ขอถามเกี่ยวกับ value investing หน่อยครับ

กระทู้การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น วีไอ มีประโยชน์ ความรู้ดีดี เป็นประโยชน์เสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แค่ไหนก็ตาม

โพสต์ โพสต์
มือใหม่ ความรู้น้อย
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามเกี่ยวกับ value investing หน่อยครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ผมเพิ่งสนใจลงทุนเมื่อต้นปีนี้เองครับ ไม่ได้มีทุนมากเท่าไหร่ ได้ไปอ่านหนังสือ ดร. นิเวศน์ เลยติดตามมาจนถึงที่นี่ รู้สึกว่ามีประโยชน์แยะเลยครับ ที่จะถามคือว่า แนวความคิดของ value investing เนี่ยดีมากครับ แต่ผมยังกังขาสองสามประเด็น แต่ขอออกตัวก่อนว่าอาจไม่มีความรู้ด้าน value investing มากพอนะครับ
1. ตลาดหุ้นเมืองไทยมี circle สั้นตามภาวะเศรษฐกิจของเราที่สั้น ผมดูๆ แล้วน่าจะประมาณ 12 ปีเท่านั้นเอง ดูจากเครดิตฟองซิเอย์ล้ม (ปี 2526 - 28) จนถึง เงินทุนหลักทรัพย์ล้ม (2539 - 40) ฉนั้น โอกาสที่คุณจะถือหุ้นระยะยาว โดยเฉพาะที่ซื้อเก็บเรื่อยๆ อาจจะมีโอกาสที่มูลค่าจะลดลงอย่างมากมายได้

2. ปันผล หรือ dividend นั้น บริษัทฯ ในเมืองไทยไม่ได้มีผลตอบแทนที่เหมาะสมและมากพอ เมื่อเทียบกับค่าเสียโอกาสของเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาวะเศรษฐกิจเติบโตขึ้น หลายๆ ครั้งที่ปันผลออกโดยมีนัย ไม่ได้แสดงถึงผลประกอบการที่แท้จริง โดยความต้องการของผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่

ส่วนตัวผมยังคิดว่าน่าจะเป็นการลงทุนแบบยืดหยุ่น คือแบ่ง ยort ออกเป็ฯระยะยาว กลางและสั้นมากกว่าครับ
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 84

ขอถามเกี่ยวกับ value investing หน่อยครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ข้อแรกนะครับ การลงทุนแบบ VI ไม่ใช่ว่าจะทยอยซื้อไปเรื่อยๆและไม่มีการขายนะครับ
เพียงแต่ว่าการลงทุนแบบ VI นั้นจะพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก โดยไม่สนใจกราฟราคาหรือสภาพตลาดระยะสั้นๆ
การลงทุนแบบ VI เปรียบเสมือนเราเป็นเจ้าของกิจการนะครับ และมีความเชื่อว่าในระยะยาวแล้วราคาตลาดจะสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท
เราจะซื้อเมื่อเราเห็นว่าราคาตลาดนั้นต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานมากพอสมควร หรือเราจะได้รับผลตอบแทนในอัตราที่สูง (ทั้งเงินปันผลและส่วนต่างราคา)
และเราจะขายเมื่อเห็นราคาตลาดสูงกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐาน หรือเราเห็นโอกาสในการลงทุนอื่นที่ดีกว่าครับ

ข้อที่สอง ผลตอบแทนจากการลงทุนแบบ VI นั้น ไม่ใช่แค่เงินปันผลครับ ยังมีส่วนต่างของราคาด้วยซึ่งได้รับผลตอบแทนคุ้มค่าแน่นอนครับ เพียงแต่ว่าคุณสามารถวิเคราะห์ได้ดีแค่ไหน และสามารถซื้อได้ราคาที่ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานเพียงใด
ยิ่งถ้าเศรษฐกิจดี บริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งย่อมสามารถเติบโตได้ดี กำไรสุทธิและเงินปันผลย่อมเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆครับ
อย่างผมซื้อ WG เมื่อต้นปีก่อนที่ราคาประมาณ 13-14 บาท ตอนนั้นได้เงินปันผล 1 บาทต่อหุ้น พอปีนี้ก็ได้ 1.50 บาทต่อหุ้น และคาดว่าต้นปีหน้าจะได้ประมาณ 2 บาทต่อหุ้น ไม่รวมส่วนต่างราคานะครับ คุณว่าโอเคไหมละ
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6490
ผู้ติดตาม: 863

ขอถามเกี่ยวกับ value investing หน่อยครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอเสริมคุณฉัตรชัยอีกตามเคย... :D
ตลาดหุ้นเมืองไทยมี circle สั้นตามภาวะเศรษฐกิจของเราที่สั้น ผมดูๆ แล้วน่าจะประมาณ 12 ปีเท่านั้นเอง ดูจากเครดิตฟองซิเอย์ล้ม (ปี 2526 - 2 จนถึง เงินทุนหลักทรัพย์ล้ม (2539 - 40) ฉนั้น โอกาสที่คุณจะถือหุ้นระยะยาว โดยเฉพาะที่ซื้อเก็บเรื่อยๆ อาจจะมีโอกาสที่มูลค่าจะลดลงอย่างมากมายได้
ผมคิดว่าน่าจะคลาดเคลื่อนนะครับ เพราะหากเราซื้อเรื่อยๆ หรือที่เรียกว่า ฿ cost average คือซื้อด้วยเงินที่เท่าๆกัน ตามเวลาที่แน่นอน เช่น ซื้อ 50000 บาท ทุกๆ สามเดือน ต้นทุนของเราก็น่าจะต่ำกว่าตลาดนิดหน่อย เพราะตอนที่ราคาสูงมากๆ มักจะเป็นเวลาไม่นานครับ ดังนั้นโอกาสขาดทุนน่าจะน้อย และยังมีปันผลให้ทุกๆ ปีด้วยครับ...

และเราไม่น่าจะขาดทุนมากๆ หากไม่ได้ไปซื้อตอนตลาดบูม และไปขายตอน
วิกฤตครับ... :D

ส่วนที่บอกว่าเงินปันผลไม่น่าจะคุ้มค่าเสียโอกาสของเงิน น่าจะอธิบายได้ดังนี้ คือหากไม่ซื้อหุ้นก็ต้องนำเงินนั้นไป...
-ฝากธนาคาร ได้ดอกเบี้ยเหมือนเศษเงิน
-ทำธุรกิจ ผมมีเพื่อนๆ หลายคน พอทำงานได้ซักพัก ก็อยากทำธุรกิจของตัวเอง ประเภท ชาใข่มูก ชาเขียว-ชาขาว กาแฟ เบเกอรี่ ร้านอาหาร แต่ยังไม่เห็นมีใครออกมาทำจริงจังซักคน เพราะเสียดายงานไม่รู้จะไปรอดเหมือนที่คิดหรือเปล่า หรือไม่ก็ทุนที่คิดว่าพอ แต่ไม่พอ..
และคนที่ออกมาทำจริงๆ สองราย เจ็งทั้งสองรายครับ ในเวลาอันรวดเร็วซะด้วย.. :cry:

ดังนั้นสำหรับผม หุ้นคือคำตอบสุดท้ายครับ แต่ไม่ได้บอกว่าเหมาะกับทุกคนนะครับ เป้าหมายอาจจะไปได้หลายทางนะครับ แต่ทางที่ผมคิดว่าง่ายที่สุดสำหรับคนทั่วไป ที่ไม่ได้มีมรดกก้อนโตหรือธุรกิจของครอบครัว คือลงทุนในหุ้นเป็นเจ้าของกิจการส่วนน้อยครับ.. :D
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
thanez
Verified User
โพสต์: 59
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามเกี่ยวกับ value investing หน่อยครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอแจมหน่อยนะครับ
ที่คุณมือใหม่ความรู้น้อยตั้งประเด็นในข้อแรก หากมองในแง่นั้น ผมกลับคิดว่าเป็นข้อดีซะอีกครับที่มี circle สั้น คือผมจะได้มีโอกาสในการเลือกซื้อของถูกได้หลายครั้งขึ้นในชีวิตนี้ หรือหากเป็นบริษัทที่ผมเลือกแล้ว ก็เป็นโอกาสในการซื้อเพิ่มตราบใดที่พื้นฐานไม่เปลี่ยน
ส่วนข้อสองนั้น ดร.นิเวศน์ก็ยกตัวอย่างการตีแตกหลายครั้งในหนังสือนี่ครับ แสดงว่าท่านดร.ก็ไม่ได้รับแค่ dividend อย่างเดียว ยังมี capital gain ด้วย ส่วนค่าเสียโอกาสนั้นอยู่ที่มุมมองของแต่ละท่านนะครับที่จะมองว่าจะนำเงินไปทำให้งอกเงยได้มากที่สุดได้อย่างไร ส่วนของผมกำลังจะเลียนแบบท่านดร.นิเวศน์นะครับ คือลงทุนในหุ้น100% (ตอนนี้ยังแค่60% เพราะยังเพิ่งเริ่ม เอาไว้เป็นระดับเซียนอย่างพี่มน พี่เจ๋ง พี่วิบูลย์ พี่ฉัตรชัย พี่ปรัชญา ฯลฯ ก่อนค่อย 100% แบบVI)
VIB007
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2035
ผู้ติดตาม: 67

ขอถามเกี่ยวกับ value investing หน่อยครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอแก้ข่าวหน่อยนะครับ
ผมไม่ใช่เซียนหุ้นนะครับ
ยังรู้จักบริษัทไม่ถึงครึ่งกระดานเลย
แถมเงินลงทุนก็ยังไม่เยอะอย่างรุ่นพี่ๆเขา

เพียงแต่ผมคิดว่า
การลงทุนแบบ VI เหมาะกับผมเท่านั้นเองครับ
ถ้าผมจะแนะนำ
คุณมือใหม่ ความรู้น้อย
ก็คือต้องหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนแนวนี้ครับ
มีความรู้ ก็มีความมั่นใจ
มีความมั่นใจ ก็ทำได้นาน

โชคดีครับ
โพสต์โพสต์