Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

อยากให้เพื่อนๆแบ่งปันความคิดกันครับ
ยิ่งให้ ยิ่งได้รับครับ

ง่ายสุดก็ไม่ต้องเข้าเวบโบรคเกอร์
ไม่ต้องเข้า settrade เปิดดู
แต่อันนี้ต้องมั่นใจหุ้นที่ซื้อพอสมควร

มูลค่ากิจการมันอยู่ที่เท่าไหร่ล่ะ?

ขายลงด้วยเหรอ?

ปกติขาย Cut loss ทำใจยากกว่าทนถือต่อไปเพื่อหวังว่ามันจะดีนะครับ
ขอให้เราต้องมั่นใจเท่านั้นว่าสิ่งที่เราคิดไม่ได้มีอะไรผิดพลาด

"ระดับความมั่นใจ" เป็นตัวกำหนดครับเวลาหุ้นตก

ปิดจอหุ้น เปิดจอหนังครับ
ช่วงนี้ผมก็มานั่งดูซี่รี่ย์ Liar Game เป็นซี่รี่ย์ที่เล่นกับ Game theory ล้วนๆ
น่าดูมากครับ เก็บเอามาคิดกับการลงทุนได้ด้วย ส่วนราคาหุ้นก็ลืมๆมันไปช่วงนี้

ทำไมต้องทำใจครับ ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่ถูกแล้ว แต่อย่าหลอกตัวเอง เรื่องนี้แอ๊บโดนมาแล้ว

แอ๊บว่าถ้าถือแล้วไม่สบายใจ หรือถึงกับนอนไม่หลับ ขายออกไปบ้างก็ได้ไม่มีใครบอกนิครับว่าเป็น วีไอ ห้ามขายหุ้น

ซุนเซ็ก เขียน:ปิดจอหุ้น เปิดจอหนังครับ
ช่วงนี้ผมก็มานั่งดูซี่รี่ย์ Liar Game เป็นซี่รี่ย์ที่เล่นกับ Game theory ล้วนๆ
น่าดูมากครับ เก็บเอามาคิดกับการลงทุนได้ด้วย ส่วนราคาหุ้นก็ลืมๆมันไปช่วงนี้

เรื่องนี้แนะนำด้วยคนครับ สนุกมากก^^

พอมันตก....จิตเริ่มตก....เทรนลงชัดเจน....สุดท้ายขาย....หวังลงอีกแล้วเก็บ.....แต่ที่ขายกลับจุดต่ำสุด.....ครั้งหน้าเอาใหม่....ซ้ำรอยเดิม....ทำให้เริ่งรู้ว่าตลาดมักจะนำเรา1ก้าวเสมอ....เพราะรายใหญ่ๆเขารู้อารมณ์เรา....ว่าเราจะถอดใจเมื่อไหร่....จุดนั้นเขาจะซื้อดักหน้า.....แสดงว่าจริงๆแล้วจิตใจเรายังไม่นิ่งพอ...เราจึงโดนนายตลาดปั่นหัวได้.....^^

ซื้อแพง ขายถูก เลิกเล่นหุ้นเถอะครับ

istyle เขียน:ซื้อแพง ขายถูก เลิกเล่นหุ้นเถอะครับ

นักเก็งกำไร ^^^ ขยับ ทุกการเคลื่อนไหวของราคา

แต่นักลงทุนเขานิ่ง ขยับเมื่อกิจการเคลื่อนไหวครับ

ต้องพยายามทำตัวเป็นคนคลั่งเซ็กส์ในฮาเร็ม
พร้อมด้วย viagra อีกหนึ่งโหลครับ

กลับไปทบทวนการตัดสินใจของเราอีกหลายๆครั้ง ทั้งตัวธุรกิจและตัวบริษัท เช่น ยอดขาย กำไร หนี้สิน รวมถึงความสามารถ
และความน่าเชื่อถือของผู้บริหาร ความแข็งแกร่งและความจำเป็นของบริษัทที่มีต่อผู้บริโภค เช่น การบริการ การผลิต และตราสินค้า เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นที่อยู่ในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมเดียวกันครับ แล้วก็หวังว่าสิ่งที่คิดไว้มันมีความเป็นไปได้แค่ไหนครับ

คงต้องเลือกเป็นตัวๆไปครับ เพราะบางตัวราคายืนสูงกว่าแถวตอนพันกว่าจุดด้วยซ้ำไปครับ ในภาวะตลาดขาลง ผมว่าการกระจายในหุ้นหลายๆตัวจะเจ็บพอๆกับตลาดครับ ควรถือให้น้อยตัว ให้เหลือแต่ตัวที่มั่นใจ และมี mos มากกว่าตัวอื่นๆ

dome@perth เขียน:

istyle เขียน:ซื้อแพง ขายถูก เลิกเล่นหุ้นเถอะครับ

นักเก็งกำไร ^^^ ขยับ ทุกการเคลื่อนไหวของราคา

แต่นักลงทุนเขานิ่ง ขยับเมื่อกิจการเคลื่อนไหวครับ

เห็นด้วยกับโดมครับ

ขอเพิ่มอีกข้อว่า ท่านชอบซื้อของใช้ ในราคาส่วนลดหรือราคาพรีเมี่ยม ......,..ถ้าท่านแย้งว่านั่นของใช้ เอาใหม่ก็ได้ สมมุติว่าท่านจะซื้อห้องแถวให้คนอื่นเช่า มีคนเช่าค่อนข้างชัวร์ในราคา20000ต่อห้อง และขึ้นค่าห้องเช่าทุกปีปีละ10เปอร์เซนต์ วันนี้มีคนขายให้ท่านห้องละ2.4ล้าน ผลตอบแทนได้10% ผ่านไป1ปี เกิดวิกฤต ค่าเช่าลดลงเหลือ 18000 ตึกข้างๆกันมีคนอยากขาย ขายในราคา2.0 ท่านจะซื้อตึกข้างๆเพิ่มหรืออยู่เฉยๆหรือติดป้ายขายห้องในราคา2ล้านตามเขา

เห็นด้วยกับ นริศครับ

ยิ่งถ้าเราลงทุนในหุ้นที่ทำการบ้านมาดี ราคาลง ส่วนมากผมชอบซื้อเพิ่มด้วยซ้ำ


น่าจะทำใจยากมากกว่านะครับ ในการขายหุ้นที่ทำการบ้านมาอย่างดี

และมั่นใจว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้เรา

อีกอย่างขายแล้ว เราจะเอาเงินไปทำอะไรครับ มันต้องคิดด้วยครับว่าเราจะหาหุ้นตัวใหม่ได้ดีกว่าหรือเปล่า

หรือเก็บเงินไว้เฉยๆ หรือกะว่าจะ short เพื่อรับกลับ แล้วถ้ามันไม่เป็นตามที่คิดล่ะครับ

จะซื้อกลับที่ราคาสูงกว่าหรือครับ

ผมถามกลับ

ถือ 3 - 5 ตัวที่เลือกมาอย่างดี
ถ้าตัวไหน "ตกเอา ตกเอา" โดยเราเลือกแล้วว่าจะถือต่อ
ก็ขาย short ออกสัก 1 ใน 3 ของที่มี ณ เกือบถึงแนวต้าน รอรับเมื่อหลุดแนวรับมาเล็กน้อย
ถ้าพลาดช๊อตแล้วมันไปต่อ ก็ถืออีกครึ่งต่อไป แล้วเอาเงินที่ขายได้ไปกระจายซื้อเพิ่มตัวอื่น
แต่ถ้าไม่พลาด ก็ได้บริหารต้นทุนให้ถูกลง

พิมพ์ผิดครับ
"ถ้าพลาดช๊อตแล้วมันไปต่อ ก็ถืออีก 2 ใน 3ต่อไป "

ถ้าไม่หวังการทำกำไรจาก Capital Gain ตอนเข้าซื้อตั้งแต่ต้น หุ้นขึ้นหรือตกก็จะไม่สามารถทำให้จิตใจเราหวั่นไหวได้ครับ เพราะสิ่งที่เราต้องการคือผลกำไรจากการประกอบธุรกิจของบริษัท

มั่นใจในหุ้นที่ถือ ก็ถือยาว อย่างน้อย2-3ปี ก็เราร่วมเป็นเจ้าของกับเขาแล้วนี้
แต่จะทยอยขายตัวที่ไม่มั่นใจออกไป เพื่อเก็บกำไรไว้ก่อน
เมื่อเหตุการณ์สงบค่อยกลับมาซื้อใหม่
ทั้งนี้อยู่บนพื้นฐานผลประกอบการ ล้วนๆครับ ไม่อิงกระแสset
Set ขึ้น หรือ ลง เป็นปัจจัยหนึ่งในการวิเคราะห์เท่านั้น
Set ลงไม่ได้หมายความว่าบริษัทเราจะพังครับ แต่เป็นโอกาสซื้อของถูก

ระวังไปซื้อหุ้น VI ที่มันไม่ VI จริง เห็นขาดทุนมาหลายคนแล้ว

เรื่องนี้อยู่ในหัวข้อที่ผมจะเขียนพอดีเลยครับ
เกริ่นไว้ในนี้คร่าวๆ คือ ต้นเหตุของการตัดสินใจขายอยู่ที่การตัดสินใจซื้อ

รายละเอียดจะนำเสนอแนวคิดในกระทู้เบื่อมาม่าอีกทีครับ

สำหรับผมนั่งเฝ้าจอทุกวันครับ
รอซื้อเพิ่ม

สวัสดีท่านพี่ทุก ๆ ท่าน สาวกสังเกตว่าช่วงนี้เวบมีดราม่าเยอะมากนะฮาฟฟ
เห็นว่ากระทู้นี้เป็นที่ชุมนุมดาราโปรดของสาวกเลยเข้ามาของฟัง และขอถามเป็นความรู้ด้วยฮับ

1. เวลาหุ้นมันตกเอาตกเอา ทำไมถึงห้ามขายด้วยอ่ะคับ มันมีข้อห้ามประกาศไว้ด้วยเหรอคับ ขายแล้วซื้อคืนไม่ได้เหรอคับ ถ้าขายแล้วกลัวซื้อกลับแพง การถือแล้วเห็นมันลงไปเรื่อย ๆ ดีกว่าการขายไปก่อนซื้อคืนทีหลังยังไงคับ
2. ถ้าหุ้นตกเอาตกเอาแล้วไม่ขาย ปิดจอ เลิกดูไปเลย มันทำให้เราลดการขาดทุนได้ด้วยเหรอคับ
3. อะไรทำให้พี่ ๆ มั่นใจว่าการบ้านที่เราทำนั้น "ถูกต้อง" หรือ "ถูกเป็นส่วนใหญ่" คับ ใช้อะไรดูคับ เช่นมีคนคิดเหมือนเรากี่คน หรือว่าคนคิดเหมือนเราเขาเก่งแค่ไหน อะไรยังไงคับ สาวกอยากรู้
4. ถ้าเราคิดว่าเราประเมินกิจการ "ถูกต้อง" แล้วมันตกไป 20 30 50% แล้วเรายังมั่นใจว่าประเมินได้ถูกต้องหรือเปล่าคับ อะไรทำให้พี่ ๆ มั่นใจขนาดนั้นคับ และเมื่อใดที่พี่ ๆ ถึงจะเริ่มเปลี่ยนมุมมองคับว่าสิ่งที่เราหรือเพื่อน ๆ พี่ ๆ คนอื่น ๆ คาดหรือประเมินอาจมีข้อผิดพลาด เช่นรอให้งบออกมายืนยันอย่างเดียว หรือรอจนข่าวออกมาชัดเจนว่าเศรษฐกิจเราเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วคับ
5. ปรมาจารย์ และพี่ ๆ รุ่นก่อน ๆ สอนว่าเวลามองกิจการ ต้องมองไปข้างหน้า มองอนาคตให้ออก แต่ทำไมเวลาขาลงถึงยึดกับข้อมูลปัจจุบัน หรือข้อมูลทางบัญชีซึ่งสะท้อนอดีตอ่ะคับ

สาวกมีคำถามอีกเยอะมากฮับ แต่กลัวพี่ ๆ จะรำคาญมากกว่านี้ จะมาหาว่าสาวกมาป่วนกระทู้ แต่สาวกและพี่ ๆ น้อง ๆ ผู้ด้อยประสบการณ์อย่างสาวกน่าจะมีไม่น้อยอะคับ เลยถือโอกาสเข้ามาถามพี่ ๆ เพื่อเป็นวิทยาทานอ่ะคับ ... สาวกอาจจะล่วงเกินใครหรือเปล่าไม่รู้ก็ขออภัยล่วงหน้า แต่ขอร้องว่าอย่าลบนะฮับ

สาวกจะเข้ามาติดตามและเสวนาด้วยเป็นพัก ๆ คับ
----------------------------
Selling หุ้น too much so much very much right now
ไม่รู้ว่าฉันอยู่ดอยไหนถึงหนาว
ค่อยค่อยรินได้ไหม รู้ไหมเงินทองฉันปลิว
รักหุ้นมากเกินมากไป มาก มาก มาก มากมาย
I am so ซังกะตาย
I hate ฝรั่ง อยากจะน้ำตาออก my eyes ... :lovl:

naris เขียน:

dome@perth เขียน:

istyle เขียน:ซื้อแพง ขายถูก เลิกเล่นหุ้นเถอะครับ

เห็นด้วยกับโดมครับ

ขอเพิ่มอีกข้อว่า ท่านชอบซื้อของใช้ ในราคาส่วนลดหรือราคาพรีเมี่ยม ......,..ถ้าท่านแย้งว่านั่นของใช้ เอาใหม่ก็ได้ สมมุติว่าท่านจะซื้อห้องแถวให้คนอื่นเช่า มีคนเช่าค่อนข้างชัวร์ในราคา20000ต่อห้อง และขึ้นค่าห้องเช่าทุกปีปีละ10เปอร์เซนต์ วันนี้มีคนขายให้ท่านห้องละ2.4ล้าน ผลตอบแทนได้10% ผ่านไป1ปี เกิดวิกฤต ค่าเช่าลดลงเหลือ 18000 ตึกข้างๆกันมีคนอยากขาย ขายในราคา2.0 ท่านจะซื้อตึกข้างๆเพิ่มหรืออยู่เฉยๆหรือติดป้ายขายห้องในราคา2ล้านตามเขา

เห็นภาพ ได้ชัดเจนมาก

ถ้าหุ้นที่ถือมันตกเอาๆ ก็ซื้อสิครับ แต่ถ้าต้องทำใจเวลาไม่มีเงินสดซื้อเพิ่มมากกว่า

dome@perth เขียน: นักเก็งกำไร ^^^ ขยับ ทุกการเคลื่อนไหวของราคา

แต่นักลงทุนเขานิ่ง ขยับเมื่อกิจการเคลื่อนไหวครับ

คมครับ

และเห็นด้วยครับ

คงต้องมาดูก่อนคับว่าหุ้นตกเพราะอะไร

ภาพใหญ่แย่ เพราะ
เศรษฐกิจพัง ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนย่ำแย่

ตลาดหุ้นตกใจ เพราะ
กลัวกำไรหดหาย นักลงทุนขายเอากำไรไว้ก่อน

มาดูที่ตลาดหุ้น ว่าคืออะไร คือตลาดรองคับ เอาไว้ซื้อขาย เปลี่ยนมือกัน
ไม่ใช่ตลาดแรกที่เป็นที่สำหรับระดมทุน เพราะฉะนั้นตลาดก็ขึ้นๆลงๆตามแรงซื้อขาย
และไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มอะไร เป็นแค่ที่ๆอำนวยความสะดวกให้ เพิ่มสภาพคล่อง
ดึงดูดคนให้มาลงทุน เพราะมีทางออกให้ด้วยการขายหุ้นในตลาดได้ ไม่ต้องกลัว
ว่าระดมทุนทำกิจการจากตลาดแรกมาแล้ว นักลงทุนต้องกอดหุ้นไว้จนตาย
ขายใครไม่ได้ นักลงทุนกระจายความเสี่ยงได้ ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้
ผู้ที่สนใจออม ลงทุน ในบริษัทที่มั่นคง ได้รับการยอมรับ ผ่านมาตรฐาน โปร่งใส(หรือเปล่า?)
เพื่อช่วยกระจายความมั่งคั่ง หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ ผู้ลงทุนที่มาซื้อหุ้นต่อเหล่านี้ ก็มีทางเลือก
ว่าจะโตไปกับบริษัทต่อไป หรือว่าซื้อไว้เพื่อเก็งกำไรจากปัจจัยอนาคตต่างๆให้กับผู้ที่อยากซื้อหุ้นต่อ
ก็เป็นวัฏจักรไปเช่นนี้ ยิ่งตลาดใหญ่ยิ่งหมุนเวียน ก็เกิดธุรกิจที่รับบริหารเงิน กองทุน นายหน้าซื้อขายหุ้น
สำนักข่าว ทีวี อะไรต่อมิอะไรมากมายตามไปด้วย

ตลาดรองจึงขึ้นๆลงๆ หาความแน่นอนไม่ได้ และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป จนกว่าระบบทุนนิยมจะล่มสลาย

ทีนี้เงินในโลกยุคนี้มันมากเหลือเกิน เนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจตามระบบทุนนิยมเสรี
แถมด้วยการพัฒนาสู่ยุคข้อมูลข่าวสาร มีเน็ตใช้ การเปลี่ยนมือ ซื้อขาย ทำได้ง่ายเพียงแค่ จิ้มๆ
ข่าวสารก็หาได้มากมายแทบจะรู้กันหมดภายในเวลาแค่ไม่นาน ประกอบกับตลาดทุนบ้านเรา
เล็กเหลือเกิน ฝรั่งเรียกตลาดเกิดใหม่ ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง เงินทุนไหลเข้าได้ง่าย สบาย
เพราะบ้านเราเปิดรับระบบทุนนิยมเต็มที่ ด้วยกฏเกณฑ์การเคลื่อนย้ายเงินทุนเสรี กระแสเงิน
ไหลเข้าไหลออก เหมือนคลื่นในมหาสมุทร พัดเข้าพัดออก ยากเหลือเกินที่ประเทศเราจะ
ทำทำนบกันไว้ได้ ก็ต้องทำตัวเป็นทุ่น ลอยขึ้นลง ตามกระแสไปเรื่อยๆตลอดเวลา หุ้นมันก็ขึ้นๆลงๆ
ด้วยสาเหตุนี้ด้วย ยิ่งต่อไปก็จะยิ่งมาก

มาดูผู้เล่นในตลาด กองทุนไทย กองทุนต่างประเทศ นักลงทุนส่วนบุคคลไทย-เทศ
เจ้าของบริษัท ผู้บริหาร นักเก็งกำไร นักลงทุนรายใหญ่-ย่อย คนทั่วไปตามแห่ ตามข่าว

นักลงทุนเด๋วนี้ก็ฉลาดสุดๆ คิดง่ายๆกองทุนก็บริหารโดยคนเก่ง จบเอก โท ตรี ไฟแนนซ บัญชี cfa cpa cisa มากมายๆ
รายย่อยบางคนก็เก่งมากมีความรู้ดี เจ้าของบริษัท เซียนหุ้นรายใหญ่ๆ นักลงทุนต่างชาติ ก็มองทั้งโลกแล้ว กองทุนต่างชาติ ก็ทำเพื่อแค่กำไร
ให้ผู้ถือหน่วย ทุกคนทำเพื่อกำไร ต่างกันอยู่แค่จะสั้นยาว แค่ไหน เค้าดูเวลูเอชั่น ราคา เทคนิค รวมถึงปัจจัยต่างๆกันละเอียด
และต้องทำกำไร และหุ้นต้องตกแน่นอน หลีกเลี่ยงไม่ได้ พอตกถึงระดับนึง จนมีความน่าสนใจก็จะพากันเข้ามาใหม่
เป็นมันนี่เกมส์ล้วนๆ ไม่มีสงสาร ไม่มีเห็นใจ ไม่มีความรู้สึก เป็นไปตามเกม ตามกฏเท่านั้น เพื่อกำไรสูงสุด

ทีนี้ถามว่าทำใจไม่ขายหุ้นได้ยังไงเวลาหุ้นตกเอาๆ

ถ้าเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าจริงๆ จะรู้คับ ดูธุรกิจ ดูราคาเป็น และระยะเวลาหวังผล
ถึงจะบอกการลงทุนแบบเน้นคุณค่าไม่สนใจตลาด ซึ่งผมว่าไม่จริง นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า
สนใจตลาด แต่เป็นแบบรู้ตลาดมากกว่า คือรู้ธรรมชาติของตลาด เข้าใจ และเลือกลงทุนได้
ในช่วงเวลาเหมาะสม เวลาตลาดหุ้นเป็นกระทิง ราคาหุ้นส่วนใหญ่จะสูงเหมาะสมกับมูลค่า
หรือสูงเกินกว่ามูลค่าก็ได้ ถ้านักลงทุนแบบเน้นคุณค่าลงทุนในตลาดแบบนี้ เค้าต้องรู้คับ
ว่ามันเสี่ยงแล้ว ต้องหาหุ้นที่โตจริงๆ แล้วก็ต้องยอมรอหน่อย เพราะต้องรู้ว่า ราคาหุ้นในตลาดกระทิงแบบนี้
ต้องรอการเติบโตของกำไรเท่านั้น ราคาถึงจะวิ่งไปได้ ที่นี้เมื่อตลาดตก เพราะมันขึ้นมาจนผู้เล่นต่างๆเริ่ม
คิดว่ามันสุดๆและในขณะนั้นๆ ก็จะขายออกมา หุ้นต้องตกแน่นอน ไม่ว่าหุ้นดีแค่ไหน หรือยังมีมูลค่าสูงกว่าราคา
อันนี้นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าจริงๆต้องคิดมาก่อนแล้วว่าต้องเจอแน่ เค้าจะยอมรอ หรือถ้ามีเงินก็ซื้อเพิ่ม หรือใช้เครื่องมือต่างๆ
จำกัดความเสี่ยง ก็แล้วแต่ความรู้ของแต่ละคน

ทีนี้พอตลาดเป็นกระทิงมากๆ จะมีนักลงทุนอีกมากมาย มองว่าตลาดจะขึ้นไปอีก โดยลืมมองดูมูลค่าหรือปัจจัยต่างๆ
ก็จะกระโจนกันมาซื้อ ซึ่งก็เป็นเวลาที่หุ้นมีราคาแพงแล้ว และเนื่องจากไม่ได้ดูปัจจัยต่างๆอย่างละเอียดพอ
และไม่มีแผนอยู่ในใจ ก็มาซื้อหุ้นที่เป็นกระทิง ด้วยความหวังว่าหุ้นจะต้องขึ้นไปอีก เพราะมั่นใจเหลือเกินกับ
การวิเคราะห์ต่างๆ ทำไมจะไม่ล่ะ ในเมื่อนักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ว่าหุ้นดีเหลือเกิน นักลงทุนขาใหญ่ กองทุน
ออกมาเชียร์ ทำผลตอบแทนได้ดีเหลือเกิน ข่าวต่างๆออกมาดีๆทั้งนั้น คุณกลอนว่าหุ้นจะไป 1700 จุดโน่น กำไรบริษัทจดทะเบียน
เติบโตมากมาย สุดๆแล้วไม่ซื้อตอนนี้ตกรถแน่

และสุดท้ายเมื่อผู้เล่นแต่ละคนเห็นว่าตลาดแพงแล้วจะทำกำไรทันที เพื่อหาแหล่งลงทุนอื่นๆที่ยังไม่แพง
หุ้นจะตกแน่นอน ตกไปจนกว่าจะมีระดับน่าสนใจอีกครั้งตามพื้นฐาน ไม่มีการต่อรอง คุณต่อรองกับตลาดไม่ได้

สำหรับนักลงทุนที่เข้ามาซื้ออย่างประมาท ก็จะประสบกับภาวะลำบากใจ ที่หุ้นตกเอาๆ คิดอยู่ในใจว่า
เราไม่ได้ประมาท เราดูแล้ว คนนั้นคนนี้ก็ซื้อ เซียนว่าดี vi รอได้ ไม่ขายไม่ขาดทุน เราลงทุนระยะยาว(แต่ก็กังวลใจ)
เราเป็น vi เราอ่าน เราศึกษามา แนวคิด vi เราเข้าใจสุดๆ(เข้าใจแค่ไหน ปีๆหนึ่งขนาดบัฟเฟตยังอ่านหนังสือกว่า 50 เล่ม)
เราทำได้กำไรมามากมายนี่นะ เราจะพลาดได้อย่างไร เราเก่ง เราแน่ เราชนะตลาดได้นี่นะสองปีแล้ว กำไรเป็น 100-1000%
การเล่นหุ้นมันง่าย ซื้อๆไป ไม่นานได้กำไร สบาย เราจะรวย มีเงินหนึ่งล้าน สิบล้าน พันล้าน ฯลฯ

สิ่งที่จะทำให้นักลงทุนทำใจไม่ขายหุ้นได้เวลาหุ้นตกเอาๆก็คือความเข้าใจหุ้น และตลาดหุ้น ว่ามีธรรมชาติอย่างไร

และที่สำคัญที่สุดเค้าเข้าใจแนวคิดเรื่อง Margin of Safety ดีแค่ไหน?

@thaloengsak ผมทำใจได้ถึงระดับนึงตามที่ยอมรับได้ครับ มากกว่านั้นผมทำไม่ได้ครับ ^^

dome@perth เขียน:

istyle เขียน:ซื้อแพง ขายถูก เลิกเล่นหุ้นเถอะครับ

นักเก็งกำไร ^^^ ขยับ ทุกการเคลื่อนไหวของราคา

แต่นักลงทุนเขานิ่ง ขยับเมื่อกิจการเคลื่อนไหวครับ

พี่ dome@perth ครับ นิยามนักเก็งกำไรของพี่คืออะไรหรือครับ หมายถึงคนที่ขยับทุกการเคลื่อนไหวของราคาอย่างนั้นหรือเปล่าครับ?

ถ้าใช่ผมขออนุญาตแลกเปลี่ยนประสบการณ์ส่วนตัว ที่เคยได้พบปะกับ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ หลายคนที่เค้ายอมรับว่าเค้าเป็นนักเก็งกำไรซักเล็กน้อยนะครับ เค้าไม่เคยบอกผมว่าเค้าจำเป็นต้องขยับทุกการเคลื่อนไหวของราคาเพราะทุกครั้งที่เค้าซื้อเค้าจะต้องมีการคิด Risk/Reward ของเค้าแล้วว่าเป็นเท่าใดผ่านระบบที่ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เค้าจะต้องรู้ว่า upside ของเค้า เทียบกับ downside คุ้มค่าหรือมี value พอหรือไม่ จะขยับก็ต่อเมื่อระบบของเค้าบอกว่าให้ขยับเท่านั้น ครับ

อีกเรื่องนึงครับพี่ dome@perth ผมว่ากิจการเคลื่อนไหวตลอดเวลาครับ เพราะกิจการนั้นแท้จริงแล้วมีทรัพยากรมนุษย์เป็นแกนกลางสำคัญ และคนก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลวัตรตลอดเวลาซึ่งแน่นอนมันจะส่งผลย้อนกลับไปที่ตัวกิจการด้วย แต่จะมากหรือน้อยก็คงต้องรอ trigger point ที่สำคัญที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงด้วยครับ พื้นฐานหรือความเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้เกิดเพียงชั่วช้ามคืนเหมือนราคาหุ้นที่บางวันอยู่ดีๆ ก็โดนไล่หรือทุบลงมา แต่มันค่อยๆ สะสมวันละเล็กละน้อยครับจนใหญ่พอเป็น snowball effect หล่ะครับ

การควบคุมใจตัวเองให้สงบนิ่งอย่างมีสติ
ไม่หวั่นไหวไปกับอารมณ์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
นั้นยากยิ่งกว่าวิเคราะห์หุ้น..แต่มีความจำเป็นจริงๆ
ขอบคุณมากครับทุกคน

ผมรู้สึกปลาบปลื้มใจมาก ที่หลายๆท่านได้อุตส่าห์มาแบ่งปันความรู้กัน
และหวังว่าว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนสมาชิกได้ศึกษากันต่อไปนะครับ
และท่านใดที่ยังไม่ตอบและมีไอเดีย มีความคิดเห็นเช่นได้ ก็ขอเชิญมาแบ่งปันที่นี่ได้เลยครับ
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุน
มากน้อยตามความจัดเจนในศาสตร์-ศิลป์แห่งการลงทุน และ"ระดับของพึงพอใจ"ของท่านเอง

istyle เขียน:ซื้อแพง ขายถูก เลิกเล่นหุ้นเถอะครับ

แอ๊บเห็นรูปนี้แล้วจี๊ดครับ

แอ๊บเคยโดนมาก่อนเหมือนกัน และเชื่อว่าหลายท่านก็เคยผ่านพบมาแล้วเช่นกัน

หลังจากวันนี้แอ๊บให้สัญญากับตัวเองว่า เราจะต้องไม่เป็นเช่นนั้นอีก

ตอนนี้เห็นกราฟนี้ทีไรมีเสียงก้องในหัวว่า "เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย"

ขอบคุณพี่ istyle ที่ช่วยเขี่ยแผลเก่า