ปตท.ยันฟันกำไรจากการขายน้ำมันแค่ 2%

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
tossaporn
Verified User
โพสต์: 88
ผู้ติดตาม: 0

ปตท.ยันฟันกำไรจากการขายน้ำมันแค่ 2%

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ปตท.ยันฟันกำไรจากการขายน้ำมันแค่ 2%

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 มีนาคม 2548 15:27 น.


เอ็มดีใหญ่ ปตท.(PTT) ประเสริฐ บุญสัมพันธ์ เผยกำไรจากการขายน้ำมันต่อหน่วยไม่ได้สูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่แพงขึ้น เห็นได้จากค่าการตลาดน้ำมันเฉลี่ยต่อลิตรปี 47 ต่ำกว่าปี 44 ก่อน ปตท. แปรรูป ผลประกอบการที่ดีขึ้นมากปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จากบริษัทที่ ปตท. ลงทุนร่วม เพียง 1-2% จากการขายน้ำมันในประเทศ ปี 47 ปตท.ส่งกำไรกลับเป็นผลประโยชน์ประเทศในรูปภาษี-เงินปันผล กว่า 2 หมื่นล้านบาท ที่เหลือเป็นทุนสะสม เพื่อลงทุนวางเครือข่ายพลังงานเพื่อสังคม-เศรษฐกิจไทย ซึ่งต้องใช้เงินอีกเกือบ 2 แสนล้านบาท 5 ปีข้างหน้า

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. (PTT) กล่าวว่าการที่ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2547 ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ทำให้ประชาชนมีข้อสงสัย ว่าเพราะ ปตท. ตั้งราคาขายปลีกน้ำมันสูง จนทำให้มีผลประกอบการดีขึ้นมาก ไม่เป็นความจริง

เหตุผลที่แท้จริง เขากล่าวว่าเนื่องจากไทยไม่มีแหล่งผลิตน้ำมันดิบเอง น้ำมันส่วนใหญ่ประมาณ 90% ต้องนำเข้า จึงต้องปรับราคาตามตลาดโลก ราคาที่แพงขึ้นช่วงที่ผ่านมา คือต้นทุนเนื้อน้ำมัน จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ต้นปีนี้ถึง มี.ค. ปตท. มีค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน ซึ่งรัฐปล่อยให้ลอยตัวตั้งแต่ ต.ค. 2547 เฉลี่ยเพียง 60-70 สตางค์ต่อลิตร

เขากล่าวว่าค่าการตลาดน้ำมันไม่ใช่กำไรสุทธิ แต่เป็นรายได้ของผู้ค้าน้ำมัน ที่หักต้นทุนเนื้อน้ำมัน แต่ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเติมสารเติมแต่ง (Additive) เพื่อลดมลพิษไอเสียในรถยนต์ ค่าบริหารจัดการ ค่าจ้างพนักงานหน้าลานฯลฯ ค่าการตลาดนี้ ต้องแบ่งระหว่างผู้ค้ากับเจ้าของสถานีบริการน้ำมันด้วย ค่าการตลาดน้ำมันเบนซินเฉลี่ยที่สมเหตุผลกับธุรกิจนี้ ประมาณ 1.50 บาทต่อลิตร

นายประเสริฐกล่าวด้วยว่า ปี 2547 ซึ่ง ปตท. กำไรสุทธิจากการดำเนินงานประมาณ 6 หมื่นล้านบาท 59% เป็นกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจกลุ่มบริษัทในเครือ เช่น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) 16% บริษัทร่วมทุนกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี และการกลั่น รวม 43%

เนื่องจากปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น อยู่ในวงจรธุรกิจขาขึ้น หลังจากต้องประสบภาวะขาดทุนมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งบางบริษัท ยังขาดทุนสะสมปัจจุบัน เช่น บมจ. บางจากปิโตรเลียม (BCP)

ส่วนกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจของ ปตท. เอง ประมาณ 41% จำนวนนี้ เป็นกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจน้ำมันในประเทศเพียง 1-2% หากเทียบค่าการตลาดเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ระหว่างก่อน-หลังแปรรูป ก่อนแปรรูป ปตท. กลับมีค่าการตลาดเฉลี่ยดีกว่า คือปี 2544 ค่าการตลาดเฉลี่ย 1.18 บาท/ลิตร แต่ปี 2547 อยู่ที่ 1.10 บาท

อย่างไรก็ดี หากเปรียบเทียบราคาขายปลีกน้ำมันในไทยกับประเทศใกล้เคียง ที่ไม่มีแหล่งน้ำมันเอง ราคาน้ำมันขายปลีกในไทย ราคาถูกกว่าอีกหลายประเทศ เช่น ราคาน้ำมัน ณ วันที่ 21 มี.ค. กัมพูชา ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินลิตรละ 31.27 บาท ดีเซลลิตรละ 23.17 บาท ลาว เบนซินลิตรละ 32.19 บาท ดีเซลลิตรละ 24.40 บาท สิงคโปร์ เบนซินลิตรละ 36.39 บาท ดีเซลลิตรละ 24.12 บาท ฮ่องกง เบนซินลิตรละ 64.49 บาท ดีเซลลิตรละ 35.97 บาท เป็นต้น เป็นผลให้มีการลักลอบนำน้ำมันส่งออกขายประเทศเพื่อนบ้านช่วงที่ผ่านมา

เขากล่าวว่าการที่ ปตท. แปรรูป ทำให้การบริหารมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นช่วงจังหวะขาขึ้นธุรกิจกลุ่มบริษัท ปตท. ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นมาก ส่งผลให้ปัจจุบัน ปตท. สามารถสร้างประโยชน์ หรือมูลค่าคืนให้ประชาชน และประเทศ ได้มากขึ้น ดังนี้

- ผลดำเนินงานปี 2547 ปตท. ส่งรายได้เข้ารัฐ ทั้งในรูปเงินปันผลและภาษี รวมเป็นเงิน 20,824 ล้านบาท สูงกว่าช่วงก่อนแปรรูป 3-4 เท่า แบ่งเป็น ภาษี (Corporate Income Tax) ที่ ปตท. ส่งให้รัฐ 7,975 ล้านบาท และเงินปันผล 12,849 ล้านบาท หากรวมการเสียภาษีบริษัทในเครือ กลุ่มบริษัท ปตท. ส่งรายได้เข้ารัฐถึง 37,391 ล้านบาท

- การนำ ปตท. จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย (ตลท.) ทำให้ ปตท. ซึ่งเป็นสินทรัพย์ของประเทศ เนื่องจากรัฐบาลยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มูลค่าเพิ่มขึ้น (Capital Gain) จากหุ้นละ 35 บาท เป็นกว่า 200 บาท ปัจจุบัน ซึ่งเท่ากับไทยมีทรัพย์สินมูลค่าเพิ่มขึ้นถึงกว่า 314,086 ล้านบาท

- กำไรที่ ปตท. ได้รับจากการดำเนินธุรกิจ นำมาลงทุนพัฒนาพลังงานทางเลือกอื่น เช่น ก๊าซธรรมชาติ NGV แก๊สโซฮอล์ ไบโอดีเซล เพื่อเป็นทางเลือกใช้พลังงานเพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมัน ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และไม่สามารถควบคุมปัจจัยขึ้นลงราคาได้ ช่วง 5 ปี ข้างหน้า ปตท.ต้องลงทุนด้านพลังงานเพื่อรองรับการขยายตัวเศรษฐกิจอีกเกือบ 2 แสนล้านบาท
ล็อคหัวข้อ