หน้า 4 จากทั้งหมด 7

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 07, 2012 9:38 am
โดย humdrum
รูปภาพ
Books by Ari Kiev

รูปภาพ
1. Trading to Win: The Psychology of Mastering the Markets (Wiley Trading) by Ari Kiev (Oct 6, 1998)

รูปภาพ
2. The Psychology of Risk: Mastering Market Uncertainty by Ari Kiev (Mar 15, 2002)

รูปภาพ
3. Trading in the Zone : Maximizing Performance with Focus and Discipline by Ari Kiev (Feb 2001)

รูปภาพ
4 .The Mental Strategies of Top Traders: The Psychological Determinants of Trading Success (Wiley Trading) by Ari Kiev (Dec 21, 2009)

รูปภาพ
5. Hedge Fund Masters: How Top Hedge Fund Traders Set Goals, Overcome Barriers, and Achieve Peak Performance (Wiley Trading) by Ari Kiev (May 18, 2005)

รูปภาพ
6. Mastering Trading Stress: Strategies for Maximizing Performance (Wiley Trading) by Ari Kiev (Dec 14, 2007)

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 07, 2012 10:47 am
โดย iceberg
humdrum เขียน:ผมมีคำแนะนำให้คุณไอซ์ ไม่ใช่คุณไอซ์เข้าใจไม่ดี แต่คุณไอซ์ขาด Human Misjudge บางอย่างไป ผมจะอธิบายให้ฟังครับ เวลาแปลไทยไว้อ่านเอง เปรียบเทียบกับเวลาแปลให้คนอื่นมัน ไม่เหมือนกัน ข้อนี้พี่ WEB น่าจะทราบดีที่สุด แปลให้คนอื่นมันต้องมีความรับผิดชอบมากกว่า ความตั้งใจมันก็เลยมากกว่า ความเข้าใจมันก็ลึกซึ้งกว่า

คุณไอซ์คงทราบดีว่า นี่คือสิ่งที่มังเกอร์เรียกใน Human Misjudge ว่า

"Commitment"
ขอบคุณครับ คุณ humdrum

ผมจับผิดตัวเองได้อีกแล้วครับ ก่อนหน้านี้ ผมคิดว่าความคิดตัวเองดีแล้ว
แต่เมื่อได้อ่านงานของคุณ humdrum แล้ว ผมเทียบไม่ได้เลยครับ
ผมต้องเปลี่ยนความเข้าใจใหม่หลังอ่านแล้ว

ชาร์ลี บอกไว้ว่า ในแต่ละปีเค้าอยากได้ความคิดใหม่ ที่ทำลายความคิดที่เค้ามีอยู่

ผมโชคดี ได่เจอแล้วครับ

ขอบคุณครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 07, 2012 11:40 am
โดย torpongpak
ขอบคุณมากสำหรับบทความดีๆเเละการโต้ตอบกระทู้ที่มีประโยชน์มากครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 07, 2012 8:20 pm
โดย sorageol46
ขอคาราวะคุณ humdrum และ คุณ Iceberg มากๆครับ การโต้ตอบกระทู้มีประโยชน์แก่คนที่เข้ามาอ่านเป็นอย่างมาก
และคุณ humdrum นี่ขอบอกว่าสุดยอดจริงๆ ครับ อ่าน หนังสือภาษาอังกฤษเป็นร้อยครั้งนับถือครับ
ยังไงอีก 26 วัน ก็กลับมาให้ความรู้กันอีกนะครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 07, 2012 8:28 pm
โดย kotaro
ติดตามอ่านและสนใจ Munger เหมือนกันครับ

มี link หนังสือแนะนำโดย Munger น่าสนใจลองดูนะครับ
ทั้งหมดกว่า 40 เล่ม

http://mungerisms.tumblr.com/tagged/Munger-Pick

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 18, 2012 5:09 pm
โดย humdrum
ผมเห็น list มานานแล้ว ผมไม่เชื่อว่าเขาแนะนำตรงๆ อยากทราบว่ามีบทความไหน หรือว่าชาลี มังเกอร์พูดตอนไหนบ้าง ที่เขาแนะนำเป้น list หนังสือเหล่านี้ ชาลี มังเกอร์แนะนำให้อ่านจริงๆ หรือครับ เขาแค่พูดบางตอนจากหนังสือนั้นเท่านั้น ผมแค่สงสัยครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 18, 2012 5:16 pm
โดย humdrum
What is the Most Expensive Investing Book?
รูปภาพ

The most expensive investing and stock trading book is Margin of Safety: Risk-Averse Value Investing Strategies for the Thoughtful Investor, which you can pick up a new copy of on Amazon (AMZN) for $1,749.00. The book was written by Seth Klarman, the successful founder and president of the Baupost Group, a Boston-based hedge fund. The book has a rating of four stars based on customer reviews and was published by HarperCollins in 1991.

ผมมีโอกาสได้จับหนังสือเล่มนี้ของพี่ WEB ราคาเล่มละห้าหมื่นกว่าบาทแล้ว
ตอนนี้มีเว็บให้อ่านฟรีแล้ว :B

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 18, 2012 5:54 pm
โดย humdrum
ผมมีเพื่อนจากอินเดียเป็นฟันเมเนเจอร์ไสตน์ value inveting ไปเจอกันที่สิงค์โปร์ ไปเจอต่างชาติที่เป็น value investing อย่างนี้ ไม่เหมือนเจอวีไอในไทย ตรงที่ภาษาเขาสามารถแทรกคำเฉพาะอย่างเช่น margin of safety ไปในประโยคที่ใช้พูดกับเราได้ตลอด แม้กระทั่งผมสั่งข้าวไข่พะโล้ ร้านข้าวแกงริมถนนมาทานที่ทำงาน เขายังถามว่า what is margin of safety for your dish? โห ! ดูว่าพวกเขาซีเรียสขนาดไหน

ตอนนั้น ไม่อยากบอกเลยว่า มันเสี่ยงขนาดไหนที่ต้องกินร้านข้างถนน ผมเคยชินกับร้านนี้ กินทีไรก็ไม่เคยท้องเสียสักที แต่ว่า ตอบอย่างนั้นไม่ได้ บอกว่า "ไม่เคยท้องเสีย" จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมทราบว่าในโลกการลงทุนที่ไม่มีอะไรแน่นอน ตอบอย่างนั้นไม่ได้เลย ตอนนั้นหายใจลึกๆ และตอบไปว่า

การที่จะมีชีวิตแบบไม่ต้องรู็อะไรเลยนั้นน่าสนใจกว่าที่จะมีชีวิตแบบมีคำตอบไปทุกเรื่อง ซึ่งผมว่าเราอาจเข้าใจผิดว่านั่นคือคำตอบก็เป็นก็ได้ ถ้าเราเลือกที่จะมีชีวิตอย่างนั้น อีกด้าน เราจะอยู๋กับความไม่แน่ใจ แต่อีกด้าน เราจะเปิดโอกาสให้กับทางเลือกใหม่ๆ ที่อาจเข้ามาตอนไหนก็ได้ เราจะไม่ตื้นเต้นกับหลักฐานความจริง ตื่นเต้นกับความรู้ใหม่ หรือ ตื่นเต้นกับ ความจริงที่ปรากฏอย่างชัดเจน ผมไม่เคยตื่นเต้นอย่างนั้นเลย ผมชอบที่จะยังสงสัยต่อไปมากกว่า ว่าความจริงที่ผมเข้าใจว่าจริงอาจจะไม่จริงเสมอไปทุกกรณี โดยเปิดพื้นที่ความสงสัยของเราเอาไว้ให้กว้างอยู่เสมอเพื่อรอโอกาสให้สิ่งที่เราไม่เคยรู้มาเยือน นั่นคือ Margin of safety ของผม

เขามองหน้าผมและบอกว่า " คุณไม่เคยมีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยซึ่งจะช่วยให้คุณผ่านพ้นภาวะยากลำบากอย่างการท้องเสียไปได้ คุณได้ความอร่อยของอาการที่คุณชอบและไว้วางใจในความสะอาดแต่คุณมีส่วนเผื่อติดลบด้วยซ้ำไป"

ผมฟังแล้วเงียบไปเหมือนกันครับ ผมตอบไปว่า

"ผมจะกินยาธาตุสี่ตามทุกครั้ง"

ไม่ขำครับ เพื่อนแขกผม ฟังแล้ว เงียบไปเหมือนกัน ทำไมแขกวีไอมันซีเรียสกันขนาดนี้หรือว่า บ้านที่อืนเดีย อาหารตามริมถนนน่ากลัวมากเป็นแน่แท้

ผมยอมรับผิด ผมไม่มี margin of safety กับการกินไข่พะโล้ร้านข้างถนนเลย นี่แขกมาสอนต่อ
ว่า
"คุณยังตัดอคติออกจากเรื่องธรรมดาไม่ได้เลย แล้วจะให้เขาเชื่อว่าเวลาลงทุนซึ่งจะตัดอคติที่ซับซ้อนกว่าและรับมื่อยากกว่าออกไปได้หมดหรือไม่ และจะบริหารกองทุนได้อย่างไร"

โดนแขกวีไอสอนครับ ยอมรับผิดครับ
ขอบคุณครับ
ช่วงนี้ขยันอ่านหนังสือแปลของพี่เว็บกันใหม่ อ่านกี่ครั้งก็ยังได้ความคิดที่ใหม่สดอยู่เสมอครับ

"The idea of a margin of safety, a Graham precept, will never be obsolete. The idea of making the market your servant (Mr.Market) will never be obsolete. The idea of being objective and dispassionate (realistic without emotionly decision-making involved ) will never be obsolete. ”

Charlie Munger

"บทบาทสำคัญของส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยก็คือการทำให้การคาดการณ์อนาคตได้อย่างถูกต้องกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็น"

Intelligent Investor Book

ข้าน้อยขอคารวะครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 18, 2012 11:04 pm
โดย kotaro
humdrum เขียน:ผมเห็น list มานานแล้ว ผมไม่เชื่อว่าเขาแนะนำตรงๆ อยากทราบว่ามีบทความไหน หรือว่าชาลี มังเกอร์พูดตอนไหนบ้าง ที่เขาแนะนำเป้น list หนังสือเหล่านี้ ชาลี มังเกอร์แนะนำให้อ่านจริงๆ หรือครับ เขาแค่พูดบางตอนจากหนังสือนั้นเท่านั้น ผมแค่สงสัยครับ
อืม เท่าที่ทราบนะครับ

ผมเห็นในหน้าสารบัญในหนังสือ Damn Right ที่ Janet Lowe พูดถึงตอนแรกของหนังสือที่ Munger ไม่ให้ความร่วมมือครับ ตอนที่เจอกันในงานประชุม Wesco annual meeting 1997 แล้วตอน Janet ก็ยืนยันว่า ถึงแม้ Munger จะไม่ให้ความร่วมมือก็ยังจะเขียนหนังสือ Damn Right ต่อไป Munger เลยบอก Janet ว่า งั้น Janet ควรจะเริ่มจากอ่านหนังสือเล่มนี้คือ The Selfish Gene ของ Richard Dawkins

ผมลอง search ดู เห็นใน Notes ของ Wesco annual meeting ปี 2000 มีคนถามว่ามังเจอร์ ว่าหนังสือที่ชอบมีเล่มใดบ้าง มังเจอร์บอกว่าตอบยากเพราะแกอ่านหลายเล่มมากแต่เล่มนึงที่ชอบมาก คือ ชื่อ The selfish gene แสดงว่าแกก็น่าจะแนะนำหนังสือเล่มนี้จริงๆครับ

หนังสือเล่มนี้เท่าที่ทราบ น่าอ่านมาก แต่เห็นหลายคนบอกว่า อ่านค่อนข้างยากทีเดียว เน้นหนักไปทางวิชาการมาก

ส่วน Fortune's Formula Munger ถูกถามในงานประชุมของ Wesco ปี 2006 ว่าชอบหนังสือเล่มไหน Munger แนะนำหนังสือเล่มนี้ ลองดูได้จาก Notes ข้างล่างนี้นะครับ
http://www.tilsonfunds.com/wscmtg06notes.pdf

หนังสือเล่มนี้ผมมี แต่ยอมรับว่าอ่านยากมากๆครับ

ส่วนเล่มชีวประวัติของ Einstein กับ Martians of Science ก็เช่นเดียวกันครับ Munger ตอบคำถามเกี่ยวกับหนังสือที่ชอบในงาน Wesco Annual Meeting 2007 ส่วน Outlier ของ Malcolm Gladwell เป็นงานในปี 2009 ครับ

http://www.tilsonfunds.com/Whitney%20Ti ... 5-9-07.pdf

http://www.rbcpa.com/wesco_notes_Annual ... g_2009.pdf

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 6:25 am
โดย humdrum
ผมยังโง่อีกเยอะเลย
ขอบคุณ คุณหมอมากครับ
:bow:

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 6:48 am
โดย humdrum
เวลาอ่านหนังสือเล่มไหนยาก ๆ ผมจะนึกถึงเวลามังเกอร์ชอบพูดเรื่อง ดอกเบี้ยทบต้น
เขาพุดอย่างนี้ครับ

"Understanding both the power of compound interest and the difficulty of getting it is the heart and soul of understanding a lot of things"
Charlie Munger

credit : 25IQ: My views on the markets, tech, and everything else
http://www.25iq.com/charlie-munger-quotations/

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 8:24 am
โดย humdrum
รูปภาพ

วิธีสร้างเรือรบระดับโลกโดยใช้วิชาไม้จิ้มฟัน– สุนทรพจน์ชาลี มังเกอร์ USC Business School

A Lesson on Elementary, Worldly Wisdom As It Relates To Investment Management & Business by Charles Munger, USC Business School, 1994

วันก่อนผมไปโลตัสเห็นขายไม้ยาวๆเป็นลักษณะมีตะกร้อเล็กๆ อยู๋ตรงปลาย เลยถามพนักงานเอาไว้ทำอะไร “ไว้เกี่ยวมะม่วงครับพี่” ผมนึกในใจว่า “โลตัสนี่มันขายทุกอย่างตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบจริงๆ” เป็นคำเปรียบเทียบสิ่งสองสิ่งที่อันหนึ่งเล็ก อีกอันใหญ่มาก เห็นภาพขัดแย้งที่ชัดเจน ผมเห็นหัวข้อสุนทรพจน์ elementaty worldly wisdom ก็นึกไม่ออกว่า แปลว่าอะไร นึกถึงอาจารย์มังเกอร์ชอบเล่นคำเปรียบเทียบสิ่งที่ตรงข้ามกัน ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า น่าจะเป็นชื่อนี้ ผมเลยตั้งชื่อเป็นการส่วนตัวว่า

“วิชาไม้จิ้มฟันแต่ใช้สร้างเรือรบได้”

ชื่อนี้ก็บอกนัยถึงสิ่งที่สามัญที่สุดแต่สามารถสร้างสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดขึ้นมาได้ ดั่งลัทธิเต๋าที่สอนคนรุ่นหลังให้สำนึกถึงสรรพสิ่งในโลกทีเป็นคู่กันเหมือนหยินกับหยาง ดำกับขาว หญิงกับชาย มีคำกล่าวได้ยินบ่อยครั้ง แต่ไม่ทราบที่มา “สามัญสู่สูงสุด สูงสุดคืนสู่สามัญ” น่าแปลก คนที่เป็นที่เคารพของคนอื่นมักจะมีนิสัยที่สามัญธรรมดาอย่างมาก ดั่งเช่น พระพุทธเจ้า หรือ Warren Buffett เป็นต้น

“วิชาไม้จิ้มฟัน” ก็หมายถึงวิชาพื้นฐานเรียนกันปีหนึ่งปีสอง ส่วน “เรือรบระดับโลก” หมายถึง “พอร์ตการลงทุน” ที่ซับซ้อนติดอาวุธครบมือพร้อมจู่โจมและตั้งรับได้ การสร้างพอร์ตระดับโลกนั้นใช้วิชาพื้นๆ ที่เรียนกันตอนมหา’ลัยปีหนึ่งและปีสองเท่านั้นหรือ? อาจารย์ทำได้อย่างไร ถึงใช้แค่วิชาที่ใช้ฝึกลูกนกตัวเล็กๆ ฝึกให้กลายเป็นพญาอินทรีผงาดฟ้าได้ ไม่น่าเชื่อนะครับ ฟังแล้วเหมือนอาจารย์ชาลีเป็น David Copperfield ผมอยากดู Magic Show มายากลของท่านซะแล้วครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 9:36 am
โดย kotaro
humdrum เขียน:ผมยังโง่อีกเยอะเลย
ขอบคุณ คุณหมอมากครับ
:bow:
ผมถือว่าพี่ humdrum เป็นอาจารย์คนนึงเลยนะครับ
อาจารย์โง่ ลูกศิษย์ก็ต้องโง่ด้วยสิครับ

อ่านงานเขียนของพี่ ที่พี่โพส ก็ได้อะไรดีๆทุกทีครับ
รูปภาพรูปภาพ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 10:14 am
โดย humdrum
รูปภาพ

ขอบคุณมากครับ ผมเขียนไปมั่วๆ ครับ
:bow: :bow:

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 10:15 am
โดย humdrum
ป้ายที่คุณหมอเห็น ผมพึ่งติดหน้าบ้านตอนเช้า และมันเกี่ยวกับคำถามที่ผมจะถามคุณหมอครับ
ผมถามคุณหมออย่างหนึ่งนะครับ ผมทราบคุณหมอเป้นหมอคน แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับหมา

เผื่อคุณหมอมีคำแนะนำครับ เคสผม หมาที่เลี่ยงไว้ที่บ้านอายุแปดเดือน ไม่เห่าคน ไม่เห่าคนแปลกหน้า ตั้งแต่มันอายุสองเดือน ข้างบ้านทั้งหมดรอบๆ ชอบมาเล่นกันมัน คือผมเปิดบ้าน ไม่ด้ได้ปิดรั้ว สมัยก่อนปิดแล้ว โขมยมันชอบขึ้น ตอนนี้ invert มันซะเลย เปิดรั้วตั้งแต่เช้าจดเย็น ทำอย่างนี้ ใครเดินผ่านก็เข้ามาคุยเพราะไม่ได้ปิดรั้ว ใครออกเช้าไปทำงาน ใครกลับมาเย็นเข้าบ้าน ก็จะมาทักทายคนที่บ้าน แต่ตอนหลังเลี้ยงหมา ไม่ทักคนแล้ว แต่เล่นกับหมาแทน ในซอยก็ประมาณสี่ห้าบ้าน นับเป็นคนก็ประมาณหกเจ็ดคน ที่มาแวะเวียนที่บ้าน

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 10:16 am
โดย humdrum
ตอนนี้หมาโตแล้ว แต่ไม่เห่าคนเลย กระทั่งคนแปลกหน้าไม่เคยเห้นมาก่อนอย่างรถดูดโส้ม กทม มันก็เล่นกับเขาอย่างอารมณ์ดี มันเห่าแต่แมว ข้างบ้านบอกว่า ดีแล้ว ดีกว่าดู ดูอย่างไรก็สามารถโดนวางยาเบื่อได้ ไม่ดูก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไปกัดคนอื่น โดยเฉพาะเด็กๆ ซอยบ้านก็เยอะทีเดียว จะว่าไป ข้างบ้านผมก็คิดแบบ invert ดีหรือว่าอยากเล่นกับมันก็ไม่ทราบ ผมสงสัยทำไม่เลี่ยงหมาซะเอง ต้องมาเล่นกับหมาผมด้วย ก็ไม่กล้าถามซะที

คุณหมอว่า เป้นเพราะสาเหตุที่มันคุ้นกับคนมากหรือปล่าวถึงไม่ดูกับคนเลย?

ผมอยากทราบว่า มันจะมีพฤติกรรมอย่างไร วันก่อนเลยเริ่มพามันไปวิ่งรอบหมู๋บ้าน ตอนนี้พาไปได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว มันเห่าคนที่เปิดประตูลงมาจากรถ มันเห่าแม่ที่กำลังเข็นลูกสาวบนรถเข็น มันเห่าคนที่เปิดประตูรั่วออกมาจากบ้านของเขาเอง ห่วยๆ เซ็งเป็ดจริงๆ ผมก็งงเหมือนกัน ทำไมหมามันถึง invert อย่างนี้ได้

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 10:21 am
โดย humdrum
รูปภาพ

วันนี้จะเริ่มสังเกตุว่าคนข้างบ้านจะแวะมาทักทายอย่างไร หรือ มีผลสะท้อนอย่างไรบ้าง กับ ป้ายอันนี้ ถามคุณหมอว่า การที่ผม invert โดยเอาป้ายระวังหมาดูไปติดที่หน้าบ้าน ทั้งๆที่หมาไม่ดุเลย จะมีผลได้ และผลเสียอย่างไรครับ?

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 11:04 am
โดย humdrum
ช่วงนี้ขยายทำถนนมัยลาภ ข้างหมู่บ้านนอกกำแพงออกไปเพียงไม่ดี่ก้าวเดิน เป็นผืนป่ารกร้างร้อยกว่าไร่ พอทำขยายถนน เจ้าของที่ ก็ทำโครงการหมู๋บ้านขึ้นมา รื้อต้นไม้ใหญ่ ถมบึง ถางต้นหญ้ากก ร้อยกว่าไร่เคยร่มเย็นมีเสียงจิ้งหรีด มีเสียงนกร้อง ฝนตกเสียงกบร้องกันระงม

ตอนนี้มองไปทางไหน ร้อยกว่าไร่เรียบเตียนไปหมด มองไม่คุ้นตา หมู่บ้านผมกับพื้นที่นี้กั้นด้วยกำแพงเท่านั้น ตอนนี้สัตว์ต่างๆ ที่มีทักษะมุดกำแพงได้ ก็มุดเข้ามา ตัวไหนปีนรั่วเข้ามาได้ ก็เข้ามากันหมด ตอนนี้สัตว์ป่าเต็มบ้าน แมงมุม กิ้งก่า กิ้งกือ ตะขาบแม้กระทั่ง งูเขียวเลื้อยจากหลังบ้านออกหน้าบ้าน ไปบ้านตรงข้ามได้อย่างสบาย เพราะผมไม่ปิดประตูรั้ว ตอนนี้กำลังคิดว่า ปลวกจะมาอาศัยอยู่ด้วยไหม ขออย่างเดียว ตัวเงินตัวทองอย่าเข้ามาก็แล้วกัน ผมมีหมาไว้เป็น margin of safety ได้ดี วันๆ มันไล่กัดแต่เพื่อนสัตว์ป่าของมันด้วยกันเอง

เห็นผลกระทบ ecosystem ที่เกิดจากทำถนนมัยลาภแล้ว อดคิดถึงคำสอนของมังเกอร์ไมได้ที่เคยบอกว่า
“I find it quite useful to think of a free market economy—or partly free market economy—as sort of the equivalent of an ecosystem. Common stock investors can make money by predicting the outcomes of practice evolution. You can’t derive this by fundamental analysis — you must think biologically."

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 11:14 am
โดย humdrum
ตอนที่อเมริการ่าง Declaration of Independence นั้น Benjamin Franklin ฮี่โร่ ของอาจารย์ ชาลี มังเกอร์ ไม่ได้รับคัดเลือกให้เป้นตัวหลักในการเขียน ด้วยเกรงว่าเขาจะใส่เนื้อหาที่กำกวมลงไป ตอนนี้สัตว์แถวบ้านผมกำลังประกาศ Declaration of Emergency เช่นกัน และคนในหมู่๋บ้านก้กำลังเกิดอาการกำกวมวาดระแวงกันไปหมด สัตว์มันจะน่ากลัวอย่างไร มันก็ป้องกันตัว และผมชอบมันอย่าง ตรงที่ ทุกตัวมันต่อสู่กันอย่างยุติธรรม มันคอรับชั่นไม่เป็นครับ

ค่านิยมคอรับชั่นในเมืองไทยมีมานาน วันก่อนแถวบ้านขยายถนน ผมย้ายมาตั้งแต่ยังเป็นดินสีแดง ต้นไม้ใหญ่อายุกว่าสามสิบกว่าปี รถจาก กทม ใช้เวลาตัดทิ้งเหลือลำต้นสูงแค่สองเมตรกว่า ใช้แค่สามสิบนาที แต่เขาไม่ได้ถอนรากถอนโขนด้วย

ผมเดาว่าคงเอาไปปลูกที่อื่น อีกวันหน่วยงานทหารมาใช้รถแบคโฮมาดึงรากต้นไม้ ต้นหนึ่งก็ใช้เวลาเป้นวันเหมือนกัน รถติดสร้างความเดือดร้อนให้กับคนแถวนั้น แต่ที่มายืนด่าวันแรกก็ไม่กล้ามากันแล้ว น้องคงทราบว่าเพราะอะไร ค่านิยมคอรับชั่นในเมืองไทยมีมานานมาก เปรียบเหมือนต้นไม้อายุหลายร้อยปี

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 11:21 am
โดย humdrum
การต่อสู้กับความกำกวมต่างๆ ของผู้ถือหุ้นรายย่อยกับคอรับชั่นที่เกิดจากผู้บริหารจะเป็นแบบไหน เป็นแค่รถ กทม ที่มาตัดใบทิ้ง แต่ไม่นานถ้ามีน้ำมารด ใบก็จะแตกงอกออกมาอีก หรือว่าจะเป็นรถแบคโฮที่หน่วยงานทหารเข้ามาดูแลจิตวิทยาของคนที่เสียประโยชน์ด้วย

หน่วยงานที่รับผิดการตรวจสอบความผิดปกติของบริษัท เปรียบเหมือนรถแบคโฮได้ไหม และถ้าไม่ใช่รถที่ทรงพลังมีแรงม้าเป็นพันมีอุปกรณ์การดึงที่ทันสมัยอย่างรถแบคโฮแล้ว ผมว่ามันก็เสียเวลา ยิ่งไม่มีคนที่มีอำนาจให้คนผิดเกรงกลัวมีควบคุมแล้ว การโค่นคอรับชั่นในบริษัทต่อผู้ถือหุ้นก็ยิ่งเป็นไปไมได้

การประชุมผู้ถือหุ้นเป็นเรื่องจิตวิทยาอย่างมาก การที่มี value investors ไปซักถามด้วย เปรียบเหมือนได้คนที่มี Brand Name ความซื่อสัตย์อย่างคุณกรณ์หรือคุณอภิสิทธื์ ไปประชุมด้วย

ผมเป้น Hedge fund manager ภาพพจน์เหมือนโซรอสไม่เหมาะในสถานการณ์อย่างนี้
บอกแค่นี้ก็พอนึกภาพออกแล้วนะครับ

Hardwork and honesty, if u keep at them, will get u almost anything krab.

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 12:31 pm
โดย kotaro
เรื่องหมานี่ ผมก็ไม่ค่อยรู้สิครับ

สมัยก่อน ผมกับพี่สาวเคยอยู่บ้านเดียวกัน ตอนเรียนมหาลัย พี่สาวเลี้ยงหมาพันธ์อะไร
ผมก็จำไม่ค่อยได้ ตัวเล็กๆน่ารักๆ แรกๆคนมาบ้าน ก็ชอบเล่นกับมัน แต่ มันเล่นแรงสิครับ
ชอบกัด ชอบเห่าทุกที แต่ผมว่ามันเล่นด้วย เพราะมันงับแต่ไม่ได้กัด

แต่เพื่อนๆที่มาหาผมบางคนกลัวครับ เคยมีคนแนะนำเหมือนกันว่าให้พาไปเดินเล่นบ่อยๆ
มันจะไม่ค่อยเห่า แต่พี่สาวผมพาไปได้พักนึง มันก็เหมือนเดิม จนสุดท้าย ไม่มีเวลาดูแลมันมาก
ก็ต้องยกให้เพื่อนๆ พี่สาวผมก็นั่งร้องไห้เสียใจ

ผมว่าคนเลี้ยงหมานี่ต้องมีความรับผิดชอบสูงเลย ต้องสนใจทั้งหมาและคนรอบข้างด้วย ผมยังลังเลเลยครับ
เรื่องหมา เนื่องจากบ้านผม ขโมยพี่งขึ้นบ้านไปครับ มีคนแนะนำให้เลี้ยงหมา ผมกลัวไม่มีเวลาดูแลเท่าไหร่ครับ
เวลาลูกผมร้องไห้ เราก็แคร์แต่ลูก แต่ถ้าเป็นหมา นี่ต้องสนใจคนอื่นด้วย

บ้านผมแต่เปิดรั้วบ้านไว้ตลอดเลยครับ ตั้งแต่ หกโมงเช้า จนถึง หนึ่งทุ่ม เพราะหกโมงเช้า พระจะมารับบินฑบาตร
ที่บ้าน ส่วนทุ่มนึง คลีนิกที่เปิดที่บ้านปิด แล้วค่อยปิดรั้ว ขโมยขึ้นบ้านผม แบบไม่ต้องงัดเลยครับ เดินเข้ามาในบ้านเฉยๆ
เลย ไม่มีคนเห็น ตอนนี้ก็ยังเปิดบ้านไว้เหมือนเดิม เพียงแต่ทำรั่วให้สุงขึ้นครับ

เมื่อวาน มีเพื่อนบ้าน เดินเข้ามาหาในบ้าน บอกว่า บ้านติดกับผม 4-5 หลังโดนติดๆกันเลยทั้งเดือน แกร้อนใจมาก
เพราะติดตามเรื่องที่สถานีตำรวจไปแล้ว แต่เรื่องไม่คืบหน้า แกโดนงัดตุ้เซฟ โดนไปล้านกว่าบาท มาถามผมว่าเคสผมรู้ตัวคนร้ายหรือยัง เพราะอาจเป็นคนเดียวกัน ผมก็บอกยังไม่รู้ จริงๆแล้วไม่อยากบอกว่า อย่าไปหวังมากเลย เพราะตำรวจบอกผมว่า ขโมยที่ขโมยของผม เค้าสินนิษฐานว่า ต้องการแกล้งลูกสาวผม เพราะขโมยมันขโมยกระเป๋าแพมเพริส์ไป ลูกสาวผมอายุยังไม่ถึงขวบเลย ผมบอกตำรวจว่า บางทีโจรมันอาจคิดว่า กระเป๋านั้นมีของมีค่าก็ได้นะครับ เพราะกระเป๋ามันเหมือนกระเป๋าใส่ของมีค่า แต่ตำรวจก็ยังปักใจแบบนั้นอยู่ แถมยังบอกว่า หมอเชื่อผมไหม ประสพการณ์ของผม 10 กว่าปี ผมคิดว่าขโมยเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ของมีค่า แต่อยู่ที่เด็ก เฮ้อ ทำเอาแม่ผมและภรรยา paranoid ไปเลย

ขอโทษทีครับ ออกทะเลเลย เรื่อง ป้ายที่พี่ติดที่บ้าน ถ้าผมเห็นป้าย ผมคงไม่กล้าเข้าไปตรงๆ คงต้องรอเจ้าของบ้านพาเค้าครับ ผมระแวงครับ :B

เรื่องคอร์รัปชั่น ไม่รู้พี่เคยเจอกับตัวหรือเปล่า ผมได้เห็น ได้เจอกับตัวเลย ตอนทำงานราชการ มีคนโยนหัวโขนมาให้ เป้นคณะกรรมการตัดสินสั่งซื้อรถพยาบาล ผมได้รับโทรศัพท์ว่าให้ช่วยซื้อยี่ห้อนึง ตอนนั้นยังเด็กอยู่ เงอะๆงะๆ ถามว่าทำไม เค้าก็บอกว่ามันดีกว่า ตอนเช้าเปิดซองมา เราเห็นว่ายี่ห้อนั้นมันแพงกว่า ทำไมตอนซื้อของแพงกว่าด้วย เราเลยลงชื่อคันถูกกว่า แต่น่าเสียดาย ที่เป็นแค่หนึ่งเสียง

พอมีธุรกิจของตัวเอง นี่เจออีกตรึมเลย เป็นอะไรที่น่าขยะแขยงมากๆ ถ้าจะกำจัดคอรรับชั่น นี่ต้องมีกฏหมายแรงๆเลยทั้งคนให้และคนรับครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 12:57 pm
โดย iceberg
สวัสดีครับ
เข้ามาหาความรู้จาก คุณ Humdrum และคนอื่นๆ ครับ

จริงๆ ผมชอบอ่านเรื่องราวของคนอื่นนะครับ
ถ้าเป็นในเรื่องของการลงทุน ผมชอบคนที่เป็น trader นะครับ
ว่าเค้าคิดอะไร เค้าทำอะไรกัน เมื่อก่อนผมติดตามคุณ mudleygroup
ในเวป pantip ตลอด ชอบมาก เพราะเค้าเล่าอะไรที่ผมไม่รู้
แม้แต่วิธี trade แบบ kzm ผมก็เอามาลอง trade ดูครับ

ส่วนที่เป็นสาย Value นี่ ผมไม่ค่อยติดตามเท่าไรนะครับ
เพราะพอจะเดาออกว่า เค้าจะทำเพราะอะไรหรือคิดอะไร (แต่ไม่ได้หมายความว่า
ผมจะทำได้อย่างเค้านะครับ)

เรื่อง MOS ที่คุณ humdrum คุยกับเพื่อนนั้น น่าสนใจครับ
ถ้าเค้าจะกินข้าวข้างทาง แล้วดูว่าจะท้องเสียหรือเปล่า ผมมีความคิดต่างออกไปครับ
ผมจะใช้คุณ humdrum เป็น social proof ครับ
ถ้าคุณ humdrum ทานได้ท้องไม่เสีย ผมก็น่าจะทานได้เหมือนกัน
ยกเว้นอาหารบางอย่างซึ่งผมแพ้ทาง เช่น นม แกงเผ็ด ผมทานไม่ได้
แต่บางทีเจอแจ็คพ็อต ท้องอาจจะเสียก็ได้ครับ
แต่คุณ humdrum มีวิธีแก้อยู่แล้วนิครับ

วันก่อนอ่านหนังสือ Autobiography of Benjamin Franklin
ในแต่ละวัน เค้าบันทึก สิ่งที่เค้าทำผิดพลาด เพื่อจับผิดตัวเอง ตามนี้

-Temperance
-Silence
-Order
-Resolution
-Frugality
-Industry
-Sincerity
-Justice
-Moderation
-Cleanliness
-Tranquility
-Chastity
-Humility

ตรงกับของคุณ humdrum นะครับ
hardworking and Honesty
ผมขอเพิ่ม humility สำหรับตัวผมเองครับ

Tis easier to prevent bad habits than to break them.
--Poor Richards' Almanac

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 2:07 pm
โดย humdrum
ขอบคุณสำหรับความคิดทั้งสองท่าน ทั้งคุณหมอ และ คุณไอซ์
เสาร์หน้า ผมจะแวะเวียนเข้ามาทักทายอีกครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 5:41 pm
โดย iceberg
สำหรับหนังสือที่ ตาม list ที่ให้ ผมสั่งซื้อมาชุดนึง
ยังอ่านไม่หมดเลยครับ อิอิอิ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 19, 2012 5:58 pm
โดย humdrum
คุณไอซ์ !!!
:oops: หน้าปกหนังสือของมังกเอร์เป็นลายผ้าปูเตียง
:B โห.....สาธุ เห็นหนังสือแล้ว เอาจริงแฮะ
ชนชั้นตามอย่างผม ได้แต่ลูบๆ คลำๆ ที่ร้านหนังสือ ขอมองอย่างเดียวครับ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 20, 2012 10:45 am
โดย iceberg
คิดว่าหาพื้นที่สำหรับวางหนังสือ
ดูไปมา มีบนเตียงที่ว่างอยู่ ไม่น่าเลย :oops: โดนคุณ humdrum แซวซะ

สำหรับหนังสือ คุณ humdrum ขนหน้าแข้งไม่ล่วงหรอกครับ
ผมต่างหาก คิดแล้วคิดอีก เพราะใช้เงินเทียบเงินเดือนของผมแล้ว
พอสมควรครับ :)

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 20, 2012 11:21 am
โดย iceberg
นั่งดูข่าวมีการโต้ตอบกันไปมาระหว่างกัน
มีการจะฟ้องหมิ่นประมาทกัน
ผมเกิดสงสัยว่า มันมีกฎหมายฟ้อง ยกยอสรรเสริญ รึเปล่าครับ

ถ้าไม่มี ก็หมายความว่า
downside มี limit
upside ไม่มี limit ใช่รึเปล่าครับ อิอิอิ

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 20, 2012 4:00 pm
โดย humdrum
:B วันนี้ผมไปเดินห้างเดอมอล เจอสาวท่านหนึ่งใช้วิธี invert
น้องเขาจอดรถใกล้ๆ ผม จอดเสร็จแล้ว เอามือถือ ถ่ายรูปรถตัวเอง ถ่ายป้ายบอกชั้นที่จอด พอเข้าห้างถ่ายรูปร้านค้าที่อยู๋หน้าทางออก คุณไอซ์คงเดาออก เขาถ่ายทำไม
ผมถามเขา "น้องขี้ลืมใช่ไหมครับ"
เธอยิ้มแล้วบอกว่า "บ่อยมากค่ะที่หารถไม่เจอ"
การหาวิธี MOS น่ารักทีเดียว
น้องเขากำลัง invert อยู๋ครับ
จะว่าไป invert กับ Mos มันก็เรื่องเดียวกัน
น้องเขาคิดถึงการเดินกลับมาที่รถก่อนที่จะเดินเข้าห้างซะอีก
อย่างนี้เหมือนมังเกอร์ที่ว่า If u want to finish first, u have to first finish.

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 20, 2012 4:04 pm
โดย humdrum
ความคิดคุณไอซ์แปลกดีครับ
ผมไปค้นดู strange laws ว่ามีหรือไม่
ในเว็บนี้ เขามี margin of safety เช่นเดียวกันที่บอกว่า

Most of these laws remain in the books today, even if rarely enforced. However, there are no guarantees. We recommend that youน้องเขา conduct further research if you plan on using any of these in a publication!

Re: อาจารย์ของผม : ชาร์ลี มังเจอร์

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 20, 2012 4:05 pm
โดย humdrum
USA STRANGE LAWS

In Texas, it's against the law for anyone to have a pair of pliers in his or her possession.

In Philadelphia, you can't put pretzels in bags based on an Act of 1760.

Alaska law says that you can't look at a moose from an airplane.

In Corpus Christie, Texas, it is illegal to raise alligators in your home.

In Miami, it is forbidden to imitate an animal.