Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

มีคนพีเอ็มมาหาผมเยอะและก็ถามเมื่อเจอหน้ากันบ่อยๆว่าทำไมตอนนั้นผมซื้อยานยนต์

รอฟังครับพี่หมอ :lol:

ตอนจะซื้อ sat ผมคิดอย่างนี้ครับ

ความรู้สึกตอนนั้น(วิกฤติเลห์แมน)มีหลายๆอุตสาหกรรมที่โดนกระทบ  แต่ตัวที่โดนหนักที่สุดคือยานยนต์กับท่องเที่ยว  พอโดนหนักๆราคาจะร่วงกว่าที่โดนจริงหลายเท่าทำให้
1. หุ้นกลุ่มนี้มีโอกาส undervalue สูง  ถ้าใช้สำนวนของลูกอิสานก็คือ  "ไปหาปลาในที่ที่มีปลา"  :lol:

แล้วผมก็มองต่อว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะแย่แบบนี้ตลอดกาลหรือไม่
คำตอบก็คือไม่   ที่จริงแล้วกลุ่มยานยนต์จัดอยู่ในกลุ่ม economical cycle  ซึ่งมันจะแย่แบบนี้เวลาเกิดวิกฤติแต่มันจะฟื้นได้เมื่อวิกฤติผ่านไปแล้ว  และวงจรของมันก็ประมาณนี้และครับ  รอบละ 12 ปีบวกลบไม่มาก ดังนั้น
2. ซื้อเมื่อเริ่มเข้าสูวงจรขาขึ้นหรือเมื่ออะไรๆก็แย่สุดๆแล้ว  ถ้าใช้สำนวนของใครไม่รู้เป็นคนฝรั่งเศสผมจำชื่อไม่ได้  เขาบอกว่า  "ซื้อเมื่อเลือดนองถนน"

sai เขียน:รอฟังครับพี่หมอ :lol:

ต่อคิวรอฟังด้วยคนครับ

moonchild เขียน: ต่อคิวรอฟังด้วยคนครับ

เข้ามาตามรอย

(ที่จริงการเล่นหุ้นแบบนี้ถ้าสามารถทำกำไรได้เป็นสิบเด้งในเวลาสั้นๆแค่ปีสองปีได้เลยได้เลย  ถ้า1) วิกฤติยาวนานเพียงพอเช่นยาวสัก2-3ปีเพราะราคาหุ้นจะลงไปแบบunderสุดๆ 2)แรงอั้นจากการชลอซื้อรถยนต์ถูกอั้นไว้สุดๆ  

แต่ในกรณีนี้ไม่เป็นอย่างนั้น  เพราะวิกฤติเกิดขึ้นได้ไม่ถึงปีก็ฟื้นแล้วพลอยทำให้แรงอั้นไม่รุนแรงมากนักแต่อย่าง sat ถ้าดูจากราคาต่ำสุดที่ 3 บาทแล้วคอยดูราคาสูงสุดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผมก็คิดว่าน่าจะได้หลายเด้งอยู่ครับ)อย่างปัจจุบันราคา 17 บาทก็กำไรเกือบ 5 เด้งไปแล้ว  ดูจากราคาหุ้นย้อนหลังนะครับไม่ใช่กำไรของผม  :lol:
แต่ถ้าเป็นสำนวนผมซึ่งยืมเขามาเหมือนกันก็ต้องบอกว่า "เมื่อลมพัดหวน  แม้ไก่งวงก็บินได้"

หลังจากนั้นก็ไปดูหุ้นในกลุ่มยานยนต์  ก็มีหลายแบบหลายประเภท  มีทั้งหุ้นรถถังแบบ stanly ที่เก่งมากๆและมีกำแพงกั้นแน่นหนา  เจ้าตัวนี้นะครับ  ขนาดเกิดวิกฤติหนักอย่างนั้น  อย่างนั้นคือ  GM CHRYSLER จะล้มไม่ล้มแหล่  toyota ขาดทุนในรอบ 70 ปี  แต่ stanly ไม่ขาดทุน

หรืออย่าง sat ทำ roe ย้อนหลังสูงกว่า 20% ติดต่อกันห้าปี ซึ่งแสดงว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมไม่สูงนัก  ก็ถ้าแข่งขันสูงบริษัทจะไม่สามารถทำ roe เหนือ 15 % ได้เลย ดังนั้น

3. มองหาหุ้นที่จะไม่เจ๊งและเก่งด้วย  เก่งระดับแนวหน้าเลย และจะฟื้นตัวแน่นอนเมื่ออุตสาหกรรมเริ่มเงยขึ้น ถ้าสำนวนดร.นิเวศน์ก็ต้องบอกว่า "มองหาผู้ชนะสงคราม"

แล้วผมก็เจอสองตัวที่เข้ารอบประกวดนางงามรอบสุดท้าย
stanly นั้นสุดยอดอยู่แล้วแต่ตอนนั้นราคา 80 บาท (ผมไม่ได้ซื้อตอน 45 บาทนะครับเพราะตอนนั้นไม่มีเงินแต่ติดหุ้น stpi อยู่) แต่ข้อดีก็อาจกลายเป็นข้อเสียได้  การที่เขาครองส่วนแบ่งตลาดสูงมาก อย่างมอไซต์นั้น ครอง 97% เรียกว่าพระราชาในหมู่พระราชาแต่ข้อเสียก็คือ  แล้วมันจะเติบโตอย่างไร มันเต็มประเทศไปแล้ว

ในขณะที่ sat ตอนนั้นราคา 6 บาท ครองส่วนแบ่งไม่มากเท่า stanly ยังมีโอกาสโตมากกว่า  รวมทั้งค่า pe(ในอนาคต) ต่ำกว่า  pb ก็ต่ำกว่า  

ผมก็เลยซื้อหุ้นที่เป็นสโลแกนหลักของชาววีไอ ไม่ได้ซื้อตัวที่เก่งที่สุด  ไม่ใช่ตัวที่ดีที่สุด ไม่ใช่ตัวที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืนแบบบัฟเฟตต์  ไม่ใช่ตัวที่มีทรัพย์สินคุ้มค่าที่สุดแบบเกรแฮม  แต่เลือกวิธีของปีเตอร์  ลินช์ บวกวิธีของชาววีไอ  คือ
4. ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว  ที่ราคาปัจจุบันถือว่า  undervalue สุดๆ

บรรยายได้เยี่ยมมากครับพี่
ขอบคุณมากครับที่ช่วยแบ่งปันความรู้และแนวคิดครับ

เข้ามาฟังให้ได้ยิน แนวคิด

มีต่ออีกมั๊ยครับ

 :D   ขอบคุณครับพี่หมอ  จุดที่พี่มองในงบการเงิน หุ้นกลุ่มยานยนต์ มองเรืองอะไรบ้างครับ

ฟังแล้วเหมือนจะบรรลุ(แต่ยังไม่บรรลุเป็นแค่บัวปริ่มน้ำ:D ) รบกวนบรรยายต่อเลยครับ  :D

ปีนั้นเพื่อนสนิทผมก็ติดดอย stanly ออกไม่ทัน ก็มีคุยๆกันผมก็แนะนำให้ถือไป เพราะกระแสเงินสดกับไม่มีการลงทุนหนักๆทนได้สองปี มันก็ทำใจขายไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้หลุดไปล่ะ กำไรนิดหน่อย

ประสบการณ์ร่วมครับ

เยี่ยมไปเลยครับ

ขอบคุณครับที่แชร์ประสบการณ์และความรู้

มีต่อไหมครับ อยากฟังต่อ อิอิ

มาหาความรู้ครับ

เข้ามารอฟังต่อครับ

มีคำถามอยากถามพีหมอครับ-.-



อันนี้ผมลองplot ยอดผลิตดู ถ้านับจากจุดbottomแสดงว่าcycleของรอบใหญ่12ปีก็ใกล้แล้วรึเปล่าครับ อาจจะคลาดเคลื่อนได้บ้าง แต่ก็เป็นจุดที่ต้องระวังแล้วรึเปล่าคับ

ปีเตอร์ ลินซืเค้าเอากราฟมาพล็อตระหว่าง ยอดขายจริง กับ ยอดขายที่ควรจะเป็น ยอดขายที่ควรจะเป็นนั้นบริษัทผลิตรถยนต์เค้าวิจัยมาว่ามันต้องเพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากร ดังนั้น เส้นกราฟมันจะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือค่อยๆเติบโตไปทุกปี... แต่ทีนี้ยอดขายจริงนั้น มันกลับไม่เป็นยังงั้น เพราะว่า สินค้ายานยนต์ นั้นมันเป็น economic cyclical มันจงสามารถยืดระยะเวลาในการซื้อออกไปได้ ของพวกนี้มันขึ้นอยู่กับความมันใจของผู้บริโภคและสภาพเศรษฐกิจของผู้ซื้อส่วนใหญ่

ที่ไทยมีทำไว้รึเปล่าครับ ว่ายอดชะลอตัวการซื้อสะสมมีเท่าไหร่-.-??
จริงๆถ้ามีตัวเลขประมาณการยอดรถยนต์ที่ควรจะเป้นจะดีมากแต่ผมหาในไทยไม่ได้เลยT.T
สรุปคือพี่หมอดูแค่ยอดรถ ธรรมดารึเปล่าครับ
พี่หมอมีindicatorตัวอื่นแนะนำมั้ยครับ??
เท่าที่ผมเข้าใจขาขึ้นช่วงแรกจะเป็นช่วงที่ยอดการชะลอซื้อรถยังสะสมมากๆพอเวลาผ่านไป เมื่อดูดซับได้หมดก็จะดูดซับมากเกินไปทำให้ยอดชะลอซื้อกลับกลายเป็นยอดซื้อเกินเมื่อถึงจุดๆนี้ก็จะเป็นขาลง??



-อยากทราบหลักการในการประมาณกำไรของหุ้นsatครับ
ว่าเทียบยังไงกับยอดขายรถยนต์ซึ่งเป้นตลาดรวม หรือว่ามองเป้นorderๆไป??

-จังหวะการซื้อ ขาย ของกลุ่มauto ควรจะจับจาก อุสตาหกรรมเป็นหลักรึเปล่าครับ เช่นพอตอนbottomปุป เห็นยอดรถเดือนต่อเดือนเริ่มขยับตัวขึ้น ก็แสดงว่าได้เวลาเข้าซื้อแล้ว??


ขอบคุณครับ:D

ว่าแต่พี่หมอ ตามวัฏจักรอะไรใหญ๋ๆอยู่บ้างหรอครับ?? ผมอยากถามเพิ่ม

ขอบคุณมากครับ พี่หมอ
มุมมองการลงทุนหุ้นวัฎจักรชัดเจนมาก

ขอบคุณพี่ หมอครับ

สังเกตุว่าพี่ หมอ ชอบหุ้นที่ Market Growth สูง Market Share ตํ่า ใช่ไหมครับ  

เพราะโอกาศที่จะโตสูงกว่า  Market Growth สูง Market Share สูง อย่างstanly

พี่หมอครับ ผมอยากถามว่า ที่ roe   sat  มันสูงกว่า20% เหตุผลหนึ่งคือมันมีสัดส่วนหนี้ที่สูงด้วยใช่ป่าวครับ  

ขอบคุณครับ

a lot of knowledge kab wait for more

อยากขอความรู้จากคุณหมอ หน่อยครับว่า

ตอนขาย เราควรจะสังเกตุ ตัวแปรตัวไหนบ้างครับ

สำหรับหุ้น cyclical แบบยานยนต์ นี่ครับ

ขอบคุณครับ

สงสัยในเวลาที่เหมาะสมที่จะขายเช่นกันครับ

เคยเล่นหุ้นวัฎจักรมาหลายแบบแล้ว แต่ขายหมูทุกครั้งเลย ไม่ว่าจะเป็นเรือ บ้าน ปิโตร

คุณหมอคือ สุดยอดVIเมืองไทยอีกคนครับ นับถือจริง ๆ
ผมเชื่อว่า หลาย ๆ คนมองเห็น หลาย ๆคนนึกออก แต่มีไม่กี่คนซื้อได้ถูกทั้งจังหวะและเวลาแบบคุณหมอ ชื่นชมครับ

ขอบคุณครับพี่หมอ          

[quote="คนคอน"]พี่หมอครับ ผมอยากถามว่า ที่ roe

ขอบคุณครับ

ขอบคุณพี่หมอมากครับ ได้ความรู้อีก แล้ว  

ขอบคุณ พี่หมอมากครับ