Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

หวังว่าพรุ่งนี้คงได้นั้งใกล้คนกล้า    :D  :D

ปล.ผมไม่รู้จักพี่มาก่อน

ขอบคุณครับ สำหรับบทความดีๆ
ส่วนมือใหม่อย่างผม ก็ขอกล้าที่จะฝันว่าตูก็รวยได้เหมือนกัน....

อ่านแล้วได้ข้อคิดที่ดี ขอบคุณมากนะพี่ศรราม

เข้ามาขุดเอาความรู้ดีๆมานั่งอ่านครับ เป็นบทความที่พี่หมอสามัญชนเขียนไว้นานแล้ว ซึ่งนำมาอ่านแล้วก็เหมาะกับการนำมาใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันครับ จะนำมาเตือนสติการลงทุนครับ ขอขอบคุณพี่หมออีกครั้งรวมไปถึงความเห็นจากพี่ๆท่านอื่นด้วยครับ

รอท่านพี่ทั้งหลายมาชี้ทางนะครับ

วนเวียนอยู่แต่ในนี้ ยังไม่กล้าเอามือไปรับปังตอ ครับ

พอดีรอดตายหวุดหวิดจากต้นปี

พี่หมอสามัญชน แนะให้อีกหน่อยซิครับ

ขอแบบ stpi เลยนะ อิอิอิอิ

แซวล่ะนะครับ พี่หมอ

ขออีกหน่อย ครับ

ขอแบบเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมก้อได้ เด๋วไปจิ้มรายตัวเอง ครับ พี่ๆๆ

ได้ข้อคิดดีมากเลยครับ

ขอบคุณครับสำหรับข้อคิดดีๆ ที่เอามาเล่าใหม่ในช่วงนี้

ตอนนี้คงต้องสนใจเรื่อง Fund flow มากหน่อยครับที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย เพราะมีผลต่อค่าเงิน เงินเฟ้อ อยากทราบว่าพวกพี่ๆ เอาเรื่อง fund flow มาวิเคราะห์ตัดสินใจหาจังหวะการเข้าออกอย่างไรกันบ้างครับ (นอกเหนือจากที่เราต้องทำการบ้านหุ้นตัวที่เราสนใจอยู่แล้วนะครับ)

เพิ่มเติมแหล่งข่าวดีๆ คราฟฟ http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fi ... find56.php

สามัญชน เขียน: ดังนั้นที่จริงแล้วตัวผมเองจึงไม่ได้มีความกล้าอะไรเลย  ผมเพียงแต่ทำสิ่งที่เห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็เท่านั้นเอง

ผ่านไปสามปีกว่าๆ
ผมก็ยังคิดเหมือนเดิมนะครับ

ความกล้าควรมีน้อยๆ ไม่ควรมีเยอะ
ความกลัวก็ควรมีน้อยๆ ไม่ควรมีเยอะ
ที่จริง ทั้งสองอย่างนี้ถ้าไม่มีเลยจะดีที่สุด

มีความกลัวจึงเกิดความกล้า
มีความกล้าจึงเกิดความกลัว
ถ้าเรายังใช้ความกล้าในการซื้อหุ้น นั่นแปลว่าลึกๆแล้วเรามีความกลัวแฝงอยู่ และมีสิ่งที่เรายังไม่รู้เป็นต้นกำเนิดให้เกิดความกลัว
กล้าแล้วเจ็บจะทำให้เกิดความกลัวไปอีกเรื่อยๆ

ความกล้าและความกลัวเป็นอารมณ์ซึ่งจะบดบังความจริง
เป็นเหมือน bias ที่จะทำให้งานวิจัยนั้นผิดพลาด
เป็นเหมือนฝุ่นในลูกตาที่ทำให้ภาพพร่ามัวและผิดเพี้ยน

ผมคิดอย่างนี้นะ ผิดถูกอย่างไรก็แนะนำได้ครับ

สามัญชน เขียน:

สามัญชน เขียน: ดังนั้นที่จริงแล้วตัวผมเองจึงไม่ได้มีความกล้าอะไรเลย  ผมเพียงแต่ทำสิ่งที่เห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็เท่านั้นเอง

ผ่านไปสามปีกว่าๆ
ผมก็ยังคิดเหมือนเดิมนะครับ

ความกล้าควรมีน้อยๆ ไม่ควรมีเยอะ
ความกลัวก็ควรมีน้อยๆ ไม่ควรมีเยอะ
ที่จริง ทั้งสองอย่างนี้ถ้าไม่มีเลยจะดีที่สุด

มีความกลัวจึงเกิดความกล้า
มีความกล้าจึงเกิดความกลัว
ถ้าเรายังใช้ความกล้าในการซื้อหุ้น นั่นแปลว่าลึกๆแล้วเรามีความกลัวแฝงอยู่ และมีสิ่งที่เรายังไม่รู้เป็นต้นกำเนิดให้เกิดความกลัว
กล้าแล้วเจ็บจะทำให้เกิดความกลัวไปอีกเรื่อยๆ

ความกล้าและความกลัวเป็นอารมณ์ซึ่งจะบดบังความจริง
เป็นเหมือน bias ที่จะทำให้งานวิจัยนั้นผิดพลาด
เป็นเหมือนฝุ่นในลูกตาที่ทำให้ภาพพร่ามัวและผิดเพี้ยน

ผมคิดอย่างนี้นะ ผิดถูกอย่างไรก็แนะนำได้ครับ

ผมว่าใช้คำว่างานวิจัยได้เลยเหมือนที่พี่หมอว่ามาครับ

เพียงแต่เราวิจัยธุรกิจ

ซึ่งแน่นอนระหว่างเส้นทางที่ผลลัพธ์ออกมาย่อมมีความกดดันจากหลายสิ่งหลายอย่าง

ผมว่าห้อง PTL ในหลายช่วงเวลาที่ผ่านมีสถานการณ์เช่นนั้นนะครับ

.................................

ความกลัว เกิดจากคนอื่นทำให้เรา "ไม่มั่นใจในข้อมูล" โดยใช้ราคามากดดัน
หากแรงกดดันมากพอ เราจะยอมแพ้ เพราะเราไม่มั่นใจ

ผมว่ามันเป็น สมการ ระหว่าง

แรงหุ้นตก กับ ความมั่นใจ

ครับ

............................

ผมสนใจประเด็นนี้มากครับพี่หมอ Mr.Market ไม่ค่อยบอกเหตุผลเรา บอกว่าขายและขาย ไอ้เราก็กลัว

หากความมั่นใจผมเต็มเปี่ยม ไอ้แรงหุ้นตกนี่มันทำอะไรไม่ค่อยได้

แต่หากความมั่นใจผมกระท่อนกระแท่น ไอ้แรงหุ้นตกนี่มันกระแทกผมแรงได้ใจ

แต่คนที่เซียนกว่าผม พอหุ้นตกสามารถซื้อได้อีก นั่นก็มั่นใจได้อีก

แรงหุ้นตกกับความมั่นใจนี่ผมว่ามันมีสมการนะครับ ไว้ว่าง ๆ จะลองแงะดู (มันจะมีได้ไงฟะ)

ขอบคุณพี่หมอเช่นเคยครับ

ผมคิดว่าการเล่นหุ้นหลายคน ทำให้เกิดความกล้าความกลัวได้ครับ

หากผมกำลังวิจัยหุ้นตัวหนึงอยู่แล้ว มีเพื่อน พี่หรือมีครู มาเสริมว่า ดีและถูก
ความกล้ามันก็เหิมเกริมขึ้นครับ

หากโดนทักท้วงว่าไม่ดีนะมีความเสี่ยงโน่นนี่อยู่ ความกลัวมันก็เข้ามาแทน
ตอนนั้นแหละการชั่งน้ำหนัก biasที่เรามีกับ คำเตือน จะเกิดขึ้น
ตัวไหนมันหนักมากกว่าก็ชนะ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องมีเพื่อนแท้ พี่ที่แสนดี และครูผู้ให้จากใจ ครับ

สามัญชน wrote:
ดังนั้นที่จริงแล้วตัวผมเองจึงไม่ได้มีความกล้าอะไรเลย ผมเพียงแต่ทำสิ่งที่เห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็เท่านั้นเอง

สุดยอดเห็นภาพในหัวเลยครับ....เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องเข้าใจ เราแค่ดื่มด่ำ ซึมซับกับมัน เพื่อปลูกฝังความคิดทัศนคติให้ก็ถูกต้อง ก็เพียงพอแล้ว

ขอบคุณสำหรับ ความคิดดีๆครับ

ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ
ถ้าพอร์ตใหญ่กล้าให้น้อยลงก็คงจะดี
เงิน100 ล้าน กับ 1000 ล้านซื้อความสุขได้
ไม่ต่างกันเท่าไหร

มีไม่กี่ล้านก็สุขได้ครับ

A++

อ่านกี่ครั้งก็ชอบครับ
ชอบจริงจริง

ตอนนี้กล้า จนยังไม่ได้ลองของจริง คงรอให้พร้อมมากจริงๆๆถึงเรียกว่ากล้าได้

กลับมาอ่านอีกที

ดูผลงานตัวเอง เละเทะ เลย

ผมมีแต่ความบ้าบิ่น

wanisa เขียน:ตอนนี้กล้า จนยังไม่ได้ลองของจริง คงรอให้พร้อมมากจริงๆๆถึงเรียกว่ากล้าได้

ลองไปเลยครับ
ลองซัก 5พัน ซื้อตัวที่ "คิดว่าศึกษามาดีแล้ว" อาจได้ค่าครูที่ดีครับ

ผมหมั่นใส้ครับ


ฮาๆ ผมล้อเล่นนะครับ


ขอบคุณมากครับพี่ได้ข้อคิดเยอะเลย

ผมเห็นด้วยกับพี่ในข้อนี้เลยคับบ

ตอนที่หุ้นตกหนักๆวิกฤตเศรษฐกิจผมก็เสียไปทั้งหมดของที่ได้มาเลยคับ
แค่โชคดีไม่ขาดทุนเฉยๆ เหมือนลงทุนมา3ปีกำไรขาดทุนลบกันหมด
ช่วงนั้นก็สับสนมากว่าเรามาถูกทางหรือผิดทาง แถมไปเอาเงินแม่มาเล่นอีกนิดหน่อย
เลยยิ่งเครียดไปอีก

แต่ข้อดีของความเครียดคือเราได้กลับมานั่งทบทวนตัวเองว่าเราพลาดตรงไหน
วิเคราะห์ผิดตรงไหน และทำให้อ่านหนังสือเยอะขึ้นกว่าตอนได้กำไรมากเลยคับ
ผมว่าหลังจากที่ขาดทุนมาผมวิเคราะห์ดีขึ้นอยู่น่ะคับ
กำไรก็ได้มากขึ้นแต่มากแบบน้อยๆตามประสามือใหม่น่ะคับ

ผมจะตั้งใจตอบกระทู้มากกว่านี้คับ
จะได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้แบบที่พี่แนะนำไว้คับ

น้องหมอช.

ขอบคุณครับ

Nevercry.boy เขียน:

สามัญชน เขียน:

สามัญชน เขียน: ดังนั้นที่จริงแล้วตัวผมเองจึงไม่ได้มีความกล้าอะไรเลย  ผมเพียงแต่ทำสิ่งที่เห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็เท่านั้นเอง

ผ่านไปสามปีกว่าๆ
ผมก็ยังคิดเหมือนเดิมนะครับ

ความกล้าควรมีน้อยๆ ไม่ควรมีเยอะ
ความกลัวก็ควรมีน้อยๆ ไม่ควรมีเยอะ
ที่จริง ทั้งสองอย่างนี้ถ้าไม่มีเลยจะดีที่สุด

มีความกลัวจึงเกิดความกล้า
มีความกล้าจึงเกิดความกลัว
ถ้าเรายังใช้ความกล้าในการซื้อหุ้น นั่นแปลว่าลึกๆแล้วเรามีความกลัวแฝงอยู่ และมีสิ่งที่เรายังไม่รู้เป็นต้นกำเนิดให้เกิดความกลัว
กล้าแล้วเจ็บจะทำให้เกิดความกลัวไปอีกเรื่อยๆ

ความกล้าและความกลัวเป็นอารมณ์ซึ่งจะบดบังความจริง
เป็นเหมือน bias ที่จะทำให้งานวิจัยนั้นผิดพลาด
เป็นเหมือนฝุ่นในลูกตาที่ทำให้ภาพพร่ามัวและผิดเพี้ยน

ผมคิดอย่างนี้นะ ผิดถูกอย่างไรก็แนะนำได้ครับ

ผมว่าใช้คำว่างานวิจัยได้เลยเหมือนที่พี่หมอว่ามาครับ

เพียงแต่เราวิจัยธุรกิจ

ซึ่งแน่นอนระหว่างเส้นทางที่ผลลัพธ์ออกมาย่อมมีความกดดันจากหลายสิ่งหลายอย่าง

ผมว่าห้อง PTL ในหลายช่วงเวลาที่ผ่านมีสถานการณ์เช่นนั้นนะครับ

.................................

ความกลัว เกิดจากคนอื่นทำให้เรา "ไม่มั่นใจในข้อมูล" โดยใช้ราคามากดดัน
หากแรงกดดันมากพอ เราจะยอมแพ้ เพราะเราไม่มั่นใจ

ผมว่ามันเป็น สมการ ระหว่าง

แรงหุ้นตก กับ ความมั่นใจ

ครับ

............................

ผมสนใจประเด็นนี้มากครับพี่หมอ Mr.Market ไม่ค่อยบอกเหตุผลเรา บอกว่าขายและขาย ไอ้เราก็กลัว

หากความมั่นใจผมเต็มเปี่ยม ไอ้แรงหุ้นตกนี่มันทำอะไรไม่ค่อยได้

แต่หากความมั่นใจผมกระท่อนกระแท่น ไอ้แรงหุ้นตกนี่มันกระแทกผมแรงได้ใจ

แต่คนที่เซียนกว่าผม พอหุ้นตกสามารถซื้อได้อีก นั่นก็มั่นใจได้อีก

แรงหุ้นตกกับความมั่นใจนี่ผมว่ามันมีสมการนะครับ ไว้ว่าง ๆ จะลองแงะดู (มันจะมีได้ไงฟะ)

ขอบคุณพี่หมอเช่นเคยครับ

ผมค้นพบแล้วครับพี่หมอ สมการที่ผมอยากหาเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว

ความกล้า = ความมั่นใจในข้อมูลที่เรามี - ความหวั่นไหวจากการลากขึ้นลากลงของราคา

ถ้าเป็นบวกเรายังกล้าอยู่
ถ้าเป็นลบ ความกล้าติดลบ เท่ากับ ความกลัว

ถ้าพี่แวะมาอ่านช่วยแก้สมการให้ผมด้วยครับ

ขอแสดงความนับถือครับพี่

อ่านกี่ที ก็ได้แง่คิดดีๆ

ชอบมากๆครับ ขอบคุณครับ

ขอบคุณมากครับ