ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกา....เพื่อนๆคิดยังไงกันบ้าง

การลงทุนอื่นๆนอกจากหุ้น วีไอ กองทุนรวมชนิดต่างๆ RMF LTFตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ อนุพันธ์ และเกษตรล่วงหน้า

โพสต์ โพสต์
ซากคน
Verified User
โพสต์: 1400
ผู้ติดตาม: 0

ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกา....เพื่อนๆคิดยังไงกันบ้าง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ข่าวคนไทยในอเมริกา
ไทยทาวน์ ยูเอสเอ นิวส์

ลงทุนในอเมริกา 5 แสน ได้ ใบเขียว ภายในปีครึ่ง

ณญาดา ธนะพัฒน์ และทนายความมาร์ค ไอเวนเนอร์

แอลเอ (ไทยทาวน์ยูเอสเอนิวส์) : ชวนคนมีเงินเก็บ ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกามูลค่า 5 แสนดอลลาร์ ได้ ใบเขียว ภายในเวลาปีครึ่ง


นางณญาดา ธนะพัฒน์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของลอส แอนเจลิส เปิดเผยกับไทยทาวน์ฯ ถึงโครงการจัดสัมมนาให้ความรู้นักธุรกิจ และผู้สนใจในประเทศไทยหัวข้อ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกา ที่ได้กรีนการ์ดทันที ที่โรงแรมบันยันทรี วันที่ 21 กรกฎาคมว่า เป็นไปตามโครงการของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เรียกว่า Regional Center เพื่อสนับสนุนให้มีนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จากทั่วโลก เข้ามาลงทุนในพื้นที่ที่รัฐบาลส่งเสริม ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 45 แห่งทั่วประเทศ เช่นในอลาบาม่า แคลิฟอร์เนีย โคลัมเบีย ฟลอริด้า ฮาวาย อิลลินอยส์ ไอโอว่า แคนซัส หลุยส์เซียน่า และมิสซิสซิปปี เนวาด้า นิวเจอร์ซี่ นิวยอร์ค เพนซิลเวเนีย เซาท์แคโรไลน่า เซาท์ดาโกต้า เท็กซัส โอกลาโฮมา เวอร์ม้อนท์ วอชิงตัน วิสคอนซิน โดยชาวต่างชาติที่ลงทุนตั้งแต่ 500,000 ดอลลาร์ขึ้นไป จะสามารถยื่นเรื่องขอรับใบเขียวเพื่ออยู่อาศัยแบบถาวรในอเมริกาได้อย่างรวดเร็ว

การขอกรีนการ์ดแบบนี้เหมาะกับคนที่สามารถเอาเงินจำนวน 500,000 เหรียญมาลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอื่นๆ ที่รัฐบาลอนุมัติ ทิ้งไว้ 3 ปีครึ่ง ถึง 5 ปี แล้วไม่เดือดร้อน ก็สามารถได้กรีนการ์ดชั่วคราวในปีครึ่ง และได้กรีนการ์ดถาวรในอีก 2 ปี หลังจากนั้น ก็สามารถขายหุ้น หรือขายธุรกิจทิ้งได้ โดยไม่มีข้อผูกมัด หรือหากต้องการกลับไปอยู่ในประเทศของตนก็ทำได้ โดยไม่ถูกยึดกรีนการ์ด นางณญาดา กล่าว และว่าเป็นวิธีที่เรียกกันว่า Money at work

โครงการที่เรียกว่า Regional Center ซึ่งได้รับการรับรองโดยรัฐบาลนั้น จะเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทพาณิชย์ หรืออุตสาหกรรมเท่านั้น โดยจะต้องเป็นโครงการที่สามารถสร้างงานแบบเต็มเวลา (Full Time Job) อย่างน้อย 10 ตำแหน่ง โดยนางณญาดา กล่าวด้วยว่า ปกติการลงทุนแบบนี้ รัฐบาลกำหนดว่าต้องลงทุนหนึ่งล้านดอลลาร์ขึ้นไป แต่ถ้าเลือกลงทุนโครงการ 45 แห่งที่รัฐบาลอนุมัติไว้ สามารถใช้เงินลงทุนแค่ 500,000 ดอลลาร์ เพราะเป็นเขตที่มีการว่างงานสูงกว่าทั่วไปถึงเท่าครึ่ง

นักธุรกิจหญิงชื่อดังเปิดเผยอีกว่า วีซ่าที่นักลงทุนสามารถยื่นขอได้จากการลงทุนในโครงการ Regional Center เรียกว่า EB-5 permanent resident Green Card program ซึ่งมีนานกว่าสิบปี เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนประเภทต่างๆ รวมถึงการลงทุนด้านเกษตรกรรม เช่น ปลูก ผลิต สร้างโกดังเก็บผลิตภัณฑ์ประเภทถั่วต่างๆ ผลไม้ ฯลฯ โครงการร้านอาหารใหญ่ๆ สปา ทำไร่ไวน์ สร้างสถานที่ดูแลคนชรา สร้างอาคารสำนักงาน สร้างสกีรีสอร์ท สร้างโรงแรม สร้างสถานพยาบาล ลงทุนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ สร้างศูนย์การค้า หรือสร้างบ้านเดี่ยวสำหรับขาย หรือโครงการลงทุนเปิดสถาบันเงินกู้ โครงการขนส่งสินค้า ผลิตภัณฑ์อาหาร โรงงานเฟอร์นิเจอร์ โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ และอื่นๆ อีกมากมาย โครงการเหล่านี้ต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐ เพื่อที่ว่าผู้ที่เข้ามาลงทุนในโครงการนั้นๆ จะได้มั่นใจว่าเมื่อลงทุนแล้วได้กรีนการ์ดจริงๆ

วีซ่า EB-5 ใช้เวลาในการยื่นขอประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่ไปลงทุน เริ่มจากการกรอกแบบฟอร์มที่เรียกว่า I-526 ใช้เวลาพิจารณาประมาณ 6 เดือน เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว ก็สามารถยื่นขอกรีนการ์ดได้เลย ซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณ 12 เดือน รวมเป็นเวลาทั้งหมด 18 เดือน โดยที่ผู้ขอไม่จำเป็นต้องอยู่ในอเมริกา กล่าวคือสามารถดำเนินการขอกรีนการ์ดได้ที่สถานทูต หรือสถานกงสุลที่ประเทศของตัวเองได้ โดยในแต่ละปี รัฐบาลจะมีโควตาให้กรีนการ์ดแบบนี้จำนวน 10,000 คน แต่โควตาไม่เคยเต็ม ต่างจากวีซ่า H-1B และ H-2B หรือ EB-2 และ EB-3 ซึ่งมีคนยื่นขอมากเกินโควตา จึงต้องใช้เวลารอนานหลายปี

นางณญาดา ธนะพัฒน์ กล่าวด้วยว่าผู้ที่เหมาะสำหรับการยื่นขอใบเขียวแบบนี้ คือชาวต่างชาติที่ไม่สามารถขอวีซ่าแบบอื่นได้ เช่น ผู้ที่กำลังเกษียณ หรือนักลงทุนที่ไม่สามารถขอวีซ่าแบบ E-2 ได้ (วีซ่า E-2 คือวีซ่าสำหรับนักลงทุนที่ต้องมาดำเนินธุรกิจเอง) ผู้ที่ทำงานระดับบริหาร, แพทย์ที่ยังสอบใบอนุญาตไม่ผ่าน (USMLE 1, 2 and 3), นักเรียนที่มาแบบวีซ่า F-1 แต่ต้องการลงทุนทำธุรกิจ, นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการลงทุน แต่ไม่ต้องการบริหารธุรกิจ, คนที่ต้องการเปิดบริษัทในอเมริกา แต่ไม่สามารถใช้วีซ่าแบบทำงานได้ (L-1), ผู้ปกครองที่ต้องการส่งลูกมาเรียน แต่ไม่ต้องการเปิดธุรกิจเอง เพราะไม่อยากบริหารงาน กลัวขาดทุน หรือกลัวเหนื่อย, คนที่เข้าประเทศด้วย J-1, Q-1 วีซ่า (ถูกส่งตัวมาทำงานในอเมริกา) แต่ไม่อยากกลับหลังครบกำหนด, คนที่มาวีซ่าคู่หมั้น (K-1) ที่เกิดขัดข้องไม่ได้แต่งงานหลังเดินทางมาถึง ฯลฯ โดยเงินที่นำมาลงทุนนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเงินสดเท่านั้น เป็นเงินที่ได้รับเป็นของขวัญ เงินกู้ หรือเอาเครื่องมือ หรือสินค้า หรือที่ดิน หรือทรัพย์สินอื่นๆ มาลงทุนก็ได้

นางณญาดา ธนะพัฒน์ กล่าวด้วยว่า โครงการลงทุนเพื่อขอรับใบเขียวนี้ จะต้องผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานอิมมิเกรชั่นของรัฐบาลสหรัฐฯ และยังมีประเด็นปลีกย่อยอีกมากมาย จึงจำเป็นที่จะต้องใช้บริการของทนายความที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์

เราได้ติดต่อทนายความที่เก่งมาก ชื่อ มาร์ค เอ ไอเวนเนอร์ เป็นทนายด้านนี้มานานกว่า 35 ปี เขียนตำราเรื่องการขอใบเขียวเอาไว้หลายเล่ม ซึ่งเราจะเชิญไปบรรยายเรื่องการขอวีซ่าผ่านการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เมืองไทยในวันที่ 21 กรกฎาคมด้วย นางณญาดา กล่าว และว่าผู้สนใจเข้าฟังการบรรยาย ซึ่งจะจัดที่โรงแรมบันยันทรี ในเวลา 14.00 น. ให้ติดต่อสำรองที่นั่งที่ 02 295-3171 หรือ ถามรายละเอียดทางอีเมล์ได้ที่ [email protected].







นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม
แหล่งที่มาข่าวโดย : ไทยทาวน์ ยูเอสเอนิวส์
ภาพประจำตัวสมาชิก
[v]
Verified User
โพสต์: 1402
ผู้ติดตาม: 0

ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกา....เพื่อนๆคิดยังไงกันบ้าง

โพสต์ที่ 2

โพสต์

คนที่มีเงินเย็นได้เปรียบแน่ๆครับเลือกทำเลดีๆ ถ้าจะซื้อที่ดินในอเมริกา ทำเลดีๆ ย่านดีๆในราคาลดเยอะๆ หลายปีผ่านไปมันต้องกลับมาได้แน่ๆ ซื้อตอนที่คนอยากขายได้ราคาถูก แล้วไปขายตอนที่คนแย่งซื้อ
โพสต์โพสต์