มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
mrdew
Verified User
โพสต์: 258
ผู้ติดตาม: 0

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 1

โพสต์

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews ... 0000072258

ผมพอสรุปได้ว่าคนไทยอ่านหนังสือมากขึ้น ทุกเพศทุกวัย หลังจากได้ยินคำพูดว่า "คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยคนละ 6 บรรทัดต่อปี" มาหลายครั้ง
และก็ปริมาณการอ่านยังแปรผันตรงกับภาวะเศรษฐกิจอีกต่างหาก

แล้วการที่คนใช้อินเตอร์เน็ตมากขึ้น จะบอกเป็นนัย ๆ ได้ไหมว่า คนก็อ่านเยอะขึ้น หาข้อมูลเยอะขึ้นเหมือนกัน

นักลงทุนทั้งหลายคิดอย่างไรเกี่ยวอนาคตของหนังสือหรือสิ่งพิมพ์ และหุ้นที่เกี่ยวข้องในตลาดหลักทรัพย์บ้างครับ จุดอ่อนของหุ้นหนังสืออยู่ที่ไหน
ภาพประจำตัวสมาชิก
harry
Verified User
โพสต์: 4200
ผู้ติดตาม: 0

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ร้านขายหนังสือดีกว่า สำนักพิมพ์ครับ เพราะคนซื้อหนังสือจากคนเขียน จึงไปหาร้านซื้อ ร้านที่ดีก็มีสาขาทั่วถึง สำนักพิมพ์เสี่ยงมากกว่าลงทุนไปแล้ว อาจมียอดขายน้อยจนขาดทุนเละ

คนไทยมักอยากได้ของถูก ถ้าไม่มีงาน ไม่ซื้อหรอก คนไทยรอมาเลหลัง ลดราคา ทุกธุรกิจ ถ้ามีป้ายลดราคาจะขายดีกว่าเดิม แม้ว่าจะตั้งราคาสูงหน่อย แล้วใช้ป้ายลดให้ลงมาเป็นราคาปกติ
Expecto Patronum!!!!!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
ch_army
Verified User
โพสต์: 1352
ผู้ติดตาม: 2

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 3

โพสต์

น่าดีใจครับ คนไทยสนใจการอ่าน ประเทศชาติจะเจริญเพราะ คนไทยมีความรู้ครับ และร้ายขายหนังสือ คงขายดีขึ้นครับ ฮิฮิ :D
http://inspirationword.blogspot.com

-กำลังใจ มีอยู่ในตัวคุณ-
-พัฒนาทัศนคติ สู่ชีวิตแห่งชัยชนะ-
sunrise
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2273
ผู้ติดตาม: 1

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ถ้าคนไทยรักการอ่านก็ดีครับ ประเทศชาติจะได้เจริญๆ

แต่จริงๆแล้ว สิ่งที่สัมผัสอยู่ หายากเหลือเกินครับ ที่อ่านหนังสือ
เห็นวันๆ เปิดแต่ หน้าอาชญากรรม กับบันเทิง ในสำนักข่าวที่ขายดีที่สุด
เคยถามถามเพื่อนๆ ที่จบด้วยกันมาว่า พวกเขาอ่านหนังสือขนาดไหน
หลังจาก จบมา
ฟังแล้วก็เศร้าครับ :cry:
เหลือแค่ ประมาณ 50 % ที่อ่านหนังสืออื่นๆ นอกจาก หนังสือพิมพ์
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
บุคคลทั่วไป
ผู้ติดตาม: 0

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 5

โพสต์

อ่านคนละ 6 บรรทัดต่อปีนี่ผมว่าผมได้ยินมาเกือบยี่สิบปีแล้วมั้งครับ แต่ก็มีคนชอบนำมาอ้างอยู่เรื่อย

6x60 = 360 ล้านบรรทัด

ผมว่าแค่หนังสือเจาะเวลาหาจิ๋นซี ยาวประมาณ 9 เล่ม (มั้ง)

9x30x400=108000 บรรทัด (คร่าว ๆ นะครับ 30 บรรทัด 400 หน้า น่าจะมากกว่านี้)

ยอดขายแค่หมื่นเล่มก็ 108000x10000 = 1,080,000,000 บรรทัดแล้วครับ (แว่วว่าขายเป็นแสน)

แค่เรื่องเดียวก็ 18 บรรทัดต่อคนเป็นอย่างน้อยแล้ว


เรื่องที่ขายดีกว่านี้เพียบ ผมว่าคนละหมื่นบรรทัดยังน้อยไปมั้ง
อืมม์
Verified User
โพสต์: 24
ผู้ติดตาม: 0

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ง่า ข้างบนไม่ได้ login
นายสต็อก
Verified User
โพสต์: 777
ผู้ติดตาม: 0

Re: มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 7

โพสต์

mrdew เขียน:...ผมพอสรุปได้ว่าคนไทยอ่านหนังสือมากขึ้น ทุกเพศทุก
วัย หลังจากได้ยินคำพูดว่า "คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยคนละ 6 บรรทัดต่อปี"
มาหลายครั้ง....
คนจะดำเนินชีวิตได้ก็ต้องอ่านออกเขียนได้พอสมควร ใครที่วิจัยว่า
คนไทยอ่านเพียงแค่ 6 บรรทัดต่อปี ไม่เพี้ยนก็บ้าไปซะก่อนมั๊งครับ!!! :shock:

ตามถนนหนทาง ห้างร้าน ป้ายตัวหนังสือ ก็มีเกลื่อนกลาด ไม่รวม
ป้ายโฆษณาบ้าบอคอแตกอีก ถ้าคุณไม่อยู่เขาอยู่ป่า เข้าถ้ำ ก็ควร
จะเกินแล้วนะ ผมคิดเช่นนั้น! :roll:
ภาพประจำตัวสมาชิก
sirivajj
Verified User
โพสต์: 985
ผู้ติดตาม: 0

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ผมเดาว่า เขาจำแนกว่า หนังสือที่อ่านนั้นเป็นหนังสือประเภทใดด้วยมังครับ

ถ้าแค่อ่านป้ายประกาศโฆษณา หรือหนังสือเริงรมย์ อันหาคุณค่าที่จะเป็นความรู้อันใดไม่ได้แล้ว คงไม่มีประโยชน์นะครับ เพราะอ่านแล้วไม่ทำให้
เกิดความรู้, ทัศนคติ หรือความคิดอันเป็นประโยชน์อะไรต่อผู้อ่านหรือสังคมได้

อันนี้ ผมเดาเอา เพราะก็สงสัยเหมือนเพื่อนๆ ที่ว่ามาเหมือนกัลล์
เพื่อนๆ ท่านใดทราบวานบอก จักขอบคุณหลายครับ
What do you mean.?
mrdew
Verified User
โพสต์: 258
ผู้ติดตาม: 0

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ผมได้ยิน ดร.เสรี วงศ์มณฑา พูดน่ะครับ ในรายการ คุยสบาย ๆ กับ ดร.เสรี

เค้าพูดว่า "บอย รู้่ไม๊ว่าคนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ 6 บรรทัด พี่ได้ยินแล้ว พี่ตกใจมากกกกก"

แบบนี้อ่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
harry
Verified User
โพสต์: 4200
ผู้ติดตาม: 0

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ผมไปเดินงานมาอีกรอบวันนี้ เห็นคนซื้อกันมากมายหลายสิบเล่มต่อคน หรือต่อกลุ่มที่มาด้วยกัน คนก็ยังแน่น แม้จะเป็นวันธรรมดา ปัญหาคือคนที่มีเงิน มีการศึกษา อยู่ในเมือง เข้าหาหนังสือได้ง่าย เข้าหาสื่อ เข้าหาความรู้ได้ แต่ต่างจังหวัดห่างไกลน่ะสิครับ พี่ปรัชญาเองยังบอกว่าในเมืองขอนแก่นหนังสือบางเล่มยังไม่มีขายเลย
Expecto Patronum!!!!!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
ch_army
Verified User
โพสต์: 1352
ผู้ติดตาม: 2

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 11

โพสต์

เห็นด้วยกับคุณ harry ครับแต่เรื่องการกระจายความเจริญและการศึกษาเนี่ยคงต้องค่อยเป็นค่อยไปเพราะประเทศเราไม่รวยขนาดทุ่มเงินอัดฉีดได้มหาศาล ซึ่งจริงๆหนังสือที่ผมเห็นว่าขายดีมักจะเป็นพวก fiction และเพื่อความบันเทิงนะครับ(ดูจากเพื่อนๆและคนรู้จัก) หนังสือแนวอื่นเนี่ยไม่แน่ใจนะครับว่ายอดขายเป็นไง
http://inspirationword.blogspot.com

-กำลังใจ มีอยู่ในตัวคุณ-
-พัฒนาทัศนคติ สู่ชีวิตแห่งชัยชนะ-
อืมม์
Verified User
โพสต์: 24
ผู้ติดตาม: 0

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 12

โพสต์

เท่าที่ผมรู้หนังสือคอมพิวเตอร์ที่ขายดีมาก ๆ ยอดขายเป็นแสนเล่มเหมือนกันครับ

แต่เราจะได้ยินคนพูดบ่อย ๆ ว่าหนังสือขายไม่ได้เพราะคนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือ ซึ่งผมไม่เห็นด้วยเลย แค่งานสัปดาห์หนังสือคนก็เดินเป็นแสน ๆ คนแล้วครับ แต่ในแต่ละวงการหนังสือที่ขายดีก็ต้องน้อยกว่าขายไม่ดีแบบเทียบกันไม่ติด เหมือนกับอัตราส่วนคนเล่นหุ้นกำไรเทียบกับคนขาดทุนนั่นล่ะครับ :P
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 85

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 13

โพสต์

เราเป็นนักลงทุนแนว VI อย่าเชื่อใครง่ายๆครับ

การบอกว่าคนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละแค่ 6 บรรทัด ผมว่ามันดูตื่นเต้นดี นี่ละสื่อบ้านเรา

เราควรที่จะดูที่มาที่ไปในการหาตัวเลขออกมา และลองคิดด้วยสามัญสำนึกเหมือนที่เพื่อนๆคิดนะครับ

ก็เหมือนกับการอ่านบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ทั้งหลาย หลายคนอ่านเพื่อให้รู้แค่ราคาเท่าไร ไม่เคยพิจารณาเลยว่าราคาที่เค้าคำนวณได้มากจากไหน ถูกต้องและเหมาะสมอย่างไร

สมัยนี้คนทำงานง่ายๆมีเยอะ เพราะสื่อบ้านเราต้องการอะไรที่เป็นข่าวดังๆนะครับ โดยเฉพาะข่าวในด้านลบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 2

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ตอนแรก 6 บรรทัดครับ ของบไปทำโครงการ
ทำไปทำมา ได้มา 8 บรรทัด ของบเพิ่มอีกเพื่อให้เป็น 10 บรรทัด
อีก 5 ปีข้างหน้าคงได้ประมาณ 24 บรรทัดหรือไม่ก็เอาพวกนามธรรมต่อเช่น
เยาวชนไทยอ่าน....
เด็กไทยอ่าน....
วัยรุ่นอ่าน... (ไม่ค่อยยอมบอกอายุกัน)
เพื่อของบกันอีก :twisted:

คุณอืมม์ คิดคล้ายๆผมเลยครับแต่ผมใช้ หนังสือที่ขายดีที่สุดในอดีตคือ
อุดมแต้พานิชครับ ผมคำนวณตอนปรับเป็น 8 บรรทัดครับยังเชื่อไม่ได้อยู่ดี

อ่านข้อมูลการวิจัยได้ที่
6 บรรทัดปี และ 8 บรรทัด
http://www.bangkokbiznews.com/jud/taste ... 64409.html
10 บรรทัด
http://www.ssf.or.th/th/sanpatiroob.php ... book_id=18
อันสุดท้าย 10 บรรทัด
www.rb.ac.th/org/research/rajabhat/ripa1/19301.htm
ผู้ชมกรุณาใช้วิจารณยานในการชม :D
mrdew
Verified User
โพสต์: 258
ผู้ติดตาม: 0

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 15

โพสต์

555 เมื่อกี้ผมเข้ามาอ่าน แล้วกำลัง search หาข้อมูลมาสนับสนุนข้อมูลตัวเอง แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ มาดูอีกที่ คุณ MO101 เอามาให้ดูแล้ว ขอบคุณครับ :D
นายสต็อก
Verified User
โพสต์: 777
ผู้ติดตาม: 0

หนังสือกับชีวิตเรา

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ข้อมูลที่คุณ MO101 นำลิงค์มาให้อ่านบทความน่าสนใจทีเดียวนะครับ
การอ่านก็เป็นวิธีการกระจายความรู้แบบหนึ่ง จากมุมมองของหลากหลาย
ผู้เขียน เหมาะกับทุกเพศทุกวัย

ผมยอมรับว่า การอ่านหนังสือ บางครั้งก็น่าเบื่อ แต่มันก็เป็นสิ่งจำเป็น
อย่างนึงในการดำเนินชีวิตทุกวันนี้ ไม่มีความรู้ ประสบการณ์ ก็ดำเนิน
ชีวิตประจำวัน ลำบากทีเดียว ยิ่งอยู่ในสังคมแบบโลกาภิวัฒน์ด้วย :)

หนังสือดีๆ ใหม่ๆ เล่มนึงก็ราคาแพงเอาการ ชาวบ้านไม่มีปัญญาไปซื้อ
มาเป็นเจ้าของจำนวนมากๆได้หรอก จะไปหยิบยืมตามห้องสมุด
ก็ไม่สะดวกเท่ากับการเดินไปเช่าวีซีดี ตามร้านเช่าแถวบ้านซะอีก!

ก็คงต้องฝากความหวังให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองดูแลเรื่องการ กระจาย
ความรู้ โดยอาศัยห้องสมุดมาตรฐาน มากกว่านี้สักหน่อยนะครับ! :roll:
asdf
ผู้ติดตาม: 0

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 17

โพสต์

มีคนเคยพูดไว้ว่า "ปัญหาที่เราเผชิญอยู่ในวันนี้ไม่สามารถแก้ได้ด้วยความรู้ในระดับเดียวกับที่ปัญหาถูกสร้างขึ้นมา" นั่นก็คือเราต้องการวิสัยทัศน์ แนวคิดใหม่ ถึงจะเอาชนะหรือแก้ปํญหาเดิมๆของเราได้ ที่ได้มากสุดก็จากการอ่านนี่แหละครับ แต่ปัญหาของไทยก็คือหนังสือมีราคาแพงครับ แพงเพราะต้นทุนที่สูงกระดาษต้องดี มันวาวดูสวยครับเอาไว้อวดกัน แต่อ่านมากๆนานๆนัยตาจะเสียได้(ผมเริ่มมีอาการแล้ว)ผมลองเปรียบเทียบกับของฝรั่งแล้วต่างกันมากครับไม่รู้ว่ารัฐบวมมัวทำอะไรอยู่อาจไม่อยากให้คนไทยฉลาดก็ได้ เรื่องโครงสร้างการศึกษาก็เช่นกัน ลองนึกเล่นๆนะครับสมัยผมยังเรียนมีเพื่อนทั้งเรียนเก่ง เรียนปึก(ไม่เก่ง) คนเรียนเก่งก็ชอบอ่านหนังสือ คนเรียนปึกก็ชอบเที่ยวเตร่เฮฮา พอจบ ม.6 คนเรียนเก่ง Ent ติดมหาวิทยาลัย คนเรียนปึกสอบไม่ได้หาที่เรียนไม่ได้ ท้ายที่สุดไปเรียนเป็นครู และปัจจุบันนี้เขาเป็นอาจารย์แล้วครับ ส่วนไอ้คนเรียนเก่งทำงานโรงงานครับ ยังรักการอ่านเหมือนเดิม และไอ้คนเรียนปึกก็ยังคงเหมือนเดิมเช่นกัน วันนึงผมไปติดตั้งคอมพ์ที่โรงเรียนให้ท่านปึก ก็บอกท่านว่าอย่าเล่นหลายมือถ้าเอาแผ่นจากที่อื่นให้สแกนหาไวรัสก่อน ท่านปึกก็เลยถามผมอย่างตรงๆและโดนใจว่า ถ้าคอมพ์มันเป็นไข้จะให้มันกินยาอะไร ผมได้แต่กุมขม้บนึกในใจ โอ้..จอร์จ อนาคตของชาติมันคงยอดมากเลย ที่ผมมองเห็นถ้ากฎ80/20เป็นจริง การศึกษาของไทยกำลังปักหัวลงครับ เน้นๆนะครับผมยังเครารพรักอาจารย์เสมอครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ch_army
Verified User
โพสต์: 1352
ผู้ติดตาม: 2

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ขนาดนั้นเลยหรือครับ ผมว่าปัญหาการศึกษาอยู่ที่ระบบครับ คิดดูครับผมว่าในยุคใหม่ที่เด็กหาความรู้เองได้(อาจเฉพาะในเมืองใหญ่) แต่ความรู้นั่นจะเป็นด้านดี/เลวก็ได้หาก ครูตามไม่ทัน มันน่ากัวมากครับ ครูทุกคนครับอนาคตของชาตอยู่ในมือท่านครับ ท่านทั้งหลายครับหากเราคิดว่าที่คนที่มาเป็นครู มักจะเป็นคนที่อาจจะพูดได้ว่าเรียนไม่ได้ขั้นดีมาก ซึ่งท่านเหล่านี้มาสอนเด็กเรา ผมว่าถ้าเค้าสอนเก่งก็โอเคครับ ดีมากทีเดียวเพราะคนเรียนเก่งไม่ใช่จะสอนเก่ง(มักจะเปนอย่างนั้น) แต่ความใฝ่รู้นั้นสำคัญเราจะทำยังไงให้ครูไทยใฝ่รู้นั่นคือปัญหาในส่วนของครู ซึ่งอาจบอกว่าเราต้องเอาคนเก่งมาสอน(ที่ใฝ่รู้) แต่ค่าตอบแทนที่ต่ำ คนเก่งที่ไหนจะมาสอนในสังคมแบบนี้ที่ทำมาหากินอย่างอื่นๆดีกว่าเยอะแยะ
http://inspirationword.blogspot.com

-กำลังใจ มีอยู่ในตัวคุณ-
-พัฒนาทัศนคติ สู่ชีวิตแห่งชัยชนะ-
ภาพประจำตัวสมาชิก
Minesweeper
Verified User
โพสต์: 472
ผู้ติดตาม: 0

มองตลาดหนังสือไทยผ่านงานบุ๊กแฟร์

โพสต์ที่ 19

โพสต์

เรื่อง book expo ผมว่าบางทีมันก็เป็นแฟชั่นนะ ... ปีสองปีก่อน ผมไปงานหนังสือทีไร หอบกลับมาเยอะทุกที บางเล่มก็ยังไม่ได้อ่านจนถึงทุกวันนี้ บางเล่มอ่านผ่านๆ ให้มันจบๆ ไป

ครั้งหลังๆ เลยรอบคอบมากขึ้น จดไว้ก่อนเลยว่าจะเอาอะไรบ้าง แล้วก็ซื้อเท่าที่จะซื้อ

เดี๋ยวนี้คนดังๆ เขียนหนังสือกันเยอะ ทำการตลาดดีๆ ก็ขายได้แล้ว หนังสือนิยายบางประเภทก็เป็นแฟชั่น แบบว่าถ้าไม่ได้อ่านแล้วคุยกับเพื่อนที่ทำงานไม่รู้เรื่อง หนังสือบางประเภทคนอ่าน อ่านเพื่อเป็นการสร้างตัวตน สร้างค่านิยม สร้าง look ของตัวเอง ... ผมเองซื้อ bizweek ทุกเที่ยงวันศุกร์ บางฉบับก็อ่านแต่ section ถนนนักลงทุน กับ headline อีก 2-3 เรื่องเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันรู้สืกดีตอนที่ซื้อน่ะ

มุมมองของผม ผมว่าการที่คนไทยโดยเฉลี่ยจะอ่านหนังสือมากขึ้นหรือน้อยลงจากตัวเลข 6 บรรทัด (อะไรมันจะขนาดนั้น) มันก็ไม่ได้ทำให้สำนักพิมพ์มีกำไรเพิ่มเท่าไหร่ กำไรของสำนักพิมพ์อยู่ที่จะสามารถจับกระแส อะไรต่างๆ ได้รวดเร็วขนาดไหน ทำการตลาดดีแค่ไหนมากกว่า ใครเข้าก่อนก็ทำกำไรได้มาก มาทีหลังคนเริ่มเบื่อแล้วก็อาจได้น้อยหน่อย ...
วันนึงผมไปติดตั้งคอมพ์ที่โรงเรียนให้ท่านปึก ก็บอกท่านว่าอย่าเล่นหลายมือถ้าเอาแผ่นจากที่อื่นให้สแกนหาไวรัสก่อน ท่านปึกก็เลยถามผมอย่างตรงๆและโดนใจว่า ถ้าคอมพ์มันเป็นไข้จะให้มันกินยาอะไร ผมได้แต่กุมขม้บนึกในใจ
หวังว่าท่านปึกของคุณ asdf คงล้อเล่นนะครับ :) ...
ป้าแก่กว่า
ผู้ติดตาม: 0

ถึงว่าที่คุณครู

โพสต์ที่ 20

โพสต์

พูดถึงครูแล้วน่าเศร้า ข่าวว่าสอบคราวนี้ สมัคร 5 หมื่น ได้แค่ 153 คน สงสัยข้อสอบจะยากเกินไปจริงๆ ขอให้เข้ามาเป็นครูก่อนได้ไหมท่านอดิศัยแล้วค่อยออกระเบียบให้ครู 1 เรียนคอมพ์ฯ ใช้เป็นทุกคน 2. อ่านหนังสืออย่างน้อยเดือนละเล่ม3 . พูดภาษาที่สองได้อย่างน้อย 1 ภาษา อ้อ/ ทั้ง 3 ข้อต้องให้ผบ.สถานศึกษาทำก่อนนะจ๊ะ :lol:
ล็อคหัวข้อ