The Standard Wealth Club 2023 : Success in a Low-return World จากผู้รอดชีวิตสู่ผู้ชนะในสมรภูมิลงทุน ดร นิเวศน์

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2646
ผู้ติดตาม: 273

The Standard Wealth Club 2023 : Success in a Low-return World จากผู้รอดชีวิตสู่ผู้ชนะในสมรภูมิลงทุน ดร นิเวศน์

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สัมมนา The Standard Wealth Club 2023 :
Success in a Low-return World
จากผู้รอดชีวิตสู่ผู้ชนะในสมรภูมิลงทุน
ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
By Seminar Knowledge page

อาจารย์บอกว่า ตอนช่วงต้มยำกุ้ง ลงทุนถูกจังหวะ จะว่าฟลุ๊กก็ได้ เพราะตอนนั้น หวังแค่ลง10ล้านบาท ได้ปันผล
ปีละ10% ก็ได้ปีละล้านบาท เพียงพอกับค่าใช้จ่าย รวมค่าเรียนของลูกสาวได้ (แต่ปรากฏว่า ราคาหุ้นขึ้นมาเป็นยี่สิบเด้งเลย) หลังจากนั้น เรียนรู้การลงทุนแบบวีไอ ค่อยพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าใครเคยอ่านหนังสือ ตีแตก ที่อาจารย์เขียน
จะพบว่า การลงทุนตอนนั้นจะเน้นซื้อราคาถูก ไม่ค่อยดูเรื่องคุณภาพสักเท่าไหร่ ยังต้องพัฒนาเรื่องการลงทุนอีกเยอะ

ตอนนี้ทำอะไร ก็คิดให้ยาวไว้ ไม่ค่อยอยากทำอะไรที่หวังผลระยะสั้น เช่นการเขียนหนังสือ ก็อยากให้ตีพิมพ์ใหม่หลายรอบ หนังสือตีแตก ตีพิมพ์ซ้ำมากกว่า30ครั้ง

การมองโลกของการลงทุน ทุกอย่างเป็นการต่อสู้ เมื่อก่อน เราโชคดีว่า แค่เก่งกว่าคนอื่นเท่านั้นเราก็ประสบความสำเร็จ
ในการลงทุน แต่ในโลกยุคใหม่ แข่งกันที่Relative ถ้าเราอยู่ในที่ไม่ค่อยมีคนเก่ง เราก็เก่งกว่าคนอื่นนิดเดียวก็พอแล้ว
ไม่จำเป็นต้องแข่งกับนักวิทยาศาตร์เก่งๆ

คนรุ่นใหม่เก่งขึ้นเยอะ ถ้าเราเก่งเท่าอาจารย์ตอนต้มยำกุ้ง เราก็ไม่รอดถ้าลงทุนในปัจจุบัน เพราะดร เริ่มลงทุนตอนอายุ40กว่า ตอนนั้นไม่ได้ผูกสูตรประเมินราคาหุ้น เหมือนนักลงทุนวีไอรุ่นใหม่ที่ทำอยู่ตอนนี้ อาจารย์อยู่ในแวดวงการลงทุนมาตลอด หาเรื่องใหม่ๆมาพูดตลอด ทำให้อาจารย์ได้พัฒนาความรู้ด้านการลงทุนมาตลอดเช่นกัน ดังนั้นเราต้องพัฒนาเรื่อง
ความรู้ในการลงทุนตลอดเวลา อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็มีการเรียนรู้ตลอดเวลา ตอนนี้ก็เข้าไปถือ apple
50%ของพอร์ต รวยขึ้นมาเยอะ ซึ่งเมื่อก่อนบัฟเฟตต์ไม่ชอบลงทุนหุ้นเทคโนโลยี แสดงว่า บัฟเฟตต์เรียนรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา อาจยังใช้เครื่องไม่เป็น ไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อมดไอที แต่เลือกลงทุนในบริษัทappleได้ เพราะ ถ้าศึกษายีนมาดี
จะพบว่า คนส่วนใหญ่ชอบใช้apple ซึ่งยีนเมื่อ10,000 ปีที่แล้วไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการชอบ ดังนั้น ก็หาหุ้นที่คนชอบใช้ และลงทุน เช่น สินค้าของหลุยส์ วิตตอง คนชอบมากกว่าapple

ชีวิตนักลงทุนไม่เหมือน นักร้อง หรือ ดารา ซึ่งยิ่งแก่ นักลงทุนจะยิ่งเก่งขึ้น เพราะผ่านชีวิตมาเยอะ ประสบการณ์ลงทุนเยอะ ส่วนนักร้อง พออายุเยอะขึ้น เสียงยิ่งหลง ดาราพอแก่ตัวลง ร่างกายก็แย่ลง ไม่ดีเหมือนเก่า

ดังนั้นนักลงทุนจะดูความสามารถในการแข่งขันของบริษัท เช่น หลุยส์ วิตตอง ไม่ได้แข่งขันกันที่ กระเป๋าแข็งแรง ใส่ของได้เยอะ แต่ไปแข่งเรื่องอื่น คนที่ซื้อเพราะว่า เป็นกระเป๋าหลุยส์ คนอยากถือ เพื่อแสดงว่าฉันรวย มีทรัพยากรเยอะ

ก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง แทบไม่มีการวิจัย อาจารย์ก็ทำวิจัยให้กับBroker เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อแสดงให้เห็นว่าBrokerก็มี
บทวิจัยเป็นภาษาอังกฤษ แต่คงไม่มีใครอ่าน ช่วงนั้นหุ้นfinance, property ดีมาก ส่วนหุ้นเรือ ค่าระวางขึ้นมา3-4เท่า
แต่ต้นทุนเท่าเดิม คนแห่มาซื้อ

อาจารย์เป็นคนแรกที่ลงทุนหุ้นที่มีความยั่งยืน ในราคาที่ไม่แพง เพราะไม่มีใครมาเล่นหุ้นแบบนี้ แต่ตอนนี้หุ้นแบบนี้ หาราคาถูกๆไม่เจอแล้ว
E4D8806B-86C8-4A35-B103-9FA5199D1A98.jpeg

สรุป หลักการลงทุนของอาจารย์
1. การลงทุน ต้องคิดภาพระยะยาวของบริษัทที่จะลงทุน และ ลงทุนแบบถือยาว
2. ลงทุนแบบ Relative การต่อสู้ เราเก่งในทีที่ไม่ค่อยมีคนเก่งเยอะ เช่นตอนต้มยำกุ้ง ถ้าเป็นตอนนี้ เราต้องเก่งขึ้นอีก
เพราะ มีคนเก่งๆเยอะ
3. เข้าใจเรื่องยีน พฤติกรรมของยีนไม่เปลี่ยนแปลง เราต้องเข้าใจว่ายีนชอบอะไร
4. เรียนรู้ตลอดเวลา ยิ่งแก่ยิ่งเก๋า

มีคำถามจากผู้เข้าสัมมนาว่า ถ้าจะเริ่มลงทุน ต้องมีอะไรบ้าง
อาจารย์ตอบว่า สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปหลังโควิด ราคาหุ้นไม่ค่อยตก ในช่วงที่ประเทศอื่นหุ้นขึ้น
แต่หุ้นไทยไม่ค่อยขึ้น พอหุ้นต่างประเทศตก หุ้นไทยก็ตกต่อ
การลงทุนแบบวีไอ ช่วงลงทุนแรกๆ เน้นความถูกเยอะ คือ หาหุ้นที่PEต่ำๆ ถ้าPE 40เท่า จะไม่มองเลยะ
มองตลาดหุ้นเวียดนาม เหมือนสมัยหุ้นไทยเมื่อ20ปีก่อน ราคาหุ้นsuper stock PE 13-14 เท่า ยังต่ำมาก
อนาคตอาจเป็นหุ้นsuper stock ตอนต้มยำกุ้ง อาจารย์เห็นmodern trade น่าสนใจ มีโอกาสเป็นหุ้นsuper stock
แต่คนอื่นยังไม่เห็น ดังนั้นราคาหุ้นตอนนั้นยังไม่แพง โรงพยาบาล อันดับต้นๆ ไม่มีคนเล่น PEต่ำมาก
สมัยก่อน ไทยเด่นมาก ญี่ปุ่นจะย้ายฐานการผลิต แถบนี้ ไม่มีใครเด่นกว่าไทย เลยย้ายฐานการผลิตมาไทย
ตอนนี้เวียดนามก็เป็นแบบเดียวกัน PE หุ้นที่คาดว่าเป็นหุ้นsuperstock เท่ากับหุ้นธรรมดาเลย
สงสัยรอวีไอมาซื้อมั้ง เวลาที่รอ อาจจะมาเร็วกว่าที่คิด ตอนนี้คนเล่นหุ้นที่เวียดนามยังไม่มีความคิดลงทุน
แบบวีไอเลย สำหรับมือใหม่ ลงทุนเวียดนามตอนนี้ ไม่เสียเปรียบคนเวียดนามที่ลงทุนอยู่
ถ้าอีกสองปี ตลาดหุ้นเวียดนาม ย้ายจากFrontier Market เป็น Emerging Market
ต่างชาติจะเข้ามาลงทุนได้เต็มที่ ตอนนี้อาจารย์ถือหุ้นเวียดนาม คิดเป็น 30%ของพอร์ตแล้ว

อาจารย์บอกทิ้งท้ายว่า หุ้นsuperstock รอขึ้น 10 เท่า เมื่อเงินfund flow จากต่างประเทศไหลเข้ามา
เวลาลงทุนต้องมีความศรัทธาในการลงทุน ทำให้ถือหุ้นเป็น10ปีได้ ถึงแม้ระหว่างทางจะมีการย่อก็ตาม
ดังนั้น ตอนนี้ต้องอดทนไปก่อน

สุดท้ายขอขอบคุณ The Standard ดร วิทย์ สิทธิเวคิน น้อง ศิรัถยา อิสรภักดี และทีมงานทุกท่าน
โพสต์โพสต์