เห็นด้วยหรือไม่

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1381
ผู้ติดตาม: 34

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 1

โพสต์

จากหนังสือ Rich Dad Poor Dad เล่ม 2 เงิน 4 ด้าน หน้า 84

กล่าว่าก่อนที่จะเป็น Investor ควรเป็น Business Owner ก่อน

:shock: เห็นด้วยหรือไม่ครับ :shock:

บทที่ 5 แบ่งนักลงทุนเป็น 7 ระดับ

คนที่ยึดแบบ Warren หรือ Lynch อยู่ระดับที่ 4

ระดับที่ 4 นักลงทุนระยะยาว
ระดับที่ 5 นักลงทุนมืออาชีพ
ระดับที่ 6 นายทุน

ใครตั้งเป้าหมายที่จะเป็นนักลงทุนระดับที่ 5 หรือ 6 จะต้องเป็นนักลงทุนระดับที่ 4 ให้ชำนาญเสียก่อน จะข้ามไประดับที่ 5 หรือ 6เลยไม่ได้
ใครก็ตามที่คิดว่าอยู่ในระดับที่ 5 หรือ 6 แต่ขาดทักษะหรือความชำนาญระดับที่ 4 ที่แท้จริงคือนักลงทุนระดับที่ 3 หรือนักพนัน

:shock: เห็นด้วยหรือไม่ครับ :shock:
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 29

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เห็นด้วยอย่างมากครับ เพราะถ้าเราเป็น business owner ที่ประสบความสำเร็จ

1. เราจะรู้ว่ากิจการทำอย่างไร
2. เราจะเหลือเงินมาลงทุน
3. เราจะเลือกลงทุนได้อย่างชาญฉลาดครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 3

โพสต์

อ่านแล้ว แต่ไม่ทราบครับผม ตามความคิดผม ถ้าทำได้แบบ Warren กับ Lynch ผมก็พอแล้วละครับ ไม่ขอมากกว่านั้นแล้วครับ ทำได้ดีเท่าก็ฝันที่เป็นจริงแล้วครับ

ส่วนที่ว่า "จะเป็น Investor ควรเป็น Business Owner ก่อน" ผมว่ามีส่วนจริงนะครับ เพราะการเป็น Business Owner ก่อน มันทำให้เราคิดถึงปัจจัยในการลงทุนได้ในมุมมองของเจ้าของกิจการด้วย ทำให้มีประสบการณ์มาก่อน ... แต่แค่ควรนะ .. คงไม่ถึงกับจำเป็นมั้งครับ สรุปคือ มีได้ก็ดี ไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
ภาพประจำตัวสมาชิก
harry
Verified User
โพสต์: 4200
ผู้ติดตาม: 0

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 4

โพสต์

เห็นด้วยครับ ถ้าไม่ถึงกับประสบความสำเร็จ ก็ต้องเข้าใจหลักการดำเนินธุรกิจ
Expecto Patronum!!!!!!
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 29

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 5

โพสต์

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเป็นเจ้าของกิจการ คือ เรารู้ว่า เรากำลังทำอะไร
สมมุติว่า มีปัญหาเข้ามา แล้วเราสามารถแก้ไขได้ แต่ในระยะสั้น กำไรอาจจะลดลง เรารู้ว่า ระยะกลาง จะดี
เมื่อราคาหุ้นลดลงอย่างมาก เราเอง ในฐานะเจ้าของกิจการ หรือผู้บริหาร หรือผู้ถือหุ้นใหญ่ เราจะไปว่าอะไร สุดท้าย ถ้ามันลงมามากๆ เราก็ซื้อไว้ก็เท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้นการดูการซื้อขายของผู้บรหารหรือเจ้าของก็อาจจะสะท้อนอะไรบางอย่างได้เหมือนกัน

ผมคิดว่า ถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการ เราจะไม่ค่อยหวั่นไหวกับราคาที่ขึ้น ลง ขึ้นมากๆ มากเกินไป เราก็ขาย ลงมากๆ มากเกินไป เราก็ซื้อ

นี่แหละคือที่มาของ อินไซด์เดอร์ เพราะมันทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันในการรับข้อมูล กฏหมายก็เลยต้องออกมาป้องกัน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน ซึ่งทำได้แค่ไหนก็ต้องอยู่ที่กลต.

แต่โดยส่วนตัว ผมก็เห็นอยู่ทุกวัน หุ้นขึ้นผิดปกติ ต่อมามีข่าวดีมา แล้วหุ้นก็ขึ้นต่อ อืม จะหาความแฟร์ได้จากไหนไม่ต้องหาหรอกครับ เพราะการที่ใครบางคนไปรู้จักใครบางคน และใครบางคนเขายอมบอกข้อมูล ก็ต้องถือว่า เป็นบุญกรรมของเขานะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
มือเก่าหัดขับ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1112
ผู้ติดตาม: 2

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 6

โพสต์

เป็น Business Owner ก่อนได้ก็ดี แต่อาจจะไม่จำเป็น ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นใคร
จริงๆ แล้ว การลงทุนเองก็มีหลายระดับ
คงไม่ทุกระดับหรอกกระมัง ที่จะต้องผ่านตรง Business Owner

อย่างสมมติว่าคนๆ หนึ่งเป็นนักบริหารมืออาชีพของบริษัทจดทะเบียนชั้นนำ เงินเดือนสูงมาก
และมีประสบการณ์ในธุรกิจมาก เก่งกาจจริงๆ เขาจำเป็นหรือ จะต้องลาออกไปทำ Business
เองก่อนที่จะลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ :?:
ด้วยความรู้ทางธุรกิจที่เขามีอยู่ และบริหารงานจนทำให้บริษัทที่เขา "รับจ้าง" ร่ำรวยได้นั้น ไม่
เพียงพอต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์หรือ :?:

ก็ไม่แน่หรอกนะ ถ้าเขาเป็นนักลงทุนวงนอก ของบริษัทอื่น
เพราะถ้าไม่ใช่วงใน ก็เป็นวงนอกนั่นเอง

ไม่มีขาว ไม่มีดำ หรอกครับ ขึ้นกับคน
แต่สำหรับคน "ทั่วไป" คิโยซากิ อาจจะพูดถูกก็ได้
เพราะคนที่ผมยกตัวอย่างข้างบน ไม่ใช่คนทั่วไป :lol: :lol: :lol:
คนอื่นเขาสะสมอย่างอื่น เราขอสะสมความดี, ความรู้, ประสบการณ์, เงินทอง, กับหุ้นก็แล้วกัน
http://www.muegao.blogspot.com หุ้น การเงิน การลงทุน ธุรกิจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 46

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 7

โพสต์

:lol: :lol: :lol: :lol:

เห็นด้วยครับ ถ้าทำได้ตามนั้นก็ดี เพาะบางเรื่องถ้าไม่เคยทำเองอาจจินตนาการไม่ออก

:lol: :lol: :lol: :lol:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1381
ผู้ติดตาม: 34

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ข้อแรกคุณคิโยซากิ เพียงแต่จะชี้ให้เห็นว่าจะเป็นการปลอดภัยมากกว่าถ้าคุณเคยเป็น Business Owner มาก่อนครับ
ผมถามข้อนี้เพียงเพื่อจะชี้ให้เห็นว่าตัวคิโยซากิเองก็ยอมรับว่าการลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย เราควรส่งสมประสบการณ์ในการเป็นเจ้าของธุรกิจมาบ้าง

ส่วนข้อ 2 นั้น คุณคิโยซากิมองเห็นผู้ที่ใช้แนว Buffet หรือ Lynch เป็นนักลงทุนระยะยาว ไม่ใช่นักลงทุนมืออาชีพ
ผมเห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งมองไม่เห็นว่า Lynch ได้รับผลตอบแทนจากบ. ที่ Turnaround อยู่มากเหมือนกัน หรือ Buffet ก็สามารถซื้อบ. ผลิต Commodities ในจีนด้วยราคาที่ถูก
หลายครั้งผมอ่านผู้โพสต์ในแนว VI รู้สึกเขาเน้นว่าเป็นการซื้อกิจการ ต้องถือยาวๆ .....
แต่บางครั้งผมกลับคิดว่าแนว VI คือการที่มีข้อมูลและมั่นใจถึงขั้น ต่อให้คนทั้งโลกเชื่อว่าดวงอาทิตย์หมุนรอบโลก เราก็กล้าเดิมพันว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์




วรรคทองของบทนี้อยู่ตอนที่พ่อรวยเฉลยคำถาม คนเล่นม้ากับคนเล่นหุ้นต่างกันอย่างไร
เพื่อนๆว่าต่างกันหรือเปล่าครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 9

โพสต์

wpong เขียน:หลายครั้งผมอ่านผู้โพสต์ในแนว VI รู้สึกเขาเน้นว่าเป็นการซื้อกิจการ ต้องถือยาวๆ .....
แต่บางครั้งผมกลับคิดว่าแนว VI คือการที่มีข้อมูลและมั่นใจถึงขั้น ต่อให้คนทั้งโลกเชื่อว่าดวงอาทิตย์หมุนรอบโลก เราก็กล้าเดิมพันว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์

อืม เรื่องนี้ผมก็สงสัยเหมือนกัน เพราะว่าผมกลับไปอ่านหนังสือตีแตก ของ ดร. นิเวศน์ ผมก็พบว่าเหตุการณ์หลายครั้งที่ ดร ยกขึ้นมาว่าเป็นการตีแตก นั้นไม่ใช่การถือยาวเลยครับ เพียแต่ถ้ามั่นใจในข้อมูล แล้วสบโอกาส ก็ลงมือแค่นั้นเอง ...
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
ภาพประจำตัวสมาชิก
harry
Verified User
โพสต์: 4200
ผู้ติดตาม: 0

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 10

โพสต์

vi มีอะไรมากกว่าที่คิดเนอะ
Expecto Patronum!!!!!!
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 29

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 11

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

อืม เรื่องนี้ผมก็สงสัยเหมือนกัน เพราะว่าผมกลับไปอ่านหนังสือตีแตก ของ ดร. นิเวศน์ ผมก็พบว่าเหตุการณ์หลายครั้งที่ ดร ยกขึ้นมาว่าเป็นการตีแตก นั้นไม่ใช่การถือยาวเลยครับ เพียแต่ถ้ามั่นใจในข้อมูล แล้วสบโอกาส ก็ลงมือแค่นั้นเอง ...
คือตอนนี้ท่านตั้งใจจะออกเล่มใหม่ครับ >>> ชื่อ " ติดหนึบ "

หลังจากตีแตกไปแล้ว ต้อง ติดหนึบ ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1381
ผู้ติดตาม: 34

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ผมเองไม่แน่ใจว่า Buffet หรือ Lynch เป็น VI หรือเปล่าครับ ผมอ่านบทความต่างประเทศส่วนใหญ่เขาจะแบ่งเป็น

Value Strategy เข่น Graham

Value & Growth Strategy หรือ Growth at Reasonable Price ซึ่งทั้ง Buffet และ Lynch มักถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้

Growth Strategy

ผมอ่านหนังสือไทยหลายเล่มไม่แน่ใจว่าต้องการทำให้หนังสืออ่านง่าย หรือเป็นนโยบายทางการตลาด จึงเขียนเหมือนกับว่าถ้าทำตามกฎ 1 2 3 แล้วจะเป็นนักลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนมากๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 13

โพสต์

Jeng เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

อืม เรื่องนี้ผมก็สงสัยเหมือนกัน เพราะว่าผมกลับไปอ่านหนังสือตีแตก ของ ดร. นิเวศน์ ผมก็พบว่าเหตุการณ์หลายครั้งที่ ดร ยกขึ้นมาว่าเป็นการตีแตก นั้นไม่ใช่การถือยาวเลยครับ เพียแต่ถ้ามั่นใจในข้อมูล แล้วสบโอกาส ก็ลงมือแค่นั้นเอง ...
คือตอนนี้ท่านตั้งใจจะออกเล่มใหม่ครับ >>> ชื่อ " ติดหนึบ "

หลังจากตีแตกไปแล้ว ต้อง ติดหนึบ ครับ
อันนี้มุขหรือเรื่องจริงครับพี่ "ติดหนึบ" เนี่ย ... :lol: :lol: :lol:

แต่ว่าจะตึดหนึบหรือไม่ผมไม่รู้ รู้แต่ One Up เล่มแปลเนี่ย เมื่อไหร่จะวางแผงซะทีครับ ผมรอจนเบื่อแล้ว จะซื้อให้คนรู้จักหลายคนอ่านครับ ไม่ออกซะที ตอนแรกบอกว่าจะออกปลายปีที่แล้ว ... :?
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 46

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 14

โพสต์

:lol: :lol: :lol: :lol:

ผมเองก็สงสัยมานานว่า VI จะต้องถือนานๆๆๆๆเลยหรือ ถ้าถือสั้นมันจะไม่ใช่ VI หรือ

ถ้าดูตามความหมายของคำว่า Value Inverstor ก็น่าจะแปลได้ตรงไปตรงมาว่า นักลงทุนที่เน้นคุณค่า ก็หมายความว่าคุณค่าของหุ้นที่ซื้อมามันคุ้มค่าอย่างยิ่งกับที่เสียเงินซื้อไป

ถ้าจะตีความว่า ต้องถือไว้นานๆด้วยผมว่า เปลี่ยนเป็นชื่อ Long Term Value Investor น่าจะตรงความหมายมากกว่านะ

:lol: :lol: :lol: :lol:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
มือเก่าหัดขับ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1112
ผู้ติดตาม: 2

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ผมว่าแนวการลงทุนแบบเน้นที่การพิจารณาคุณค่าหรือมูลค่าที่แท้จริงของสิ่งที่เราซื้อมา
หรือที่เรียกว่า Value Investment นั้น คงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับระยะเวลาการถือครองหุ้นนั้น
หรอกครับ

เพียงแต่ซื้อ เมื่อคิดว่าถูกมากๆ เมื่อเทียบกับ "ค่าของมัน"
และขาย เมื่อคิดว่ามีคนมายอมซื้อที่ราคาซื้อแพงมากไปแล้วสำหรับ "ค่าของมัน"

ซึ่งสิ่งทั้งสองนี้ อาจจะเกิดขึ้นได้เร็วช้าเพียงชั่วสัปดาห์ หรือเดือน ปี ไม่มีใครบอกได้หรอกครับ
เพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่า Mr.Market นั้นเดาใจไม่ได้หรอก... :mrgreen:
ส่วนเรื่องการเล่นไพ่ "ตีแตก" นั้น ก็คงเหมือนกับสิ่งที่เราเรียกว่า "ชนะแหงๆ" แล้วเรา
ถึงจะลงมือ "ตีแตก" แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ถ้าคิดผิด ก็อาจจะเจ็บตัวได้เหมือนกัน
เหมือนที่ ดร. เองก็เคย "ตีผิด" ครับ (บรรยายไว้ในหนังสือ)
คนอื่นเขาสะสมอย่างอื่น เราขอสะสมความดี, ความรู้, ประสบการณ์, เงินทอง, กับหุ้นก็แล้วกัน
http://www.muegao.blogspot.com หุ้น การเงิน การลงทุน ธุรกิจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

เห็นด้วยหรือไม่

โพสต์ที่ 16

โพสต์

มือเก่าหัดขับ เขียน:ผมว่าแนวการลงทุนแบบเน้นที่การพิจารณาคุณค่าหรือมูลค่าที่แท้จริงของสิ่งที่เราซื้อมา
หรือที่เรียกว่า Value Investment นั้น คงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับระยะเวลาการถือครองหุ้นนั้น
หรอกครับ

เพียงแต่ซื้อ เมื่อคิดว่าถูกมากๆ เมื่อเทียบกับ "ค่าของมัน"
และขาย เมื่อคิดว่ามีคนมายอมซื้อที่ราคาซื้อแพงมากไปแล้วสำหรับ "ค่าของมัน"

ซึ่งสิ่งทั้งสองนี้ อาจจะเกิดขึ้นได้เร็วช้าเพียงชั่วสัปดาห์ หรือเดือน ปี ไม่มีใครบอกได้หรอกครับ
เพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่า Mr.Market นั้นเดาใจไม่ได้หรอก... :mrgreen:
ส่วนเรื่องการเล่นไพ่ "ตีแตก" นั้น ก็คงเหมือนกับสิ่งที่เราเรียกว่า "ชนะแหงๆ" แล้วเรา
ถึงจะลงมือ "ตีแตก" แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ถ้าคิดผิด ก็อาจจะเจ็บตัวได้เหมือนกัน
เหมือนที่ ดร. เองก็เคย "ตีผิด" ครับ (บรรยายไว้ในหนังสือ)

:mrgreen: อิอิ งั้นแสดงว่าผมก็เป็น VI มาหลายรอบแล้วนะเนี่ย เพราะข้อนึงที่ผมทำไม่ได้คือ ผมไม่เคยถือหุ้นได้ยาวกว่า 6 เดือนเลย
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
ล็อคหัวข้อ