หน้า 2 จากทั้งหมด 5

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 3:56 pm
โดย woody
naris เขียน: ขอเพิ่มอีกข้อว่า ท่านชอบซื้อของใช้ ในราคาส่วนลดหรือราคาพรีเมี่ยม ......,..ถ้าท่านแย้งว่านั่นของใช้ เอาใหม่ก็ได้ สมมุติว่าท่านจะซื้อห้องแถวให้คนอื่นเช่า มีคนเช่าค่อนข้างชัวร์ในราคา20000ต่อห้อง และขึ้นค่าห้องเช่าทุกปีปีละ10เปอร์เซนต์ วันนี้มีคนขายให้ท่านห้องละ2.4ล้าน ผลตอบแทนได้10% ผ่านไป1ปี เกิดวิกฤต ค่าเช่าลดลงเหลือ 18000 ตึกข้างๆกันมีคนอยากขาย ขายในราคา2.0 ท่านจะซื้อตึกข้างๆเพิ่มหรืออยู่เฉยๆหรือติดป้ายขายห้องในราคา2ล้านตามเขา
สวัสดีครับพี่ naris ไม่ได้เห็นพี่โพสท์บ่อยๆ เหมือนเคย หวังว่าพี่ยังคงสุขภาพแข็งแรงดีเช่นเคยนะครับ :D

อ่านตัวอย่างตรรกะของพี่ naris ด้านบนแล้ว ผมก็คงตอบว่าซื้อตึกข้างๆ เพิ่มแน่นอนครับ ...แต่........

ผมเกิดข้อสงสัยในใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยกับตัวอย่างสถานการณ์ข้างต้นครับ และขอเรียนปรึกษาพี่ naris ดังนี้ครับ

1. ผมว่าเหตุการณ์ที่ยกมา ยังไม่ได้ใส่ Assumption เรื่องของเงินสดที่มีอยู่ในมือ เกิดมีนักลงทุนใหม่ๆ ที่สนใจในแนว vi และเข้าใจผิดว่าเราจะสามารถหาเงินสดมาซื้อตึกข้างๆ ได้ตลอดเวลา ผมเกรงว่าคำตอบที่จะต้องซื้อตึกข้างๆ นั้นอาจจะไม่ได้เป็นคำตอบที่ควรเลือกเสมอไปเสียแล้วหรือเปล่าครับ

2. เราจะทราบได้อย่างไรครับว่า วิกฤติมันจะเกิดเพียงแค่ปีเดียว ถ้าปีถัดไปวิกฤติยังคงต่อเนื่องค่าเช่าลดลงต่อไปอีก หรือคนเช่าไม่สามารถจ่ายค่าเช่าให้เราได้แล้ว ที่คิดว่าเป็นไปได้ก็เพราะตอนแรกโจทย์บอกว่าค่าเช่า 20K ค่อนข้างชัวร์ แต่ปีถัดไปมันดันลดเหลือ 18K เสียนี่ มากไปกว่านั้นถ้าวิกฤติมันนานพอที่จะฉุดดึงราคาตึกทั้งแถบลงมาเหลือเพียง 1.4M พี่ว่าจะเป็นการดีหรือไม่ถ้าเราขายตึกของเราไปก่อนตอน 2M

3. เหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างด้านบนดู เหมือนว่าจะเป็นระบบปิดเกินไป อาจไม่ตรงกับสภาพโลกแห่งความเป็นจริงนักในแง่ที่ว่าเรามีสิทธิ์เลือกตึกแห่งนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้นหรือเปล่าครับ เกิดสมมติว่าด้วยวิกฤติที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความผันผวนในตลาดจนทำให้คนเริ่มใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลขายตึกอีกแห่งหนึ่งที่มี location ที่ดีกว่า มีศักยภาพมากกว่าในราคาที่เท่ากัน หรือถูกกว่า จะเป็นการดีหรือไม่ถ้าเราตั้งขายตึกของเราแล้วไปซื้อตึกนั้น ด้วยหลักการเดียวกัน หุ้นในตลาดมีมากกว่าห้าร้อยตัว หลายต่อหลายครั้งหุ้นที่ตกไม่ใช่หุ้นที่เราถือครองเพียงตัวเดียวแต่อาจจะมีหุ้นดีๆ อื่นๆ ที่ตกมากกว่าก็เป็นได้ ที่คิดสถานการณ์แบบนี้ออกเพราะเคยเห็นจากชีวิตการลงทุนของพี่ๆ vi ที่ผมนับถือหลายคนซึ่งก็ไม่เคยปฏิเสธการ switch หุ้นเมื่อเห็นว่าหุ้นอีกตัวหนึ่ง undervalue มากกว่า เช่นกันครับ

ท้ายนี้ก็ขอขอบคุณพี่ naris อีกครั้งที่ช่วยเสียสละเวลามาแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ดีๆ ให้กับ น้องๆ อย่างเสมอมาครับ

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 4:02 pm
โดย น้้ำพริก
ขอเพิ่มอีกข้อว่า ท่านชอบซื้อของใช้ ในราคาส่วนลดหรือราคาพรีเมี่ยม ......,..ถ้าท่านแย้งว่านั่นของใช้ เอาใหม่ก็ได้ สมมุติว่าท่านจะซื้อห้องแถวให้คนอื่นเช่า มีคนเช่าค่อนข้างชัวร์ในราคา20000ต่อห้อง และขึ้นค่าห้องเช่าทุกปีปีละ10เปอร์เซนต์ วันนี้มีคนขายให้ท่านห้องละ2.4ล้าน ผลตอบแทนได้10% ผ่านไป1ปี เกิดวิกฤต ค่าเช่าลดลงเหลือ 18000 ตึกข้างๆกันมีคนอยากขาย ขายในราคา2.0 ท่านจะซื้อตึกข้างๆเพิ่มหรืออยู่เฉยๆหรือติดป้ายขายห้องในราคา2ล้านตามเขา[/quote]

แล้วถ้าสมมติว่า ที่ราคาลดลงมาเหลือ 2.0 ล้าน เนี่ยมันเกิดมาจากคนกลุ่มนึงที่อยู่ใกล้ชิดแหล่งข้อมูลข่าวสารรู้ข่าววงในมาก่อนว่า จะมีการสร้างแฟลตเอื้ออาทรในบริเวณนี้เพิ่มอย่างมหาศาล และราคาค่าเช่ามันต้องตกลงมาแน่ๆ เลยชิงโยนออกมาก่อนเลยทำให้ราคามันไหลลงมาล่ะครับ แล้วกว่าข่าวจะออกมาจริง ราคาห้องอาจลดลงไปเรื่อยๆจนเหลือ 1,000,000 ค่าเช่าเหลือ 10,000 คนทั่วไปจึงจะเริ่่มรู้ข่าวนี้กัน

นักลงทุนบ้านนอกผู้ไม่รู้อะไรเลยถ้าไม่ตกกะใจขายซะตั้งแต่ตอนแรก ถือต่อมาเรื่อยหรือซื้อเพิ่มเข้าไปอีกก็คงเจ็บปางตายทีเดียว

คือผมอยากจะสื่อว่า บางครั้งเราก็ไม่รู้เรื่องจริงในบางเรื่องที่จะทำความเสียหายจริงๆจังๆ ให้กับธุรกิจ ก็อย่าไปยึดมั่นกับอะไรมากจนเกินไป ในหลายๆครั้งการยึดมั่นกับอะไรมากเกินไป ก็อาจส่งผลให้นักลงทุนเจ็บปางตายได้

ส่วนสำหรับระดับบนๆ ที่มักจะรู้อะไรก่อนคนอื่นเสมอนั้น คงต้องยกเว้นให้เค้าครับ เพราะ มันเป็นความสามารถเฉพาะกลุ่มครับ นักลงทุนอย่างเราๆคงทำไม่ได้

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 4:15 pm
โดย unnop.t
ส่วนสำหรับระดับบนๆ ที่มักจะรู้อะไรก่อนคนอื่นเสมอนั้น คงต้องยกเว้นให้เค้าครับ เพราะ มันเป็นความสามารถเฉพาะกลุ่มครับ นักลงทุนอย่างเราๆคงทำไม่ได้
หมายถึงอะไรครับ ขยายความหน่อย :roll:

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 7:33 pm
โดย naris
woody เขียน:
naris เขียน: ขอเพิ่มอีกข้อว่า ท่านชอบซื้อของใช้ ในราคาส่วนลดหรือราคาพรีเมี่ยม ......,..ถ้าท่านแย้งว่านั่นของใช้ เอาใหม่ก็ได้ สมมุติว่าท่านจะซื้อห้องแถวให้คนอื่นเช่า มีคนเช่าค่อนข้างชัวร์ในราคา20000ต่อห้อง และขึ้นค่าห้องเช่าทุกปีปีละ10เปอร์เซนต์ วันนี้มีคนขายให้ท่านห้องละ2.4ล้าน ผลตอบแทนได้10% ผ่านไป1ปี เกิดวิกฤต ค่าเช่าลดลงเหลือ 18000 ตึกข้างๆกันมีคนอยากขาย ขายในราคา2.0 ท่านจะซื้อตึกข้างๆเพิ่มหรืออยู่เฉยๆหรือติดป้ายขายห้องในราคา2ล้านตามเขา
สวัสดีครับพี่ naris ไม่ได้เห็นพี่โพสท์บ่อยๆ เหมือนเคย หวังว่าพี่ยังคงสุขภาพแข็งแรงดีเช่นเคยนะครับ :D

อ่านตัวอย่างตรรกะของพี่ naris ด้านบนแล้ว ผมก็คงตอบว่าซื้อตึกข้างๆ เพิ่มแน่นอนครับ ...แต่........

ผมเกิดข้อสงสัยในใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยกับตัวอย่างสถานการณ์ข้างต้นครับ และขอเรียนปรึกษาพี่ naris ดังนี้ครับ
1. ผมว่าเหตุการณ์ที่ยกมา ยังไม่ได้ใส่ Assumption เรื่องของเงินสดที่มีอยู่ในมือ
เกิดมีนักลงทุนใหม่ๆ ที่สนใจในแนว vi และเข้าใจผิดว่าเราจะสามารถหาเงินสดมาซื้อตึกข้างๆ ได้ตลอดเวลา ผมเกรงว่าคำตอบที่จะต้องซื้อตึกข้างๆ นั้นอาจจะไม่ได้เป็นคำตอบที่ควรเลือกเสมอไปเสียแล้วหรือเปล่าครับ

2. เราจะทราบได้อย่างไรครับว่า วิกฤติมันจะเกิดเพียงแค่ปีเดียว ถ้าปีถัดไปวิกฤติยังคงต่อเนื่องค่าเช่าลดลงต่อไปอีก หรือคนเช่าไม่สามารถจ่ายค่าเช่าให้เราได้แล้ว ที่คิดว่าเป็นไปได้ก็เพราะตอนแรกโจทย์บอกว่าค่าเช่า 20K ค่อนข้างชัวร์ แต่ปีถัดไปมันดันลดเหลือ 18K เสียนี่ มากไปกว่านั้นถ้าวิกฤติมันนานพอที่จะฉุดดึงราคาตึกทั้งแถบลงมาเหลือเพียง 1.4M พี่ว่าจะเป็นการดีหรือไม่ถ้าเราขายตึกของเราไปก่อนตอน 2M

3. เหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างด้านบนดู เหมือนว่าจะเป็นระบบปิดเกินไป อาจไม่ตรงกับสภาพโลกแห่งความเป็นจริงนักในแง่ที่ว่าเรามีสิทธิ์เลือกตึกแห่งนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้นหรือเปล่าครับ เกิดสมมติว่าด้วยวิกฤติที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความผันผวนในตลาดจนทำให้คนเริ่มใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลขายตึกอีกแห่งหนึ่งที่มี location ที่ดีกว่า มีศักยภาพมากกว่าในราคาที่เท่ากัน หรือถูกกว่า จะเป็นการดีหรือไม่ถ้าเราตั้งขายตึกของเราแล้วไปซื้อตึกนั้น ด้วยหลักการเดียวกัน หุ้นในตลาดมีมากกว่าห้าร้อยตัว หลายต่อหลายครั้งหุ้นที่ตกไม่ใช่หุ้นที่เราถือครองเพียงตัวเดียวแต่อาจจะมีหุ้นดีๆ อื่นๆ ที่ตกมากกว่าก็เป็นได้ ที่คิดสถานการณ์แบบนี้ออกเพราะเคยเห็นจากชีวิตการลงทุนของพี่ๆ vi ที่ผมนับถือหลายคนซึ่งก็ไม่เคยปฏิเสธการ switch หุ้นเมื่อเห็นว่าหุ้นอีกตัวหนึ่ง undervalue มากกว่า เช่นกันครับ

ท้ายนี้ก็ขอขอบคุณพี่ naris อีกครั้งที่ช่วยเสียสละเวลามาแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ดีๆ ให้กับ น้องๆ อย่างเสมอมาครับ
สวัสดีครับwoody ไม่ได้คุยกันนานมากแล้วนะครับ

พี่คิดว่าการเคลื่อนไหวของเรื่องราวต่างๆในโลกเริ่มมาจากแนวคิดทั้งสิ้น แนวคิดทุกๆอย่างไม่มีถูกหรือผิดทั้งหมด ทุกๆแนวคิดจะมีจุดอ่อนและจุดแข็งในตัวของมันเอง เสมือนหยิบด้ามพล้าก็ต้องติดตัวพล้าฉันใดฉันนั้น
การยกตัวอย่างมันต้องเป็นระบบปิด เพราะเราไม่สามารถใส่แฟกเตอร์ต่างๆได้ครบถ้วน แต่ยังไงเราก็ยังต้องมีตุ๊กตาไว้เป็นสิ่งที่สมมุติเพื่อการศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องนั้นๆ

ในกรณีนี้น้องเขาถามหลักการทางการลงทุนในเวป thaivi.org ซึ่งเป็นเวปที่ส่งเสริมการลงทุนโดยดูจากพื้นฐานของกิจการ ไม่ใช่เวปที่สอนดูฟันโฟลว์หรือเวปแนวเทคนิค(ซึ่งถ้าในเวปประเภทนั้น ถ้าพี่เข้าไปตอบก็คงจะตอบอีกรูปแบบอย่างแน่นอน)

และถ้าถามถึงนิสัยส่วนตัวของพี่เอง พี่ก็ชอบอะไรที่มีเหตุมีผล ความรู้พี่สามารถแกะได้ ไม่ซับซ้อน และที่ผ่านชีวิตค้าขายมาตั้งแต่ ม.2 รับซื้อมะม่วงจากชาวบ้าน ไปขายตลาดมหานาค ประสบการณ์ธุรกิจกว่า2โหลปี ชีวิตได้ผ่านการทำธุรกิจมาหลายรูปแบบ ผ่านมาทั้งความสำเร็จและล้มเหลว เลยคิดว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาพอมีประโยชน์ในการมองหุ้นในเชิงหุ้นส่วนธุรกิจ มุมมองของพี่จึงคิดว่าวิธีที่เหมาะสมและน่าจะดีที่สุดของพี่ คือการมองหุ้นในเชิงการลงทุน ไม่ใช่มองในเชิงการไหลของเม็ดเงิน หรือเชิงเทคนิค

ส่วนสุดท้ายที่น้องwoodyบ่นว่าพี่ไม่ค่อยจะโพสท์ในระยะหลังๆ ก็ด้วยสองสาเหตุครับ
สาเหตุแรก คงจะอิ่มตัวกับการโพสท์ลงรายละเอียดในบางเรื่อง เพราะบางเรื่องก็โพสท์บ่อยเหมือนแผ่นเสียงตกร่องไปแล้ว

สาเหตุที่สองพี่เคยถามพระอาจารย์ถึงเรื่องการสั่งสอนคนว่าทำไมอาจารย์ไม่เปิดกว้างให้กับคนบางคน

อาจารย์พี่ตอบกลับมาได้อย่างน่าสนใจว่า "ชงเอ้ย อย่าสอนใครเพราะเราอยากสอน แต่จงสอนเขาเมื่อเขาอยากฟัง"
พี่เลยจำเอามาเป็นสิ่งเตือนพี่อยู่บ่อยๆ ว่าจงสอนคนที่เขามีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว ไม่ใช่ล้นแก้วหรือคว่ำแก้วไม่ยอมรับครับ เลยเป็นสาเหตุที่ไม่ค่อยโพสท์ครับ น้องwoody

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 7:37 pm
โดย bizzdohtvi
picklife เขียน:พอมันตก....จิตเริ่มตก....เทรนลงชัดเจน....สุดท้ายขาย....หวังลงอีกแล้วเก็บ.....แต่ที่ขายกลับจุดต่ำสุด.....ครั้งหน้าเอาใหม่....ซ้ำรอยเดิม....ทำให้เริ่งรู้ว่าตลาดมักจะนำเรา1ก้าวเสมอ....เพราะรายใหญ่ๆเขารู้อารมณ์เรา....ว่าเราจะถอดใจเมื่อไหร่....จุดนั้นเขาจะซื้อดักหน้า.....แสดงว่าจริงๆแล้วจิตใจเรายังไม่นิ่งพอ...เราจึงโดนนายตลาดปั่นหัวได้.....^^
ใช่ครับ มันเป็นแบบนี้เลย

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 8:09 pm
โดย ผมจบ ป.4
วลีเด็ด
1. พื้นฐานไม่เปลี่ยน
2. Mr.market เสนอราคาต่ำๆให้อย่างไม่มีเหตุผล
3. ถือวิกฤติให้เป็นโอกาส
4. ซื้อเพิ่ม เพราะว่าสัดส่วน %yield ปรับตัวสูงขึ้น

เป็นต้น

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 9:23 pm
โดย HARINLUX
..พยายามทำใจให้สงบ และลงทุนต่อไป หากหุ้นที่เราถือ..มันยังดีอยู่....55555

---------------
ความรู้ คูคุณธรรม

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 10:47 pm
โดย pholsuwa
พอดีไม่ทำใจครับ แต่ทำตามกฏ :D

กฏข้อ 1 ห้ามขาดทุน
กฏข้อ 2 ให้ย้อนไปดูกฏข้อที่ 1

เลยไม่มีขาดทุนให้กลุ้มใจครับ.... เกินไปกว่านั้นคงจะขายก่อนเท่าที่ทำใจได้ครับ ไม่ชอบกินเก๊กฮวยแก้เก๊กซิม :8)

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 10:57 pm
โดย charnengi
คำถามนี้ ถามว่าทำไมไม่ขายเวลามันตกเอาตกเอา

1. คือมันตกเอา ตกเอาไปแล้ว คือผมไม่รู้ว่ามันจะขึ้นหรือยัง
2. ขายแล้ว จะซ้ือตอนไหน ถ้าราคามันกลับขึ้นไป เราจะรู้สึกว่าตัวเองโง่ ทำใจซื้อไม่ได้
3. ขายแล้วเอาเงินไปทำอะไร ข้อเสียของผมคือไม่ชอบถือเงินสด ดอกเบี้ยมันตำ่ไป
ฝาก 3 เดือน ดอกเบี้ยบาทกว่า มันก็เหมือนซื้อหุ้น pe 70-80 เท่า ที่สำคัญ กำไรมันโตช้ามากกกกก
4. ยิ่งราคาลง ผลตอบแทนยิ่งสูง (พื้นฐาน บริษัทก็วิเคราะห์กันเอง)

สรุป ขายหุ้นมั้ยเวลาตลาดลง ขายครับ ถ้ามีตัวที่เราคิดว่าดีกว่า ถูกกว่า หรือมีทางเลือกในการลงทุนที่เหมาะสมกว่าในแง่ผลตอบแทน ไม่มีใครบังคับให้ถือ ถ้าเราวิเคราะห์พื้นฐานได้ถูก ราคาหุ้นจะกลับมาเองครับ ตัวอย่าง ก็เพิ่งเห็นๆ กันไป ปี 52-53 ตัวไหนกำไรโตดี ราคาขึ้นไปเท่าไหร่ ทำไมลืมง่ายจัง

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 11:03 pm
โดย thaloengsak
charnengi เขียน:คำถามนี้ ถามว่าทำไมไม่ขายเวลามันตกเอาตกเอา

1. คือมันตกเอา ตกเอาไปแล้ว คือผมไม่รู้ว่ามันจะขึ้นหรือยัง
2. ขายแล้ว จะซ้ือตอนไหน ถ้าราคามันกลับขึ้นไป เราจะรู้สึกว่าตัวเองโง่ ทำใจซื้อไม่ได้
3. ขายแล้วเอาเงินไปทำอะไร ข้อเสียของผมคือไม่ชอบถือเงินสด ดอกเบี้ยมันตำ่ไป
ฝาก 3 เดือน ดอกเบี้ยบาทกว่า มันก็เหมือนซื้อหุ้น pe 70-80 เท่า ที่สำคัญ กำไรมันโตช้ามากกกกก
4. ยิ่งราคาลง ผลตอบแทนยิ่งสูง (พื้นฐาน บริษัทก็วิเคราะห์กันเอง)

สรุป ขายหุ้นมั้ยเวลาตลาดลง ขายครับ ถ้ามีตัวที่เราคิดว่าดีกว่า ถูกกว่า หรือมีทางเลือกในการลงทุนที่เหมาะสมกว่าในแง่ผลตอบแทน ไม่มีใครบังคับให้ถือ ถ้าเราวิเคราะห์พื้นฐานได้ถูก ราคาหุ้นจะกลับมาเองครับ ตัวอย่าง ก็เพิ่งเห็นๆ กันไป ปี 52-53 ตัวไหนกำไรโตดี ราคาขึ้นไปเท่าไหร่ ทำไมลืมง่ายจัง
เรียบง่าย แต่จริงครับ :)

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 11:06 pm
โดย woody
naris เขียน:
ในกรณีนี้น้องเขาถามหลักการทางการลงทุนในเวป thaivi.org ซึ่งเป็นเวปที่ส่งเสริมการลงทุนโดยดูจากพื้นฐานของกิจการ ไม่ใช่เวปที่สอนดูฟันโฟลว์หรือเวปแนวเทคนิค(ซึ่งถ้าในเวปประเภทนั้น ถ้าพี่เข้าไปตอบก็คงจะตอบอีกรูปแบบอย่างแน่นอน)

พี่เลยจำเอามาเป็นสิ่งเตือนพี่อยู่บ่อยๆ ว่าจงสอนคนที่เขามีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว ไม่ใช่ล้นแก้วหรือคว่ำแก้วไม่ยอมรับครับ เลยเป็นสาเหตุที่ไม่ค่อยโพสท์ครับ น้องwoody
ไม่ได้คุยกันนานแต่ผมก็ติดตามผลงานของพี่ naris เสมอมาครับ

ได้ฟังประสบการณ์ชีวิตพี่ naris แล้วผมเลิกไม่แปลกใจเลยครับว่าการลงทุนในหุ้นโดยอาศัยพื้นฐานนั้น เหมาะกับพี่มากจริงๆ เพราะเสมือนว่าได้รับการขัดเกลาและอยู่ในสายเลือดพี่ naris ไปเรียบร้อยแล้ว

คำตอบที่พี่ naris ให้มาทำให้ผมทราบแล้วครับว่าการลงทุนแบบการลงทุนในกิจการคืออะไร

ส่วนเรื่องน้ำเต็มแก้วครึ่งแก้วนี่ ผมได้ยินเป็นประจำจากพี่ mprandy เหมือนกันครับ Great minds think alike จริงๆ

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 12, 2011 11:20 pm
โดย poonpoon7
simsonanelka เขียน:ระวังไปซื้อหุ้น VI ที่มันไม่ VI จริง เห็นขาดทุนมาหลายคนแล้ว

ผมว่าหุ้นไม่น่าจะเป็น VI ได้น่ะครับ คนเท่านั้นถึงเป็น Value investor ได้

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 13, 2011 9:24 am
โดย แมงเม่าติดดอย
AbVx เขียน:
istyle เขียน:ซื้อแพง ขายถูก เลิกเล่นหุ้นเถอะครับ

รูปภาพ
แอ๊บเห็นรูปนี้แล้วจี๊ดครับ

แอ๊บเคยโดนมาก่อนเหมือนกัน และเชื่อว่าหลายท่านก็เคยผ่านพบมาแล้วเช่นกัน

หลังจากวันนี้แอ๊บให้สัญญากับตัวเองว่า เราจะต้องไม่เป็นเช่นนั้นอีก

ตอนนี้เห็นกราฟนี้ทีไรมีเสียงก้องในหัวว่า "เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย"

ขอบคุณพี่ istyle ที่ช่วยเขี่ยแผลเก่า
ผมว่าตอนนี้เราอยู่ตรงระหว่างเลข 5ไปหา 6 ครับ :lol:

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 13, 2011 9:53 am
โดย sathaporne
แมงเม่าติดดอย เขียน:
AbVx เขียน:
istyle เขียน:ซื้อแพง ขายถูก เลิกเล่นหุ้นเถอะครับ

รูปภาพ
แอ๊บเห็นรูปนี้แล้วจี๊ดครับ

แอ๊บเคยโดนมาก่อนเหมือนกัน และเชื่อว่าหลายท่านก็เคยผ่านพบมาแล้วเช่นกัน

หลังจากวันนี้แอ๊บให้สัญญากับตัวเองว่า เราจะต้องไม่เป็นเช่นนั้นอีก

ตอนนี้เห็นกราฟนี้ทีไรมีเสียงก้องในหัวว่า "เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย"

ขอบคุณพี่ istyle ที่ช่วยเขี่ยแผลเก่า
ผมว่าตอนนี้เราอยู่ตรงระหว่างเลข 5ไปหา 6 ครับ :lol:
ผมก็คิดว่าน่าจะอย่างงั้นนะ (เดาเล่นๆ) ซึ่งแปลว่ามันมี 12รออยู่
พอคิดได้อย่างงี้ ก็สมควรขายตอนนี้เลย
แต่พอขายปุ๊ป ไหงมันกลายเป็น12 ไปได้ล่ะเนี่ย :lol:
ขำๆครับ พูดเล่นๆไปอย่างงั้นแหละครับ

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 13, 2011 10:27 am
โดย หมักเตา
คำตอบแบบไม่ตรงคำถามของคำถามที่ไม่ได้ถาม

ทำใจขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันขึ้นเอาขึ้นเอา?

วลีเด็ด โดยตรรกะเดียวกัน
1. พื้นฐานไม่เปลี่ยน
2. Mr. Market เสนอราคาสูงๆให้อย่างไม่มีเหตุผล
3. ถือโอกาสให้เป็นโอกาส
4. ขายเพิ่ม เพราะว่าสัดส่วน %yield ปรับตัวลดลง

มนุษย์เราแตกต่างกัน จนบางครั้งเราก็แตกต่างแม้กระทั่งภายในต้วเราเอง
มนุษย์หกพันล้านหน่วย มีความแตกต่างหกพันล้านแบบ ตลาดหุ้นมีมนุษย์กี่หน่วยกันหนอ?

น่าสนุกดี เวลามีอีกหลายคำถามตามมาให้คิด ทำใจซื้อไม่ซื้อ ทำใจขายไม่ขาย ได้ยังไงครับเวลาหุ้นมัน...

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 13, 2011 11:13 am
โดย VI Wannabe
จริงๆ ทุก decision มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย หรือเปล่าครับ คงต้องมองให้รอบด้านแล้วคำนึงถึงความเสี่ยงที่เรารับได้ไว้ด้วย

ตัดสินใจถือ/ซื้อเพิ่ม => เพราะพิจารณาแล้วว่าราคานี้ มี MOS พอสมควร และกิจการแข็งแกร่งพอที่จะฝ่ามรสุมไปได้ ถ้าเกิด macro shock อีกรอบ ( อันนี้จริงๆผมเห็นว่าค่อนข้างสำคัญยกตัวอย่างเช่น VI ใหม่ๆยังดูสับสนว่า หุ้น commodity ที่ฮิตๆกัน นี่ถือยาวๆผ่าน macro shock ได้)
ประเด็นที่ต้องคิดก็คือทำใจได้ไหมถ้ามันจะลงไปอีก 10-20%? และเมื่อนั้นคุณไม่มีเงินเหลืออีกแล้วเพื่อจะซื้อหุ้นตอนที่มันถูกสุดๆ

ตัดสินใจขาย => เนื่องจาก technical, fund flow หรือ คิดว่า outlook บริษัทเริ่มมีความไม่แน่นอนสูง หรือ valuation แพงไปแล้ว ข้อดีคือคุณจะมีเงินเหลือเพื่อซื้อหุ้นในราคาที่ทุกคนกลัว
ประเด็นที่ต้องคิดคือ คุณมี tools / เข้าใจ tools ที่จะบอกคุณไหมว่าตลาดกลับตัวแล้วเพื่อที่จะกลับมาซื้อมันอีกครั้ง? หรือ ทำใจได้ไหมถ้าขายแล้วเด้งและต้องซื้อแพงหรือพลาดโอกาสในการซื้อกิจการที่ดีในราคาที่เหมาะสม?

ประมาณนี้มั้งครับ สุดท้ายก็คงแล้วแต่ความถนัดและความเชื่อส่วนบุคคลครับ :D

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 13, 2011 11:48 am
โดย Totojeed
ผมทำใจโดยใช้แนวคิดที่ว่า

ตลาดหุ้นคือที่ฝากเงินไม่ใช่ที่ทำเงินคับ ^^" :o

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 13, 2011 12:13 pm
โดย nut776
ปัญหามันอยู่ที่เราไม่รู้ว่ามึดที่หล่นมันปักพื้นหรือยังมากกว่า
การที่ไม่รู้นี่เลยทำใหับริหารเงินสด สลับหุ้นผิดพลาดไปหมด
สำหรับผมไม่ได้อยู่ที่หุ้นลงแต่อยู่ที่จะลงไปถึงเมื่อไหร่มากกว่า
ตอนนี้หาเงินสดมาซื้อให้ว่อง
แต่ความไม่รู้ทำให้ไม่รู้ควรมอง มาร์จิ้นหรือยัง

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 13, 2011 12:14 pm
โดย yoko
ถ้าตลาดรวมตกแต่หุ้นที่ผมถือตกน้อยมาก และยังมีกำไรมาก ผมจะถือต่อไปเพราะผมมีต้นทุนต่ำ
ถ้าตลาดรวมตกแต่หุ้นที่ผมถือตกมาก และเริ่มขาดทุน ผมจะวิเคราะห์หุ้นอีกครั้งว่า
ผมลืมดูอะไรไป และถ้าผมมั่นใจว่าหุ้นที่ผมถือดีจริง ผมจะทยอยซื้อไปเรื่อยๆ ถ้าผมไม่มั่นใจว่าหุ้นที่ผมถือดีหรือไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมจะเริ่มทยอยขายครับ


:8) :8) :8) :8) :8)

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 13, 2011 12:16 pm
โดย simplelife
คิดถึง intrinsic value ก่อน แต่ถ้าทำใจไม่ได้จริงๆก็ขายสิครับ แต่ขายก็ต้องมีเป้าหมายหน่อยว่าขายแล้วจะไปซื้ออะไรที่ราคาเท่าไร

ความสุขความสบายใจของเราเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่เราอยากได้อิสรทางการเงินก็เพราะเราจะได้ทำแต่สิ่งที่เราอยากทำ ทำแล้วสบายใจ ถ้าระหว่างทางอะไรทำแล้วไม่สบายใจจะทนทำทนถือไปทำไมครับ

อ้อ ขายๆซื้อๆอาจจะขาดทุนได้นะครับ ต้องทำใจนิดนึงด้วย

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 13, 2011 2:30 pm
โดย วรันศ์ บัฟเฟต
you have to know what you're doing...............................nothing more, nothing less.

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 13, 2011 7:23 pm
โดย freemindd
เทียบกันไม่ได้ครับ

ตึก ห้อง ถ้าซื้อขาดแล้ว เราเป็นเจ้าของ
แต่หุ้น เราซื้อ เราไม่ได้เป็นเจ้าของนะครับ

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 13, 2011 7:58 pm
โดย วรันศ์ บัฟเฟต
freemindd เขียน:เทียบกันไม่ได้ครับ

ตึก ห้อง ถ้าซื้อขาดแล้ว เราเป็นเจ้าของ
แต่หุ้น เราซื้อ เราไม่ได้เป็นเจ้าของนะครับ
ได้สิครับ..............มี ownership ครับ แต่ขึ้นอยู่กับ degree เท่าไหร่ max ก็ 100% -_-...

ถ้าซื้อขาด.....................property = full ownership .......................

แต่ when u buy a stock = u buy shares = share of ownership = partial ownership............................................ -_-

ผมว่าหลายคนไม่เข้าใจหรือคิดมากไป เค้ากำลังพูดถึงมิติ พฤติกรรม แต่เค้ายกตัวอย่างง่ายๆให้คนที่ไม่เข้าใจใน "หลักการ" มองในเชิงที่เป็นรูปธรรมและเข้าใจง่ายขึ้น เราคือเจ้าของห้อง คนอื่นคือ mr.market........................... ตัวแปรด้านอื่น held constant............

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 13, 2011 11:00 pm
โดย nut776
วรันศ์ บัฟเฟต เขียน:
freemindd เขียน:เทียบกันไม่ได้ครับ

ตึก ห้อง ถ้าซื้อขาดแล้ว เราเป็นเจ้าของ
แต่หุ้น เราซื้อ เราไม่ได้เป็นเจ้าของนะครับ
ได้สิครับ..............มี ownership ครับ แต่ขึ้นอยู่กับ degree เท่าไหร่ max ก็ 100% -_-...

ถ้าซื้อขาด.....................property = full ownership .......................

แต่ when u buy a stock = u buy shares = share of ownership = partial ownership............................................ -_-

ผมว่าหลายคนไม่เข้าใจหรือคิดมากไป เค้ากำลังพูดถึงมิติ พฤติกรรม แต่เค้ายกตัวอย่างง่ายๆให้คนที่ไม่เข้าใจใน "หลักการ" มองในเชิงที่เป็นรูปธรรมและเข้าใจง่ายขึ้น เราคือเจ้าของห้อง คนอื่นคือ mr.market........................... ตัวแปรด้านอื่น held constant............

เอาเข้าจริงมันเทียบยากจริงนะคับ
อสังหา มันขายยากกว่า บางทีคุณลดราคาลงมามาก ขายไม่ออกก็มี
หรือ ถ้ามันปัญหา เรายังเข้าไปจัดการอะไรได้ง่ายกว่า เช่น เปิดร้านขายของเอง
ให้เซ้ง ทำเป็นที่เก็บของ เป็นที่กกเมียน้อย whatever

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 13, 2011 11:09 pm
โดย nut776
VI Wannabe เขียน:จริงๆ ทุก decision มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย หรือเปล่าครับ คงต้องมองให้รอบด้านแล้วคำนึงถึงความเสี่ยงที่เรารับได้ไว้ด้วย

ตัดสินใจถือ/ซื้อเพิ่ม => เพราะพิจารณาแล้วว่าราคานี้ มี MOS พอสมควร และกิจการแข็งแกร่งพอที่จะฝ่ามรสุมไปได้ ถ้าเกิด macro shock อีกรอบ ( อันนี้จริงๆผมเห็นว่าค่อนข้างสำคัญยกตัวอย่างเช่น VI ใหม่ๆยังดูสับสนว่า หุ้น commodity ที่ฮิตๆกัน นี่ถือยาวๆผ่าน macro shock ได้)
ประเด็นที่ต้องคิดก็คือทำใจได้ไหมถ้ามันจะลงไปอีก 10-20%? และเมื่อนั้นคุณไม่มีเงินเหลืออีกแล้วเพื่อจะซื้อหุ้นตอนที่มันถูกสุดๆ

:D

มันถูกสุด ก็ตอนที่เวลาผ่านไปแล้วเราถึงรู้ว่ามันถูกสุดๆ ไม่ใช่เหรือคับ
อะไรจะทำให้มั่นใจ ว่า หุ้นที่ถูกสุดๆ จะไม่โคตรถูกสุดๆ อีก ในเมื่อ สิ่งที่
เกิดขึ้นมันเป็น sentiment ล้วนๆ อย่างที่บอกแหละคับ
ถึงตรงนั้นคุณบอกว่า ถูกสุดๆ กล้าใส่ margin เลยไหมล่ะคับ
คำตอบแน่นอน ว่า หาคนที่จะตอบ yes แน่ๆ ได้ไม่กี่ีคน
เพราะ ใครจะไปเดา sentiment ได้ ว่า จะไม่โคตรถูกสุดๆอีก

เหมือนอย่างตอนนี้ ดอกเบี้ยกำลังจะขึ้น อสังหากะลังถอย
แต่ real sector อื่น น่าจะยังไปได้
ต่อให้ไม่มีจีน ขยายตัว
แต่อินเดียยัีงมีให้หวังแน่ๆ
ส่วนลึกของคนที่พอเคยผ่านการถือหุ้นลงมา 30 40 50 % คงพอมองออก
ว่า มันเป็น sentiment ที่ตลาดลง จะต้องrebound แน่ ในปีนี้มากน้อยไม่รู้
เพราะ real sector ยังส่งสัญญาณไม่ชัดเจน แต่..............
กล้า margin ไหมคับ(อันนี้ผมกำลังถามตัวเอง)
เขาว่าหุ้นเป็นเรื่อง จิตวิทยา 70% ที่เหลือ ถึง เป็น fundamental ผมว่าคงจะจริง

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 13, 2011 11:43 pm
โดย VI Wannabe
แหม ผมแค่ต้องการจะสื่อว่า ราคามันถูกกว่าตอนที่ตัดสินใจ ซื้อ/ถือ เท่านั้นหละครับ (ผมท่าจะใช้คำได้ไม่ดีนัก)
ไม่ได้จะบอกว่าซื้อได้ที่ bottom นะจ๊ะ ซึ่งอันนั้นก็เห็นด้วยว่าต้องดูย้อนหลังจ้า

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 14, 2011 12:20 am
โดย MYBIZ
ทำใจได้ครับเพราะมันลงแล้วลงอีกขายไปตอนนี้จากขาดทุนเล่นๆจะเป็นขาดทุนถาวร อิอิๆๆ

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 14, 2011 12:24 pm
โดย chansaiw
บอกตัวเองว่า อย่าหวังรวยเร็ว

มันลงแล้วทุกข์ เพราะเรารู้สึกความรวยของเราลดลง

ใครก็ต้องเป็นนะ

แต่ผมเริ่มมารู้สึกแบบโดนๆ ตอนที่กำลังจะลงทุนซื้อคอนโดปล่อยเช่า

ราคาในตลาดมากมายแตกต่างให้เราเลือกซื้อ

แต่ว่าเราไม่ได้ดูหรอกครับว่า ทุกวันนี้ห้องเรามีราคาเท่าไหร่ เพราะเราไม่ได้ประกาศขาย

เรารู้แค่ตอนนี้เราปล่อยเช่าได้เท่าไหร่ ผลตอบแทนเท่าไหร่ มันยังดีอยู่ใช่มั้ย

เค้าถึงบอกว่าให้ลงทุนซื้อธุรกิจไม่ใช่ซื้อแค่ราคาและใบกระดาษมา

ถ้าอยากเข้าถึง ผมว่าเราต้องลองทำธุรกิจเองดูซักอย่างมันถึงจะรู้สึกนะ

ส่วนช่วงที่หุ้นลด ก็คือโอกาสแล้วแต่วิธีการ จะ short ก็แล้วแต่

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 14, 2011 12:43 pm
โดย pak
"ตก...เดี๋ยวมันก็ขึ้น!!!"อันนี้พวกเราก็ "รู้ดี" กันอยู่อย่างแจ่มชัด

แต่เราแค่ "เสียดาย!!!"เสียดาย...กำไรที่หายไป
เสียดาย...ที่เราไม่ได้เล่นรอบ
เสียดาย...ที่เราไม่ได้ทำ Short Againt Port
เสียดาย...ที่เราไม่ได้ขายตอนราคาแพง แล้วมาซื้อตอนราคาถูก เพื่อที่เราจะได้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นกว่าเดิม

มาถึงคำถามสำคัญ ที่ว่า...
แล้วเรารู้ไหมล่ะ ว่าราคาจะตกลงไปต่ำสุดที่ไหร่ไหร่?
ตำตอบคือ เจ้ามือรู้ แต่เราไม่รู้
สรุปง่ายๆคือ เราไม่รู้!!!

สรุปสุดท้าย...
"อย่าโลภเกินรู้"

ทั้งนี้เพราะ...

"ความรู้" ของเรามีอยู่จำกัด ในขณะที่ "ความโลภ" ของเรา...มีอยู่ไม่จำกัดครับผม!!!

ถ้าเรารู้ความจริงข้อนี้ เราก็จะปล่อยวางได้บ้างครับ

Re: ทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงครับเวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ?

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 14, 2011 2:35 pm
โดย mprandy
pak เขียน:"ตก...เดี๋ยวมันก็ขึ้น!!!"อันนี้พวกเราก็ "รู้ดี" กันอยู่อย่างแจ่มชัด
เข้ามาอ่านบ้าง เดี๋ยวตกเทรนด์ เพราะมีคนสะกิดว่าเขาพาดพิงผมด้วย :lovl:

อยากจะถามตามที่ quote ว่า จริงหรือที่ ตก ... เดี๋ยวมันก็ขึ้น

ปัจจัยอะไรเป็นตัวกำหนดกฏเกณฑ์นี้ว่า ตก ... เดี๋ยวมันก็ขึ้น ถ้าจะเอาตัวอย่างวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อสองปีก่อนเป็นบรรทัดฐานก็ต้องขอแนะนำให้คิดใหม่ได้นะครับ

วิกฤติคราวก่อนมีรากฐานจากประเทศอเมริกา การแก้ไขของเขาคืออัดฉีดสภาพคล่องเต็มที่ทำให้วิกฤติที่ลามไปทั่วโลกหยุดลงได้เร็ว ส่วนจะฟื้นเร็วหรือช้า ขึ้นกับพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศหรือภูมิภาคนั้น ๆ เอง จึงเห็นได้ว่าประเทศที่ไม่มีปัญหาที่ระบบเศรษฐกิจโดยตรงฟื้นตัวได้เร็วกว่า ...

หุ้นตกคราวต่อไป อาจจะไม่กลับมาเร็วแบบเมื่อสองปีก่อนก็ได้ครับ :D