ลำดับเหตุการณ์ภาคใต้ --> มีที่ไหนทำไว้บ้างครับ

[ch_army]

อย่างชื่อกระทู้แหละครับ อยากรู้ลำดับเหตุการณ์จริงๆครับ เอาตั้งแต่ยุคอยุธยาเลยก็ได้

[ครรชิต ไพศาล]

เอาตั้งแต่ อาณาจักร ตามพรลิงค์ ถึงอาณาจักร ศรีวิชัย ไปเลยดีไหมครับ :lol: :lol:
หรือจะเอาถึง ยุคที่ ดินแดนแถบนี้มีแต่ชาว ซาไก ท่องเทียวเป็นเจ้าของ เลยไปถึงยุคไดโนเสาร์ครองโลกนี้อยู่ :lol: :lol:



แต่ สำหรับ ข่าวเหตุการณ์ภาคใต้ ย้อนหลัง 90 วัน
ลองไปสมัคร์สมาชิก ผู้จัดการออนไลน์ สามารถดูข่าวได้ย้อนหลังได้ 90 วัน
พิมพ์ว่า ภาคใต้ เขาก็จะ ค้นข่าวเกี่ยวภาคใต้ ออกมาให้อ่าน ครับ
http://www.manager.co.th/

[ปรัชญา]

เอาตั้งแต่ อาณาจักร ตามพรลิงค์ ถึงอาณาจักร ศรีวิชัย ไปเลยดีไหมครับ :lol: :lol:
หรือจะเอาถึง ยุคที่ ดินแดนแถบนี้มีแต่ชาว ซาไก ท่องเทียวเป็นเจ้าของ เลยไปถึงยุคไดโนเสาร์ครองโลกนี้อยู่ :lol: :lol:

พี่ครรชิตจะเล่าหรือครับผมจะคอยอ่าน

เริ่มต้น สมัย1,300ปี ที่ผ่านมา
มีเรือกำปั่นล่องมาค้าขาย จากจีนไปอินเดีย
มาแวะหลบมรสุมที่เขาปันน้ำ
จังหวัดยะลา ยุคสมัยอาณาจักรศรีวิชัย

สมัยนั้นใช้หนังสือ เรียกว่าภาษา ปาละ


อ้าว..ผมคนภาคกลางไม่ใช่เจ้าของพื้นที่ ยกให้พี่ครรชิต ต่อดีกว่า อิอิ

[ครรชิต ไพศาล]

:lol: :lol: เริ่มแล้วนะ :lol: :lol:

เมื่อเริ่มแรก จะเกิดปฐมบท แห่งอดีตกาลนานโพ้น นานหลายชั่วกัปชั่วกัลป์
เหตุการณ์ ซ้ำๆ เช่นนี้ ก็เคย ก่อกำเนิด ตั้งอยู่ แล้วก็ แตกดับ ก่อกำเนิด ตั้งอยู่ แล้วก็ แตกดับ
มานานหลายครั้ง..นานหลายชั่วกัปชั่วกัลป์
จนมาถึงยุคก่อนที่เราจะกำเนิดมา
เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ในอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาล หาที่สุดที่จบ มิได้
อวกาศที่ เต็มไปด้วย พลาสมา และ ฝุ่นละอองธุลี อะตอม โมเลกุล
ด้วยกฎแห่งธรรมชาติ พลังงาน ฟิสิกส์และเคมี แรงโน้มถ่วงของมวล
จึงดึงดูดมวลรวมตัวกันเกิดเป็นดวงอาทิตย์ที่ลุกโชติช่วง ด้วยปฏิกิริยา ฟิวส์ชัน ของไฮโดรเจน ภายในดวงอาทิตย์
และ ดึงดูดให้เกิด หมู่มวลดวงดาวบริวาร
ให้หมุนเวียนอยู่รอบๆ ดวงอาทิตย์ รับความร้อนพลังงานจากดวงอาทิตย์ เหมือนไก่ที่เขาเสียบไม้ย่าง อยู่เหนือ เตาไฟ :lol: :lol:
หาใครเป็นเจ้าของมิได้ :lol: :lol:

ในมวลหมู่ดวงดาวบริวารของดวงอาทิตย์
มีอยู่ดวงหนึ่ง ที่โคจรอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ พอเหมาะพอดี
ที่รับพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์
ทำให้เกิด น้ำ เกิด อากาศ เกิดฤดูกาล หมุนเวียน อยู่ไม่มีสิ้นสุด
ตราบเท่าที่ ดวงอาทิตย์ ดำรงอยู่

ในดวงดาว ดวงนี้ ยังปราศจาก สิ่งมีชีวิตใดๆ
ได้โคจรหมุนเวียนอยู่รอบดวงอาทิตย์ ผ่านฤดูกาล เป็นเวลานาน...นานหลายชั่วกัปชั่วกัลป์

ด้วยความสมดุล ของ พลังงาน น้ำ อากาศ และ แร่ธาตุ อื่นๆ
ประกอบกับการโคจรของแร่ธาตุและพลังงาน ก่อเกิดปฏิกิริยาเคมีฟิสิกส์ ที่เป็นสารตั้งต้นของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
จึงได้ก่อกำเนิด สิ่งมีชีวิต เซลล์ เล็กๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าของมนุษย์เราขึ้น
เกิด เจริญ แก่ เจ็บ แล้ว แตกดับ เก็บกินแร่ธาตุ เป็นอาหาร
ล่องลอยไป ใน น้ำ ใน อากาศ ล่องลอยอยู่ ผ่านฤดูกาล เป็นเวลานาน...นานหลายชั่วกัปชั่วกัลป์

ด้วยการโคจร ของ พลังงาน น้ำ อากาศ และ แร่ธาตุ อื่นๆ ดำรงอยู่ เป็นเวลานาน...นานหลายชั่วกัปชั่วกัลป์
การกลายพันธุ์ ของสิ่งมีชีวิต จากปฏิกิริยาเคมีฟิสิกส์ ก็ยังดำรงอยู่ เป็นเวลานาน...นานหลายชั่วกัปชั่วกัลป์
จนองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต มีความสลับซับซ้อนหลายชั้นขึ้น
แตก แขนงออกมาเป็น พืช และ สัตว์ นาๆพันธุ์ ซึ่งต่างล้วนมาจาก สารตั้งต้นของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล เดียวกัน

การวิวัฒนาการ ผ่านกาลเวลา เกิด เจริญ แก่ เจ็บ แล้ว แตกดับ เป็นเวลานาน...นานหลายชั่วกัปชั่วกัลป์
จนเกิดสิ่งมีชีวิต ที่มีขนาดใหญ่ที่ทิ้งหลักฐานไว้ในโลก ไดโนเสาร์ วาฬหลังค่อม
ต่างท่องเที่ยวไปในโลก แย่งชิงกัดกินกัน เพื่อดำรงค์เผ่าพันธุ์ ของตัวของตัว เป็นเวลานาน...นานหลายชั่วกัปชั่วกัลป์

ด้วยการโคจร ของ พลังงาน น้ำ อากาศ และ แร่ธาตุ อื่นๆ ดำรงอยู่ เป็นเวลานาน...นานหลายชั่วกัปชั่วกัลป์
ได้ผ่าน แตกสลาย แล้ว ก่อเกิดขึ้นใหม่ แตกสลาย แล้ว ก่อเกิดขึ้นใหม่
จนถึงยุค สิ่งมีชีวิต ที่เราเรียกตัวเองว่ามนุษย์ เกิดขึ้น ในโลก เมื่อพ้นยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายที่ผ่านมา
นักโบราณคดี เขาบอกว่า 20 ล้านปีมาแล้ว (ใครจะเชื่อหรือไม่ตามใจ เขาบอกไว้ ผมก็ว่าไปตามเขา ) :lol: :lol:

[Dech]

แค่เริ่มต้นก็น่าสนใจ แล้วครับ ดูแนว จะออกไปทาง "A Brief History of Time" หรือไม่ก็ "The Universe in a Nutshell" ของ Stephen Hawking นะครับ

ต่อเลยครับพี่ๆ รออ่านครับ

[harry]

เปลี่ยนจากปัญหาภาคใต้ เป็นประวัติศาสตร์โลกไปซะแล้ว :lol: :lol:

[คูน]

ผมว่าโลกเราจะน่าอยู่ขึ้นมากทีเดียว ถ้าไม่มีมนุษย์อยู่

[ครรชิต ไพศาล]

ถ้าไม่ตัวเรา
แล้ว
เราจะรู้ได้อย่างไร ว่า ถ้าไม่มีตัวเรา
แล้ว
จะดีกว่ามีตัวเรา :lol: :lol:

[คูน]

นั่นซิครับคุณครรชิต

ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงเกิดขึ้นเพราะคำว่า ตัวเรา นี่แหละครับ

[ครรชิต ไพศาล]

ไปเจอมาจาก เวบ ผู้จัดการออนไลน์ อ่านแล้วเขียนดี เลยคัดลอกมาให้อ่าน

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ตำนาน...กระบี่ดาวแดง (ตอน ก่อนน้ำตาหยดต่อไปจะร่วง(ต่อ) )  
  
  
 
          


             ก่อนน้ำตาหยดต่อไปจะร่วง (ต่อ)                                                



             ประวัติศาสตร์ของผู้คนที่อยู่บนผืนแผ่นดินไท่กว๋อ...หลากหลายเชื้อชาติ...ชนชาติ...ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมามีอำนาจ...ผสมผสานแลกเปลี่ยนระหว่างความแตกต่างกันไปมานานหลายพันปี....              

              อดีตความยิ่งใหญ่ของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาแห่งการพัฒนาของมนุษย์บนโลกหล้า......และมิอาจจะเรียกร้องย้อนคืนมาเหมือนเดิมทุกประการ...              ทว่า...มีเพียงผืนแผ่นดิน...และมรดกที่ชนรุ่นก่อนสร้างสมไว้ให้แก่อนุชนรุ่นหลังได้สืบทอดมรดกที่ก่อเกิดจากการอยู่ร่วมกันอย่างสันติบนผืนแผ่นดินแห่งปิตุภูมิและมาตุภูมิของผู้คนที่เกิดขึ้นมาในปัจจุบัน....             
             ภาระหน้าที่ที่ผู้คนแห่งปัจจุบันที่อาศัยผืนดินแห่งนี้จักต้องสืบสานพัฒนาไปสร้างรากฐานที่ดีงามให้แก่คนรุ่นต่อไปสืบทอด....              
             หากไร้ซึ่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของผู้คนที่มีความหลากหลาย....ไหนเลยจะก่อให้เกิดการพัฒนาและสร้างมรดกที่ดีงามให้กับคนรุ่นหลัง.....              
             เมื่อสงคราม....ล้วนแล้วก่อให้เกิดการพลัดพราก...การเสียชีวิต...การแตกแยก....ความหายนะ...ที่เกิดขึ้นจากผู้ก่อขึ้นบนดินแดนนี้....ซึ่งจากประวัติศาสตร์ล้วนแล้วแย่งชิงกันครอบครอง....ประวัติศาสตร์เป็นเพียงบทเรียนแห่งความผิดพลาดที่ต้องเรียนรู้เพื่อพัฒนาไปข้างหน้า....เพื่อสันติภาพของคนรุ่นต่อไปบนผืนแผ่นดินเดียวกัน...


             ก่อนการขยายตัวของอาณาจักรน่านเจ้า  ตาลีฟู  และการเกิดขึ้นของล้านนา  ล้านช้าง.......ดินแดนไท่กว๋อเดิมถูกปกครองโดย อาณาจักรละว้า  หรือลั้วะ ที่แผ่อิทธิพลในดินแดนที่เป็นอาณาเขตุไท่กว๋อปัจจุบัน  และครอบครองแว่นแคว้นในแถบอโยธยา  โยนก  และโครตบูร               
             ทางใต้ก็มีการเกิดขึ้นของอาณาจักรศรีวิชัย  และอาณาจักรเจนละของขอมในอีสานตอนใต้....              
             หากชนชาวลั้วะ ที่ถูกกดดันไปอยู่ตามขุนเขา และสืบทอดลูกหลานมาหลายพันปีเรียกร้องเอาดินแดนคืนเหมือนในอดีตก็คงกว่าครึ่งของแผ่นดินที่เป็นอาณาจักรไท่กว๋อปัจจุบัน....หากแต่ว่านั่นเป็นเรื่องบรรพชนในอดีต...               
             การดำรงอยู่ของผู้คนและผสมผสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่สืบทอดกันต่อมาของผู้คนรุ่นหลัง...ล้วนมิอาจจะจำแนกแยกแยะชาติพันธุ์ที่บริสุทธิ์....                 

             กาแล...สัญลักษณ์ อันสืบทอดกันมาของชาวลั้วะที่ชาวไทยวน(คนเมือง)ยุคนั้น ครอบครอง เวียงสวนดอก  เวียงเจ็ดริน  ที่ราบลุ่มมือระมิง (แม่ปิง)จากชนชาวลั้วะหรือละว้า..... 
            หลังพญาเม็งรายเข้ายึดครองสร้างอาณาจักรล้านนา....เป็นตัวอย่างหนึ่งเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป....จากนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีขอบเขตุความสัมพันธ์ของผู้คนในดินแดนที่กว้างขวางขึ้นตามลำดับ....               

             ตราบปัจจุบันของอาณาจักรไท่กว๋อที่มีขอบเขตุความสัมพันธ์กับดินแดนต่างๆทั่วหล้า.....ภายใต้ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในผืนแผ่นดินแห่งนี้ที่ผู้คนมีเสรีภาพเท่าเทียมกัน...เสรีภาพที่ไม่เพียงแหล่งกำเนิดดินแดนที่ตนเองเกิด...              
             หากยังมีเสรีภาพแห่งดินแดนอื่นที่ผนึกเป็นแว่นแคว้นเดียวกัน...จากเหนือจรดใต้....จากตะวันออกถึงตะวันตก...               
            
             เสรีภาพแห่งยุคปัจจุบันที่กว้างขวางกว่า...ชาตินิยมที่คับแคบแห่งอดีตกาลได้ถูกทำลายลงไป....พร้อมกับความสัมพันธ์ของผู้คนบนโลกหล้า....               

             กังเถี่ยซิน(หัวใจเหล็ก) คิดคำนึงถึงเรื่องราวในอดีตกาลของบรรพชนหลังได้รับการเชื้อเชิญจากผู้อาวุโสให้ค้างที่นั่น  และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันมากมายที่ผู้อาวุโสหลี่เลี่ยเฟิ่งได้ถ่ายทอดให้ฟัง.......               

              มิผิด...มหานครเทียนจินปัจจุบัน อันเป็นศูนย์กลางแห่งความหลากหลายของชาติพันธุ์ที่มีมาเนิ่นนาน   ซึ่งเกิดจากความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของผู้คน... 

              เช่น ชาวญวนสามเสน  ญวนนางเลิ้ง  ลาวบ้านครัวหรือบ้านแขกครัว  บ้านแขกจาม(อิสลามพูดภาษาเขมรแถวคลองมหานาค)   บ้านแขกเมือง(แถวบางลำพูมาจากปะริส  กรันตัน ปัตตานี และดินแดนทางใต้) หลายกลุ่มก็หาใช่เชลยศึกไม่...              ติดตามเจ้านายในอดีตที่มีความสัมพันธ์กับศูนย์อำนาจในกรุงเทียนจิน  เช่น ตนกูสุเบียน น้องสาวสุลต่านมหมุด เจ้าเมืองลิงงา  ซึ่งเป็นเจ้าจอมในรัชกาลที่4กรุงรัตนโกสินทร์และสืบทอดทายาทอันเป็นเชื้อพระวงค์แห่งราชอาณาจักรไท่กว๋อ  สืบบุตรหลานมาจนปัจจุบัน...              

              ส่วนชาวฮั่น  มีประวัติยาวนานตั้งแต่สุโขทัย  อโยธยา  และมาถึงปัจจุบันซึ่งทะยอยกันอพยพมาตั้งรกราก ต่อเนื่องมาหลายยุค  อันมีหนาแน่นในหลายพื้นที่ไม่เพียงแต่มหานครเทียนจินหากกระจายอยู่ทั่วไปในดินแดนไท่กว๋อ..                 

              ก่อนที่กังเถี่ยซิน จะเดินทางต่อไป  ผู้อาวุโส หลี่เลี่ยเฟิ่ง ก็ได้ฝากจดหมายไปถึง จอมยุทธ์ ยูโซะ เจ้าสำนักค่ายมวยซีละอันมีชื่อเสียงในดินแดนใต้สุดในเขตุ กำปงตะลูแบ  แห่งบางนรา  อันเป็นสหายเก่าของผู้อาวุโสเพื่อช่วยฝากฝังดูแล...และไถ่ถามทุกข์สุข                 

              จดหมายถึงเพื่อน                 

              ขอสันติสุขจงบังเกิดแด่ท่านจอมยุทธ์ยูโซะ    ข้าพเจ้าหลี่เลี่ยเฟิ่ง  ได้ฝากจดหมายฉบับนี้มากับศิษย์ของข้าพเจ้าที่จะมาปฏิบัติภารกิจในดินแดนแห่งนี้....ข้าพเจ้าขอฝากฝังให้ท่านช่วยดูแลสั่งสอน และให้คำชี้แนะด้วย...              
              ข้าพเจ้ากังวลใจอย่างยิ่งกับเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นในแต่ละวันในดินแดนเกิดของท่าน..              
             บัดนี้ เทือกเขาสันการาคิรีกลับร่ำไห้    บางนรามีสีแดงฉาน....             

             ยูโซะ  เจ้าจำมิได้หรือ เมื่อก่อนเจ้ากับมิตรสหายเจ้าเก็บ พืชผลตามป่าเขา เก็บยางกฤษณา  เพื่อเอามาขายให้กับพ่อค้าในกรุงเทียนจิน  และนำเงินไปเลี้ยงดูพี่น้องเจ้า...ปลูกผักพืชผล  ตัดยางอย่างสันติสุข...              
            เจ้า เองก็มีเสรีภาพในแผ่นดินที่เราอยู่  ยามเจ้าเข้ามาที่มหานครเทียนจินก็อยู่ร่วมกับมิตรสหายพวกข้าที่ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามหานครเทียนจิน  แม้มีความแตกต่างความเชื่อก็กลมเกลียวกันหยอกล้อกันสนุกสนาน...ยามเจ้ามาพักเจ้าทำละหมาด  ขณะที่พวกข้า ที่ศึกษาอยู่ก็เคารพในความเชื่ออันเป็นส่วนตัวของเจ้า...              
            
             ยามนั้น  นกเขาชวาจากสันการาคิรี มันก็หาได้เปลี่ยนเสียงร้องของมันไม่เมื่อยามที่มันบินมาถึงเขาตะนาวศรี  และตั้งรกรากเผ่าพันธุ์ของมันใหม่....นกบินหลา(กางเขน) จากตะนาวศรี  เมื่อบินไปถึงสันกาลาคีรีก็เช่นกัน...
             
            มิผิด....มีแต่เพียงผู้คนยามนี้  กลับทำให้ขุนเขาร่ำไห้             
       
        ....จากการแข่งเรือกอและ ที่แม่น้ำบางนรา  อันสนุกสนานไฉนจักทำได้ในยามนี้เมื่อสายน้ำมันเป็นสายเลือด.....               
           ยูโซะ  เจ้าย่อมเข้าใจ  หลังจากนั้นที่เกิดเหตุการณ์นองเลือดในมหานครเทียนจิน  เจ้าเองที่เยาว์วัยเช่นข้า  ก็ต้องหลบหนีไปเจ้าหนีไปซุกซ่อนตัวกับมิตรสหายของข้า.....ส่วนข้าเข้าไปหลบตัวในสำนักกระบี่ดาวแดง....               

           นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานานในอดีต... อันมีรากฐานทางอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน...และเป็นการเรียกร้องด้วยมือเปล่าของเยาวชน....              
         
          แต่ที่บ้านเจ้ายามนี้ บรรดามิตรสหายของพวกเจ้ากลับถือเอาผู้คนทั่วไปทั้งแผ่นดินเป็นเป้าหมายทำลายล้าง....ไม่เว้นแม้แต่พี่ของเจ้า..น้องของเจ้า ญาติๆของพวกเจ้าที่ต้องเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า....   

           หาใช่เป็นการสืบสานมรดกแห่งบรรพชนไม่....

           เจ้าย่อมรู้ดี...สงครามมิอาจก่อให้เกิดการสร้างสรรค์...มีแต่ผู้คนที่ต้องล้มตายและพลัดพราก...และยากจนลงทุกวัน.....               
           เจ้ามีเสรีภาพที่กว้างขวางในดินแดนไท่กว๋อ  ไฉนพวกเจ้าบางคนถึงอยากมีดินแดนที่มีอิสระในดินแดนนิดเดียว...และเสี่ยงกับการถูกสุนัขจิ้งจอกภายนอกตะครุบกิน....อย่าว่าแต่พวกเจ้าเลย....ทว่าลุ่มน้ำไทกริส   ยูเฟติส  อันเก่าแก่และมั่งคั่งก็ยังมิวายถูกเหล่าสุนัขจิ้งจอกขย้ำเอา....                 
            หากการต่อสู้ของพวกเจ้า ที่เริ่มต้นจากการทำลายทรัพย์สิน  โรงเรียน  สถานที่อำนวยความสะดวกให้บิดามารดา ญาติพี่น้องเจ้าได้ใช้...ร่ำเรียนศึกษา         
            
            แล้วพวกเจ้าจะถือว่าสืบสานมรดกของบรรพชนได้อย่างไร...              
           
            หากเจ้าถือเอาชีวิตผู้คนเป็นเป้าหมาย  แล้วเจ้าจะไปพบกับพระเจ้าได้อย่างไร....เมื่อพวกเจ้าล้วนทำลายล้างตัวแทนแห่งพระองค์ที่ปั้นมาจากดิน...และให้เหล่าเทวดา  มิเว้นเหล่ามะลาอิกะห์กราบไหว้ ดินที่พระองค์ปั้นขึ้นมาเป็นมนุษย์....
           
            เจ้ามิเห็นหรือว่าพระเจ้าท่านทรงให้ความสำคัญกับมนุษย์เพียงไหน            และคำทักทายที่พวกเจ้าใช้ อันเป็นถ้อยคำ แห่งพระเจ้า....ขอสันติสุขจงบังเกิด....              
           
            แล้วพวกเจ้าไฉนมิสร้างสันติสุข...ให้บังเกิดดังมรดกที่ดีงามแห่งบรรพชนได้สร้างมา....และสืบทอดให้อนุชนรุ่นต่อไป...              
            
             แผ่นดินไท่กว๋อ....ก็เป็นแผ่นดินของพวกเจ้า  และของทุกคนมิว่าจะมาจากเชื้อชาติใดๆ....ที่จะต้องร่วมกันสืบทอดต่อไป....                
             ข้า  หวังว่า สำนักของเจ้าและเครือข่ายสำนักเจ้าที่อยู่ต่างแดนจะไตร่ตรองใคร่ครวญ เพื่อสืบสานสร้างสันติภาพให้บังเกิดอันเป็นเจตนารมย์สูงสุดแห่งพระเจ้า.....  
 
                                                                        จากข้า  หลี่เลี่ยเฟิ่ง      


                                              ( ยังมีต่อ   )

 
 โดย honglong เมื่อ 29 ตุลาคม 2547 เวลา : 16:43:00 | Comments (6)   
 

 

[ch_army]

โทษทีครับ สงสัยจะโพสต์ผิดกาละเทศะไป เลยกลายเป็นโจ๊ก ไปเลยแฮะ แต่ก็มันส์มากครับ ขอบคุณครับ

[เก๋า]

ผมชอบใจป๋าครรชิตจริงๆ ครับ (สังเกตุมาจากหลายๆกระทู้ครับ)
ป๋าเป็นสุภาพบุรุษที่มีจิตใจที่ดี มีใจกว้าง สุขุม เยือกเย็น และอารมณ์ดี เป็นบุคคลที่น่าเคารพจริงๆครับ ขอคารวะจากใจจริงครับ
You are Great. You are Great. You are Great.

[ปรัชญา]

เข้ามาอ่านครับพี่ครรชิต
ผมคิดว่าพี่จะเริ่มต้นใกล้
นี่เริ่มต้นตระกูลของมนุษย์เลย
พี่ครรชิต น่ารวบรวมไว้ใน.....ห้องบทความ
ไว้ให้คนรุ่นหลังมาค้นคว้าศึกษาเป็นห้องสมุดครับ

กำลังรออ่านภาคต่อไปครับพี่ครรชิต

[ครรชิต ไพศาล]

:lol: :lol: เอาเล่าต่อ :lol: :lol:

เราเรียกมนุษย์ที่ถือกำเนิดมาทุกสายพันธุ์ รวมอยู่ในตระกูลเดียวกัน ว่า Homo Sapiens
ที่มีมันสมองขนาดใหญ่ ที่ทรงพลังที่สุด ในบรรดา สัตว์โลกทั้งปวง
มนุษย์สายพันธุ์ต่างๆ ได้ท่องเที่ยวล่าสัตว์ อยู่ในโลก อาศัย ตามป่าเขา ตามถ้ำ
ผ่านยุคหินเก่า ลองผิดลองถูก รู้จักใช้ไฟ ผลิตเครื่องมือจากหิน เป็นอาวุธ
ผ่านยุคหินกลาง รู้จักสร้างเครื่องมือ ประมง อาศัยเป็นหลักแหล่ง
ผ่านยุคหินใหม่ ซึ่งเริ่มต้นเมื่อประมาณ 6,000 ปีก่อน ค.ศ. รู้จักทำกสิกรรม รู้จักเครื่องปั้นดินเผา
จนมาถึงยุคสำริด รู้จักนำทองแดงมาผสมดีบุก มาทำเครื่องมือเครื่องใช้
ตอนปลายของยุคนี้จึงเริ่มมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร จึงเริ่มเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์


ยุคโบราณ 7,000 ปีก่อน ค.ศ. ถึง 476 ปีก่อน ค.ศ. มี
ที่มีการค้นพบบันทึกไว้

อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
ชนชาติสุเมเรียน.. ชนชาติแรกที่สร้างวัฒนธรรมขึ้นในเมโสโปเตเมีย ประมาณ 5,000-3,000 ปีก่อน ค.ศ.
บูชาเทพ ชามาช (สุริยเทพ) และเทพอื่นๆ
ชนชาติฮิทไทท์..รู้จักใช้เหล็ก

อารยรรมอียิปต์ 2000 ปีก่อน ค.ศ.นับถือ สุริยเทพ (เทพ รา) เทพโอซิริส และ เทพอื่นๆ
ชนชาติฮิบรู (ยิว) ศาสนายูดาย นับถือพระยะโฮวาห์ พระผู้สูงสุดแต่เพียงผู้เดียว
อับราฮัมและโมเสสเป็นผู้ประกาศศาสนายูดาย เมื่อ ประมาณ 1,250 ปีก่อน ค.ศ.
ในสมัยฟาโรห์เมอร์เนปตาแห่งราชวงค์ที่ 19 ของ อียิปต์
คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนายูดาย คือ คัมภีร์เทนาคห์ คริสต์ชนเรียกว่า พระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม
มีคำสอนโดยรวม อยู่ใน บัญญัติ 10 ประการ
1. อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเรา
2. อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน (เพื่อบูชา)
3. อย่าเอ่ยพระนามของพระเจ้าอย่างไม่สมควร
4. จงระลึกถึงวันสับบาธ
5. จงเคารพบิดามารดาของเจ้า
6. อย่าฆ่าคน
7. อย่าผิดประเวณี
8. อย่าลักทรัพย์
9. อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้ายผู้อื่น
10. อย่าอิจฉาในทรัพย์สินของผู้อื่น

อารยธรรมอินเดียลุ่มน้ำสินธุ ประมาณ 5,000-3,000 ปีก่อน ค.ศ. เป็นแหล่งกำเนิด
ศาสนาฮินดู เมื่อ ประมาณ 2,000 ปีก่อน ค.ศ. นับถือ เทพ พระศิวะ พระนารายณ์ และ เทพอื่นๆ

ศาสนาพุทธ เมื่อ 543 ปีก่อน ค.ศ. ปฏิบัติเพื่อรู้แจ้งในธรรม พระพุทธเจ้า(เจ้าชายสิทธัตถะ)เป็นศาสดา
มีคัมภีร์ที่รวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้า เรียกว่า พระไตรปิฎก แบ่งเป็นสามส่วนคือ
พระวินัยปิฎก พระสูตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก
พระพุทธเจ้าสอน เรื่อง
ไตรลักษณ์ ซึ่งประกอบด้วย
1. อนิจจัง สังขาร(เครื่องปรุงแต่ง)ทั้งหลายไม่เที่ยง ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลง
2. ทุกขัง สังขาร(เครื่องปรุงแต่ง)ทั้งหลายเป็นทุกข์ เพราะทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลง ผู้ไม่พึงพอใจ จึงเป็น ทุกข์
3. อนัตตา ธรรมทั้งปวงไม่ใช่ตัวตน จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
อริยสัจ 4 ซึ่งประกอบด้วย
1. ทุกข์ ทุกชีวิตเกิดมาย่อยมีทุกข์
2. สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์เพราะกิเลสที่จรมา
3. นิโรธ ความดับทุกข์ โดยการละกิเลสที่จรมา
4. มรรค วิธีปฎิบัติ เพื่อถึงซึ่งการดับทุกข์ มี แปดประการ อันประกอบด้วย
สัมมาทิฐิ เห็นชอบ สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ สัมมาวาจามะ เจรจาชอบ สัมมากัมมันตะ ปฏิบัติชอบ
สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ สัมมาวายามะ เพียรชอบ สัมมาสติ ระลึกชอบ สัมมาสมาธิ ตั้งใจชอบ
โดยรวม สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอน คือ ให้ทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว และ ทำจิตใจผ่องใส เพื่อการพ้นทุกข์

(ขอบอก การบูชารูปพระเครื่องในฐานะเครื่องรางของขลัง เป็นไสยศาสตร์ ศาสตร์แห่งความหลับศาสตร์แห่งความหลง นะ ไม่ใช่แนวทางพุทธะ ที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ นะ อย่าเอาไปปนกัน ) :lol: :lol:

อารยธรรมจีน ..ลุ่มน้ำแยงซี ลุ่มน้ำฮวงโห ประมาณ 5,000-3,000 ปีก่อน ค.ศ.
แหล่งกำเนิด ลัทธิขงจื้อ 551 ปีก่อน ค.ศ.

อารยธรรมในอเมริกากลาง อาณาจักรอินคา

อารยธรรมกริซ 1600 ปีก่อน ค.ศ. นับถือ เทพอพอลโล และเทพอื่นๆ

อารยธรรมโรมันโบราณ 509 ปีก่อน ค.ศ. นับถือ เทพจูปิเตอร์ และ เทพมาร์ส และ เทพอื่นๆ


อารยธรรมโลกยุคกลาง
ในขณะที่อาณาจักรโรมัญกำลังเสื่อมลง ได้หันมานับถือ
คริสต์ศาสนา ที่ พระเยซู เป็นศาสดา ซึ่งเป็นชาวยิว ได้ถือกำเนิดในดินแดนตะวันออกกลาง
นับถือพระยะโฮวาห์ พระผู้สูงสุดแต่เพียงผู้เดียว ชาวคริสตชน มีคัมภีร์ไบเบิลซึ่งประกอบด้วย
คัมภีร์พันธสัญญาเก่า ซึ่งมีเนื้อหาคลายคลึงกับ คัมภีร์เทนาคห์
กล่าวถึงพันธสัญญาซึ่งชาวยิวเชื่อว่าพระเจ้าทรงกระทำต่อพวกเขาผ่านอับบราฮัมและโมเสท
คัมภีร์พันธสัญญาใหม่
กล่าวถึงพันธสัญญาที่คริสต์ศาสนิกชนเชื่อว่าพระเจ้าทรงกระทำต่อมนุษย์ผ่านทางพระบุตรคือพระเยซูคริสต์

ศาสนาอิสลาม พระมูฮัมหมัด เป็นศาสดา กำเนิด เกิดเมื่อ ค.ศ. 570 ในเมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
อิสลาม ในหมายถึง การเชื่อฟังหรือสันติสุขโดยยอมรับทำตามพระทัยพระอัลเลาะห์ (พระเจ้า)
ชาวมุสลิมเชื่อในเรื่องพระเจ้ารวมทั้งประวัติความเป็นมาร่วมกับชาวยิวและชาวคริสต์
แต่เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มุสลิมก็คือ
การสำแดงของ พระเจ้า แก่ พระมูฮัมหมัด เมื่ออายุ 40 ปี ที่ ภูเขาหิรอ ใกล้เมืองเมกกะ
คัมภีร์อัล-กุรอ่าน รวบรวมคำสอน ศาสนาอิสลาม กล่าวถึง ความเป็นหนึ่งเดียวและอำนาจของพระอัลเลาะห์
รวมทั้งสิ่งที่ชาวมุสลิมยึดถือ และกล่าวถึงแนวทางการดำเนินชีวิตอย่างละเอียด

[ปรัชญา]

จริงอย่างพี่ครรชิต เขียนครับ
เรื่องนับถือ ของชาวอิสลาม
เวลาผมไปรอเครื่อง ที่สนามบินดอนเมือง
ผมจะเห็นห้องละมาด(ไม่รู้ว่าพิมพ์ถูกหรือเปล่าคำว่าละหมาด)
มีไว้ให้ผู้นับถือศาสนาอิสลาม ใช้ทำความเคารพพระผู้เป็นเจ้า
โดยหันหน้า ไปทางหินศักดิ์สิทธิ นครเมกะ
(ที่ผมรู้เพราะไปถามเพื่อนที่นับถืออิสลามเขาเลยอธิบายให้ฟัง
ที่ขอนแก่นก็มีแบ๊งก์กรุงไทย ของอิสลามอยู่1สาขา
พนักงานสาวคลุมศรีษะด้วยผ้าตลอดเวลา)

เหมือนพระเจ้าอยู่ที่ใจ

[stp]

ลองเข้าไปดูที่ web ศิลปวัฒนธรรมดูนะครับ

http://www.matichon.co.th/art/art.php?s ... &search=no

ฉบับ 1 เมษา 2547