FVRR - Fiverr International Ltd : US
- เล่าเท่าที่รู้
- Thai VI Partner
- Posts: 10
- Joined: Wed Sep 02, 2020 2:06 pm
FVRR - Fiverr International Ltd : US
ไอเดียหุ้นเด้ง
Fiverr : จากผู้ท้าชิงสู่การเป็นผู้นำในอนาคตของ Gig Economy Platform
https://board.thaivi.org/viewtopic.php? ... 1#p1879921
Fiverr : จากผู้ท้าชิงสู่การเป็นผู้นำในอนาคตของ Gig Economy Platform
https://board.thaivi.org/viewtopic.php? ... 1#p1879921
Re: FVRR - Fiverr
ผมรู้จักและเคยใช้บริการเมื่อประมาณ2ปีแล้ว
ตอนนั้นยังไม่มีโอกาสได้เปิดพอร์ตต่างประเทศและยังไม่ค่อยสนใจ ถือว่าเสียดายเหมือนกันที่ไม่ได่ลงทุน
ส่วนการใช้บริการก็ง่ายครับ มีผู้ให้บริการในนั้นเยอะมาก ราคาเริ่มต้น 5$ ก็ทำงานเบสิคต่างๆได้ เช่นเขียนบทความ (ราคาตามคุณภาพ) ทำเว็ปไซต์ ทำกราฟฟิก และอื่นๆอีกมากมาย
เว็ปไซต์ในไทยที่เลียนแบบมาคือ fastwork.co
คู่แข่งไม่แน่ใจ ถ้าเอาให้ business model เหมือนกันเลยก็ดูเหมือนไม่มี Upwork เน้นงานโปรเจคไปเลยมากกว่าที่คิดค่าแรงเป็น man hour จึงไม่เหมือน
แล้งทำไมไม่จ้างข้างนอก? ทำไมต้องจ่าย fee?
ถ้าดูจาก fastwork.co ของไทย ผมก็ชอบจ้างตรงมากกว่า มันทำได้ถ้าผู้ให้บริการใส่ข้อมูลติดต่อไว้ชัดเจน
แต่สำหรับ fiverr ผมรู้สึกว่ายังไม่ไว่ใจเพราะไม่ใช่คนไทย ส่วนใหญ่มาจากอินเดีย ศรีลังกา
ในมุมมองผู้ให้บริการใน fiverr ส่วนใหญ่จะซีเรียาเรื่องรีวิว ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงไม่อยากโดนจ้างตรง โดยเฉพาะกรณีที่ยังไม่ดัง
หากดังแล้วก็คงไม่แคร์fiverr อยู่แล้ว แต่คงไม่ใช่ส่วนใหญ่ที่จะสามารถอยู่ได้โดยไม่พึ่งพา fiverr
สรุป moat ดีใช้ได้ คนใช้บริการก็เพลิน รู้สึกเหมือนช้อปปิ้ง
ตอนนั้นยังไม่มีโอกาสได้เปิดพอร์ตต่างประเทศและยังไม่ค่อยสนใจ ถือว่าเสียดายเหมือนกันที่ไม่ได่ลงทุน
ส่วนการใช้บริการก็ง่ายครับ มีผู้ให้บริการในนั้นเยอะมาก ราคาเริ่มต้น 5$ ก็ทำงานเบสิคต่างๆได้ เช่นเขียนบทความ (ราคาตามคุณภาพ) ทำเว็ปไซต์ ทำกราฟฟิก และอื่นๆอีกมากมาย
เว็ปไซต์ในไทยที่เลียนแบบมาคือ fastwork.co
คู่แข่งไม่แน่ใจ ถ้าเอาให้ business model เหมือนกันเลยก็ดูเหมือนไม่มี Upwork เน้นงานโปรเจคไปเลยมากกว่าที่คิดค่าแรงเป็น man hour จึงไม่เหมือน
แล้งทำไมไม่จ้างข้างนอก? ทำไมต้องจ่าย fee?
ถ้าดูจาก fastwork.co ของไทย ผมก็ชอบจ้างตรงมากกว่า มันทำได้ถ้าผู้ให้บริการใส่ข้อมูลติดต่อไว้ชัดเจน
แต่สำหรับ fiverr ผมรู้สึกว่ายังไม่ไว่ใจเพราะไม่ใช่คนไทย ส่วนใหญ่มาจากอินเดีย ศรีลังกา
ในมุมมองผู้ให้บริการใน fiverr ส่วนใหญ่จะซีเรียาเรื่องรีวิว ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงไม่อยากโดนจ้างตรง โดยเฉพาะกรณีที่ยังไม่ดัง
หากดังแล้วก็คงไม่แคร์fiverr อยู่แล้ว แต่คงไม่ใช่ส่วนใหญ่ที่จะสามารถอยู่ได้โดยไม่พึ่งพา fiverr
สรุป moat ดีใช้ได้ คนใช้บริการก็เพลิน รู้สึกเหมือนช้อปปิ้ง
Re: FVRR - Fiverr
ผมใช้แค่ fastco ถือว่าโอเคมากเลยครับ ถ้าถูกๆ ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา ราคาจะถูกมาก
แต่คุุณภาพงาน วัดจากชิ้นงานในอดีต สิ่งที่ทำจริงเห็นผลได้ชัดมากครับ
บางคนตั้งราคาสูงจริง แต่พวกเอกสารอ้างอิงกลับออกมาไม่ดี คุณภาพงานก็จะแย่ตามผลงานในอดีตไปด้วย
แต่คุุณภาพงาน วัดจากชิ้นงานในอดีต สิ่งที่ทำจริงเห็นผลได้ชัดมากครับ
บางคนตั้งราคาสูงจริง แต่พวกเอกสารอ้างอิงกลับออกมาไม่ดี คุณภาพงานก็จะแย่ตามผลงานในอดีตไปด้วย
“ กำไรเมื่อซื้อ ไม่ใช่เมื่อขาย ”
Cr.Richdad
Cr.Richdad
Re: FVRR - Fiverr
พี่ๆมองเรื่องการจ้างตรงนี่จะเป็นอุปสรรคในการเติบโตของ Fiverr มั้ยครับdurunvo wrote: ↑Wed Oct 28, 2020 1:16 amผมรู้จักและเคยใช้บริการเมื่อประมาณ2ปีแล้ว
ตอนนั้นยังไม่มีโอกาสได้เปิดพอร์ตต่างประเทศและยังไม่ค่อยสนใจ ถือว่าเสียดายเหมือนกันที่ไม่ได่ลงทุน
ส่วนการใช้บริการก็ง่ายครับ มีผู้ให้บริการในนั้นเยอะมาก ราคาเริ่มต้น 5$ ก็ทำงานเบสิคต่างๆได้ เช่นเขียนบทความ (ราคาตามคุณภาพ) ทำเว็ปไซต์ ทำกราฟฟิก และอื่นๆอีกมากมาย
เว็ปไซต์ในไทยที่เลียนแบบมาคือ fastwork.co
คู่แข่งไม่แน่ใจ ถ้าเอาให้ business model เหมือนกันเลยก็ดูเหมือนไม่มี Upwork เน้นงานโปรเจคไปเลยมากกว่าที่คิดค่าแรงเป็น man hour จึงไม่เหมือน
แล้งทำไมไม่จ้างข้างนอก? ทำไมต้องจ่าย fee?
ถ้าดูจาก fastwork.co ของไทย ผมก็ชอบจ้างตรงมากกว่า มันทำได้ถ้าผู้ให้บริการใส่ข้อมูลติดต่อไว้ชัดเจน
แต่สำหรับ fiverr ผมรู้สึกว่ายังไม่ไว่ใจเพราะไม่ใช่คนไทย ส่วนใหญ่มาจากอินเดีย ศรีลังกา
ในมุมมองผู้ให้บริการใน fiverr ส่วนใหญ่จะซีเรียาเรื่องรีวิว ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงไม่อยากโดนจ้างตรง โดยเฉพาะกรณีที่ยังไม่ดัง
หากดังแล้วก็คงไม่แคร์fiverr อยู่แล้ว แต่คงไม่ใช่ส่วนใหญ่ที่จะสามารถอยู่ได้โดยไม่พึ่งพา fiverr
สรุป moat ดีใช้ได้ คนใช้บริการก็เพลิน รู้สึกเหมือนช้อปปิ้ง
เพราะว่าถ้า Freelancer เริ่มดังแล้ว คนก็อาจจะเชื่อถือ และยอมไปจ้างตรง โดยอาจจะมีการลดราคาค่าบริการให้ถูกลงกว่าใน Fiverr บ้างเล็กน้อย
ข้อมูลการติดต่อ บางที search ชื่อจริงก็อาจจะหา contract ได้ไม่ยากนะครับ
ส่วนตัวผมใช้ fastwork พอจ้างงานครั้งนึง Freelancer ก็ให้ contact ติดต่อผมไว้เลย อันนี้เนื่องจากว่า บางทีการคุยกันในโทรศัพท์ หรือ Line มันสะดวกกับการบรีฟงานมากกว่า ซึ่งพอมีการแลก contact ง่ายๆแบบนี้ ครั้งต่อๆไป Buyer/Seller ก็ไม่จำเป็นต้องติดต่อกันผ่าน platform แล้ว
Re: FVRR - Fiverr
ขออนุญาติแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ
ผมใช้ Upwork (เมื่อก่อนชื่อ oDesk ก่อนควบรวมกับ eLance และเปลี่ยนชื่อเป็น Upwork) มาได้น่าจะ 10 ปีละครับ มีการกลับไปใช้ทุกปี แต่ไม่ได้มากและถี่อะไรมาก เมื่อก่อนเคยใช้เยอะเพราะทำ mobile app อะไรแบบนี้ครับ
Upwork เป็น Buyer-led และจ่ายค่าแรงแบบ fixed price หรือ pay per hour ได้ แต่ Fiverr เป็นลักษณะแบบ ผู้ให้บริการ มาโพสเป็น เหมือน Classified ads (ซึ่งเมื่อก่อนฝรั่งนิยมใช้ craiglist กัน ไม่รู้ตอนนี้นิยมอยูไหม)
งานที่ผมเคยจ้างใน upwork ก็ราคาตั้งแต่ $5-$5000 ส่วนใหญ่ไม่กล้าจ้างตรงกลัวโดนโกง และค่า Fee เป็นอะไรที่ยอมจ่าย จากประสบการณ์ที่จ้างงานมา ยิ่งงานแพง ยิ่งผิดหวังครับ ส่วนใหญ่ได้ไม่ค่อยตามต้องการ พวกฝรั่งหัวทอง ที่เป็นDeveloper นี่แหละตัวดี เห็น feedback ดีๆ นึกว่าจะเก่ง จริงๆงานแย่มากๆ
ช่วง 3 ปีหลังมานี้ ผมใช้ Upwork แต่งานง่ายๆ ออกแบบ ชิ้นงาน 3D แบบง่ายๆ จ่าย $5-10 เท่าที่สังเกตุ freelance ส่วนใหญ่ อยู่ทุกที่ครับ Upwork , Fiverr, Freelancer.com ทั้ง 3 ตัวอยู่ในตลาดหุ้นหมด Freelancer market cap เล็กสุดและไม่ค่อยโต Upwork รายได้เยอะกว่า Fiverr แต่โตน้อยกว่า และ market cap เล็กกว่า Fiverr
ถ้าจากที่ผมเห็น คิดว่า Upwork เริ่มสร้างตลาด จากฝั่ง Buyers (spenders) ส่วน Fiverr เริ่มที่ Supply side คือจากฝั่งของ Freelance และเริ่มมจากงานขนาดเล็กราคาถูกๆ ซึ่งพอ profile ผมอยู่ฝั่ง upwork ส่วนใหญ่ผมก็จะจ้างงานจากตรงนี้ครับ บางที Freelance ส่งโปรไฟล์ของ Fiverr มาเพื่อ refer ก็มี
Fastwork ของไทย นี่ก็ถือว่าทำดีมากครับ ผมก็เคยใช้ไป แต่ผมใช้กับจ้างงานด้านเอกสาร ด้านกฏหมาย บัญชี ซะมากกว่า
คราวหน้าถ้าใช้พวกงาน พัฒนา แบบแพงๆ(เกิน $1000 ขึ้นไป) คิดว่าหาจ้างคนไทยทาง Fastwork ดีกว่าครับ คงไม่ใช้ Upwork ละ เพราะเช็คและ คุยกันยาก (ถ้ามีคนทำได้นะ ปัญหาจ้างในไทยคือหาคนยาก)
ประเด็นเกี่ยวกับ Fiverr ผมคิดว่า อาจจะมีปัญหาเรื่องขยับไปให้ Freelanceในระบบ รับงานมูลค่าสูงๆ แบบ Upwork ครับ เพราะลักษณะการเข้าถึงมันไม่เหมือนกัน โปรเจ็คแพงๆ ต้องการ การพูดคุย การ Tailor-made เยอะ และทั้งผู้จ้างกับผู้รับจ้าง อยู่ในทุกๆ platfform เค้ากระโดดไปๆมาๆ ระหว่างสองที่ได้ และ ฟรีแลนซ์คนนึง ต้องการงานปริมาณพอสมควรเพื่อให้มีรายได้ครับ เพื่อใช้ชีวิตนะครับ แบบฟรีแลนซ์ในไทย ที่ผมเห็น (graphic designer หรือ programmer) ตอนแรกรับงานคนเดียวได้ ก็ได้รายได้ประมาณนึง พอจะโตก็ต้องพยายามขยับไปรับงานแพงขึ้น ไม่ก็ฟอร์มทีมกับเพื่อน จะเป็นอย่างนี้แทบจะทุกคน
สุดท้ายปลายทางก็อาจจะควบรวมกันนะครับ Fiverr กับ Upwork เพราะ Upwork ก็เกิดจาก Elance+Odesk เหมือนกัน
ผมใช้ Upwork (เมื่อก่อนชื่อ oDesk ก่อนควบรวมกับ eLance และเปลี่ยนชื่อเป็น Upwork) มาได้น่าจะ 10 ปีละครับ มีการกลับไปใช้ทุกปี แต่ไม่ได้มากและถี่อะไรมาก เมื่อก่อนเคยใช้เยอะเพราะทำ mobile app อะไรแบบนี้ครับ
Upwork เป็น Buyer-led และจ่ายค่าแรงแบบ fixed price หรือ pay per hour ได้ แต่ Fiverr เป็นลักษณะแบบ ผู้ให้บริการ มาโพสเป็น เหมือน Classified ads (ซึ่งเมื่อก่อนฝรั่งนิยมใช้ craiglist กัน ไม่รู้ตอนนี้นิยมอยูไหม)
งานที่ผมเคยจ้างใน upwork ก็ราคาตั้งแต่ $5-$5000 ส่วนใหญ่ไม่กล้าจ้างตรงกลัวโดนโกง และค่า Fee เป็นอะไรที่ยอมจ่าย จากประสบการณ์ที่จ้างงานมา ยิ่งงานแพง ยิ่งผิดหวังครับ ส่วนใหญ่ได้ไม่ค่อยตามต้องการ พวกฝรั่งหัวทอง ที่เป็นDeveloper นี่แหละตัวดี เห็น feedback ดีๆ นึกว่าจะเก่ง จริงๆงานแย่มากๆ
ช่วง 3 ปีหลังมานี้ ผมใช้ Upwork แต่งานง่ายๆ ออกแบบ ชิ้นงาน 3D แบบง่ายๆ จ่าย $5-10 เท่าที่สังเกตุ freelance ส่วนใหญ่ อยู่ทุกที่ครับ Upwork , Fiverr, Freelancer.com ทั้ง 3 ตัวอยู่ในตลาดหุ้นหมด Freelancer market cap เล็กสุดและไม่ค่อยโต Upwork รายได้เยอะกว่า Fiverr แต่โตน้อยกว่า และ market cap เล็กกว่า Fiverr
ถ้าจากที่ผมเห็น คิดว่า Upwork เริ่มสร้างตลาด จากฝั่ง Buyers (spenders) ส่วน Fiverr เริ่มที่ Supply side คือจากฝั่งของ Freelance และเริ่มมจากงานขนาดเล็กราคาถูกๆ ซึ่งพอ profile ผมอยู่ฝั่ง upwork ส่วนใหญ่ผมก็จะจ้างงานจากตรงนี้ครับ บางที Freelance ส่งโปรไฟล์ของ Fiverr มาเพื่อ refer ก็มี
Fastwork ของไทย นี่ก็ถือว่าทำดีมากครับ ผมก็เคยใช้ไป แต่ผมใช้กับจ้างงานด้านเอกสาร ด้านกฏหมาย บัญชี ซะมากกว่า
คราวหน้าถ้าใช้พวกงาน พัฒนา แบบแพงๆ(เกิน $1000 ขึ้นไป) คิดว่าหาจ้างคนไทยทาง Fastwork ดีกว่าครับ คงไม่ใช้ Upwork ละ เพราะเช็คและ คุยกันยาก (ถ้ามีคนทำได้นะ ปัญหาจ้างในไทยคือหาคนยาก)
ประเด็นเกี่ยวกับ Fiverr ผมคิดว่า อาจจะมีปัญหาเรื่องขยับไปให้ Freelanceในระบบ รับงานมูลค่าสูงๆ แบบ Upwork ครับ เพราะลักษณะการเข้าถึงมันไม่เหมือนกัน โปรเจ็คแพงๆ ต้องการ การพูดคุย การ Tailor-made เยอะ และทั้งผู้จ้างกับผู้รับจ้าง อยู่ในทุกๆ platfform เค้ากระโดดไปๆมาๆ ระหว่างสองที่ได้ และ ฟรีแลนซ์คนนึง ต้องการงานปริมาณพอสมควรเพื่อให้มีรายได้ครับ เพื่อใช้ชีวิตนะครับ แบบฟรีแลนซ์ในไทย ที่ผมเห็น (graphic designer หรือ programmer) ตอนแรกรับงานคนเดียวได้ ก็ได้รายได้ประมาณนึง พอจะโตก็ต้องพยายามขยับไปรับงานแพงขึ้น ไม่ก็ฟอร์มทีมกับเพื่อน จะเป็นอย่างนี้แทบจะทุกคน
สุดท้ายปลายทางก็อาจจะควบรวมกันนะครับ Fiverr กับ Upwork เพราะ Upwork ก็เกิดจาก Elance+Odesk เหมือนกัน
Re: FVRR - Fiverr
พอดีผมมีโอกาสได้คุยกับ Freelancer คนหนึ่งใน Fiverr ครับ แล้วเขาถามผมกลับว่าทำไมผมสนใจลงทุนใน Fiverr เลยขออนุญาตนำไอเดียมาโพสไว้ในนี้ด้วยครับ (บอกก่อนว่าเป็นการ copy paste นะครับ และอีกฝ่ายเป็นนักศึกษา จึงตอบแบบละเอียดกว่าที่คุยกับนักลงทุนทั่วไปครับ)
เหตุผลที่ลงทุน Fiverr
1. เป็นธุรกิจ platform ที่มีโอกาสชนะสูง
คุณลักษณะเฉพาะของธุรกิจ platform คือ Winner take all หรือมี Network effect ที่สูงมาก ตัวอย่างของธุรกิจ platform ที่เป็นผู้ชนะไปแล้วเช่น Line, Facebook, iOS (Apple), Android (Google), Windows (Microsoft) คือเมื่อหาผู้ชนะได้แล้ว ผู้ชนะอันดับ 1 หรือ 2 จะชนะขาด อันดับถัดมาจะมี market share น้อยมาก และในหลายครั้งด้วยความที่ market share น้อยก็ทำให้ธุรกิจไม่ค่อยมีกำไร เมื่อมีกำไรไม่มากพอ ก็ทำให้ลงทุนในเรื่อง R&D ได้น้อย จึงยากที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นมาสู้กับผู้ที่ชนะไปแล้ว
อาจมีบางเคสที่ผู้มาทีหลังก็ชนะคนมาก่อนได้ เช่น Facebook ชนะ Friendster ซึ่งเป็นเจ้าแรกที่ทำธุรกิจนี้ได้ แต่คนที่จะมาทีหลังแล้วชนะคนมาก่อนได้ ต้องมาจากเหตุผลบางอย่าง เช่น product เหนือกว่ามากๆ หรือผู้บริหารเก่งกว่ามากๆ
ในเคสของ Fiverr นั้น ผมเชื่อว่าเขาเข้าใจเรื่องธุรกิจ platform ค่อนข้างดี ให้น้ำหนักกับทั้งขา Buyer และ Seller
ในเคสของ Buyer นั้นง่ายๆ เลยคือการตั้งชื่อธุรกิจ โดยเริ่มต้นที่ $5 ทำให้ลูกค้าซื้อง่าย กล้าลอง ก่อนที่จะขยับไปงานที่ scale ใหญ่ขึ้น
ส่วนในขาของ Seller นั้น เท่าที่ทราบคือเขามีมาตรการในการสกรีน Seller น้อยกว่าคู่แข่ง ถ้าเป็น Freelancer มือใหม่มักจะมาเริ่มที่เขาก่อน และเขาก็ใช้วิธีการจ้าง Youtuber มาโฆษณาให้เว็บเป็น Viral ได้ ซึ่งตรงนี้ของทาง Upwork ผมเห็นมีน้อยกว่ามาก
เรื่องการเพิ่มจำนวน gig หรือการบังคับให้ Seller ต้องใส่ gig หลากหลาย ก็เป็นไอเดียที่ทำให้เว็บดูเป็นอะไรมากกว่าจะเป็นแค่ ตลาดออกแบบ Logo
โดยภาพรวม ผมเลยเห็นว่า Fiverr ทำได้ดีกว่า platform คู่แข่งที่มาก่อนอย่าง Upwork รวมถึงคนอื่นๆ ครับ
2. ผมเชื่อว่า Total Addressable Market ของ Fiverr มีขนาดใหญ่พอสมควร
ในปัจจุบันเราจะเห็นว่า use case ของ Fiverr ยังมีไม่มาก แม้จะมีมากกว่า 300 category แต่ use case ที่มีคนซื้อขายกันมากจริงๆ ผมคิดว่าน่าจะไม่มาก (ตามกฎ 80-20) และเท่าที่สำรวจจะพบว่า งานที่ซื้อกันเยอะจะมีแค่งาน Logo, Photoshop, Presentation, Translation แต่ในอนาคตผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่
2.1 คนจะหันมาทำงานผ่าน Fiverr กันมากขึ้น หรือพูดง่ายๆ คือ trend ของ Freelancer จะมา และ AI จะทำให้คนตกงาน จนหันมาทำอาชีพ Freelance กันมากขึ้น และจะเกิดการจ้างงานกันเองระหว่างกลุ่ม Freelancer ตรงนี้มากขึ้น
2.2 บริษัทจะเริ่มหันมาใช้ Fiverr กันมากขึ้น จากความพยายามของ Fiverr ที่จะเปลี่ยนตัวเองจากแค่เป็น Match Maker ไปเป็น Endorser กล่าวคือ Fiverr จะผันตัวจากเป็นแค่ตลาด มาเป็นผู้ให้กับรับรอง Seller ที่มีคุณภาพ การสกรีนตรงนี้จะทำให้บริษัทกล้ามาใช้ Fiverr กันมากขึ้น เริ่มจากบริษัท startup หรือ SME แล้วเมื่อมี Success case มากๆ ก็มีโอกาสจะเห็นบริษัทใหญ่มาใช้ได้เหมือนกัน
2.3 Service จะกลายเป็น Product ง่ายขึ้น จากเดิมที่ Product ส่วนใหญ่ในโลกเป็น Physical product แต่การมาของ Computer และ Internet ทำให้ Product กลายเป็น digital มากขึ้น และแอพอย่าง Slack, Zoom รวมถึง Fiverr ก็จะทำให้ Service (หรือก็คือ Digital product) กลายเป็นของที่เทรดได้ง่ายขึ้น
3. ปัจจุบัน Fiverr ยังอยู่ในช่วง Early stage พอสมควร ถ้าเคยดูหนังแนวเรื่อง Startup น่าจะพอเห็นภาพ คือบริษัทยังเล็กอยู่ มีทั้งโอกาสเติบโตสูง และความไม่แน่นอนสูง
ความเสี่ยงคือ ผมอาจคิดผิด ตลาดนี้อาจไม่ใหญ่อย่างที่คิด หรือมี platform คู่แข่งทำได้ดีกว่า สั้นๆ ประมาณนี้ครับ
----------------------------
เสริมเล็กน้อย เห็นหลายๆ คอมเม้นด้านบนให้ไอเดียเกี่ยวกับ Fiverr ได้น่าสนใจครับ คือสังเกตว่าปัญหาของ Fiverr ในปัจจุบันคือ Use case กับปัญหา Technical Issue ซึ่งอันหลังนี้ผมไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ คิดว่าเวลาผ่านไปเดี๋ยวเขาคงแก้ปัญหาตรงนี้ได้ ส่วนเรื่อง Use case ผมกังวลอยู่เหมือนกันว่าเขาจะทำให้ตัวเองพัฒนาขึ้นจากการเป็นแค่ Service ราคาถูก อย่างทุกวันนี้ได้หรือไม่ครับ แต่โดยภาพรวมแล้วดูจากไอเดียที่ผู้บริหารพัฒนา Platform มาจนถึงตอนนี้ ผมคิดว่าทีมผู้บริหารเขาเข้าใจ pain point ของธุรกิจนี้ได้ดีกว่า Upwork เลยคาดว่ามีโอกาสที่เขาจะทำได้ดีกว่าคู่แข่งครับ
ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัว และผมมีหุ้น Fiverr อยู่บ้าง ถ้าผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยล่วงหน้าครับ
เหตุผลที่ลงทุน Fiverr
1. เป็นธุรกิจ platform ที่มีโอกาสชนะสูง
คุณลักษณะเฉพาะของธุรกิจ platform คือ Winner take all หรือมี Network effect ที่สูงมาก ตัวอย่างของธุรกิจ platform ที่เป็นผู้ชนะไปแล้วเช่น Line, Facebook, iOS (Apple), Android (Google), Windows (Microsoft) คือเมื่อหาผู้ชนะได้แล้ว ผู้ชนะอันดับ 1 หรือ 2 จะชนะขาด อันดับถัดมาจะมี market share น้อยมาก และในหลายครั้งด้วยความที่ market share น้อยก็ทำให้ธุรกิจไม่ค่อยมีกำไร เมื่อมีกำไรไม่มากพอ ก็ทำให้ลงทุนในเรื่อง R&D ได้น้อย จึงยากที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นมาสู้กับผู้ที่ชนะไปแล้ว
อาจมีบางเคสที่ผู้มาทีหลังก็ชนะคนมาก่อนได้ เช่น Facebook ชนะ Friendster ซึ่งเป็นเจ้าแรกที่ทำธุรกิจนี้ได้ แต่คนที่จะมาทีหลังแล้วชนะคนมาก่อนได้ ต้องมาจากเหตุผลบางอย่าง เช่น product เหนือกว่ามากๆ หรือผู้บริหารเก่งกว่ามากๆ
ในเคสของ Fiverr นั้น ผมเชื่อว่าเขาเข้าใจเรื่องธุรกิจ platform ค่อนข้างดี ให้น้ำหนักกับทั้งขา Buyer และ Seller
ในเคสของ Buyer นั้นง่ายๆ เลยคือการตั้งชื่อธุรกิจ โดยเริ่มต้นที่ $5 ทำให้ลูกค้าซื้อง่าย กล้าลอง ก่อนที่จะขยับไปงานที่ scale ใหญ่ขึ้น
ส่วนในขาของ Seller นั้น เท่าที่ทราบคือเขามีมาตรการในการสกรีน Seller น้อยกว่าคู่แข่ง ถ้าเป็น Freelancer มือใหม่มักจะมาเริ่มที่เขาก่อน และเขาก็ใช้วิธีการจ้าง Youtuber มาโฆษณาให้เว็บเป็น Viral ได้ ซึ่งตรงนี้ของทาง Upwork ผมเห็นมีน้อยกว่ามาก
เรื่องการเพิ่มจำนวน gig หรือการบังคับให้ Seller ต้องใส่ gig หลากหลาย ก็เป็นไอเดียที่ทำให้เว็บดูเป็นอะไรมากกว่าจะเป็นแค่ ตลาดออกแบบ Logo
โดยภาพรวม ผมเลยเห็นว่า Fiverr ทำได้ดีกว่า platform คู่แข่งที่มาก่อนอย่าง Upwork รวมถึงคนอื่นๆ ครับ
2. ผมเชื่อว่า Total Addressable Market ของ Fiverr มีขนาดใหญ่พอสมควร
ในปัจจุบันเราจะเห็นว่า use case ของ Fiverr ยังมีไม่มาก แม้จะมีมากกว่า 300 category แต่ use case ที่มีคนซื้อขายกันมากจริงๆ ผมคิดว่าน่าจะไม่มาก (ตามกฎ 80-20) และเท่าที่สำรวจจะพบว่า งานที่ซื้อกันเยอะจะมีแค่งาน Logo, Photoshop, Presentation, Translation แต่ในอนาคตผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่
2.1 คนจะหันมาทำงานผ่าน Fiverr กันมากขึ้น หรือพูดง่ายๆ คือ trend ของ Freelancer จะมา และ AI จะทำให้คนตกงาน จนหันมาทำอาชีพ Freelance กันมากขึ้น และจะเกิดการจ้างงานกันเองระหว่างกลุ่ม Freelancer ตรงนี้มากขึ้น
2.2 บริษัทจะเริ่มหันมาใช้ Fiverr กันมากขึ้น จากความพยายามของ Fiverr ที่จะเปลี่ยนตัวเองจากแค่เป็น Match Maker ไปเป็น Endorser กล่าวคือ Fiverr จะผันตัวจากเป็นแค่ตลาด มาเป็นผู้ให้กับรับรอง Seller ที่มีคุณภาพ การสกรีนตรงนี้จะทำให้บริษัทกล้ามาใช้ Fiverr กันมากขึ้น เริ่มจากบริษัท startup หรือ SME แล้วเมื่อมี Success case มากๆ ก็มีโอกาสจะเห็นบริษัทใหญ่มาใช้ได้เหมือนกัน
2.3 Service จะกลายเป็น Product ง่ายขึ้น จากเดิมที่ Product ส่วนใหญ่ในโลกเป็น Physical product แต่การมาของ Computer และ Internet ทำให้ Product กลายเป็น digital มากขึ้น และแอพอย่าง Slack, Zoom รวมถึง Fiverr ก็จะทำให้ Service (หรือก็คือ Digital product) กลายเป็นของที่เทรดได้ง่ายขึ้น
3. ปัจจุบัน Fiverr ยังอยู่ในช่วง Early stage พอสมควร ถ้าเคยดูหนังแนวเรื่อง Startup น่าจะพอเห็นภาพ คือบริษัทยังเล็กอยู่ มีทั้งโอกาสเติบโตสูง และความไม่แน่นอนสูง
ความเสี่ยงคือ ผมอาจคิดผิด ตลาดนี้อาจไม่ใหญ่อย่างที่คิด หรือมี platform คู่แข่งทำได้ดีกว่า สั้นๆ ประมาณนี้ครับ
----------------------------
เสริมเล็กน้อย เห็นหลายๆ คอมเม้นด้านบนให้ไอเดียเกี่ยวกับ Fiverr ได้น่าสนใจครับ คือสังเกตว่าปัญหาของ Fiverr ในปัจจุบันคือ Use case กับปัญหา Technical Issue ซึ่งอันหลังนี้ผมไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ คิดว่าเวลาผ่านไปเดี๋ยวเขาคงแก้ปัญหาตรงนี้ได้ ส่วนเรื่อง Use case ผมกังวลอยู่เหมือนกันว่าเขาจะทำให้ตัวเองพัฒนาขึ้นจากการเป็นแค่ Service ราคาถูก อย่างทุกวันนี้ได้หรือไม่ครับ แต่โดยภาพรวมแล้วดูจากไอเดียที่ผู้บริหารพัฒนา Platform มาจนถึงตอนนี้ ผมคิดว่าทีมผู้บริหารเขาเข้าใจ pain point ของธุรกิจนี้ได้ดีกว่า Upwork เลยคาดว่ามีโอกาสที่เขาจะทำได้ดีกว่าคู่แข่งครับ
ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัว และผมมีหุ้น Fiverr อยู่บ้าง ถ้าผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยล่วงหน้าครับ
Re: FVRR - Fiverr
Fiverr เขาวางแผนป้องกันไม่ให้ลูกค้าหรือคู่ค้าย้ายออกยังไงครับ ว่าจะไม่เป็นเหมือน Uber
Vi IMrovised
Re: FVRR - Fiverr
ถ้ามีคู่แข่งงานเล็กๆ กะคงแล้วแต่network effectมั้งคับ
แต่ถ้าปัจจุบัน เทียบกับupwork ที่ชอบเทียบกัน
ฟินเว่อ ธรรมชาติ งานเล็ก ดีลสั้นๆ ไม่ยาวเปนproject เหมือนupwork
โอกาส ย้ายไปคุยกันที่อื่น ฟินเว่อ จะน้อยกว่า แต่upwork มีโอกาสจ้างประจำหลังจบดีล
แต่เห็นใน seeking alpha คนเชียร บอกเขากะพยายาม ดึง seller ให้อยู่กับแพลตฟอร์มนะ แต่ผมอ่อนอังกฤษ อ่านแล้วไม่เข้าใจว่าทำยังไง
แต่ถ้าปัจจุบัน เทียบกับupwork ที่ชอบเทียบกัน
ฟินเว่อ ธรรมชาติ งานเล็ก ดีลสั้นๆ ไม่ยาวเปนproject เหมือนupwork
โอกาส ย้ายไปคุยกันที่อื่น ฟินเว่อ จะน้อยกว่า แต่upwork มีโอกาสจ้างประจำหลังจบดีล
แต่เห็นใน seeking alpha คนเชียร บอกเขากะพยายาม ดึง seller ให้อยู่กับแพลตฟอร์มนะ แต่ผมอ่อนอังกฤษ อ่านแล้วไม่เข้าใจว่าทำยังไง
show me money.
Re: FVRR - Fiverr
ตามความเข้าใจผมสิ่งที่จะป้องกันลูกค้า คู่ค้าย้ายออก คือ network effect ครับ
อย่างไรก้อตาม คุณ vim อาจจะสงสัยว่า uber ก้อมี network effect เหมือนกัน ทำไมถึงยังย้ายออก
ความเข้าใจผมคือ network effect ของ uber มันไม่ได้ strong ขนาดนั้นครับ
10 available drivers ใน uber แถวบ้านเรา อาจใช้เวลารอตอนเรียกรถ ไม่ต่างกับ 100 available drivers
ซึ่งอันนี้คู่แข่งที่มาทีหลังจะหา 10 drivers ในระบบเพื่อมา catch up uber ได้ไม่ยาก
อย่างไรก้อตาม 10 freelancers ใน fiverr น่าจะแตกต่างกับ 100 หรือ 1000 freelancers แน่นอน
เราย่อมพอใจกับ fiverr ที่มี 1000 freelancers มากกว่า เว็บเปิดใหม่ที่มีแค่ 10
ถ้าผิดก้อขออภัยด้วยครับ
อย่างไรก้อตาม คุณ vim อาจจะสงสัยว่า uber ก้อมี network effect เหมือนกัน ทำไมถึงยังย้ายออก
ความเข้าใจผมคือ network effect ของ uber มันไม่ได้ strong ขนาดนั้นครับ
10 available drivers ใน uber แถวบ้านเรา อาจใช้เวลารอตอนเรียกรถ ไม่ต่างกับ 100 available drivers
ซึ่งอันนี้คู่แข่งที่มาทีหลังจะหา 10 drivers ในระบบเพื่อมา catch up uber ได้ไม่ยาก
อย่างไรก้อตาม 10 freelancers ใน fiverr น่าจะแตกต่างกับ 100 หรือ 1000 freelancers แน่นอน
เราย่อมพอใจกับ fiverr ที่มี 1000 freelancers มากกว่า เว็บเปิดใหม่ที่มีแค่ 10
ถ้าผิดก้อขออภัยด้วยครับ
Re: FVRR - Fiverr
ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ยังไงก็เกิดขึ้นครับ เรื่องการที่ Producer หรือ Consumer มีหลาย platform หรือที่เรียกกันว่า multihoming เป็นหนึ่งในความเสี่ยงของแทบทุก platform อยู่แล้วครับ (คนใช้ Facebook ยังใช้ Twitter, คนใช้ Lazada ยังใช้ Shopee ฯลฯ)
เรื่องป้องกันนี่น่าจะยากครับ ที่ทำได้น่าจะเป็นเรื่องของการสร้าง networking ให้แข็งแรงมากที่สุดครับ ยิ่ง networking แข็งแรงเท่าไร มันจะยิ่งเป็น moat มากเท่านั้น หากมีผู้เล่นรายใหม่โผล่เข้ามาก็จำเป็นจะต้องอัดเม็ดเงินให้มากกว่าเพื่อกิน market share ครับหรือต้องทำระบบให้ดีกว่ามากจริงๆ (ทำให้ต้องคอยระวังผู้เล่นรายใหญ่เข้ามาในระบบ)
ตอนนี้ platform ของ Fiverr ผมว่าแข็งแกร่งมากระดับหนึ่งอยู่แล้วครับ การจะทำให้มี active buyer 3.1 million / quaters เท่ากับ Fiverr นี่น่าจะต้องทุ่มเงินมากอยู่ครับ
อย่างไรก็ดียังเหลือเค้กให้แบ่งอีกพอสมควรครับ

Re: FVRR - Fiverr
เห็นหลายๆ คอมเม้นติดประเด็นที่ว่าบริษัทนี้มี network effect จริงหรือไม่ ส่วนตัวผมคิดว่าบริษัทนี้มีอย่างชัดเจนเลยครับ
เพราะ value ของ platform จะเพิ่มขึ้นเมื่อ buyer หรือ seller มากขึ้น ซึ่งคนซื้อและคนขายอยากไปอยู่ในตลาดที่มีฝั่งตรงข้ามเยอะๆ (cross-side effects) ซึ่งในเคสของ Fiverr นั้นผมเห็นว่าการไปเทียบกับ Market place ที่คล้ายๆ กันอย่าง Shopee, Lazada จะชัดเจนกว่าไปเทียบกับ Uber, Grab นะครับ
ในเคสของ Uber กับ Grab ค่อนข้างชัดเจนเลยว่า value ส่วนเพิ่มของการมีคนขับเพิ่ม หรือลูกค้าเพิ่มมันไม่ได้มากขนาดนั้น ในระบบที่มีลูกค้าและคนขับรวม 10 ล้านคน กับระบบที่มีลูกค้าและคนขับรวม 20 ล้านคน อาจจะทำให้การเรียกรถใช้เวลาต่างกันไม่กี่นาที (หรือไม่กี่วินาที) ซึ่ง value ที่มันต่างกันน้อยมากนี่แหละที่ทำให้ network effect มันน้อย ไม่เกิดสภาวะ winner take all
ส่วน Shopee, Lazada รวมถึง Fiverr ผมมองว่าการที่มี Seller มากขึ้น มันเพิ่มปริมาณความหลากหลายของบริการที่คุณตามหา ยิ่ง Seller มากจำนวนบริการยิ่งมาก และแต่ละคนก็มี "อัตลักษณ์" หรือ "ลายเซ็น" ของงานที่ไม่เหมือนกัน การออกแบบ Logo เพียง 1 Logo เราจึงอาจมองหาผู้ออกแบบถึง 10 รายเพื่อเลือกที่จะจ้างเพียงรายเดียว
ต้นทุนในการทำงาน service ตรงนี้ ที่แพงไม่แพ้ค่าจ้างคือค่าเสียเวลา ดังนั้น Buyer อาจจะพิถีพิถันในการเลือกมากกว่าการซื้อ Physical product เสียอีก และจุดนี้เองการมี Seller ให้เลือกมาก คือสิ่งที่ Buyer ตามหา
ส่วน Seller อยากขายและ keep rating ไว้ในที่ๆ มี buyer มาก เพราะโอกาสในการขายมีมากกว่า
เมื่อมองเรื่อง multihoming ผมคิดว่าเป็นปกติที่ Freelancer มืออาชีพจะอยู่ในหลาย host แต่ไม่ใช่กับ Freelancer มือใหม่ที่เป็นเด็กนักศึกษา หรือพนักงานประจำที่อยากจะลองเริ่มสายงาน part-time กลุ่มนี้ผมคิดว่าเขามีเวลาและความสนใจที่จำกัด ฝังตัวอยู่แค่ 1-2 platform น่าจะกินเวลามากแล้ว
ส่วนตัวคิดว่าในอนาคต Gen Z น่าจะเข้ามามีบทบาทกับตลาดตรงนี้มาก เท่าที่มีโอกาสได้ลองพูดคุย กลุ่มนี้เขาคุ้นเคยกับอะไรง่ายๆ คลีนๆ แบบ Fiverr มากกว่าแบบของ Upwork
และการที่ธุรกิจนี้มีลักษณะ multihoming น่าจะเป็นประโยชน์กับ Fiverr เพราะเขาเป็นคนมาทีหลัง ถ้า Freelancer ไม่สามารถย้าย platform ได้ (ถูกล็อคอยู่ใน Upwork) แบบนี้ Fiverr อาจจะพลิกกลับมาชนะ Upwork ได้ยากกว่าที่เป็นอยู่
ในกรณีที่ Fiverr พลิกมาเป็นผู้ชนะได้ ตรงนี้ multihoming จะกลับมาเป็น threat ตรงนี้เราต้องไปศึกษาที่กลยุทธ์และทีมผู้บริหารว่าเขาเก่งหรือไม่ ถ้าเก่งแบบ Facebook ก็ไม่ค่อยน่าห่วง แต่ถ้ากลางๆ แบบ Lazada อันนี้ลำบาก ประเด็นนี้คงต้องไปศึกษาและตัดสินใจด้วยตัวเองครับ
ณ ตอนนี้ Market Leader ที่ชัดเจนมีแค่ Upwork และ Fiverr ผมจึงคิดว่า มีโอกาสพอสมควรที่ผู้ชนะในธุรกิจนี้จะมีแค่ 1 หรือ 2 บริษัทนี้ ในขณะที่บริษัทเล็กแห่งอื่น จะมีบทบาทแค่ในเชิง Local ยากจะขึ้นมาเป็นคู่แข่งระดับ Global
ในขณะที่บริษัทใหญ่ๆ อย่าง AMZN หรือ FB พวกนี้เขามีเรื่องให้ทำอีกเยอะ การเข้ามาสู้ในธุรกิจที่ Market size ยังไม่ใหญ่ และเป็นของที่เขาไม่ถนัด มีโอกาสน้อยมาก
หันมาดู platform คู่แข่งอันดับ 1 ในขณะนี้บ้าง เท่าที่ผมลองใช้เวลาศึกษา Upwork ผมคิดว่าเขาค่อนข้าง professional มาก ซึ่งกลายเป็นไม่ friendly กับ new user เท่าไหร่ครับ
1. ให้ Seller ไปขายตัวเองแบบ "จำนวนชั่วโมง" ตรงนี้มีปัญหาเกิด conflict of interest ระหว่าง Buyer และ Seller กล่าวคือ Buyer อยากได้ของดีราคาถูก แต่ Seller อยากขายของให้ได้จำนวนชม.มากๆ ตรงนี้ Fiverr แก้ด้วยการใช้ระบบเดียวกับโพสขายสินค้า เพื่อแก้ปัญหานี้
2. ถ้าลองใช้ Upwork ด้วยตัวเองจะเห็นความแตกต่าง Upwork มีคำถามสกรีน new user ค่อนข้างมาก การจัดวาง layout ของเว็บก็ดูชวนให้รู้สึกว่า "กำลังทำงานอยู่" ในขณะที่ของ Fiverr ให้อารมณ์ "กำลังช็อปปิ้ง" อยู่ ตรงนี้ก็มองได้ว่ามีข้อดี ข้อเสียกันคนละแบบ
3. การโชว์ระบบ rating ของ Upwork ดูแปลก โดยเริ่มจาก % success rate ซึ่งเป็นของเทียบยาก ลองคิดดูว่า "งานยาก" กับ "งานง่าย" นั้น %success rate จะต่างกันอยู่แล้ว การวัดแบบนี้ จะทำให้คนเก่งที่ชอบทำงานยาก มี % ต่ำกว่า คนกลางๆ ที่ชอบทำงานง่าย ซึ่งไม่สะท้อนความเป็นจริงที่ว่า seller คนไหนเก่งกว่า ในขณะที่ Fiverr โชว์ด้วยความพอใจของลูกค้า เรียบง่ายกว่า
Fiverr อาจจะดูด้อยกว่า Upwork ในแง่ที่เริ่มเจาะตลาดจากงานราคาถูก ซึ่ง contribute มาเป็นรายได้น้อยกว่า
(แต่นี่เป็นวิธีคิดของคนมาทีหลังแบบ PTG เขาต้องเริ่มจากจุดที่ผู้นำคนก่อน (PTT/Upwork) ยังทำได้ไม่ดี ซึ่งในเคสของ Fiverr ผมคิดว่าเขาทำได้ดี เพราะ friendly กับทั้ง New Buyer และ New Seller)
ปัญหาของ Fiverr จึงเป็นจะทำอย่างไรให้ project แพงๆ และ Seller เก่งๆ เปลี่ยนจาก Upwork หรือการรับงานตรง ซึ่งจาก Earning call ไตรมาสล่าสุด ผมเข้าใจว่าผู้บริหารเริ่มมาโฟกัสตรงนี้มากขึ้น แต่ก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมากว่าจะสามารถทำได้มั้ย
ด้วยเหตุผลทั้งหมดดังที่กล่าวมา ส่วนตัวจึงคิดว่าประเด็นสำคัญของ Fiverr ไม่ใช่ "บริษัทนี้มี network effect หรือไม่" แต่เป็น
1. บริษัทจะโตเร็วพอที่จะพลิกขึ้นมานำ Upwork หรือทิ้งห่าง New comer หน้าใหม่ๆ ได้หรือไม่
2. บริษัทจะเปลี่ยนจาก match maker งานราคาถูก มาเป็น Endorser ให้กับ Seller คุณภาพดีได้หรือไม่
ประมาณนี้ครับ ผิดถูกอย่างไร ขออภัยล่วงหน้าด้วยครับ
เพราะ value ของ platform จะเพิ่มขึ้นเมื่อ buyer หรือ seller มากขึ้น ซึ่งคนซื้อและคนขายอยากไปอยู่ในตลาดที่มีฝั่งตรงข้ามเยอะๆ (cross-side effects) ซึ่งในเคสของ Fiverr นั้นผมเห็นว่าการไปเทียบกับ Market place ที่คล้ายๆ กันอย่าง Shopee, Lazada จะชัดเจนกว่าไปเทียบกับ Uber, Grab นะครับ
ในเคสของ Uber กับ Grab ค่อนข้างชัดเจนเลยว่า value ส่วนเพิ่มของการมีคนขับเพิ่ม หรือลูกค้าเพิ่มมันไม่ได้มากขนาดนั้น ในระบบที่มีลูกค้าและคนขับรวม 10 ล้านคน กับระบบที่มีลูกค้าและคนขับรวม 20 ล้านคน อาจจะทำให้การเรียกรถใช้เวลาต่างกันไม่กี่นาที (หรือไม่กี่วินาที) ซึ่ง value ที่มันต่างกันน้อยมากนี่แหละที่ทำให้ network effect มันน้อย ไม่เกิดสภาวะ winner take all
ส่วน Shopee, Lazada รวมถึง Fiverr ผมมองว่าการที่มี Seller มากขึ้น มันเพิ่มปริมาณความหลากหลายของบริการที่คุณตามหา ยิ่ง Seller มากจำนวนบริการยิ่งมาก และแต่ละคนก็มี "อัตลักษณ์" หรือ "ลายเซ็น" ของงานที่ไม่เหมือนกัน การออกแบบ Logo เพียง 1 Logo เราจึงอาจมองหาผู้ออกแบบถึง 10 รายเพื่อเลือกที่จะจ้างเพียงรายเดียว
ต้นทุนในการทำงาน service ตรงนี้ ที่แพงไม่แพ้ค่าจ้างคือค่าเสียเวลา ดังนั้น Buyer อาจจะพิถีพิถันในการเลือกมากกว่าการซื้อ Physical product เสียอีก และจุดนี้เองการมี Seller ให้เลือกมาก คือสิ่งที่ Buyer ตามหา
ส่วน Seller อยากขายและ keep rating ไว้ในที่ๆ มี buyer มาก เพราะโอกาสในการขายมีมากกว่า
เมื่อมองเรื่อง multihoming ผมคิดว่าเป็นปกติที่ Freelancer มืออาชีพจะอยู่ในหลาย host แต่ไม่ใช่กับ Freelancer มือใหม่ที่เป็นเด็กนักศึกษา หรือพนักงานประจำที่อยากจะลองเริ่มสายงาน part-time กลุ่มนี้ผมคิดว่าเขามีเวลาและความสนใจที่จำกัด ฝังตัวอยู่แค่ 1-2 platform น่าจะกินเวลามากแล้ว
ส่วนตัวคิดว่าในอนาคต Gen Z น่าจะเข้ามามีบทบาทกับตลาดตรงนี้มาก เท่าที่มีโอกาสได้ลองพูดคุย กลุ่มนี้เขาคุ้นเคยกับอะไรง่ายๆ คลีนๆ แบบ Fiverr มากกว่าแบบของ Upwork
และการที่ธุรกิจนี้มีลักษณะ multihoming น่าจะเป็นประโยชน์กับ Fiverr เพราะเขาเป็นคนมาทีหลัง ถ้า Freelancer ไม่สามารถย้าย platform ได้ (ถูกล็อคอยู่ใน Upwork) แบบนี้ Fiverr อาจจะพลิกกลับมาชนะ Upwork ได้ยากกว่าที่เป็นอยู่
ในกรณีที่ Fiverr พลิกมาเป็นผู้ชนะได้ ตรงนี้ multihoming จะกลับมาเป็น threat ตรงนี้เราต้องไปศึกษาที่กลยุทธ์และทีมผู้บริหารว่าเขาเก่งหรือไม่ ถ้าเก่งแบบ Facebook ก็ไม่ค่อยน่าห่วง แต่ถ้ากลางๆ แบบ Lazada อันนี้ลำบาก ประเด็นนี้คงต้องไปศึกษาและตัดสินใจด้วยตัวเองครับ
ณ ตอนนี้ Market Leader ที่ชัดเจนมีแค่ Upwork และ Fiverr ผมจึงคิดว่า มีโอกาสพอสมควรที่ผู้ชนะในธุรกิจนี้จะมีแค่ 1 หรือ 2 บริษัทนี้ ในขณะที่บริษัทเล็กแห่งอื่น จะมีบทบาทแค่ในเชิง Local ยากจะขึ้นมาเป็นคู่แข่งระดับ Global
ในขณะที่บริษัทใหญ่ๆ อย่าง AMZN หรือ FB พวกนี้เขามีเรื่องให้ทำอีกเยอะ การเข้ามาสู้ในธุรกิจที่ Market size ยังไม่ใหญ่ และเป็นของที่เขาไม่ถนัด มีโอกาสน้อยมาก
หันมาดู platform คู่แข่งอันดับ 1 ในขณะนี้บ้าง เท่าที่ผมลองใช้เวลาศึกษา Upwork ผมคิดว่าเขาค่อนข้าง professional มาก ซึ่งกลายเป็นไม่ friendly กับ new user เท่าไหร่ครับ
1. ให้ Seller ไปขายตัวเองแบบ "จำนวนชั่วโมง" ตรงนี้มีปัญหาเกิด conflict of interest ระหว่าง Buyer และ Seller กล่าวคือ Buyer อยากได้ของดีราคาถูก แต่ Seller อยากขายของให้ได้จำนวนชม.มากๆ ตรงนี้ Fiverr แก้ด้วยการใช้ระบบเดียวกับโพสขายสินค้า เพื่อแก้ปัญหานี้
2. ถ้าลองใช้ Upwork ด้วยตัวเองจะเห็นความแตกต่าง Upwork มีคำถามสกรีน new user ค่อนข้างมาก การจัดวาง layout ของเว็บก็ดูชวนให้รู้สึกว่า "กำลังทำงานอยู่" ในขณะที่ของ Fiverr ให้อารมณ์ "กำลังช็อปปิ้ง" อยู่ ตรงนี้ก็มองได้ว่ามีข้อดี ข้อเสียกันคนละแบบ
3. การโชว์ระบบ rating ของ Upwork ดูแปลก โดยเริ่มจาก % success rate ซึ่งเป็นของเทียบยาก ลองคิดดูว่า "งานยาก" กับ "งานง่าย" นั้น %success rate จะต่างกันอยู่แล้ว การวัดแบบนี้ จะทำให้คนเก่งที่ชอบทำงานยาก มี % ต่ำกว่า คนกลางๆ ที่ชอบทำงานง่าย ซึ่งไม่สะท้อนความเป็นจริงที่ว่า seller คนไหนเก่งกว่า ในขณะที่ Fiverr โชว์ด้วยความพอใจของลูกค้า เรียบง่ายกว่า
Fiverr อาจจะดูด้อยกว่า Upwork ในแง่ที่เริ่มเจาะตลาดจากงานราคาถูก ซึ่ง contribute มาเป็นรายได้น้อยกว่า
(แต่นี่เป็นวิธีคิดของคนมาทีหลังแบบ PTG เขาต้องเริ่มจากจุดที่ผู้นำคนก่อน (PTT/Upwork) ยังทำได้ไม่ดี ซึ่งในเคสของ Fiverr ผมคิดว่าเขาทำได้ดี เพราะ friendly กับทั้ง New Buyer และ New Seller)
ปัญหาของ Fiverr จึงเป็นจะทำอย่างไรให้ project แพงๆ และ Seller เก่งๆ เปลี่ยนจาก Upwork หรือการรับงานตรง ซึ่งจาก Earning call ไตรมาสล่าสุด ผมเข้าใจว่าผู้บริหารเริ่มมาโฟกัสตรงนี้มากขึ้น แต่ก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมากว่าจะสามารถทำได้มั้ย
ด้วยเหตุผลทั้งหมดดังที่กล่าวมา ส่วนตัวจึงคิดว่าประเด็นสำคัญของ Fiverr ไม่ใช่ "บริษัทนี้มี network effect หรือไม่" แต่เป็น
1. บริษัทจะโตเร็วพอที่จะพลิกขึ้นมานำ Upwork หรือทิ้งห่าง New comer หน้าใหม่ๆ ได้หรือไม่
2. บริษัทจะเปลี่ยนจาก match maker งานราคาถูก มาเป็น Endorser ให้กับ Seller คุณภาพดีได้หรือไม่
ประมาณนี้ครับ ผิดถูกอย่างไร ขออภัยล่วงหน้าด้วยครับ
Re: FVRR - Fiverr
ปีหน้ามี fivrr pro ค่อยลุ้นกันอีกที
อ่านหัวข้อข่าวแล้วสะดุ้งคือ
Google launch task mate
เนื้ิอหายังไม่ตรง แต่แอบกลัว555
อ่านหัวข้อข่าวแล้วสะดุ้งคือ
Google launch task mate
เนื้ิอหายังไม่ตรง แต่แอบกลัว555
show me money.
Re: FVRR - Fiverr International Ltd : US
Upwork ปีนี้เค้าเปลี่ยน CEO แล้วก็คล้ายๆ กับเลิกที่จะเน้นที่จะเป็น Platform Company กลายไปเป็น Pipeline Company แล้วครับ เค้าคงจะเห็นว่าแข่งขันสูง ไปไม่รอด เลยไปเน้นที่จะเป็นบริษัท Recruiter ไปเลยดีกว่า เน้นเจาะบริษัทใหญ่ๆ ในการหา Freelance ให้ แล้วไป Charge ราคา Premium เอา
จริงๆ แค่ดู Company Mission ก็รู้ถึงสิ่งที่กิจการตั้งเป้าเอาไว้ระดับหนึ่งนะครับ อย่าง Fiverr จะเขียนเอาไว้ว่า Our mission is to change how the world works together.
ในขณะที่ Upwork เขียนเอาไว้ว่า To create economic opportunities so people have better lives.
ธุรกิจ Start Up ที่มีโอกาสโตมากๆ และเป็นผู้ชนะเป็นธุรกิจที่สร้างตลาดขึ้นมาใหม่เอง ตัวอย่างเช่น AirBnB ไม่ได้แค่เอา Technology ไปสู้กับคู่แข่งเดิม แต่มองเห็นโอกาสในตลาดบางอย่างที่มี Friction สูงซะจน ไม่มีใครกล้าคิดที่จะทำ หรือถ้ามีใครทำ คนเห็นก็หัวเราะเยาะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วก็พัฒนา Platform จนกำจัด Friction ที่สูงๆ ออกไป Head Start คนอื่น ทำการบ่มเพาะ Curate Participants จนพอรู้ตัวอีกที Network Effect ก็มากซะจนคนอื่นจะมาทำก็ตามไม่ทันซะแล้ว
คำถามที่สำคัญในการลงทุน Fiverr คือ Change how the world works together นี่มันหมายความว่ายังไง ถ้าเรามีวิสัยทัศน์เห็นการทำงานของคนในอนาคตได้อย่างชัดเจน และรู้ว่า Fiverr กำลังทำอะไรอยู่ อันนั้นน่าจะเป็นคำตอบว่าทำไมกิจการนี้ถือแตกต่างจากคนอื่น และโอกาสในการสำเร็จมันมากน้อยขนาดไหน
โดยส่วนตัวผมมองว่าจุดสำคัญของ Fiverr คือ การ Modulization แล้ว Productize จนเกิดเป็น Market Place ที่เอาไปใช้กับลักษณะการทำธุรกิจแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงธุรกิจไปจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง
ธุรกิจในอนาคต ผมคิดว่า มันเหมือนเราเลือกของใน Shelf มา Customize Module จนเกิด Identity ของธุรกิจของเรา ไม่ชอบตรงไหนก็เปลี่ยนชิ้นส่วน ทำ A/B Testing ทำ Fast Prototype ซึ่งเด็ก Gen Z ที่เค้าโตมาใน Ecosystem อีกแบบ จะทำในสิ่งที่คนในยุคเราไม่เคยทำมาก่อน และ Fiverr จะไปจับตลาดและสร้างตลาดที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงนี้ในอนาคต
จริงๆ แค่ดู Company Mission ก็รู้ถึงสิ่งที่กิจการตั้งเป้าเอาไว้ระดับหนึ่งนะครับ อย่าง Fiverr จะเขียนเอาไว้ว่า Our mission is to change how the world works together.
ในขณะที่ Upwork เขียนเอาไว้ว่า To create economic opportunities so people have better lives.
ธุรกิจ Start Up ที่มีโอกาสโตมากๆ และเป็นผู้ชนะเป็นธุรกิจที่สร้างตลาดขึ้นมาใหม่เอง ตัวอย่างเช่น AirBnB ไม่ได้แค่เอา Technology ไปสู้กับคู่แข่งเดิม แต่มองเห็นโอกาสในตลาดบางอย่างที่มี Friction สูงซะจน ไม่มีใครกล้าคิดที่จะทำ หรือถ้ามีใครทำ คนเห็นก็หัวเราะเยาะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แล้วก็พัฒนา Platform จนกำจัด Friction ที่สูงๆ ออกไป Head Start คนอื่น ทำการบ่มเพาะ Curate Participants จนพอรู้ตัวอีกที Network Effect ก็มากซะจนคนอื่นจะมาทำก็ตามไม่ทันซะแล้ว
คำถามที่สำคัญในการลงทุน Fiverr คือ Change how the world works together นี่มันหมายความว่ายังไง ถ้าเรามีวิสัยทัศน์เห็นการทำงานของคนในอนาคตได้อย่างชัดเจน และรู้ว่า Fiverr กำลังทำอะไรอยู่ อันนั้นน่าจะเป็นคำตอบว่าทำไมกิจการนี้ถือแตกต่างจากคนอื่น และโอกาสในการสำเร็จมันมากน้อยขนาดไหน
โดยส่วนตัวผมมองว่าจุดสำคัญของ Fiverr คือ การ Modulization แล้ว Productize จนเกิดเป็น Market Place ที่เอาไปใช้กับลักษณะการทำธุรกิจแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงธุรกิจไปจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง
ธุรกิจในอนาคต ผมคิดว่า มันเหมือนเราเลือกของใน Shelf มา Customize Module จนเกิด Identity ของธุรกิจของเรา ไม่ชอบตรงไหนก็เปลี่ยนชิ้นส่วน ทำ A/B Testing ทำ Fast Prototype ซึ่งเด็ก Gen Z ที่เค้าโตมาใน Ecosystem อีกแบบ จะทำในสิ่งที่คนในยุคเราไม่เคยทำมาก่อน และ Fiverr จะไปจับตลาดและสร้างตลาดที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงนี้ในอนาคต
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
Re: FVRR - Fiverr International Ltd : US
Facebook may be ready to tap the "gig economy," with a plan to let users find and book services through the app.
It's building a team to focus on services that could include home repairs, or freelance jobs, The Information reports.
That would put it in more of a competitive facing against task marketplaces including TaskRabbit, Fiverr , and Angie's List; Fiverr and ANGI Homeservices are off on a bad foot out of the open.
And it points to Facebook's increasing pivot toward diversifying its business via online commerce.
It's building a team to focus on services that could include home repairs, or freelance jobs, The Information reports.
That would put it in more of a competitive facing against task marketplaces including TaskRabbit, Fiverr , and Angie's List; Fiverr and ANGI Homeservices are off on a bad foot out of the open.
And it points to Facebook's increasing pivot toward diversifying its business via online commerce.
Re: FVRR - Fiverr International Ltd : US
จากเท่าที่สังเกตุ facebook marketplace ไม่ได้ทำให้ shopee หรือ lazada คนน้อยลงbenzkanin wrote: ↑Wed Dec 16, 2020 9:51 pmFacebook may be ready to tap the "gig economy," with a plan to let users find and book services through the app.
It's building a team to focus on services that could include home repairs, or freelance jobs, The Information reports.
That would put it in more of a competitive facing against task marketplaces including TaskRabbit, Fiverr , and Angie's List; Fiverr and ANGI Homeservices are off on a bad foot out of the open.
And it points to Facebook's increasing pivot toward diversifying its business via online commerce.
ดังนั้นคิดว่าไม่มีประเด็นอะไรเนื่องจาก facebook platform ไม่ได้ dedicate ตลาดนี้ แค่อยากมีส่วนเอี่ยว
Re: FVRR - Fiverr International Ltd : US
อาจจะไม่เกี่ยวกันโดยตรง แต่ก็เป็นทางอ้อมๆ ครับ
He became top rated freelancer in first 4 months on upwork | data analyst freelancer
https://www.youtube.com/watch?v=sQnG6XiFfLE
He became top rated freelancer in first 4 months on upwork | data analyst freelancer
https://www.youtube.com/watch?v=sQnG6XiFfLE
Re: FVRR - Fiverr International Ltd : US
https://board.thaivi.org/viewtopic.php? ... 0#p1888420
ใช้เวลาและพลังในการเขียนพอสมควรเลย หวังว่าจะเป็นประโยชน์ครับ
ใช้เวลาและพลังในการเขียนพอสมควรเลย หวังว่าจะเป็นประโยชน์ครับ
Re: FVRR - Fiverr International Ltd : US
https://finance.yahoo.com/news/fiverr-a ... 00141.html
มูฟนี้เทพมากครับ ไหนๆ คนที่ใช้กันประจำก็ชอบรั่วไปใช้นอก platform อยู่แล้ว และกลุ่มนี้ไม่คิดจะจ่าย take rate อยู่แล้ว ทำแบบนี้คือดึงคนไว้ใน platform ไว้อยู่ ขา seller ก็คงชอบ เพราะถ้ามีคน subs เยอะๆ ก็เป็นเหมือนการโชว์ว่า seller คนนั้นเก่งจริง คือขายงานได้ง่ายและแพงขึ้นไปอีก
Micha นี่ผมคิดว่าเขามุ่งมั่นจะพา Fiverr ไปอยู่ในจุดศูนย์กลางของกระแส future of work จริงๆ กลยุทธ์ในหัวเขาน่าจะเยอะมาก แต่เลือก launch ใน timing ที่เหมาะสม
มูฟนี้เทพมากครับ ไหนๆ คนที่ใช้กันประจำก็ชอบรั่วไปใช้นอก platform อยู่แล้ว และกลุ่มนี้ไม่คิดจะจ่าย take rate อยู่แล้ว ทำแบบนี้คือดึงคนไว้ใน platform ไว้อยู่ ขา seller ก็คงชอบ เพราะถ้ามีคน subs เยอะๆ ก็เป็นเหมือนการโชว์ว่า seller คนนั้นเก่งจริง คือขายงานได้ง่ายและแพงขึ้นไปอีก
Micha นี่ผมคิดว่าเขามุ่งมั่นจะพา Fiverr ไปอยู่ในจุดศูนย์กลางของกระแส future of work จริงๆ กลยุทธ์ในหัวเขาน่าจะเยอะมาก แต่เลือก launch ใน timing ที่เหมาะสม
Re: FVRR - Fiverr International Ltd : US
https://investors.fiverr.com/press-rele ... fault.aspx
มาต่อจากเมื่อวาน คิดว่าอันนี้น่าจะมาไว้ groom กลุ่ม seller เทพๆ เช่น Fiverr Pro ให้สามารถเข้าถึงการทำงานบริษัทใหญ่ๆ ได้ง่ายขึ้นครับ
มาต่อจากเมื่อวาน คิดว่าอันนี้น่าจะมาไว้ groom กลุ่ม seller เทพๆ เช่น Fiverr Pro ให้สามารถเข้าถึงการทำงานบริษัทใหญ่ๆ ได้ง่ายขึ้นครับ
Re: FVRR - Fiverr International Ltd : US
Fiverr International tops Q4 consensus; initiates strong 2021 guidance
Feb. 18, 2021 2:05 AM ETFiverr International Ltd. (FVRR)By: Mamta Mayani, SA News Editor6 Comments
-Fiverr International (NYSE:FVRR): Q4 Non-GAAP EPS of $0.12 beats by $0.02; GAAP EPS of -$0.23 misses by $0.22.
-Revenue of $55.89M (+89.3% Y/Y) beats by $1.79M.
-FY 2021 outlook: Revenue: $277M - $284M; Adjusted EBITDA: $16M - $21M.
-Q1 2021 outlook: Revenue: $63M - $65M; Adjusted EBITDA: ($4M) - ($3M).
Press Release
Now read: Upwork: Competition Is Concerning
Feb. 18, 2021 2:05 AM ETFiverr International Ltd. (FVRR)By: Mamta Mayani, SA News Editor6 Comments
-Fiverr International (NYSE:FVRR): Q4 Non-GAAP EPS of $0.12 beats by $0.02; GAAP EPS of -$0.23 misses by $0.22.
-Revenue of $55.89M (+89.3% Y/Y) beats by $1.79M.
-FY 2021 outlook: Revenue: $277M - $284M; Adjusted EBITDA: $16M - $21M.
-Q1 2021 outlook: Revenue: $63M - $65M; Adjusted EBITDA: ($4M) - ($3M).
Press Release
Now read: Upwork: Competition Is Concerning
Re: FVRR - Fiverr International Ltd : US
Fiverr International Ltd. (FVRR) CEO Micha Kaufman on Q4 2020 Results - Earnings Call Transcript
https://seekingalpha.com/article/440708 ... king_alpha
https://seekingalpha.com/article/440708 ... king_alpha
Re: FVRR - Fiverr International Ltd : US
มีใครพอจะหาตัวเลขจำนวนพนักงานของ Fiverr ตั้งแต่ปี 2017 จนถึงปัจจุบันได้บ้างมั้ยครับ พอดีผมกำลังศึกษาเรื่องโครงสร้าง SGA ของบริษัทนี้อยู่ แต่หาตัวเลขยากจริงๆ