตัวเป็นบริษัทมหาชน อิสระจากโกดักทั้งทั้งปวง

การตัดสินใจของเดฟเวนพอร์ทครั้งนี้
เป็นการกระทำที่ถูกต้องและเหมาะเจาะกับเวลาทั้งปวง
หุ้นของบริษัททะยานขึ้นทันทีในวอลล์สตรีท
อีกทั้งบริษัทก็ได้รับรางวัล Malcolm Baldrige Quality Award
รางวัลเกียรติยศสูงสุดในการจัดการคุณภาพยอดเยี่ยมในแต่ละอุตสาหกรรม
แม้แต่ จอร์ช ฟิชเชอร์ ผู้มาดำรงตำแหน่ง CEO โกดักคนต่อมา
ก็ยังอดชื่นชมวิสัยทัศน์และความกล้าหาญของเดฟเวนพอร์ทไม่ได้
ภายหลังที่ทั้งสองได้พบปะกันเนืองๆ
ไม่ใช่ในฐานะพ่อ-ลูกอีกต่อไป หากเป็นคู่ค้าทางธุรกิจ

เห็นมั๊ยครับ เดฟเวนพอร์ท
อาศัยความสามารถกอปรกับสัญชาติญาณแบบหนูๆสนิฟ กับสเคอร์รี่
ดมกลิ่นทุกครั้งที่มีอะไรทะแม่งผิดสังเกตและรีบดำเนินก่อนล่วงหน้า
ทำให้วิถีชีวิตของเขาและเพื่อนร่วมบริษัทตลอดจนชุมชนชาวเมืองคิงสพอร์ท  
ยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องถามหาว่า

คุณพ่อโกดักหายไปไหน

ทั้งหมดนี้ก็เป็นอุทาหรณ์เปรียบเทียบเรื่องจริงกับนิทานที่สอดคล้องกันอย่างเหมาะเจาะ
หวังว่าพวกเราคงจะเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ทุกขณะโดยไม่ต้องพร่ำวอนร้องหา
พ่อหรือแม่ฉันหายไปไหน ทำไมถึงทิ้งฉันไป
เช่นเดียวกับที่พนักงานยักษ์ใหญ่โกดักเคยเรียกร้องมา :pray:
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 8

โพสต์

เพื่อนๆที่อ่านมาถึงตรงนี้
คงอยากจะทราบแล้วล่ะซิว่า
สถานการณ์ล่าสุดของอดีตยักษ์ใหญ่อย่างโกดักเป็นไปอย่างไร
เดี๋ยวขอให้บทความล่าสุดที่เขียนไว้ตีพิมพ์เสียก่อน
แล้วค่อยมาถ่ายทอดในนี้
ไม่นานหรอกคร้าบ  :lol:
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 9

โพสต์

มาลงบทความของคุณพ่อ Kodak ล่าสุดในหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ


Think strategy, be happy, go lucky


Many of us fondly recall happy childhood times
and the smiling faces of our family members.
Over the years, one company has helped us to indulge this nostalgia.  
The company's brand essence was so strong that even today,
many people associate its yellow colour with happy times
that came to be known as "Kodak Moments".

However, the golden years of Kodak and its familiar yellow film box have faded for several reasons.
The major one was defining the wrong long-term strategy,
a mistake that any board or CEO of any company can face.
Some survived their mistakes, some did not.
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 10

โพสต์

Think strategy, think long-term:

In order to address strategy issues properly,
an organisation has to have a very long-term view of its business.    
This view needs to incorporate factors including future technology,    
consumer trends, potential competitors and more.

Let's look at some examples.

Sony understood clearly what consumers were looking for.
As a result, the new personal and portable audio system called Walkman was born.
Canon crafted the right strategy to focus on the niche Soho (small office home office) market,
which started to prosper in the US back in the 1980s.
This market for printers was not dominated by Xerox,
which focused on the corporate market with sophisticated machines.  
Canon copiers launched at the end of 1982,
brought the company great success at the same time as Xerox started to tumble.

Strategy can be categorised in many ways.
One simple way is based on time frames - long- and short-term.
The long term is mainly related to the company's vision,
in some cases beyond a three-year horizon.

In the case of Eastman Kodak, the board and CEO missed this view      
and sat in their comfort zone as a photographic film, paper a chemical company, as well.
They  never grasped the opportunity to reposition Kodak as a company in the business of images.
Kodak even entered the chemical-related pharmaceutical business
by acquiring Sterling Drug in 1988 for US$5.1 billion,
compared to Sterling's estimated market value of $3.5 billion.

By the time digital revolution arrived, even George Fisher,
who had an outstanding reputation for turnaround time at Motorola  
and joined Kodak in 1993 as chairman and CEO, could not hold back the tide.

Today Kodak's shares are trading around $7,
down from a height of $94.25 in February 1997,
the days that Fisher took a helm
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 11

โพสต์

The board and CEO as key strategists:

From the long-term view,
an organisation really needs set of strategies
to support an annual operating plan (AOP) or business plan.
The board and CEO have to dedicate effective times to discuss strategies in detail
including how to measure business achievement.
Board members, however, have been used to focusing mainly
on financial performance in order to enhance shareholder value.
This may not help much in terms of the future business.

What they need to change is to let the CEO propose long-term strategy
supported by an AOP with plenty of base information.
Thus, they can ensure that company is on the right track
with the right process for achieving defined goals.

After crafting corporate strategy,
the company has to clearly define functional strategy
- marketing,   HR, financial including investment strategy, and so on.

Do not ignore innovation strategy especially for firms
that rely on changing consumers' behaviour.
3M has a"customer-inspired innovation" strategy on top of the famous 15% rule,
which relates to the free-time allowance for employees
to spend thinking about new product ideas in their areas of expertise.
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 12

โพสต์

Competency, the core internal strength:

Corporate strategy has to be based on an internal strength or competency.
By considering this doctrine,
a company will not enter an unknown area without proper expertise.
Still, if the company intends to do so, it can enhance its own internal competency
or acquire technology from somewhere else.

In Kodak's case, even management was aware of major threats,
not only from Fuji but also from Sony.

In 1981, Sony introduced the Mavica electronic camera,
which was able to display pictures on a television screen.
Kodak still had not made enough effort to cross the chasm
to a digital breakthrough inside the company.

In fact, Kodak also had competency in many areas,
not only a strong base in photo film,
but also a sound understanding of the consumer market.
If the Kodak board had put applied right strategy in the context of digital applications,
consumers today might still be associating happiness with Kodak Moments.
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ข่าวล่าสุด  Lay Off อีกแล้ว

Kodak to Layoff at Least 3,500 Workers This Year
No Payout for 2008 Executive Performance-Based Compensation
.

-- Graphic Arts Online, 1/29/2009 3:21:00 PM

ROCHESTER, N.Y., Jan. 29, 2009 -- Eastman Kodak Company (NYSE:EK) today
reported preliminary fourth-quarter 2008 results,
which reflect the impact of the global recession,
the slowdown in consumer spending and reduced business investment,
as well as changes in the value of the U.S. dollar.

For the fourth quarter,
Kodak reported a preliminary loss from continuing operations of $133 million,
or $0.50 per share and preliminary Net Loss of $137 million, or $.51 per share.
Fourth-quarter sales were $2.433 billion, a 24% decline from the year-ago quarter.
Digital sales for the fourth quarter were $1.779 billion,
a 23% decline from the year-ago quarter,
and traditional revenues were $652 million,
a 27% decline from the year-ago quarter.

ราคาหุ้นล่าสุด January 30,2009 : EK  4.53 USD -0.46  -9.22%
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 9

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 14

โพสต์

:8) เป็นclassic caseจริงๆ
     ฮ่า...คุณพ่อโกดัก
     เมืองไทยมีบริษัททำนองนี้เยอะมั๊ยครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 15

โพสต์

[quote="por_jai"]:8) เป็นclassic caseจริงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 9

สหัสวรรษประเทศไทย 2

โพสต์ที่ 16

โพสต์

กูรูขอบสนาม เขียน: (ยืมศัพท์ของหนุ่มเมืองจันท์ในมติชน
หมายถึงคำนี้ Chan & GE =change)      

เมื่อไม่กี่วันมานี้
พรรคพวกที่อยู่บริษัทยาฝรั่งก็กำลังอกสั่นขวัญแขวน
เพิ่งกลับจากทำวิสัยทัศน์เมื่อต้นปี กระปรี้กระเปร่า
วันดีคืนดี เอ้า ถูกบริษัทยาอีกจ้าวเทคโอเวอร์เสียแล้ว
โลกพลิกขั้ว หงอยเลย :oops:
change เท่ห์มากมายครับ

ส่วนเคสหลังนี่เป็นถ้ามาสายพุทธจะทำใจได้เร็วครับ
และอาจไม่เป็นไรเลยเพราะเตรียมตัวเตรียมใจไว้พร้อมแล้ว
ขนาดพุทธวจนะก่อนเสด็จปรินิพพานยังเตือนเรื่องประมาทไว้เลย
แสดงว่าเป็นธรรมที่พุทธองค์ทรงห่วงคนเดินดินอย่างเราๆในเรื่องนี้มาก
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
โพสต์โพสต์