Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมสังเกตุเห็นว่า
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวๆติดต่อกัน
มีสัดส่วนไม่มากนัก
และคนส่วนใหญ่กลับเสียมากกว่าได้

เห็นด้วย ทุกประการครับ

ยิ่งถ้าเป็นนักลงทุนระยะยาวแล้ว ยิ่งต้องควบคุม สภาวะอารมณ์และจิตใจ

ให้มั่นคงมากๆๆๆ เพราะการลงทุนเป็นเรื่องของการตัดสินใจ

และการตัดสินใจโดยที่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ยิ่งต้องควบคุม ตัวเอง ต้องมีสติ

ต้องใช้เหตุใช้ผล โดยไม่ใช้อารมณ์ โลภหรือ กลัว มาเกี่ยวข้อง หรือมีก็ต้องให้น้อยที่สุด

ขอบคุณ พี่หมอ ด้วยครับ ที่เขียนสิ่งดีๆ ให้น้องๆได้เรียนรู้

ชงว่าจริงเลยพี่หมอ.....แต่มีข้อแย้งอยู่ครับ

องค์ประกอบของการยืนหยัดมีอยู่สองข้อที่ต้องเกี่ยวโยงกัน

คือ การรู้จริง และ ความเชื่อมั่นตนเองในการรู้

ชงว่า.....หลายๆคนไม่รู้จริงทำให้ ราคาลงก็ไม่กล้าซื้อ หรือขึ้นก็ขายไวเกิน เพราะไม่รู้จริงว่ามูลค่ามันอยู่ที่เท่าไหร่ ในส่วนนี้ต้องใช้IQ แต่ไม่ต้องเยอะมาก เพราะชงดูตัวเอง ก็ไม่ได้ฉลาดอะไรเลย...

อีกส่วน.....คือความเชื่อมั่นในการรู้ ส่วนนี้ต้องอาศัยความมั่นใจในตนเอง ไม่เขวกับสภาพนายตลาด คนส่วนมากที่เป็นผู้นำจะมีนิสัยข้อนี้อยู่ในตัว แต่ที่ล้มเหลวเพราะ "เชื่อในสิ่งที่ผิด"

เราเคยได้ยินเรื่องอย่าเด็ดดอกไม้แล้วรดน้ำให้หญ้า
ถ้าจะปรับใช้ก็คือ  หลีกเลี่ยงการรดน้ำหรือให้รางวัลจากหลักการการลงทุนที่ไม่ถูกต้อง
เพราะเราอาจจะติดใจแล้วถอนตัวได้ยาก
แต่ไปเพิ่มรางวัลเมื่อเราอยู่ในเส้นทางที่ถูกแล้ว

หลวงพ่อคูณเคยบอกว่า
"กุไม่ห่วงร็อก  ไอ้พวกที่แทงหวยแล้วผิด  เดี๋ยวมันก็เลิก
ไอ้พวกที่แทงถูกนี่แหละ  ที่น่าเป็นห่วง"

ผมเห็นด้วยเป็นอย่างมากเลยครับประเด็นนี้ เพราะผมก็เคยเป็น........
สาเหตุที่เป็นก็เพราะว่า มักง่าย.....ครับ(ชอบอะไรที่ง่าย ง่ายและเร็ว เร็ว โดยไม่ต้องศึกษามาก)...
ผมว่าน้ำที่คอยรดกิเลส เราก็คือ นายตลาดครับ ............
บางครั้งเราถือหุ้นดี ดี แต่ยังไม่ถึงเวลาที่ผลงานปรากฏ และยังไม่มีใครเห็น มันก็จะสงบนิ่ง จนบางครั้ง เราก็เบื่อหน่าย.......
แต่หุ้นชาวบ้านเค้าลากเอา ลากเอา ทั้ง ทั้งที่ พื้นฐาน บางทีแทบไม่มีเลย ....
กิเลสมาปัญญาเริ่มหาย  ก็ขายหุ้นดี ดีของเราทิ้งไป แห่ตามนายตลาดเค้าพาเราไปตอดเล็ก ตอดน้อย พอชะล่าใจ เราเริ่มชะล่าใจ เค้าก็เฉียดเอาแบบเต็ม เต็ม..........

เปรียบเทียบง่าย ง่าย เหมือน เมียที่บ้านครับ(สมมติ น๊ะครับ สมมุติ....เดี๊ยวงานเข้า :lol: ) เราก็รู้ว่าเค้าเป็นคนดี เป็นแม่ที่ดีสำหรับลูกเรา....เป็นภรรยาที่ดีสำหรับเรา
แต่หนุ่ม หนุ่ม หลายคน บางทีก็อดที่จะโฉบเฉี่ยวไปหาอะไรหนุก หนุก นอกบ้านไม่ได้ ทั้งทั้งที่รู้ว่า อตร ...........ช่วงแรกอาจสนุก แต่อาจจุกได้ ถ้ามีอะไรแถมมาจากนอกบ้าน............

ดังนั้น ถ้าเราจะเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าว่าสวย ใช่ว่าจะสวยเสมอไปครับ......
เพราะ ความสวยงามที่แท้จริง คืองามที่จิตใจ
เหมือนสิ่งที่ VI ค้นหาในตัวหุ้นนี้แหละครับ............................

                                                                       อีกหนึ่งมุมมอง

ข้อหนึ่งที่ทำให้คนเล่นตามอารมณ์ก็คือ ไม่มีแผนการเล่น มีเงินเท่าไหร่ เริ่มซื้อที่ราคาไหน จำนวนเท่าไหร่ ถ้าลงจะเฉลี่ยที่ราคาไหน ถ้าผิดจะยอมมอบตัวมั้ย ถ้าขึ้นจะตามซื้อเพิ่มป่าว ถ้าขึ้นไปเยอะจะมีแผนปกป้องกำไรหรือไม่ จะชักทุนออก หรือ ทำ Trailing stop ตามไป หรือ จะขายหมด ฯลฯ

แต่ไม่ใช่ว่ามีแผนแล้วจะไม่ทำตามอารมณ์ แต่ถ้าไม่มีแผนนี่ ส่วนใหญ่ก็เป็นการเล่นตามอารมณ์

แต่ผมกลัว่ว่าคนที่แทงผิด มันจะติดจนถอดตัวไม่ขึ้นหน่ะสิ -*-

ขอบคุณพี่หมอที่แบ่งปันครามรู้ครับ

อารมณ์ 60
ปัจจัยพื้นฐาน 35
โชคชะตา 5



ถ้าจะห้ามอารมณ์ตัวเอง
ควรตั้งกฏกับตัวเองให้ได้ว่า
ควรตรวจเช็คราคา/งบการเงิน ทุกๆไตร์มาส หรือเป็นปีเลยก็ได้

แล้วคอยอ่านข่าวบริษัทแบบห่างๆโดยที่ไม่ต้องไปแตะเว็บของบริษัทหลักทรัพย์

แต่ถ้าทำไม่ได้

ลองเปลี่ยนรหัสการซื้อขาย

โดยที่ให้ภารยาเป็นคนจำรหัส

และบอกไปว่า ทุกๆเดือน 3 6 9 12 (อะไรก็ว่าไป) ให้มาใส่รหัสในเว็บนี้เพื่อจะซื้อขายให้หน่อย
ไม่ว่ายังไงก็ห้ามบอกรหัส ถึงแม้จะขอร้องก็ตาม

ทีนี้หละครับ
รับรอง..................... บริษัทล้มลายมันก็ไม่รู้เรื่อง เงินหายก็รับประทานแกบไปแล้วกัน 555

ล้อเล่นๆ ไม่ใช่ๆ

ที่จะสื่อคือ เราควรหาหลายๆตัวช่วยในการระงับอารมณ์ครับ
ไม่มีใครเข้าใจอารมณ์ตัวเองได้อย่างท่องแท้หรอก

ข้อคิดของท่านประธาน มาในจังหวะที่เหมาะสม

การจัดการณ์เรื่องอารมณ์ผมว่าสำคัญ 70-80 %


ผมสังเกตจากตัวเอง  

ทุกวันนี้ ความรู้เรื่องการลงทุนก็มีน้อยนิดเหมือนเดิม
แต่สิ่งที่เปลี่ยนคืดความรู้เรื่อง อามรมณ์การเข้าใจ สภาวะจิตใจของตัวเอง
รู้ ทันอารมณ์ของตัวเอง  มันทำให้ผมมีความสุขกับการลงทุนและการใช้ชีวิต
หุ้นจะขึ้นจะลง ผมก็มีความสุข เพระผมเข้าใจอารมณ์ตัวเอง  
เข้าใจธรรมชาติของอารมณ์ต่างๆมากขึ้น    ทั้งหมดนี้ผมได้จากการภวนาหรือการทำสมาธิ
( ถึงจะพึ่งเริ่มต้นแต่แค่ปีกว่าๆ )  

ปล.. หลักสูตรแรกที่นักลงทุนต้องทำผมคิดว่า คือหลักสูตรการทำภวานาหรือการทำสมาธิ
เพื่อเรียนรู้จิตใจตัวเอง เพื่อเรียนรู้อารมณ์ตัวเอง  :D

เยี่ยม ครับ ขอบคุณครับ

ในเวลาที่ศรัทธานำปัญญาเช่นนี้
ก็ต้องให้คนมีปัญญามาเตือนสติ

ขอบคุณพี่หมอครับ  

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีดีครับ เห็นด้วยที่สุดครับ (ขายหมูปาจำ  :lol: )

[quote="naris"]ชงว่าจริงเลยพี่หมอ.....แต่มีข้อแย้งอยู่ครับ

องค์ประกอบของการยืนหยัดมีอยู่สองข้อที่ต้องเกี่ยวโยงกัน

คือ การรู้จริง และ ความเชื่อมั่นตนเองในการรู้

ชงว่า.....หลายๆคนไม่รู้จริงทำให้ ราคาลงก็ไม่กล้าซื้อ หรือขึ้นก็ขายไวเกิน เพราะไม่รู้จริงว่ามูลค่ามันอยู่ที่เท่าไหร่ ในส่วนนี้ต้องใช้IQ แต่ไม่ต้องเยอะมาก เพราะชงดูตัวเอง ก็ไม่ได้ฉลาดอะไรเลย...

อีกส่วน.....คือความเชื่อมั่นในการรู้ ส่วนนี้ต้องอาศัยความมั่นใจในตนเอง ไม่เขวกับสภาพนายตลาด คนส่วนมากที่เป็นผู้นำจะมีนิสัยข้อนี้อยู่ในตัว แต่ที่ล้มเหลวเพราะ "เชื่อในสิ่งที่ผิด"

[quote="สามัญชน"]ผมสังเกตุเห็นว่า
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวๆติดต่อกัน
มีสัดส่วนไม่มากนัก
และคนส่วนใหญ่กลับเสียมากกว่าได้

ช่วงนี้ก็สู้กับอารมณ์เป็นระยะๆครับ ยากจริงๆ -_-'

[quote="naris"]ชงว่าจริงเลยพี่หมอ.....แต่มีข้อแย้งอยู่ครับ

องค์ประกอบของการยืนหยัดมีอยู่สองข้อที่ต้องเกี่ยวโยงกัน

คือ การรู้จริง และ ความเชื่อมั่นตนเองในการรู้

ชงว่า.....หลายๆคนไม่รู้จริงทำให้ ราคาลงก็ไม่กล้าซื้อ หรือขึ้นก็ขายไวเกิน เพราะไม่รู้จริงว่ามูลค่ามันอยู่ที่เท่าไหร่ ในส่วนนี้ต้องใช้IQ แต่ไม่ต้องเยอะมาก เพราะชงดูตัวเอง ก็ไม่ได้ฉลาดอะไรเลย...

อีกส่วน.....คือความเชื่อมั่นในการรู้ ส่วนนี้ต้องอาศัยความมั่นใจในตนเอง ไม่เขวกับสภาพนายตลาด คนส่วนมากที่เป็นผู้นำจะมีนิสัยข้อนี้อยู่ในตัว แต่ที่ล้มเหลวเพราะ "เชื่อในสิ่งที่ผิด"

อ่านแล้วใช่เลยครับ...พี่หมอ

มาถูกจังหวะเลยครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับพี่หมอ  :)

เพราะ EQ เป็นเรื่องของจิต อารมณ์ ซึ่งควบคุมยากที่สุด

IQ เป็นเรื่องของสมอง การเรียนรู้

สามัญชน เขียน:อารมณ์ในการลงทุนนี่แหละที่สำคัญ
เพราะเป็นตัวส่งผลต่อพฤติกรรมมนุษย์สูงมาก
ผลสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับมุมมองที่เฉลียวฉลาดต่อตลาดหุ้น
แต่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมที่ตอบสองต่อตลาดหุ้นมากกว่า

ขอบคุณในคำแนะนำครับพี่หมอสามัญชน

แล้วเราควรจะให้รางวัลตัวเองเวลาไหนอย่างไรดีครับ

รบกวนพี่ๆ ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ให้ฟังหน่อยครับ  :D

naris เขียน: องค์ประกอบของการยืนหยัดมีอยู่สองข้อที่ต้องเกี่ยวโยงกัน

คือ การรู้จริง และ ความเชื่อมั่นตนเองในการรู้

เพราะอย่างนี้คุณนริศจึงประสบความสำเร็จในการลงทุน
ผม  ต้องพยายามทำให้ได้

กะทู้คุณค่า  

ท่านประธานพูดได้ตรงใจมากครับ แทงใจมาก
ผมคนนึงที่มีปัญหานี้ และ ยังแก้ไขไม่ได้ เลยไม่รุ่งสักที
 

ขอบคุณมากครับ สำหรับคำชี้แนะ
เห็นด้วยทุกประการ

[quote="yoyo"][quote="naris"]ชงว่าจริงเลยพี่หมอ.....แต่มีข้อแย้งอยู่ครับ

องค์ประกอบของการยืนหยัดมีอยู่สองข้อที่ต้องเกี่ยวโยงกัน

คือ การรู้จริง และ ความเชื่อมั่นตนเองในการรู้

ชงว่า.....หลายๆคนไม่รู้จริงทำให้ ราคาลงก็ไม่กล้าซื้อ หรือขึ้นก็ขายไวเกิน เพราะไม่รู้จริงว่ามูลค่ามันอยู่ที่เท่าไหร่ ในส่วนนี้ต้องใช้IQ แต่ไม่ต้องเยอะมาก เพราะชงดูตัวเอง ก็ไม่ได้ฉลาดอะไรเลย...

อีกส่วน.....คือความเชื่อมั่นในการรู้ ส่วนนี้ต้องอาศัยความมั่นใจในตนเอง ไม่เขวกับสภาพนายตลาด คนส่วนมากที่เป็นผู้นำจะมีนิสัยข้อนี้อยู่ในตัว แต่ที่ล้มเหลวเพราะ "เชื่อในสิ่งที่ผิด"

ขอบคุณที่เตือนสติครับ

ขอบคุณมากครับท่านประธาน

ขอบคุณมากครับ ที่ออกมาเตือนสติ ผมเองก็พลาดโอกาสดี ๆ อยู่เสมอ คงเพราะเราไม่มั่นใจในหุ้นที่เราทำการวิเคราะห์ (แต่ก็ดีกว่าหลับหูหลับตาเชื่อในสิ่งที่อาจจะผิดก็ได้ :lol: ) ที่ผ่านมาผลตอบแทนก็เลยออกมาพอใช้ (พอไปวัดไปวาได้บ้าง)

เห็นทีต้องหัดนั่งสมาธิ ปิดหน้าจอหุ้น อ่านหนังสือให้มากขึ้นแล้วล่ะครับ

ขอบคุณที่ให้ข้อคิดข้อแนะนำครับท่านประทาน