คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

[zesar]

การสำแดงวิชาของฮง และท่านพี่ท่านอื่น ๆ  เป็นประโยชน์อย่างมากกับพวกความรู้น้อยอย่างผมนะครับ

สำแดงวิชาต่อไปเถอะครับ ถือเป็นวิทยาทาน สร้างบุญกุศล

คุณพี่ขอร้อง

[ซากคน]

คือจริงๆแล้วมีคนเล่นหุ้นเก่งๆที่ไม่เปิดเผยตัวเองเยอะนะ
แบบว่าได้กำไรเป็นกอบเป็นกำเวลาคุยกับคนอื่นก็เงียบๆ
ไม่ค่อยพูดค่อยจารับฟังสิ่งที่คนอื่นคิด พอเจอคนแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าไม่รู้จะมานั่งสำแดงวิชากันทำไมอะ สมมุติว่า
ไปสำแดงวิชาแล้วชนะคนอื่นแล้วได้อะไรขึ้นมาจริงไหม
มันมีต้นทุนทางเวลาอะที่จะทำแบบนั้น ถ้าคิดกลับกันเอาเวลาตรงนั้นมานั่งศึกษาเรื่องหุ้นมากขึ้นได้ผลตอบแทนมากขึ้นมันจะไม่ดีกว่าเหรอ จริงไหม สุดท้ายแล้วมันอยู่ที่ว่าสิ่งที่ทำมันคุ้มกับเวลาที่เสียโอกาศจะไปทำอย่างอื่นไหม ถ้าดูแล้วมันไม่ได้อะไรเท่าไหร่ก็ไม่ทำดีกว่า

เรามองว่า คำว่า สำแดง ต่างกับ แสดง ตรงที่ความมั่นใจในความถูก
ต้องของข้อมูลที่ศึกษาและคิดคงเส้นคงวา   ไม่บิดเบือน เปลี่ยนไปมา ปุ๊บ ปั๊บตามความรู้สึก

 อยู่ที่เจตนาแรกเริ่มของคนพูดมากกว่า  ถ้าเจตนาเป็นเพื่อเอาชนะคนอื่นอย่างที่ฮงยกตัวอย่าง ก็เสียเวลา, ego เพิ่มอีก  ทำให้มี bias เวลา
ตัดสินใจอะไรต่อไปภายหน้า  

 การแสดง/สำแดง จะได้ประโยชน์สูงสุด เมื่อมี 2 คนขึ้นไปถกกัน เพื่อมอง
หาความแตกต่างของความคิด มากกว่าหาความเหมือน  แต่หากคนนึงเงียบไปนั่งฟังอย่างเดียว (มีทั้งที่ blank จริงๆ+ไม่ชอบพูด) อีกคนที่พูดก็เบื่อเหมือนกัน..  

 เรื่องไหนที่เราพอเข้าใจ ควรสำแดงออกมาบ้าง นอกจากช่วยทบทวนตัวเองได้ (เวลาลืมก็กลับมาอ่านใหม่ได้)  ยังช่วยระบายเนื้อที่ในสมองไม่ให้อึดอัดเกินไป  จะได้รับเรื่องใหม่ๆได้ดีขึ้น โดยที่ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง  
จะว่าไปแล้ว โดยพื้นฐานของการสำแดง มีคุณมากกว่าโทษนะ  
 
ปล. กระทู้ที่ฮงช่วยตอบเรา  แต่เรายังไม่ได้ทำอะไร ขอไปอ่านเพิ่มก่อนนะ  เรา blank จริงๆ  เหมือนนักมวย ออกหมัดทั้งที จังหวะต้องได้ น้ำหนักหมัดต้องดี

[hongvalue]

การสำแดงวิชาของฮง และท่านพี่ท่านอื่น ๆ  เป็นประโยชน์อย่างมากกับพวกความรู้น้อยอย่างผมนะครับ

สำแดงวิชาต่อไปเถอะครับ ถือเป็นวิทยาทาน สร้างบุญกุศล

คุณพี่ขอร้อง

เรามองว่า คำว่า สำแดง ต่างกับ แสดง ตรงที่ความมั่นใจในความถูก
ต้องของข้อมูลที่ศึกษาและคิดคงเส้นคงวา

[zesar]

ฮา  ขอบคุณครับ  :lol:

[VIB007]

กระทู้นี้เข้าใกล้ 900,000 ครั้งแล้วฮง
ล่าสุดตอนนี้ 899,562 ครั้ง
เหลืออีกแสนเดียวได้กินฟรีแล้ว... :lol:  :lol:  :lol:

แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงเป้าล้านครั้ง
มาเดากันไหม
พี่ว่าอีกสักหกเจ็ดเดือนก็ประมาณเดือนมีนาคมปีหน้า 2010 อิ อิ อดทนหน่อยนะ

[hongvalue]

[quote="VIB007"]กระทู้นี้เข้าใกล้ 900,000 ครั้งแล้วฮง
ล่าสุดตอนนี้ 899,562 ครั้ง
เหลืออีกแสนเดียวได้กินฟรีแล้ว... :lol:

[ซากคน]

[quote="VIB007"][quote="VIB007"][

ว่าแต่ว่าการบ้านที่ให้มาผมยังไม่ได้ทำเลย อิ อิ

[ซากคน]

[quote="hongvalue"][quote="Voldtrest"]

เดาว่าเป็นคนนั้น เพราะกล้าแสดงออกกว่าคนอื่นบนโต๊ะ แววตาเชื่อมั่น
จากที่สัมผัสได้จากกระทู้

[hongvalue]

[quote="Voldtrest"]


ก่อนหน้านี้ นายบอกว่ารูปที่ถ่ายดูแก่กว่าตัวจริงใช่ป่ะ

[ศิษย์เซียน007]

คุณฮงสุดยอด เว็ปเยี่ยม น่าจะมีการเขียนเรื่องลงทุนอย่างเทพ fundflowฮงไม่ใช่ขี้ๆนะจ๊ะ  :lol:

ปล. สไตส์การลงทุนของปีเตอร์ ลินซ์เมืองไทยเป็นไงบ้างครับน่าสนใจๆ

[hongvalue]

[quote="ศิษย์เซียน007"]คุณฮงสุดยอด เว็ปเยี่ยม น่าจะมีการเขียนเรื่องลงทุนอย่างเทพ fundflowฮงไม่ใช่ขี้ๆนะจ๊ะ

[krisy]

ชอบพี่โจ หาเวลาลงมาหาดใหญ่สิจ้ะ น้องฮง

ถ้าจะให้พี่เค้าขึ้นกรุงเทพ พี่โจมีลูกเล็กๆทั้งนั้น อาจยากนิดนึงนะสำหรับซามูไรพ่อลูกอ่อน

[hongvalue]

ชอบพี่โจ หาเวลาลงมาหาดใหญ่สิจ้ะ น้องฮง

ถ้าจะให้พี่เค้าขึ้นกรุงเทพ พี่โจมีลูกเล็กๆทั้งนั้น อาจยากนิดนึงนะสำหรับซามูไรพ่อลูกอ่อน

ถ้าครั้งหน้ามี meeting ที่หาดใหญ่อีกพี่กบช่วยบอก หลังไมค์ด้วยนะครับ กันเหนียวครับเผื่อผมลืมเข้าไปดู

ตั้งใจว่าถ้ามีเวลาครั้งหน้าจะขอไปแอ๊บแบ๊ว (ศัพท์สมัยใหม่)นั่งฟังพี่โจ lecture ด้วยคนครับ

[ซากคน]

[quote="ศิษย์เซียน007"]
น่าจะมีการเขียนเรื่องลงทุนอย่างเทพ fundflowฮงไม่ใช่ขี้ๆนะจ๊ะ

[hongvalue]

[quote="Voldtrest"]

ถ้าเขียนเอง ก็คงจะเป็น คัมภีร์วิทยายุทธ หรือ ไม่ก็บันทึกส่วนตัว (มีใน blog อยู่แล้ว) อืม..

[hongvalue]

วันนี้เสี่ยวิบูลย์นอนดึกนะครับเที่ยงคืนกว่าแล้วยังไม่นอนเหรอครับ เห็นหน้าแรกยัง log in online อยู่เลย
มาทำไรดึกๆดื่นๆครับ
แอบมาเล่น hi 5 กับสาวหรือ

อิอิ  :lol:

[hongvalue]

ช่วงนี้นอนดึกเพราะนั่งฟังเพลงเกี่ยวกับความรักตลอดเวลาสมองแล่นได้ดี อิอิ

ขอคุยเรื่องชีวิตหน่อย

ผมดูหนังเรื่อง yes man ของ jim carry แล้วได้แง่คิดเยอะดี คือ เรื่องมีอยู่ว่าแต่เดิม carl หรือ jim carry นั้นเป็นคนที่มักจะปฏิเสธคนรอบข้างเสมออะไรๆก็พูดแต่ no no เพื่อนของ carl จะชวนไปข้างนอกก็ปฏิเสธแล้วโกหนุ่นๆนี้ๆตลอดเวลา ชีวิตขของ carl เอาแต่พูดคำว่า no no no อยู่นั้นแหละ จนวันนึงชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยนเพราะว่า
carl ได้ไปอมรมงานแห่งนึกชื่อว่า yes ซึ่งงานนี้จะให้ทุกคนต้องพูดว่า yes ตลอด พอเริ่มงานวิทยากรถามว่ามีใครเป็นคนใหม่บ้าง เพื่อนของ carl ก็ชี้ไปที่เขาแล้ว carl ก็ได้คุยกับวิทยากรตัวต่อตัวซึ่งวิทยกรบอกว่า ต้อง carl พูดแต่คำว่า yes ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

หลังจากจบงานอบรม carl ก็ say yes กับทุกอย่างในชีวิตของเขาซึ่งทำให้เขาได้พบกับคนรักของเขาชื่อ allisa
แล้วเรื่องก็จบอย่าง happy ending
ดูจบแล้วก็แอบมีไฟว่าจริงๆแล้วถ้าคนเรา say yes แล้วมองโลกในแง่ดีคนเราจะก้าวหน้าได้มากจริงๆมันก็ดีกว่า
นั่งจับเจ่าอยู่กับบ้านจริงๆนั้นแหละ

ผมมีความเชื่อว่าชีวิตของเราเราลิขิตเองไม่ใช่ใครหน้าไหนทั้งนั้นมาลิขิต ใครจะบอกว่าคุณห่วย คุณไม่มีทางประสบความสำเร็จ ไม่มีผลหรอกถ้าใจคุณสู้และเชื่อว่าคุณทำได้ ผมเชื่อของผมแบบนี้

[por_jai]

ผมไม่อยากเป็นเหมือนบางคนอะ เก่งมากแต่ไม่เคยเปิดเผยตัวเพราะโจทย์เยอะเนื่องจากไปปั่นหุ้นชาวบ้านเอาไว้ เยอะ รู้อะไรก็เก็บไว้คนเดียวไม่มีเพื่อนฝูง ชีวิตแบบนั้น
สำหรับผมมันไม่ถือว่าประสบความสำเร็จอะ

นกไร้ขน คนไร้เพื่อน
มิอาจขึ้นสู่ที่สูงได้

[hongvalue]

นกไร้ขน คนไร้เพื่อน
มิอาจขึ้นสู่ที่สูงได้

ผมกับพี่ก็คล้ายๆกัน พี่ออกตัวว่าตั้งแต่รู้จักพระอาจารย์ก็ได้เจอแต่สิ่งดีๆได้ก้าวหน้ามากมาย พระอาจารย์ช่วยพี่ทุกอย่าง

ผมเองก็ได้รู้จักพระอาจารย์ที่แนะนำวิธีการให้ผมมากมาย
ทุกวันนี้มองย้อนกลับไปไม่ได้อาจารย์คนนี้ปีที่แล้วคงขาดทุนบักโกรก ปีที่แล้วผมโดนไปน้อยเพราะว่าฟังพระอาจารย์วิเคราะห์สถานการณ์หลัง lehman ล้มแล้วผมว่าผมไปดีกว่า

จริงๆต้องขอบคุณ tvi เพราะว่าถ้าไม่มีเว็บนี้ผมก็ไม่ได้เจออาจารย์คนนี้แต่เดี่ยวนี้เขาเลิกโพสเว็บบอร์ดไปแล้วโชคดีที่ผมมาทันเวลาไม่งั้นก็คงจะคลาดกันไปแล้ว

[VIB007]

[quote="hongvalue"]วันนี้เสี่ยวิบูลย์นอนดึกนะครับเที่ยงคืนกว่าแล้วยังไม่นอนเหรอครับ เห็นหน้าแรกยัง log in online อยู่เลย
มาทำไรดึกๆดื่นๆครับ
แอบมาเล่น hi 5 กับสาวหรือ

อิอิ

[VIB007]

นกไร้ขน คนไร้เพื่อน
มิอาจขึ้นสู่ที่สูงได้

คำคมนะครับพี่ป้อม
...บาด

[hongvalue]

พูดถึงพี่ป้อมแล้วไม่มีใครใน tvi ไม่รู้จักเพราะว่าแซวเขาไปทั่วทุกหัวระแหงเฮ้ยไม่ใช่ เพราะมีความเป็นกันเองกับ
ทุกคนในเว็บ  :lol: ผมจะแฉเฮ้ย เล่าให้เสี่ยวิบูลย์ฟังพี่ป้อมฮิตถึงขนาดว่ามีคนขอที่อยู่พี่ป้อมจากผมที่ขอไม่ใช่อะไรหรอกจะไปดักตีหัวเฮ้ยไม่ใช่จะส่งของไปให้
ที่จะส่งไปให้เพราะว่ามีคนนึงบอกว่าพี่ป้อมส่ง cd เทคนิคไปให้เขาก่อนแล้วเวลาส่งกลัวคนอื่นจะส่งกลับก็เลยไม่เขียนที่อยู่ตัวเอง(คนอะไรหายาก)ส่วนอีกคนนึงเป็นแฟนพันธแท้กระทู้สายน้ำรินไหล อยากส่งของให้เขามาเจอผมที่ central rama 2 แล้วฝากของมาให้พี่ป้อมเขาเอาขนมมาให้ผมด้วยซองเบอร์เร่อ เพิ่งจะกินหมดเอง    


ถ้าใครที่เห็นผมเดินไปงานจิบเบียร์จะเห็นผมถือถึงมาสองมือ ข้างซ้ายคือถุงเล็กๆใบนึงอันนั้นคือแฟนกระทู้พี่ป้อมฝากมา ส่วนทางขวามือเป็นโพยลับลายแทง fundflow ที่ผมรับปากหมออุ๋ยว่าจะไปเล่าให้ฟัง แต่หมออุ๋ยไม่ได้ไป
ผมก็เลยเล่าให้คนอื่นๆฟังแทน

ที่ผมเล่ามาจะเห็นว่าพี้ป้อมของเราไม่ใช่ธรรมดามีแต่คนอยากดักตีหัวเฮ้ยอยากพบเจอ   มีแต่คนรักเพราะว่าวันเกิดทุกๆปีจะมีคนมาตั้งกระทู้อวยพร ในเว็บนี้มีใครได้แบบนี้มั้งล่ะ

ผมถือว่าพี่ป้อมเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของเว็บที่วางตัวดีและเป็นกันเองกับทุกคนเลยทีเดียว

[VIB007]

ช่วงนี้นอนดึกเพราะนั่งฟังเพลงเกี่ยวกับความรักตลอดเวลาสมองแล่นได้ดี อิอิ

ท่าทางจะวัยหวานจริง
โลกคงเป็นสีชมพูนะช่วงนี้
พี่ยังรู้สึกได้ว่าเอ็งลดความร้อนแรงลงไปเยอะนะ
ดีแล้วหละ
ความรักทำให้โลกสดใส...อิ

พี่พอใจคงกำลังอิจฉาเจ้าฮงลึกๆ  :8)  :8)

ผมมีความเชื่อว่าชีวิตของเราเราลิขิตเองไม่ใช่ใครหน้าไหนทั้งนั้นมาลิขิต ใครจะบอกว่าคุณห่วย คุณไม่มีทางประสบความสำเร็จ ไม่มีผลหรอกถ้าใจคุณสู้และเชื่อว่าคุณทำได้ ผมเชื่อของผมแบบนี้

ใครคิดว่าชีวิตถูกลิขิตมาแล้ว
ให้ไปอ่าน "Think and Grow Rich" ของท่านนโปเลียน ฮิลล์
หนังสือเล่มนี้เปลี่ยนชีวิตของบางคนโดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะผมที่โดนไปเต็มๆ

เปลี่ยนได้อย่างไร
คงต้องไปหาอ่านดูเอาเอง
อ่านช้าๆนะ
ค่อยๆเข้าใจ
อ่านสักสองรอบกำลังดี

[VIB007]

Value Way ฉบับวันที่ 7 กันยายน 2552

มองจีน(อีกรอบ)

นอกเหนือจากเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงวิกฤติรอบนี้แล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อพูดถึงประเทศจีนแผ่นดินใหญ่คือจำนวนเงินทุนสำรองต่างประเทศของรัฐบาลจีนซึ่งปัจจุบันมีมากที่สุดในโลกถึง 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐสูงกว่าอันดับสองอย่างญี่ปุ่นกว่าเท่าตัว

เส้นทางของการสร้างเงินทุนสำรองขนาดมหาศาลของจีนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ในช่วงเปิดประเทศใหม่ๆในปี 1978  รัฐบาลจีนมีเงินทุนสำรองเพียง 1.6 ล้านเหรียญเท่านั้นซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับระดับมาตรฐานเงินทุนสำรองที่ประเทศต่างๆต้องรักษาระดับไว้ หลังจากเปิดประเทศและเริ่มมีการส่งออก ระดับเงินทุนสำรองของจีนจึงเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ในปี 1987 จีนมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศจำนวน 16.3 ล้านเหรียญ แต่การขาดดุลการค้าและเศรษฐกิจถดถอยในช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ประท้วงที่จตุรัสเทียนอันเหมิน ทำให้เงินทุนสำรองของจีนลดลงไปอย่างมาก

ในปี 1993 รัฐบาลจีนเริ่มอนุญาตให้ต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศจีนได้ แต่ยังไม่เปิดเสรีการเงินเต็มตัวเพราะไม่สามารถนำเงินที่ลงทุนออกไปได้ยกเว้นกำไรจากการดำเนินงาน เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI-Foreign Direct Investment) เป็นตัวเร่งให้เงินทุนสำรองของจีนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติมองเห็นโอกาสในการเติบโตจากเศรษฐกิจของจีนเอง รวมทั้งบางส่วนย้ายฐานการผลิตสินค้ามายังจีนเพราะมีต้นทุนที่ถูกกว่าและมีแรงงานจำนวนมาก จากระดับเงินทุนสำรองไม่กี่สิบล้านเหรียญ เงินสำรองของจีนเพิ่มเป็น 107 ล้านเหรียญในปี 1996

หลังจากนั้นระดับเงินทุนสำรองของจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่จีนเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO-World Trade Organization) ในปี  2001 หลังจากนั้นเพียงห้าปี เงินทุนสำรองของจีนมากขึ้นแตะระดับ 1  ล้านล้านเหรียญในเดือนตุลาคม 2006
และล่าสุดเพิ่มขึ้นถึงระดับ 2 ล้านล้านเหรียญในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา

จีนนำเงินสำรองไปในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นหลักต่อเนื่องหลายสิบปี เมื่อสหรัฐเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้น ทำให้จีนเริ่มเป็นกังวลกับเสถียรภาพของค่าเงินดอลลาร์ที่ตนถือไว้เป็นจำนวนมาก ธนากรกลางของจีนพยายามกระจายการลงทุนของเงินทุนสำรองไปในสินทรัพย์อื่นๆมากขึ้น เช่น เงินตราต่างประเทศสกุลอื่น เงินเยน เงินยูโร เงินปอนด์สเตอริงค์ รวมถึงลงทุนในทองคำ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดของจำนวนเงินทุนสำรองถึง 65%

ถึงแม้รัฐบาลจีนต้องการลดสัดส่วนการถือครองพัธบัตรรัฐบาลสหรัฐลง แต่ในทางปฏิบัติกลับทำได้ยากกว่าที่คิด เนื่องจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือเงินตราของประเทศอื่นรวมทั้งทองคำ มีขนาดตลาดไม่ใหญ่พอที่จะรองรับเงินสำรองจำนวนมหาศาลของจีนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือนได้เพียงพอ จึงมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนคงต้องลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐต่อไปเรื่อยๆ

สิ่งนี้ถ้าวิเคราะห์อย่างละเอียดดูเหมือนว่าจะเป็นการรีไซเคิลเงินดออลาร์ระดับโลกอย่างถูกกฏหมายวิธีหนึ่งเลยทีเดียว รัฐบาลสหรัฐออกพันธบัตรรัฐบาล จีนนำเงินดอลลาร์มาซื้อพันธบัตรสหรัฐ สหรัฐนำเงินดอลลาร์ที่ได้มาจ่ายเป็นค่าสินค้าที่ผลิตจากจีนเนื่องจากสหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนเป็นจำนวนมาก เมื่อจีนได้รับเงินดอลลาร์จากการขายสินค้าที่ผู้ผลิตนำมาแลกเป็นเงินหยวนแล้ว จึงนำเงินดออลาร์ที่ได้มาซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐหมุนเวียนเป็นลูกโซ่ต่อไปเรื่อยๆ ระบบรีไซเคิลเงินดอลลาร์วงจรนี้คงไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ ตราบใดที่สหรัฐยังต้องพิมพ์พันธบัตรออกมาเพื่อจ่ายหนี้และจีนยังหาสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องพอมาทดแทนไม่ได้

ถ้ากล่าวตามภาษาโบราณอาจเรียกกระบวนการนี้ว่าอัฐยายซื้อขนมยาย ต่างกันเพียงว่าอัฐยายมีมูลค่าล้านล้านเหรียญเท่านั้นเอง

[/quote]

[hongvalue]

กลัวไม่รู้ตัวว่าโดนแซวอยู่ข้างล่างเลยเอามาแปะ

ว่าแต่ว่าถ้าตะแกรงร่อนถึงล้านครั้ง
พาไปเลี้ยงแน่
ติ่มซำที่บันยันทรีใช่ไหม
เห็นบ่นมาหลายครั้ง
ไม่ลืมหรอก

ขอแพงกว่านั้นได้เปล่าเฮ้ยไม่ใช่ไม่ต้องแพงขนาดนั้นก็ได้
เห็นพี่ว่ามีของอร่อยๆที่ไหนซักที่เนี้ยแหละ พี่เป็นคนเลือกสถานที่ก็ได้ ของฟรีกินหมดแหละ :lol: กินไปถามเทคนิคเล่นหุ้นกับเซียนไป อิอิ ใครจะไม่เอา

[VIB007]

[quote="hongvalue"]
ที่ผมเล่ามาจะเห็นว่าพี้ป้อมของเราไม่ใช่ธรรมดามีแต่คนอยากดักตีหัวเฮ้ยอยากพบเจอ

[VIB007]

กลัวไม่รู้ตัวว่าโดนแซวอยู่ข้างล่างเลยเอามาแปะ

ขอแพงกว่านั้นได้เปล่าเฮ้ยไม่ใช่ไม่ต้องแพงขนาดนั้นก็ได้
เห็นพี่ว่ามีของอร่อยๆที่ไหนซักที่เนี้ยแหละ พี่เป็นคนเลือกสถานที่ก็ได้ ของฟรีกินหมดแหละ :lol: กินไปถามเทคนิคเล่นหุ้นกับเซียนไป อิอิ ใครจะไม่เอา

กลัวจะผิดหวัง
เพราะไม่มีเทคนิคอะไรมากเลย
ทุกอย่างมัน Common Sense ทั้งนั้น

ส่วนร้านกิน
ไว้ใกล้ๆมาดูกันอีกทีก็ได้
มีเยอะแยะ
ส่วนร้านที่ผมแนะนำ
มันไม่หรูหรอก...แต่อร่อย

[ซากคน]

เปลี่ยนได้อย่างไร
คงต้องไปหาอ่านดูเอาเอง
อ่านช้าๆนะ
ค่อยๆเข้าใจ
อ่านสักสองรอบกำลังดี

นี่เป็นวิธีการอ่านหนังสือ ที่ผมเคยมองข้ามไป...เพราะความใจร้อน
ใจเร็ว ด่วนได้ ไม่ไตร่ตรองสิ่งที่อ่าน  ก็เหมือนไม่ได้อ่าน

เรื่องของการกระทำ ผมเกือบเอาชีวิตไปทิ้ง เพราะซิ่งรถเร็วเกินไปในที่คับขัน

ความล้มเหลวเดิมๆ..เกิดขึ้นซ้ำๆ..เป็นสัญญาณเตือนให้ผมเปลี่ยนวิธีคิด
การกระทำสักที  ไม่เปลี่ยนก็เน่าเหมือนเดิม

ทุกวันนี้ ผมพยายามทำสิ่งสำคัญอย่างค่อยเป็นค่อยไป  และเลิกซิ่ง

ผมชอบคำพูดนี้จริงๆ  เมื่อความคิดถูก เดี๋ยวเงินมันมาเอง

ปล. เย้...วันนี้เป็นวันที่ 3 ที่ไม่ดูราคาหุ้นพร่ำเพรื่อ  :cheers:

[i_sarut]

พี่ฮงไม่ลองเขียนหนังสือดูหรอครับ

การดู Fundflow ควบคู่กับ ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค

ผมว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ดีนะครับ

พิมพ์กับสำนักพิมพ์ของพี่สุมาอี้

หนังสือของพี่เค้าเล่มเล็กๆกำลังดี + ราคาไม่แพงมาก

ผมว่าถ้าเขียนเป็นหนังสือแล้วจะได้ตามอ่านแนวคิดได้ง่ายครับ เพราะเรียบเรียงและสรุปแล้ว

[ศิษย์เซียน007]

ผมคิดว่าในอนาคตถ้าคุณฮงสนใจเขียนลงในกรุงเทพธุรกิจ แล้วนำมารวมเล่มแบบท่านอ.ก็จสามารถไปหาซื้อได้แถวSE-EDเหมือนเดิม กวีของคุณพี่ป้อมช่างคมคลายนัก  :8)

setclick2win ของนักลงทุนตัวจริงเริ่มแล้วครับ ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ที่หนึ่งทำผลตอบแทนได้30กว่า%แล้ว  :shock:  สุดยอด นับถือๆ