เปิดพอร์ต ดร.นิเวศน์ ค้นหา 10 หุ้นดังที่เคยผ่านมือถึงปัจจุบัน

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
zombiethai
Verified User
โพสต์: 23
ผู้ติดตาม: 0

เปิดพอร์ต ดร.นิเวศน์ ค้นหา 10 หุ้นดังที่เคยผ่านมือถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ผมหลงเข้าใจมาตลอดว่าดร.นิเวศยังถือ 7-11 อยู่

https://mgronline.com/stockmarket/detail/9650000084993

ในช่วงที่ผ่านมาตลอดระยะ 2 ปี ช่วงโควิด-19 ตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวน บวกกับผลกระทบของเงินเฟ้อ และส่งครามรัสเซีย - ยูเครน ทำให้ตลอดหุ้นไม่ค่อยจะดึงดูดนักลงทุนมากนัก เช่นเดียวกันเซียนหุ้นแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนหุ้นคุณค่า หรือเจ้าพ่อเซียนหุ้น VI มีการปรับพอร์ตลงอย่างเห็นได้ชัด และหันไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศอย่างเวียดนามแทน

จากการสำรวจข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ณ วันที่ 2 กันยายน 2565 พบว่า ดร.นิเวศน์ และครอบครัว มีชื่อรายชื่อปรากฎผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่หลายหลักที่มีการเข้า - ออก ในตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา และถืออยู่ ณ ปัจจุบัน

ปัจจุบันดร.นิเวศน์และครอบครัวถือหุ้นอยู่ 2 หลักทรัพย์ ได้แก่

1.EASTW (บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก) ดร.นิเวศน์ เริ่มปรากฎรายชื่อเป็นผู้หุ้นรายใหญ่ ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2555 จำนวน 10,000,000 หุ้น หรือ 0.60% ปัจจุบันข้อมูล ณ ปิดสมุด ณ วันที่ 10 พ.ค. 2565 ถือเป็นลำดับที่ 7 ราคาล่าสุด 2 กันยายน 2565 ปิดที่ 6.55 บาท เท่ากับว่า ดร.นิเวศน์มีมูลค่าที่ถือ EASTW กว่า 65,500,000 ล้านบาท ถือหุ้นดังกล่าวมาเป็นระยะเวลา 10 ปี

ทั้งนี้ EASTW ประกอบธุรกิจพัฒนาและบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลัก ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก โดยจำหน่ายน้ำดิบให้แก่นิคมอุตสาหกรรม โรงงานทั่วไป และกิจการประปา

2.QH (บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์) เริ่มปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 2 ราย คือ ดร.นิเวศน์ เข้าถือครั้งแรก ณ วันที่ 10 กันยายน 2558 จำนวน 60,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 0.56% ขณะปิดสมุดล่าสุด วันที่ 25 ส.ค. 2565 ดร.นิเวศน์ จำนวน 250,000,000 หุ้น หรือ 2.33% เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ราคาล่าสุด 2 กันยายน 2565 ปิดที่ 2.20 บาท เท่ากับว่า ดร.นิเวศน์มีมูลค่าที่ถือ QH กว่า 550,000,000 ล้านบาท เท่ากับว่า ถือหุ้นดังกล่าวมาเป็นระยะเวลา 7 ปี

ขณะที่รายที่ 2 น.ส. พิสชา เหมวชิรวรากร (ลูกสาว) เริ่มปรากฎรายชื่อเป็นผู้หุ้นรายใหญ่ QH ณ วันที่ 12 มีนาคม 2563 จำนวน 100,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 0.93% ขณะปิดสมุดล่าสุด วันที่ 25 ส.ค. 2565 น.ส. พิสชา มีจำนวน 150,000,000 หุ้น หรือ 1.40% เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ลำดับที่ 3 ราคาล่าสุด 2 กันยายน 2565 ปิดที่ 2.20 บาท เท่ากับว่า น.ส. พิสชา มีมูลค่าที่ถือ QH กว่า 330,000,000 ล้านบาท ถือหุ้นดังกล่าวมาเป็นระยะเวลา 2 ปี

ทั้งนี้ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและให้เช่า บ้านพร้อมที่ดิน หน่วยในอาคารชุดพักอาศัย อาคารที่พักอาศัยให้เช่า (ธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ โรงแรม) อาคารสำนักงาน รวมทั้งรับจ้างบริหาร และร่วมลงทุนในธุรกิจอื่นๆ

ส่วนหุ้นที่ก่อนหน้านี้ ดร.นิเวศน์ และครอบถือมีจำนวน 8 ตัว คือ

1.BCP (บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น) น.ส.พิสชา เหมวชิรวรากร เข้าถือครองครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2560 จำนวน 8,000,000 หุ้น หรือ 0.58% และขายออกไปเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 จำนวน 8,000,000 หุ้น หรือ 0.58% รวมถือครองทั้งสิ้น 4 ปี

ราคาล่าสุด ณ วันที่ 2 กันยายน 2565 ปิดที่ 35.00 บาท เทียบกับราคาสิ้นปี 2564 ปิดที่ 25.25 บาท เพิ่มขึ้น 9.75 บาท หรือคิดเป็น +38.61% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 48,192.31 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 37.00 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 24.00 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน 5.71% P/E Ratio 3.60 เท่า

2.CENTEL (บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา) นางเพาพิลาส เหมวชิรวรากร (ภรรยา) เข้าถือครองครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2548 จำนวน 1,300,000 หุ้น หรือ 0.72% และขายออกไปเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2550 จำนวน 9,750,000 หุ้น หรือ 0.72%

ราคาล่าสุด ณ วันที่ 2 กันยายน 2565 ปิดที่ 44.50 บาท เทียบกับราคาสิ้นปี 2564 ปิดที่ 31.25 บาท เพิ่มขึ้น 13.25 บาท หรือคิดเป็น +42.4% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 60,075.00 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 46.50 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 30.00 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน N/A% P/E Ratio N/A เท่า

3.CPALL (บมจ.ซีพี ออลล์) นางเพาพิลาส เหมวชิรวรากร เข้าถือครองครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2551 จำนวน 22,500,000 หุ้น หรือ 0.50% และขายออกไปเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 จำนวน 45,000,000 หุ้น หรือ 0.50%

ราคาล่าสุด ณ วันที่ 2 กันยายน 2565 ปิดที่ 60.00 บาท เทียบกับราคาสิ้นปี 2564 ปิดที่ 59.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือคิดเป็น +1.69% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 538,986.08 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 69.00 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 57.75 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน1.00 % P/E Ratio 36.78 เท่า

4.HMPRO (บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์) นางเพาพิลาส เหมวชิรวรากร เข้าถือครองครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2548 จำนวน 6,318,463 หุ้น หรือ 0.79% และขายออกไปเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2557 จำนวน 75,789,774 หุ้น หรือ 0.79%

ราคาล่าสุด ณ วันที่ 2 กันยายน 2565 ปิดที่ 13.80 บาท เทียบกับราคาสิ้นปี 2564 ปิดที่ 14.50 บาท ลดลง 0.70 บาท หรือคิดเป็น -4.80% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 181,486.53 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 16.60 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 12.40 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.32% P/E Ratio 31.97 เท่า

5.JMART (บมจ.เจ มาร์ท) ดร.นิเวศน์ เข้าถือครองครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2553 จำนวน 7,000,000 หุ้น หรือ 2.33% และขายออกไปเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2556 จำนวน 7,000,000 หุ้น หรือ 1.68% รวมถือครองทั้งสิ้น 4 ปี

ราคาล่าสุด ณ วันที่ 2 กันยายน 2565 ปิดที่ 52.25 บาท เทียบกับราคาสิ้นปี 2564 ปิดที่ 57.50 บาท ลดลง 5.25 บาท หรือคิดเป็น -9.13% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 74,518.09 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 64.00 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 37.50 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.77% P/E Ratio 28.48 เท่า

6.MBK (บมจ.เอ็ม บี เค) ดร.นิเวศน์ เข้าถือครองครั้งแรก เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2553 จำนวน 1,000,000 หุ้น หรือ 0.53% และขายออกไปเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2557 จำนวน 10,000,000 หุ้น หรือ 0.53% รวมถือครองทั้งสิ้น 5 ปี

ราคาล่าสุด ณ วันที่ 2 กันยายน 2565 ปิดที่ 16.80 บาท เทียบกับราคาสิ้นปี 2564 ปิดที่ 13.40 บาท เพิ่มขึ้น 30.2 บาท หรือคิดเป็น +25.37% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 30,901.91 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 17.60 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 11.70 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน N/A% P/E Ratio N/A เท่า

7.TCAP (บมจ.ทุนธนชาต) เคยปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 2 รายชื่อคือ น.ส. พิสชา เหมวชิรวรากร เข้าถือครองครั้งแรก เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2560 จำนวน 6,500,000 หุ้น หรือ 0.54% และขายออกไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2563 จำนวน 7,000,000 หุ้น หรือ 0.60% และดร.นิเวศน์ เข้าถือครองครั้งแรก เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2557 จำนวน 7,000,000 หุ้น หรือ 0.55 % และขายออกไปเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 จำนวน 14,000,000 หุ้น หรือ1.20%

ราคาล่าสุด ณ วันที่ 2 กันยายน 2565 ปิดที่ 40.50 บาท เทียบกับราคาสิ้นปี 2564 ปิดที่ 37.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท หรือคิดเป็น +7.28% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 46,398.81 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 45.00 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 33.25 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน 7.41% P/E Ratio 7.19 เท่า

8.BCPG (บมจ.บีซีพีจี จำกัด) น.ส.พิสชา เหมวชิรวรากร เข้าถือครองครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2560 จำนวน 12,000,000 หุ้น หรือ 0.60% และขายออกไปเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564 จำนวน 13,500,000 หุ้น หรือ 0.50%

ราคาล่าสุด ณ วันที่ 2 กันยายน 2565 ปิดที่ 10.70 บาท เทียบกับราคาสิ้นปี 2564 ปิดที่ 12.00 บาท ลดลง 1.30 บาท หรือคิดเป็น -10.83% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 30,986.82 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 14.80 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 10.10 บาท อัตราเงินปันผลตอบแทน 2.99% P/E Ratio 11.85 เท่า

อย่างไรก็ตาม นอกจาก 8 หุ้นเด่นที่ดร.นิเวศน์ และครอบได้เคยถือว่ามาแล้วนั้น ยังพบว่า มีหุ้นอีกหลายหลักทรัพย์ที่่เข้าถือครองก่อนหน้านี้ได้แก่ WG , WACOAL , TMD , SSC , STANLY , SVOA , RAM , SE-ED , SF , SLM , PR , MC , METCO , IT , KTC , MATI , IRC , CMO , BAFS , AMARIN และ AS
ภาพประจำตัวสมาชิก
Bird.Songwut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 237
ผู้ติดตาม: 164

Re: เปิดพอร์ต ดร.นิเวศน์ ค้นหา 10 หุ้นดังที่เคยผ่านมือถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เท่ากับตอนนี้ ดร.นิเวศร์และครอบครัว ถือหุ้นไทยทั้งหมด 2ตัว ตามข่าวนี้เท่านั้น?
"มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้นจะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล"
Investor hub : ห้องลับนักลงทุน https://www.youtube.com/@Investor_hub
Sermwit
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 160
ผู้ติดตาม: 37

Re: เปิดพอร์ต ดร.นิเวศน์ ค้นหา 10 หุ้นดังที่เคยผ่านมือถึงปัจจุบัน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เพราะเกณฑ์ใหม่ของตลท. เริ่มตั้งแต่ปี64 ที่ให้เปลี่ยนกฎการโชว์ชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่จากเดิมใครถือตั้งแต่ 0.5% จะติดชื่อทุกคน เปลี่ยนใหม่เป็นจะโชว์แค่ 10 อันดับแรกโดยไม่สนใจสัดส่วนที่ถือ
แต่จากที่ผมฟังดร.นิเวศน์มาเกือบทุกคลิปยังเห็นบอกถือหุ้นไทย 70% อัพตลอด จึงเชื่อว่าหลายๆตัวที่เคยติดชื่อยังคงถืออยู่(แต่คิดว่ามีขายtrimไปบ้างบางส่วน) เพียงแต่ชื่อหลุดจากการเปลี่ยนเกณฑ์ใหม่
ดังนั้นข้อมูลจากข่าวข้างต้นไม่สามารถสรุปได้ครับเพราะคนละเกณฑ์กัน
โพสต์โพสต์