Meeting VI ภาคใต้ Q2 2564

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2636
ผู้ติดตาม: 269

Meeting VI ภาคใต้ Q2 2564

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Meeting VI ภาคใต้ Q2 2564
22 Aug 2021 10.00

ช่วงต้นปี 2564 อาจารย์โจ ลูกอีสาน รู้สึกว่าหุ้นไทยแต่ละตัวมีราคาแพง หาหุ้นที่จะลงทุนในไทยยากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ลงทุนหุ้นไทยอยู่ 30ตัว และมีสัดส่วนลงทุนหุ้นต่างประเทศแค่9% จนกระทั่งเจอเพื่อนสมาชิกในห้องThaivi อ่านความคิดในการลงทุนหุ้นที่ตลาดหุ้นฮ่องกง (H-share) ซึ่งมีหุ้นถูกๆมากมาย (หุ้นขนาดเล็ก) หลังจากนั้นก็เข้าไปศึกษาหุ้นฮ่องกง พบว่า เป็นจริงอย่างที่สมาชิกท่านนั้นพูด มีหุ้นถูกมากมาย บางตัวถูกกว่าหุ้นไทย 2-3เท่า

บางตัวที่จดใน A-share (ในจีนแผ่นดินใหญ่) แต่ราคาที่A-share มีpremiumมากกว่าที่ H-share100% ทำให้เป็นจุดสนใจเริ่มลงทุนหุ้นรายตัว


ตลาดหุ้นฮ่องกง น่าจะเป็นตลาดหุ้นที่มีประสิทธิภาพอันดับ4 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลาง
ส่วนหุ้นเล็กจะถูกดักดาน ปรับport โดยยอมเหนื่อยลงทุนอีกรอบ ศึกษาหุ้นฮ่องกง ซื้อไป50ตัว ทำให้สัดส่วนหุ้นต่างประเทศขึ้นไปถึง 50%

พอร์ตการลงทุนปัจจุบัน (จากที่สัมมนาและฟังจากทันหุ้น)

ให้กระจายความเสียงในการลงทุน ตัวอาจารย์เองได้กระจายไปลงในหลายประเทศ
และหลายอุตสาหกรรมเกือบ 100 บริษัท แบ่งเป็น

1.หุ้นไทย ประมาณ 30 ตัว ตอนนี้นอกจากหุ้นเล็กแล้ว ยังมีหุ้นขนาดกลางและใหญ่ที่สถาบันลงทุนด้วย (50%ของพอร์ต)

2.หุ้นUS 2 บริษัท ที่อยู่ในกลุ่ม FAANG (FB,Amazon,Apple,Netflix,Geogle) น่าจะเดาไม่ยากเพราะมีใช้บริการในไทยด้วย อาจารย์เลือกจากที่ใช้บริการบ่อยๆ คิดเป็น 10%

3.หุ้นเวียดนาม ประมาณ 15 ตัว คิดเป็น 10% ของพอร์ต

4.หุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกง 50 ตัว คิดเป็น 30%ของพอร์ต

แต่เหมือนหนีเสือปะจระเข้ รัฐบาลจีนมีนโยบายแทรกแซงบริษัทเอกชน
ทำให้หุ้นเช่น Baba ลงมา 40-50% , TAL ลงไป80%
หุ้นจีนในพอร์ตบางตัวกำไร บางตัวขาดทุน ได้กำไรนิดหน่อย พอดีได้เงินบาทอ่อนมาช่วยด้วย



แหล่งข้อมูลในการค้นหาหุ้นฮ่องกง( H-share )
1.Website AA Stock
2.Website ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
3.บทวิเคราะห์ฟรี จาก Broker ที่ฮ่องกง

หุ้นรายตัว ที่อาจารย์สนใจลงทุนในH-share มีจุดเด่นคือ

1. ราคาถูกกว่าหุ้นไทย เช่นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า พลังงานทดแทน PE 10 เท่าเอง

2. ปันผลดีกว่าหุ้นไทย ซึ่งตอนนี้อัตราปันผล 5.5% (เทียบกับไทย เกือบ 3%) ระยะยาวน่าจะต่ำกว่านี้

3. มีหุ้นใน new technologyให้เลือกลงทุน เช่น หุ้นinternet

4. หุ้นรหัส 0001 เป็นหุ้น ฮัทชิสัน ของ ลีกาชิง ซึ่งเป็นบริษัทConglomerate ซึ่งมีหุ้นTelecom

5. หุ้นประกัน Pingan เป็นหุ้นBlue chip PE ไม่แพง ปันผลดี แต่growthเริ่มน้อย
รายได้จากการลงทุน มีแนวโน้มได้Yieldลดลง
แต่ถ้าลงทุนในพันธบัตร มณฑลท้องถิ่น หรือ Junk Bond ก็ต้องระวัง

ถ้าเราตั้งใจ มีความขยัน ก็มีโอกาสมากกว่า ส่วนการศึกษาหุ้น ต้องใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่ง
อาจารย์โจ ก็ฝึกภาษามาจากอ่านบางกอกโพสต์ตั้งแต่เรียนที่มหาวิทยาลัย

การลงทุนหุ้นต่างประเทศ ไม่ได้Hedgeค่าเงิน เชื่อว่า บางปีเงินบาทแข็ง บางปีก็อ่อน
สุดท้ายก็ไม่มีผล เราไปลงในหลายประเทศ ก็ถือเป็นการhedgeค่าเงินไปด้วย
ไทยเป็นสังคมคนแก่ หนี้ครัวเรือนมหาศาล ไม่มีนวัตกรรม
เงินบาทอ่อน เพราะ ยอดการท่องเที่ยวหายไป ระยะยาว ไม่คิดว่าเงินบาทแข็ง
ส่วนจีนเกินดุลการค้ามากสุด ระยะยาวไม่คิดว่าจะอ่อน คิดว่าแข็ง น่าจะได้สองเด้ง
ที่ไม่ลงใน A-share เพราะซื้อหุ้นโดยตรงไม่ได้ ต้องลงผ่าน Stock Connect
หุ้นบางตัวราคาไม่เท่ากันในตลาด A-share และ H-share

ตลาดหุ้นฮ่องกง หุ้นขนาดใหญ่ถูกลงทุนโดยนักลงทุนสถาบันเป็นส่วนใหญ่ ไม่สนใจหุ้นขนาดเล็ก
ซึ่งPE 3 เท่า ปันผลดี ปีหน้าจะโตอีก2เท่า

บางบริษัท มี Conference Call คล้ายๆกับ OPP Day ในบ้านเรา แต่ไม่แน่ใจว่าพูดอังกฤษหรือจีน
ข้อเสีย ส่วนใหญ่ประกาศงบ 2 ครั้งต่อปี แต่มีหลายบริษัทออกงบรายไตรมาส
ข้อดี มีประกาศยอดขายรายเดือน เช่น บริษัทประกันPingan
Profit Alert : งบการเงิน ถ้าประเมินแล้วเกิน30% มีแจ้งนักลงทุนก่อนประกาศงบจริง
มีความโปร่งใสมาก
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2636
ผู้ติดตาม: 269

Re: Meeting VI ภาคใต้ Q2 2564

โพสต์ที่ 2

โพสต์

Meeting VI ภาคใต้ Q2 2564

สรุปแนวความคิดของการลงทุนเน้นคุณค่า โดย Seminar Knowledge Page
ข้อมูลในวงเล็บเป็นการเสริมของแอดมินเพจครับ

1.การลงทุนในหุ้น บางครั้งถ้าเจอวิกฤตเช่น Covid-19 ที่ผ่านมา หุ้นหลายตัวก็ลงมาเยอะ
ถ้าไม่มีเงินสดเหลือที่จะซื้อหุ้นที่ตกหนัก มีกลยุทธ์คือขายหุ้นตัวที่ไม่ค่อยลง
(ในช่วงแรก มีหลายตัวยังไม่ค่อยลง เช่นหุ้นกลุ่มธนาคารบางตัว แต่สุดท้ายก็ลงในที่สุด)
และเอาเงินจากการขายไปซื้อหุ้นคุณภาพดี แต่ราคาลงหนัก

2.การเฝ้าหน้าจอดูหุ้นตลอดเวลา ไม่ค่อยมีประโยชน์นัก (ยิ่งช่วงCovid-19 ปีที่แล้ว ถ้าเฝ้าหน้าจอ
ยิ่งเครียดไปกันใหญ่ อาจทำให้ตกใจและขายหุ้นไปตอนดัชนีต่ำสุด 960จุดก็เป็นได้)

3.กลยุทธ์ที่รองลงมา คือ ช่วงCovid ไม่ขายหุ้นที่คุณภาพดี ตอนปลายปี ราคาก็ปรับมาที่เดิม
(หลายบริษัทราคาขึ้นไปสูงกว่าช่วงCovid เพราะได้ประโยชน์จากวิกฤตด้วย)

4.สำหรับนักลงทุนที่เปลี่ยนมาลงทุนในแนวVI (จากแนวทางการลงทุนแบบอื่นเช่นเทคนิค)
เปรียบเสมือน ผ้าที่ดำ มาเปลี่ยนเป็นสีขาว ค่อนข้างยาก
ไม่ต้องกังวลมาก การเอาแนวทางเก่าออก และนำแนวทางใหม่เข้าไป ยากแต่หลายคนทำได้

5.ควรฝึกฝนเรื่องภาษาอังกฤษ เพราะการลงทุนต้องกระจายความเสี่ยงไปในต่างประเทศ
ภาษาเป็นสิ่งสำคัญช่วยให้เราเข้าใจ ข้อมูลข่าวสารของบริษัทที่จดทะเบียนในต่างประเทศ
ยิ่งถ้ารู้ภาษาจีน ก็ยิ่งดีขึ้น เพราะ มีหุ้นจีนน่าสนใจ และ ราคาถูกมากมายในตลาดหุ้นฮ่องกง

6.การลงทุนหุ้นต่างประเทศ อาจารย์โจ ไม่ได้Hedgeค่าเงิน เชื่อว่า บางปีเงินบาทแข็ง บางปีก็อ่อน
สุดท้ายก็ไม่มีผล ถ้าเราไปลงในหลายประเทศ ก็ถือเป็นการhedgeค่าเงินไปด้วย

7.ทางเลือกการลงทุน นอกจากหุ้นไทย700กว่าตัว เรายังมีทางเลือกลงทุนในUS หุ้น 5,000 ตัว,
หุ้นเวียดนาม 1,000กว่าตัว , หุ้นฮ่องกง 2,600 กว่าตัว ดังนั้นถ้าเราตั้งใจ มีความขยัน ก็มีโอกาสมากกว่า
(แต่สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ฝึกฝนลงทุนหุ้นไทยไปก่อน เพราะสามารถหาข่าวสารได้ง่ายกว่า)

8.เลือกลงทุนในหุ้นที่มีธรรมาภิบาล (CG) แต่ถ้าเป็นหุ้นต่างประเทศ อาจเสาะหาประวัติผู้บริหารยาก
วิธีการง่ายๆ คือ บริษัทนั้นต้องมีการจ่ายปันผลออกมา ถ้าไม่มี ธรรมาภิบาลไม่ค่อยดี
(ถึงแม้เป็นบริษัทที่เติบโต ก็อาจจ่ายปันผล Payout ratioที่ต่ำก็ได้)

9. การดูงบการเงิน อย่าดูแต่กำไรบรรทัดสุดท้าย ต้องดูรายละเอียดว่า กำไรนั้นเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวหรือ
ชั่วคราวหรือไม่ เพราะถ้าเหตุการณ์ที่ทำให้กำไรเพิ่มชั่วคราวหมดไป กำไรก็จะกลับไปที่กำไรปกติ
นักลงทุนมือใหม่ ถ้าเข้าไปลงทุนช่วงที่กำไรสูงมาก อาจติดดอยได้

10. หุ้นวัฐจักร ต้องเรียนรู้ลักษณะหุ้นกลุ่มนี้ก่อนการลงทุน เพราะ จะผิดกับหลักการ การลงทุนเน้นคุณค่า
ที่ให้ซื้อหุ้นตอนPE ต่ำ
หุ้นวัฐจักร ตอนราคาหุ้นpeakสุด คือ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ขึ้นสูงสุด ทำให้กำไรเพิ่มสูงสุด PEเลยลงมาต่ำมาก ทำให้หลายคนหลงไปซื้อ และ มีโอกาสติดหุ้นสูง

11.หุ้นแนว Asset Play หมายถึง บริษัทมีสินทรัพย์เช่นที่ดินมูลค่าสูง เมื่อเทียบกับmarket cap ของหุ้น
แต่ปัญหาคือ Asset ที่บริษัทถือ ไม่unlock ขายออกม เพราะเจ้าของรู้ เลยไม่อยากขายออก ดังนั้นวิธีนี้
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยwork

12. กรณีที่บริษัทแม่มีบริษัทลูกที่ผลประกอบการดี และ มูลค่าที่ถือในบริษัทลูกสูงหรือใกล้เคียงกับMarket capของบริษัทแม่ หลายคนอาจสนใจ แต่หลายบริษัทเจอปัญหา กำไรบริษัทลูกดีแต่บริษัทแม่ขาดทุน
ต้องระวัง เช็คให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน (ดังนั้น ควรลงทุนตรงไปที่บริษัทลูกเลยจะดีกว่า)

13. ธุรกิจธนาคารขนาดใหญ่ ตอนนี้Yieldดี PBต่ำ แต่เนื่องจาก GDP ไทยไม่ค่อยโต โอกาสที่ธุรกิจธนาคารโตมากๆคงยาก ถ้าสนใจลงทุน ก็หา ธนาคารที่ให้ปันผลตั้งแต่5%ขึ้นไป ก็น่าสนใจลงทุน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Peter1011
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 325
ผู้ติดตาม: 109

Re: Meeting VI ภาคใต้ Q2 2564

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขออนุญาตเสริมครับ

หุ้นรหัส 0001 เป็นหุ้น ฮัทชิสัน ของ ลีกาชิง ซึ่งเป็นบริษัทConglomerate ซึ่งมีหุ้น Telecom ได้ขายเสาแถว Europe PE ก็เลยตำ่จาก non-recurring income

อาจารย์โจบอกว่า PE ใช้ได้ตลอดครับ ไม่จำเป็นต้องใช้ DCF ยังไงก็ต้องดูพฐ. ประกอบด้วย
Was der Onkel Charlie sagt, das soll man immer tun!
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2636
ผู้ติดตาม: 269

Re: Meeting VI ภาคใต้ Q2 2564

โพสต์ที่ 4

โพสต์

นักลงทุนท่านนึงอยากให้อาจารย์โจแนะนำหุ้นฮ่องกงที่น่าสนใจเพื่อไปศึกษาต่อ
ซึ่งอาจารย์ให้ไว้สองบริษัทคือ
1. Qilu Expressway (HKG:1576) บริษัททางด่วน
2. FriendTimes Inc (HKG : 6820) บริษัททำเกมส์เน้นสำหรับผู้หญิง
แนบไฟล์
54215410-D178-460E-A0F1-B9D1AA17D3A5.jpeg
F1159F19-DFAD-41BA-B2D0-EDA7582EBCB7.jpeg

amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2636
ผู้ติดตาม: 269

Re: Meeting VI ภาคใต้ Q2 2564

โพสต์ที่ 5

โพสต์

Meeting VI ภาคใต้ Q2 2564 ตอนที่3

เรามาศึกษาต่อเรื่องแนวความคิดการลงทุนของอาจารย์โจครับ

การหาหุ้นที่เคยประสบความสำเร็จในประเทศที่พัฒนาในประเทศที่กำลังพัฒนา
ในอดีตก็มีนักลงทุนหลายท่าน ศึกษาธุรกิจที่เคยประสบความสำเร็จในสหรัฐ
เพื่อจะมาดูธุรกิจในเมืองไทยว่าบริษัทไหนน่าลงทุน

ตอนนี้เราเห็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในไทย ก็สามารถไปดูประเทศเพื่อนบ้านในเอเซีย
เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง ว่าธุรกิจไหนที่น่าจะเติบโตได้เหมือนในไทย

14. เราเห็นธุรกิจตัวแทนจำหน่ายไอทีในไทยที่โตมาก โดยเฉพาะช่วงCovid-19 ที่มีความต้องการ
การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงมาใช้งานช่วง WFH ตอนนี้ราคาหุ้นของตัวแทนจำหน่าย
สินค้าไอทีขึ้นมาเยอะ เราก็สามารถหาหุ้นลักษณะนี้ในเอเชีย เช่น เวียดนาม ก็มีหุ้น DGW ซึ่งธุรกิจ
ตัวแทนจำหน่ายสินค้าไอที ซึ่งราคาไม่แพง และไม่ติด Foreign Limit ด้วย

15.ธุรกิจสนามบินในไทยก่อนช่วงCovid เติบโตมาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยกว่า 40 ล้านคนต่อปี ทำให้ ธุรกิจสนามบินในไทย มีการเติบโตสูง ราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้นไปสูง แม้ว่าเจอช่วงCovid
ราคาก็ยังไม่ลงมาก เราก็สามารถหาหุ้นที่ทำธุรกิจสนามบินในเวียดนามได้ คือ บริษัท ACV
ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับในไทย แต่ต้องศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม เช่น การหาเงินทุนในการสร้าง
สนามบินใหม่ หรือ ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น รัฐซื้อหุ้นคืนและนำบริษัทออกจากตลาดหุ้นไป
เราสามารถลดความเสี่ยงได้จากการกระจายไปลงทุนหุ้นในหลายsector

16. หลายๆคนไม่ทันในการลงทุนหุ้นHMPRO เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งมีสาขาไม่เยอะ
ทำให้การเติบโตเยอะจากการขยายสาขา ทำให้ราคาหุ้นเติบโตหลายเท่า
จาก Webboard Thaivi หัวข้อ ไอเดียหุ้นเด้ง คุณ Ballistic แนะนำหุ้น AllHome
ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ในปี 2019 มีสาขาตอนนั้น 45 สาขา
มีแผนจะเพิ่มสาขาในปี2020 จำนวน 25 สาขา แต่เจอCovidทำให้เพิ่มได้จริง5สาขา
PE ตอนนี้ 28 เท่า ซึ่งถ้ากำไรกลับไปก่อนCovidจะลดต่ำกว่านี้
ราคาลดจากตอนIPO 16 เปโซ เหลือ 7.3เปโซ ซึ่งราคาไม่แพง อาจมีความเสี่ยง
เรื่องค่าเงินบ้าง แต่น่าสนใจ มีโอกาสเติบโตจากการขยายสาขา
เพราะ Market shareที่ฟิลิปปินส์แค่ 3.3% ยังมีโอกาสเติบโตอีกเยอะ
SSSG ในช่วงCovid ยังโตได้ 3.5%

17. การวิเคราะห์หาหุ้นในTheme เปิดเมือง หลังCovidหายไป


มุมมองของอาจารย์โจเกี่ยวกับตัวเลขการติดเชื้อCovid 20,000 คนต่อวันนั้น
จริงๆตัวเลขจริงน่าจะเป็น3-4 เท่าของที่โชว์ รวมถึงการเร่งฉีดวัคซีนไปเยอะ
มีโอกาสจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้

หลักเกณฑ์พิจารณาหุ้นที่จะลงทุน
1.บริษัทสามารถฝ่าวิกฤตอย่างสบายไหม เช่น มีเงินสดหลายพันล้านบาท อย่างนี้ก็มั่นใจมากขึ้น
2.ดูว่าหลังCovid สามารถกลับมาทำธุรกิจได้เหมือนเดิมไหม
3.ราคาหุ้นตอนนี้ต้องไม่แพงเกินไป โดยใช้การValuation หุ้นบางตัว Market cap สูงกว่าก่อนCovid
แบบนี้ก็ไม่น่าสนใจ
4.ดูบริษัทว่าอยู่ในอุตสาหกรรมที่ฟื้นเร็วหลังCovidหรือไม่ เช่น ถ้าให้พิจารณา ห้างสรรพสินค้า กับ โรงแรม
เลือก ห้างสรรพสินค้าเพราะถ้าเปิดเมือง คนไทยก็ไปเที่ยวได้เลย แต่ถ้าเป็นโรงแรม ก็ต้องรอนักท่องเที่ยว
จากต่างประเทศเข้ามาด้วย ซึ่งจะฟื้นช้ากว่าห้าง

การValuation ทำได้ไม่ยาก โดยดูว่า PE ที่คำนวณได้หลังฟื้นจากCovid เทียบกับ PE ปัจจุบัน
ถ้าPEปัจจุบันแพงกว่าที่คำนวณได้ ก็ไม่น่าสนใจลงทุน

หลักการValuation


กำไรที่นำมาคำนวณ เอาจากกำไรที่เคยทำได้ก่อนCovid ปรับด้วยfactorที่อาจฟื้นมาไม่เท่าเดิม
และเอากำไรไปหารMarket cap ของหุ้น จะได้ PE ออกมา
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2636
ผู้ติดตาม: 269

Re: Meeting VI ภาคใต้ Q2 2564

โพสต์ที่ 6

โพสต์

Meeting VI ภาคใต้ Q2 2564 ตอนที่4


อาจารย์โจ ได้แนะนำการลงทุนที่สามารถprotect port โดยผลตอบแทนเป็นบวกตลอด ไม่ว่าตลาดหุ้นจะขึ้นหรือลง

18. Absolute Return คือการใช้ตราสารอนุพันธ์มาลดความเสี่ยง

หลักการในการทำ Absolute Return


ใช้หลักการ Long และ Short มาช่วยทำให้Port ไม่ติดลบ
โดย หุ้นที่ซื้อ คือ Long เป็นหุ้นที่อยู่ในSET50
ส่วนการshort คือ การขายสัญญาอนุพันธ์ SET50 ที่มีมูลค่าของสัญญาเท่ากับมูลค่าของหุ้นที่ซื้อ

หุ้น สมมติขึ้นในช่วงปกติ 10% ปีไหนดีจะขึ้นเพิ่มอีก10%เป็น 20% แต่ถ้าปีไหนไม่ดีก็ลง10%รวมคือ 0%

กรณีหุ้นขึ้น SET50ขึ้น

หุ้นจะให้ผลตอบแทน 20% แต่short สัญญาอนุพันธ์ เลย -10% PORTรวม 10% ( 20%-10%)

กรณีหุ้นลง SET50 ลง

หุ้นจะให้ผลตอบแทน 0% แต่short สัญญาอนุพันธ์ เลยได้ 10% PORTรวม 10% ( 0%+10%)

19. สำหรับนักลงทุนเช่นคนที่เกษียณ ที่ต้องการลงทุนหุ้นที่ให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอคล้ายพันธบัตร
ก็สามารถเลือกลงทุนในบริษัทที่ทำสาธารณูปโภค โดยเฉพาะขายน้ำประปา ซึ่งให้Yield 3-4%

แต่สำหรับหุ้นที่ผลิตไฟฟ้า จะมีความเสี่ยงเรื่องสัญญาขายไฟที่กำลังหมดอายุ ไม่รู้จะต่อได้ไหม อาจไม่คุ้มที่ลงทุนเพราะราคาหุ้นอาจลงได้ถึง50% (จริงๆแล้ว ถ้าเราต้องลงทุนในหุ้น ผลตอบแทนที่ควรจะได้เมื่อเทียบกับความเสี่ยงต้องสูงกว่านี้ ดังนั้น จึงเรียกว่า หุ้นที่ซื้อเป็นหุ้นที่ดี แต่เป็นการลงทุนที่แย่เพราะราคาหุ้นไม่ไปไหนเลย)

สินค้าทดแทน ต้องมีราคาเท่ากับ หรือ ต่ำกว่าสินค้าเดิม

20. ถ่านหินยังมีdemand เข้ามาจากอินเดีย ถึงแม้ว่ามีข่าวเลิกใช้ถ่านหินในจีน จากความต้องการลด
Carbon Credit ทำให้supplyไม่เพิ่ม เพราะไม่มีsupplyในการสร้างเหมืองถ่านหินใหม่
แต่ถ่านหินมีข้อดี คือ Cost เกือบต่ำสุด แต่มีเสถียรภาพสูง และผลิตไฟฟ้าได้ 24 ชม
เทียบกับพลังงานทดแทนอื่น เช่น พลังงานลม ที่ผลิตไฟได้เพียง 10 กว่าชม

21. การลด carbon credit จะยาก เพราะอุตสาหกรรมที่สร้างมากสุดคือ บริษัทผลิตปูนซิเมนต์
ปัญหาคือจะเอาอะไรมาแทน และต้นทุนจะถูกเหมือนปูนไหม

เรื่องเกี่ยวกับกำไร ที่ต้องพิจารณา

22. การพิจารณาเรื่องกำไรพิเศษ เช่น หุ้นโรงพยาบาลที่เปิดทำHospitel จะมีรายได้เพิ่มในช่วงCovid
เปิดเท่าไหร่ก็เต็ม การvaluation ยาก เหมือนกับหุ้นวัฐจักร
ซึ่ง เราจะไม่เอากำไรพิเศษมาคิด เพื่อคำนวณราคา และสามารถใช้วิธีValuationที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้ามา
ใช้ ดูว่า PE ที่คำนวณได้ มาเปรียบเทียบกับ PE ปัจจุบัน ถ้าที่คำนวณได้สูงกว่าPEปัจจุบัน ก็สามารถลงทุนได้ อาจารย์แนะนำว่า ควรเอาทรัพยากร คือ เงิน ไปทุ่มให้กับหุ้นถูกๆจะดีกว่า

22. ธุรกิจที่กำไรดีเกินจริง ท้ายที่สุด ก็จะมีคู่แข่งเข้ามาแชร์ส่วนแบ่งกำไร ทำให้ท้ายสุดกำไรก็จะไม่ดีเหมือนเดิม

ตัวอย่างเช่น ธุรกิจสินเชื่อมอเตอร์ไซด์ ถ้าเป็นรถมือสอง ตอนนี้marginลดลงแล้ว
แต่สินเชื่อรถใหม่ ยังเก็บดอกเบี้ยถึง 30% ทำให้ผู้เล่นรายใหญ่ เข้ามาแข่งขัน ทำให้การคิดดอกเบี้ยสูงๆเหมือนอดีตไม่ได้แล้ว

23. วีไอ ไม่ควรจะมองอะไรที่ยาวเกินไป เพราะการคาดการณ์กำไรในระยะยาวมีโอกาสผิดพลาดสูง

ตัวอย่างเช่น ธุรกิจรถEV ตลาดรับรู้ว่า รถEVมา คิดว่าสุดท้ายบริษัทจะทำกำไรได้มากขึ้น ทำให้PEปลายทางจะถูกลง ก็เลยซื้อ ทำให้PEปัจจุบันสูงมาก
เนื่องจาก กำไรปลายทางมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ราคาจะผันผวนได้เยอะ

24.หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กำลังจะpick upช่วงนี้ เพราะมีโครงการภาครัฐออกมาเยอะ
ถ้าสนใจลงทุน หาบริษัทที่มีrecurring income อย่างมีนัยยะ เช่น มีรายได้จากบริษัทลูก
ดูจะน่าสนใจ

25. ธุรกิจที่เหมือนกัน สามารถแยกแยะว่าบริษัทไหนดีกว่า โดยดูจากกลยุทธ์และMarginที่เกิดขึ้นจริง

ตัวอย่างเช่น เปรียบเทียบค้าปลีกภาคเหนือ และ ภาคใต้ ถึงแม้เป็นค้าปลีกในต่างจังหวัดเหมือนกัน
แต่กลยุทธ์ต่างกัน เช่น ค้าปลีกภาคเหนือจะไปเปิดสาขาในพื้นที่ไม่มีคู่แข่ง เช่นเปิดสาขาตามอำเภอ
แต่ค้าปลีกภาคใต้เปิดสาขาในเมือง ซึ่งมีคู่แข่งมากมาย สุดท้ายก็เห็นว่าใครชนะจากMarginที่ค้าปลีกภาคเหนือทำได้ดีกว่า ค้าปลีกภาคใต้

26. อย่าเห่อไปกับกระแสใหม่ๆที่เข้ามาในตลาดเพียงอย่างเดียว
ต้องดูว่าบริษัทที่เกาะไปกับกระแสใหม่ๆ เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมหรือไม่ ถ้าเกี่ยวข้องกัน แสดง
ว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จ เช่น กัญชง กับธุรกิจเครื่องดื่ม
ให้ระมัดระวังในการลงทุนสำหรับธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาลงทุนในกระแสใหม่ๆ
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2636
ผู้ติดตาม: 269

Re: Meeting VI ภาคใต้ Q2 2564

โพสต์ที่ 7

โพสต์

MoneyTalk Special โค้งสุดท้ายปี64 วีไอปรับกลยุทธ์อย่างไร?
คุณ อนุรักษ์ บุญแสวง หรือ โจ ลูกอีสาน
ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ดำเนินรายการ โดย ดร ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา

เจาะลึกพอร์ตลงทุนของ อาจารย์ โจ กันครับ

อาจารย์โจ มองเศรษฐกิจไทย และ หุ้นไทยในอีก 10ปีข้างหน้าว่า จะทรงๆทรุดๆ
การเติบโตของเศรษฐกิจประมาณ บวก ลบ 2% ดังนั้นผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทย
ประมาณ 5-6% รวมปันผลแล้ว ซึ่งจะไม่โต 10%เหมือนในอดีต แต่ถ้าเทียบกับอัตราผลตอบแทน
ในการฝากเงินออมทรัพย์ที่ให้ไม่ถึง 0.25% หรือฝากประจำ 0.5% ก็ถือว่ายังน่าสนใจ

แต่ก็มีอีกหลายคนที่คิดว่า ผลตอบแทนแค่นี้ไม่พอ ไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยง
เลยไปลงทุนแบบที่คิดว่าน่าจะได้เยอะกว่า เช่น คลิปโต หรือ ต้นไม้ใบด่าง

ข้อแนะนำจาก อาจารย์โจ คือ เราอย่าไปหวังมาก เพราะเศรษฐกิจไทย โต2%ก็เหมาะสมแล้วเพราะ
1.ภาพใหญ่ของไทย ไม่มีเหตุผลที่ทำให้เศรษฐกิจโตเยอะ หนี้ครัวเรือน 14ล้านล้านบาท
ดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย ประเมินไว้ 1.2ล้านล้านบาท เราจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างไร
(เพราะถ้ามีเงินมา ต้องจ่ายหนี้ก่อน ทำให้ไม่มีเงินมาจับจ่ายใช้สอย)
2.ประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ไม่มีรายได้
3.ไทยไม่มีสินค้านวัตกรรม (ทำให้ไม่เกิดธุรกิจใหม่ สร้าง S-curve)
4.หลายคนคาดว่าใช้เวลา 2-4ปี การท่องเที่ยวจะกลับมาเหมือนเดิม
แต่คนในวงการท่องเที่ยวบอกว่า ปีหน้า คนมาท่องเที่ยวไม่ถึง6ล้านคน จากเป้า10ล้านคน

แต่ถ้านักลงทุนนำความรู้ด้านลงทุนมาใช้ เล่นรอบ ก็อาจจะได้ 15%ก็เป็นไปได้
ดังนั้น เมื่อภาพใหญ่ของไทยเป็นแบบนี้ จะทำอย่างไร
อาจารย์โจ เฉลยว่า ปีนี้ ได้เปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนใหม่
เมื่อเดือน มิถุนายน พบว่า ไม่มีข่าวทางธุรกิจของบริษัทในไทยที่อ่านแล้วน่าสนใจเลย
แต่ไปอ่านที่นักลงทุนใน Thaivi คุณ WJ ได้โพส แนะนำไปลงทุนในต่างประเทศ
ซึ่งมีหุ้นถูกๆมากมาย เลยไปศึกษาลองดู แล้วพบว่าเป็นอย่างที่อ่านจริง
หุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกง (H-share) มีหุ้นถูกๆมากมาย PE ต่ำกว่า 5 เท่า และ ปันผลสูง

อาจารย์โจใช้เวลาศึกษาหุ้นฮ่องกง4เดือน และ ลงทุนไป 60ตัว
จากหุ้นทั้งหมด 2,700 ตัว โดยใช้โปรแกรม screening โดยระบุ PB,PEต่ำ ก็ได้หุ้นออกมา

เหตุผลที่ อาจารย์โจ คิดว่า ทำไมหุ้นฮ่องกงจึงมีราคาถูก
1. ตลาดหุ้นฮ่องกง มีนักลงทุนสถาบันมาลงทุนเยอะ ประชากรมีแค่6-7ล้านคน
มีคนสนใจลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กน้อยมาก และ จีนพึ่งปรับเปลี่ยนมาเป็นทุนนิยมได้20ปีเอง
ทำให้เกิดช่องโหว่ ราคาหุ้นถูกขนาดนี้ ประกอบกับจีนให้อัตราดอกเบี้ย 3% ดังนั้น ผลตอบแทนของหุ้น
มากกว่า 10% ถือว่าสมเหตุผล

2.หุ้น70%ในตลาดหุ้นฮ่องกง จดทะเบียนในตลาดหุ้นจีน เช่น เซิ่นเจิ้น และ เซี่ยงไฮ้ด้วย
บางบริษัทlistทั้งสองตลาด แต่ราคาหุ้นในจีน สูงกว่าในฮ่องกงถึง40%
ส่วนต่างตรงนี้ ระยะยาวน่าจะลดลง

ช่วงที่ไปลงทุน ดัชนี H-share อยู่ที่ 29,000 จุด แต่ตอนนี้ ลงมา 17%
หุ้นในพอร์ต บางตัวขึ้นมาเท่าตัว บางตัวลงเยอะ ถัวๆแล้วเสมอตัว
แต่ได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินฮ่องกง 1$ เท่ากับ 4.3 บาท

ส่วนปัญหาเรื่องการเมืองที่ผ่านมา ให้น้ำหนักน้อย มองระยะยาว ปัญหาของไต้หวันหนักกว่าเยอะ
สาเหตุที่หุ้นลง 17% เพราะว่ารัฐบาลเข้ามาแทรกแซงบริษัทใหญ่ๆ
แต่มองระยะยาว จะกลับไประบอบคอมมิวนิสต์ยาก เพราะระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนเป็นทุนนิยมแล้ว
อาจารย์โจเห็นด้วยที่ไปจัดการกับ โรงเรียนกวดวิชา เพราะทำลายเด็ก และ ขยายความเหลื่อมล้ำ
ส่วนอสังหา คนจีนลงทุนเยอะ ราคาบ้านขึ้นเป็น3เท่าใน10ปีที่ผ่านมาในปักกิ่ง
ทำให้คนลงทุนในตลาดหุ้นน้อย เพราะผลตอบแทนลงอสังหาริมทรัพย์ดีกว่า

ส่วนปัญหา Evergrande อาจารย์โจให้ความเห็นว่า รัฐไม่ช่วยผู้ถือหุ้น และ ผู้ถือหุ้นกู้
แต่จะไปช่วยเหลือคนที่ซื้ออสังหามากกว่า

ดังนั้น ถ้าใครที่มีศักยภาพลงทุนต่างประเทศได้ ก็สนับสนุนให้ลงทุนต่างประเทศ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้
จากเหตุผลที่ตลาดหุ้นไทยไม่ไปไหน และมีโอกาสทีดีในการลงทุนในต่างประเทศ

หุ้นที่เลือกมา 60 ตัว ถ้ามาเทรดที่ไทย ราคาควรจะขายขึ้นได้อีกหลายเท่า

สัดส่วนการลงทุนในพอร์ตของ อาจารย์โจ
1.หุ้นไทย 50%
2.หุ้นฮ่องกง 30%ปลายๆ
3.ที่เหลือไปลงใน หุ้นUS,VN ,PL

สุดท้ายขอขอบคุณ รายการ MoneyTalk ดร ไพบูลย์ ดร นิเวศน์ และ อาจารย์โจ ลูกอีสานมากๆครับ
แนบไฟล์
63AC2DD9-E662-44F9-9AA8-895EF6F54078.jpeg

amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2636
ผู้ติดตาม: 269

Re: Meeting VI ภาคใต้ Q2 2564

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ใช่ หัวเว่ย หรือไม่ที่จะล้มเป็นรายต่อไป

ทำไมหนังสือ Huawei leadership,culture,and Connectivity น่าสนใจ

หนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนมีสามคน คุณ Tian Tao เป็น member of Huawei International Advisory Council
และ Wu Chunbo จบ ป เอก เศรษฐศาสตร์ จาก ม Renmin ของจีน
หนังสือเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกปี 2012 ส่วนตีพิมพ์ครั้งที่สอง ได้รวบรวมบทสัมภาษณ์ผู้บริหารกว่า100คนเพิ่มเติม
และตีพิมพ์ในปี2015 มีการแปลเป็นไทย ในชื่อ ใช่ หัวเว่ย หรือไม่ที่จะล้มเป็นรายต่อไป หนังสืออาจหายากหน่อย
ในร้านหนังสือ เพราะตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี2562 อีกเล่มที่หาง่ายหน่อย คือ Huawei จากมดสู่มังกร ที่พิมพ์โดย Amarin
ส่วนหนังสือเล่มที่จะพูดนี้ น่าจะเป็นการปรับปรุงเพิ่มเติม เพิ่มคนเขียนอีก1ท่านคือ David De Cremer
และเพิ่มบทที่9 คือ Leadership at Huawei:The Essence and Application of Power and Influence
เล่มนี้เนื้อหาน่าจะครบถ้วนสุด และแปลเป็นภาษาอังกฤษในปี2017 พนักงานเพิ่มจาก 150,000 คนเป็น 170,000คน
ขณะนี้ พนักงานเพิ่มเป็น 197,000 คน แล้ว ในไทยเองมีพนักงานกว่า 2,800 คน ถือเป็นจุดแข็งเวลาเข้าประมูลโครงการ
กับoperatorในไทย สามารถติดตั้งระบบ5Gเสร็จก่อนกำหนด เพราะสามารถเกณฑ์Engineerหลายพันคนทั้งในไทย
และจากต่างประเทศมาทำprojectติดตั้ง ทำให้ได้งานเพิ่มขึ้นตั้งแต่ภาคใต้ ภาคเหนือ และอีสาน

หนังสือเล่มนี้ จะเขียนถึงคุณ Ren Zhengfei ผู้ก่อตั้งและผลักดันบริษัทให้กลายเป็นระดับโลก ยังลุ้นว่าถ้าตีพิมพ์คราวหน้า
น่าจะเพิ่มในส่วนที่พลิกฟื้นจากสงครามการค้าได้อย่างไร แต่ตอนนี้จะมาพูดถึงเบื้องหลังความสำเร็จของHuaweiมาจากอะไรบ้าง

1.มองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เป็นแนวคิดของRen Zhengfei ซึ่งพบว่าหลายบริษัทที่ประสบความสำเร็จเช่น Apple
ก็พยายามฟังเสียงลูกค้าและออกproductเพื่อตอบสนอง

2.ความทุ่มเท(Dedication)คือ key success ของHuawei
นักสู้เท่านั้นที่จะมีชีวิตรอด ตอนแข่งกับ Ericsson เรื่องตู้PABX นั้นทุ่มเงินสุดตัวสำหรับproductใหม่
จนเงินบริษัทไม่เหลือเลยตอนประสบความสำเร็จ
วัฒนธรรมหมาป่า :วิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่น อุปนิสัย ทำให้Huawei อยู่รอดจากการแข่งขันที่รุนแรงได้

3.การเปิดกว้าง สาระสำคัญสำหรับการอยู่รอด ผู้ต่อต้านก็จะสูญหายไป
Renไม่เคยถือว่าบริษัทเป็นธุรกิจครอบครัว สังเกตว่าเขาถือหุ้นไม่ถึง15% และผู้บริหารจะถือหุ้นของบริษัท
เพื่อเป็นแรงผลักดันให้บริษัทก้าวต่อไป
บริษัทมีเป้าหมายในแต่ละระยะ ที่จะเอาชนะคู่แข่งตลอดเวลา หลังจากชนะคู่แข่งในประเทศ ก็พาผู้บริหาร
ไปศึกษาดูงานที่สหรัฐ เช่น IBM , HP
ในยุคที่สังคมและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ควรเปิดกว้างถึงจะอยู่รอด เติบโตได้

4.Compromise ความประนีประนอมคือหนทางรักษาตัวรอด
นักประวัติศาสตร์ เฉียน เฉิงตั้น ได้บรรยายให้กับผู้บริหารของบริษัทฟัง การปฏิวัติอันรุ่งเรืองของอังกฤษมีจุดมุ่งหมาย
เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กำลังรุนแรง สงคราม รวมทั้งการลุกฮือของประชาชนระดับล่าง ดังนั้นผู้นำไม่ควรปกครองแบบเผด็จการ
และทำให้การเจรจา จะบรรลุวัตถุประสงค์ของทั้งสองฝ่าย
ซึ่งนำมาประยุกต์ในองค์กรว่า การเจรจากตกลงด้วยเหตุผลและการประนีประนอมจะช่วยทำให้ระบบทุนนิยมแข็งแกร่งขึ้น
ทำให้แนวทางการบริหารในช่วงหลังยังคงเคร่งครัดและพอยืดหยุ่นได้บ้าง
Ren กระจายหุ้นให้พนักงานตลอด ทำให้พนักงานกว่า60%ถือหุ้นบริษัท เปรียบคล้าย วัฒนธรรมการแบ่งของโจร

5.การปลุกเร้าและควบคุมความปรารถนา
ผู้นำต้องมีความชัดเจน เปิดกว้างรับฟัง ละทิ้งความคิดแบบราชา ยอมรับความคิดต่าง ให้อภัยกับพนักงาน
เพื่อจะได้มีความคิดที่หลากหลายไม่ใช่ความคิดของผู้บริหารเพียงคนเดียว
บางเรื่อง ยอมให้เป็นสีเทาได้ แต่บางเรื่องจะไม่ยินยอม เช่น การขโมยเทคโนโลยี หรือเรื่องด้านวิจัยทางวิทยาศาสตร์

6.ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มีความรู้ครอบคลุมทั้งดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ มากกว่านั้นต้องมีความยืดหยุ่น
บริษัทผลักดันเรื่องการวิจารณ์ตัวเอง เป็นการเตือนให้เฝ้าระวังอันตราย ทั้งในอดีตและปัจจุบันในจีนและต่างประเทศ

7.อาการของโรคที่สำคัญ8ประการ ซึ่งองค์กรจะดำเนินการปฏิรูปครั้งใหญ่
7.1 มีความขัดแย้งในการนำเสนอและส่งผ่านค่านิยม เช่น ยึดผู้นำเป็นศูนย์กลางแทนลูกค้า
7.2 การทำงานของพนักงานระดับล่างก่อให้เกิดปัญหาองค์กร เช่น ไม่พอใจกับค่าที่ตอบแทน
7.3 ช่วงแรกก่อตั้ง โครงสร้างอำนาจองค์กรมีความแตกแยกหรือไม่
7.4 เมื่อระบบและขั้นตอนการดำเนินการสมบูรณ์แบบมากขึ้น อำนาจของระดับบนและระดับล่างมีความขัดแย้งกันอย่าง
ชัดเจนหรือไม่ มีผลต่อความสามารถในการตัดสินใจของระดับผู้บริหารและทำให้พวกเขารู้สึกอีดอัดใจหรือไม่
7.5 เทคนิคและการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ถูกยับยั้งเป็นเวลานานหรือเกิดความล้มเหลวครั้งใหญ่ติดต่อกันหรือไม่
7.6 มีปัญหาขัดขวางการเติบโตของธุรกิจหรือไม่
7.7 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของสิ่งแวดล้อมภายนอกหรือไม่
7.8 คำตำหนิและการฟ้องร้องของลูกค้านับวันยิ่งมากขึ้นหรือไม่

8.เป้าหมายอยู่เหนือสิ่งใด
วัฒนธรรมคือ Mother of the system ยังคงอยู่ แต่ทรัพยากรเป็นสิ่งที่สามารถหมดไปได้
ศิลปะการปฏิรูป :เวลา จังหวะ ต้นทุนและปัจจัยอื่น
กฏพื้นฐานของHuawei ส่วนสำคัญคือค่าความนิยม สานฝันของลูกค้าให้เป็นจริง ซึ่งจะช่วยกำหนดแนวโน้ม
ค่านิยมของบริษัทในอีก20ปีต่อมา
มีนโยบายว่าพนักงานอายุงานมากกว่า8ปี ต้องทำเอกสารลงออกและมาลงแข่งสมัครเข้าทำงานใหม่
และจ้างแบบ1-3ปี เป็นการก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวก เพราะเป็นการวางรากฐานความคิดที่สำคัญ
ในการสร้าง การปฏิรูป และการวางกลยุทธ์ไปทั่วโลกให้กับบริษัทในระยะยาว

9. Leadership at Huawei : The Essence and Application of Power and Influence
สิ่งที่สำคัญที่สุดขององค์กรHuawei คือ Leadership .
ในสภาวะการแข่งขันที่สูงในระดับโลก ความต้องการleadership ซึ่งประกอบด้วย inspires,motivates,facilities เป็นเรื่องสำคัญ
องค์กรที่ปราศจาก Leadership เปรียบเสมือน ข้าศึกที่ไม่มีแม่ทัพ

สุดท้ายขอบคุณ คุณYou ที่ให้หนังสือเล่มนี้มาอ่านนะครับ ทำให้ไปหาเล่มอื่นของHuaweiอ่านประกอบด้วย
โพสต์โพสต์