สบู่ทุกก้อน / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
oatty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2444
ผู้ติดตาม: 1

สบู่ทุกก้อน / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โลกในมุมมองของ Value Investor                  13 ม.ค. 52

ผมมักถูกถามจากคนรู้จักหรือคนที่ติดตามผลงานว่าเขาควรจะซื้อกองทุนรวมของบริษัทไหนดี    พูดง่าย ๆ  ว่า   บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมไหนมีฝีมือดีที่สุด    คำตอบของผมทุกครั้งก็คือ   ให้หาบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือในด้านของความซื่อสัตย์  รับผิดชอบ  และมีความสะดวกในการติดต่อซื้อขายเป็นหลัก   ส่วนเรื่องของ  “ฝีมือ”  ในการลงทุนนั้น   ผมคิดว่าแต่ละบริษัทก็ทำได้ดีพอ ๆ  กัน   หรือถ้าจะพูดแบบนักวิชาการก็คือ   แย่พอ ๆ  กัน   เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ  บลจ. ส่วนมากนั้น   ผมคิดว่ามีคุณสมบัติด้านต่าง ๆ   ใกล้เคียงกันและอยู่ในระดับที่ยอมรับได้   ถ้าจะมีอะไรแตกต่างกัน   ผมคิดว่าเป็นเรื่องของภาพพจน์ที่บริษัทสร้างขึ้นหรือเป็นภาพที่คนมองว่าบริษัทหนึ่งเหนือกว่าหรือดีกว่าอีกบริษัทหนึ่งเท่านั้น   และภาพพจน์ที่ว่านั้นก็มักจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ  ตามกาลเวลาหรือตามผลการบริหารกองทุนที่เปลี่ยนไปตามภาวะของตลาดและกลยุทธ์การเลือกหุ้นของบริษัท

เช่นเดียวกัน   นักลงทุนต่างก็ตั้งความหวังกับรัฐบาลในการแก้ไขหรือพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ   คนมักจะคิดว่ารัฐบาลชุดนั้นเก่งมีฝีมือในการบริหารประเทศมากกว่าอีกชุดหนึ่งเพราะในช่วงเวลานั้นเศรษฐกิจเจริญเติบโตมากกว่า   ปัญหาทางเศรษฐกิจมีน้อยกว่า   หรืออาจจะเพราะว่าพวกเขาได้ยินมาตรการและคำพูดหรือศัพท์แสงทางเศรษฐกิจที่ดูก้าวหน้าหรือมี  “ภูมิปัญญา”  มากกว่า    แต่ในความคิดผมเองนั้น  ผมไม่แน่ใจว่ารัฐบาลชุดไหนมีความสามารถมากกว่าชุดไหน   เพราะการเปรียบเทียบระหว่างรัฐบาลกับอีกรัฐบาลหนึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเราทำไม่ได้    รัฐบาลหนึ่งอาจจะมีฝีมือดี   แต่ถ้าภาวะเศรษฐกิจส่วนรวมแย่มาก   ผลลัพธ์ก็อาจจะออกมาแย่มาก  และคนก็คิดว่ารัฐบาลบริหารไม่เป็น   รัฐบาลบางรัฐบาลอาจจะไม่มีฝีมืออะไรเลยแต่ประเทศและโลกอยู่ในภาวะเฟื่องฟูเศรษฐกิจก็ไปได้ฉลุย  ทุกคนบอกว่ารัฐบาลเก่ง

ความคิดของผมก็คือ  รัฐบาลแต่ละรัฐบาลก็คล้าย ๆ  กัน  เมื่อเข้ามาแล้วสิ่งที่รัฐบาลทำแล้วมีผลกระทบกับเศรษฐกิจจริง ๆ  ในระยะเวลาอันสั้นก็คือ   การจัดสรรงบประมาณ   ซึ่งงบส่วนใหญ่ก็มักจะถูกกำหนดกันหมดแล้วเช่นเรื่องของเงินเดือนและงบผูกพันทั้งหลาย   งบประมาณอีกส่วนหนึ่งซึ่งไม่มากนักก็จะถูกจัดสรรและกระจายออกไปสู่ประชาชนและธุรกิจทั้งหลายและแน่นอนกลับไปสู่นักการเมืองที่มักจะมี   “เปอร์เซ็นต์มาตรฐาน”  ผ่านโครงการต่าง ๆ  ที่ถือว่าเป็น  “ผลงาน” ของรัฐบาล    โดยรวมแล้ว  ไม่ว่ารัฐบาลไหน   เมื่อเข้ามาทำงานก็มักจะทำคล้ายคลึงกันหมด   ความแตกต่างอาจจะมีในรายละเอียดของโครงการหรือในด้านของ  “เปอร์เซ็นต์”  ที่จะขอตัดจากงบของนักการเมือง   อย่างไรก็ตาม   ความแตกต่างในรายละเอียดนี้มักไม่ทำให้ภาพรวมของผลกระทบทางเศรษฐกิจเปลี่ยนไป   ดังนั้น  ไม่ว่ารัฐบาลไหนจะเข้ามาบริหารประเทศ  ประเทศก็มักจะเดินไปได้ดีพอ ๆ  กัน  หรือจะพูดอีกแบบหนึ่งก็คือ   แย่พอ ๆ  กัน   สิ่งที่แตกต่างกันจริง ๆ  นั้นก็คือเรื่องของ   “ภาพพจน์”  ว่ารัฐบาลไหนทำได้ดีกว่ากันเท่านั้น

นั่นทำให้ผมนึกถึงสบู่    สบู่นั้นเป็นสิ่งที่สามารถล้างทำความสะอาดได้ดีเกือบทุกก้อนหรือจะพูดว่าทุกก้อนก็ว่าได้   เพราะบริษัทที่ผลิตสบู่นั้นต่างก็ใช้สูตรเหมือนกันซึ่งพิสูจน์แล้วว่าทำความสะอาดได้ดี    สิ่งที่แตกต่างกันของสบู่แต่ละยี่ห้อที่สำคัญมากก็คือ  กลิ่น  และการโฆษณาอย่างหนักเพื่อที่จะชักนำให้ผู้ใช้เชื่อว่าสบู่ของตนดีกว่าสบู่ยี่ห้ออื่น   แต่สบู่ก็คือสบู่   ถ้ามีใช้และกลิ่นไม่น่าเกลียดเกินไป   ผลลัพธ์ของการใช้ก็ใกล้เคียงกันมาก  

ในเรื่องของการลงทุนนั้น    ผมคิดว่าเรายังมีกิจกรรมที่คล้าย ๆ  กับเรื่องของสบู่อีกหลายเรื่อง    หนึ่งในนั้นก็คือ  เรื่องของการวิเคราะห์หุ้นของนักวิเคราะห์ทั้งหลาย   นักวิเคราะห์นั้นมี  “สูตร”   การทำงานและการเขียนบทวิเคราะห์เหมือนกันหมด    ความ  “ถูกผิด” ของการวิเคราะห์นั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีใครทำสถิติว่าเป็นอย่างไร   แต่ถึงจะมีคนทำ   ด้วยเหตุที่นักวิเคราะห์แต่ละคนทำนายหุ้นจำนวนมากนับเป็นร้อย ๆ  ครั้งหรือถ้าทำงานมานานอาจจะเป็นพัน ๆ ครั้ง  โดยธรรมชาติแล้วการทายถูกหรือผิดก็อาจจะใกล้เคียงกัน   ดังนั้น  จริง ๆ  แล้วอาจจะไม่มีใครเก่งกว่าใคร    ความแตกต่างที่อาจจะทำให้คนหนึ่งดูดีหรือเก่งกว่าอีกคนหนึ่งอาจจะอยู่ที่เรื่องของความสามารถในการบรรยายหรืออธิบายเหตุผลของบทวิเคราะห์    พูดง่าย ๆ  เป็นเรื่องของภาพพจน์มากกว่าความเป็นจริง

เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์ก็คือนักเศรษฐศาสตร์    นี่คือกลุ่มคนที่   “อธิบายเรื่องทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาแล้วได้ดีมากแต่ไม่สามารถทำนายอนาคตได้แม่นยำ”   นักเศรษฐศาสตร์นั้น   เนื่องจากทำงานเกี่ยวข้องกับภาพที่ใหญ่มากระดับประเทศหรือระดับโลก    ดังนั้น  หน้าตาหรือภาพพจน์จึงยิ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด   ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในหน่วยงานที่มีชื่อเสียงหรือมีความสำคัญในการดูแลภาคเศรษฐกิจของรัฐหรือหน่วยงานสาธารณะ  โอกาสที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีฝีมือในการทำนายทายทักก็ยากมาก  และนี่อาจจะรวมไปถึงคุณสมบัติส่วนตัวของนักเศรษฐศาสตร์ว่าเขาเรียนจบมาจากที่ไหนด้วย    อย่างไรก็ตาม   ผมเองคิดว่า    นักเศรษฐศาสตร์เองก็มีคุณสมบัติคล้าย ๆ  กับสบู่เหมือนกันนั่นคือ  นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ก็ดีเหมือนกันหมดหรือแย่เหมือนกันหมดหรือใช้ได้เหมือนกัน    ความแตกต่างอยู่ที่  “กลิ่น”  นั่นก็คือ  ภาพพจน์ว่าใครสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่ากัน

นอกจากเรื่องของการจัดการการลงทุน  การเมือง  การวิเคราะห์หุ้น  และเศรษฐศาสตร์แล้ว  ผมคิดว่ายังมีเรื่องอื่น ๆ  โดยเฉพาะเรื่องทางสังคมศาสตร์อีกมากเช่นฝีมือในการสอนหนังสือของสถาบันการศึกษา  หรือหมอดูชื่อดังต่าง  ๆ   ซึ่งมักจะอ้างว่าแม่นยำเก่งกว่าคนอื่นนั้น  แท้จริงแล้ว  อาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย   กิจกรรมของพวกเขาอาจจะเป็น  “สบู่”  ที่มีคุณสมบัติพื้นฐานเหมือนกันและใช้ได้ใกล้เคียงกัน  ความแตกต่างอยู่ที่กลิ่นหรือภาพพจน์เท่านั้น

ที่เขียนมาทั้งหมด  ต้องการที่จะบอกว่า  ในฐานะที่เป็น  Value Investor เราต้องแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นของจริง   อะไรเป็นเรื่องของภาพพจน์   เรื่องอะไรหรือกิจกรรมอะไรเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่มากไม่สามารถจะทำได้โดดเด่นกว่าคนอื่นหรือทุกคนทำได้แย่พอ ๆ  กัน   ดังนั้น  เราอย่าไปเชื่อว่าคน  ๆ  หนึ่งเก่งกว่าคนอื่น ๆ  ทั้งที่ไม่มีข้อพิสูจน์และเป็นเพียง “ภาพ”  ที่ปรากฏต่อสาธารณชนเท่านั้น
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1252
ผู้ติดตาม: 0

สบู่ทุกก้อน / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

นักลงทุนน่าจะพิสูจน์ความจริงในภาพพจน์สวยหรูที่ได้เห็นก่อนที่จะเชื่อสินะครับ

หลังจากที่ผมได้พิสูจน์แล้วนักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญก็ยังคงปรากฎอย่างเด่นชัดอยู่หลายท่านครับเหมือนดั่งสบู่วิเศษของพ่อมด  :)
AuI_a VI
Verified User
โพสต์: 413
ผู้ติดตาม: 0

สบู่ทุกก้อน / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

สนใจเป็นนักลงทุนสบู่เหลวไหมครับ  
เดี๋ยวนี้สบู่เหลวก็เยอะขึ้นนะครับ ถึงจะเป็นพวกที่เข้ามาใหม่ๆ ถูกตราหน้าว่าแหกคอกสบู่ก้อนทั่วไป  แต่ใช้สะดวก ลื่นไหล คล่องตัว จะออกจากตลาด เอ้ย ออกจากบ้านก็ตล่องตัว สะดวก ไม่เลอะเทอะ ใช้แล้้วสะดวกสบายดีอยู่เหมือนกัน
Even Sir Isaac Newton loss in stock market

"You can't predict the future, because the future depends on how you react to it."

ซื้อหุ้นเมื่อคนส่วนใหญ่หมดศรัทธาในหุ้นและเทขายอยู่  นั่นคือเวลาตี5ในการจ่ายตลาด....จาก สอง ว. ผู้ยิ่งใหญ่
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4095
ผู้ติดตาม: 291

สบู่ทุกก้อน / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
Small Details Make a Big Difference
terati20
Verified User
โพสต์: 1104
ผู้ติดตาม: 0

สบู่ทุกก้อน / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

สบู่มีเเล้ว ครับ อยากได้คนถูสบู่ให้
:8)
สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ เเละดับไปในที่สุด
econometrica
Verified User
โพสต์: 375
ผู้ติดตาม: 1

สบู่ทุกก้อน / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 6

โพสต์

น่าเสียดายที่คนเก่งๆที่ไม่ได้มาจากสถาบันดังๆไม่สามารถมีส่วนในการวิเคราะห์ได้

การทำนายก็เหมือนความน่าจะเป็น ใครเดาodd ถูก ก็ดังไป เพราะว่าตามหลักของมนุษย์มักจะเลือกจำแต่สิ่งที่เป็นประสบการณ์ในเชิงบวก ทำให้คนที่สามารถทำนายถูกก็จะสามารถก้าวขึ้นมาได้ ไม่ต้องทำนายถูกบ่อยๆหรอก ขอแค่โดนจังๆ

ถ้าตอนนี้ผมทำนายว่า ศก.จะแย่แค่ปีเดียวแล้วก็จะกลับมาเหมือนเดิม ถ้าถูกผมคงไม่ดังเพราะว่าผมไม่มีชื่อเสียง และถ้าผมทำนายว่าซึมยาวก็ไม่มีคนสนใจ

ผมจึงต้องเลือกทำนายว่า ศก.จะแย่แค่ปีเดียว เพราะถ้าถูก อาจจะมีคนสนใจ และผมไม่ต้องเสียอะไรถ้าผมทำนายไม่ถูก

หลักการณ์ของนักทำนายรุ่นใหม่
ภาพประจำตัวสมาชิก
SunShine@Night
Verified User
โพสต์: 2196
ผู้ติดตาม: 0

สบู่ทุกก้อน / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 7

โพสต์

มาตื่นทุกท่านว่าอย่าทำสบู่หล่นนะครับ :)
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์

หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี :)
ExcelBear
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 33
ผู้ติดตาม: 0

สบู่ทุกก้อน / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 8

โพสต์

: )
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

สบู่ทุกก้อน / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ผมเคยทำ case....

   " Soap opera"  ซึ่งเป็นละครจับกลุ่มแม่บ้าน เนื่อหาไม่คม แต่ดาราหน้าตาคม แต่งหน้า แต่งตัว ทาปาก มีแต่คนหล่อ คนสวย จับตลาด สมัยแรก ๆมีแต่สปอนเซอร์อย่าง Procter and Gamble, Colgate-Palmolive, and Lever Brothers พวกนี้ทำสบู่ขายกันหมด   แม่บ้านไม่ดูเนื่อหา ดูแต่หน้าตา น้ำเน่าหรือปล่าว ไม่ทราบครับ ขึ้นอยู่กับคนดู  สบู๋มีโซดาไฟผสม ตัวนี้ทำให้น้ำเน่า แต่ตอนหลัง โรงงานหาวิธี invert ได้ เอาโซดาไฟไปบำบัดน้ำเสีย ในฐานะเคยเป้นนักข่าวที่ต้องคอย Invert ผู้บริหารที่ให้ข่าว ในฐานะที่เคยเปนนักวิเคราห์หลักทรัพย์ที่ต้องคอย invert expectation ของตลาด แล้วต้องค่อย invert expectation ลูกค้า
   ในฐานะเป้นนักลงทุน ต้อง invert ตัวเอง ไมอย่างนั้น  บทวิเคราห์จะกลายเป็น soap opera   และคนที่ใช้บทวิเคาห์เหล่านั้นก้ไม่ต่างอะไรจาก "แม่บ้าน"   ที่บริษัทขายสบู่เหล่านั้น expect ครับ...
TIARA
Verified User
โพสต์: 57
ผู้ติดตาม: 0

สบู่ทุกก้อน / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 10

โพสต์

เเหะๆ  ขอค้านค่ะท่านประธาน

เนื่องจากเลือกเรียนภาคcosmetic มา  

สบู่มีคุณสมบัติไม่เหมือนกันค่ะ  

สบู่ที่ไว้ซักล้างเเช่ถุงเท้าดำๆ เช้ามาขาวไม่ต้องขยี้อาบเเล้วผิวพัง  

สบู่ๆ พื้นๆธรรมดาที่โฆษณาขายตามโทรทัศน์ทั่วไป

สบู่กรีเซอรีน  ที่เหมาะกับผิวมากที่สุดเเต่เเพงขึ้นมานิด  

สบู่ก็ต้องเลือกค่ะ
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

สบู่ทุกก้อน / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 11

โพสต์

พึ่งจะ..   ผมไปถามแฟนที่เป้นแม้บ้าน

   เขาชอบดูละคร อ่านนิยาย  ชอบดูข่าวดารา บันเทิง ชอบดูละครทุกประเภท ชอบอ่านข่าวผัวเมียตีกัน คนโน้นแทงคนนั้น
   เขาบอกคุณพูดว่า "น้ำเน่า" อย่างนี้ไม่ถูก
  คนที่ไม่ดู ก็บอกว่าน้ำเน่า
   สำหรับ แม่บ้าน เขาบอกเราดู เราก็ "ดูละครแล้วย้อนมองตัวเอง" แล้วอย่าให้เป็นอย่างนั้น  วิธีนี้เป้นวิธี invert อย่างหนึ่งนะ

     เขาเสนอว่า...

   บทเคราะห์ก็เหมือนข่าวตาม นสพ. เหมือนละครที่เขาดู ดูแล้วต้อง invert ตาม ถ้า invet เองไม่เป้น ก็ให้นักวิเคราห์ invert ให้

   บริษัท A พิศวาทถ้าขาดเธอ  จะมีผลกำไรโต B เท่านี้
    แต่ควรจะบอกด้วยว่า.....
    เพราะอะไรถึงทำให้ได้ B
    ถ้าทำไมได้ ก็ไมได้ B นะ
 
  เขาบอกว่า...

 เรื่องอย่างนี้..ต้องเป้นคนดูที่กำหนด ถ้าเราไม่บอกเขา ไม่ติครับให้เขาเปลี่ยนแปลง เขาก้นึกว่าเขาทำดีแล้ว กลายเป็นว่า แทนที่..

      ความจริง reality จะ reflexivity ความคิด
      ความคิดกลับ reflexivity ความจริง
 อย่างนี้...FLAw หรือ inefficient market ก็เกิดขึ้น
 เขาถึงหาเงินกันได้ เพราะถ้าเป้น efficient มันหากินลำบาก

   :roll:
โพสต์โพสต์