BHGRT

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
pakapong_u
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 47266
ผู้ติดตาม: 397

BHGRT

โพสต์ที่ 1

โพสต์

BHGRT : ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เครือโรงพยาบาลบางปะกอก
สินทรัพย์ลงทุน
ลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารโครงการโรงพยาบาลบางปะกอก 1 (BPK 1) และบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล (BPK 9)และกรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญ

ประเภทของทรัสต์ กองทรัสต์ไม่กำหนดอายุ และไม่รับไถ่ถอนหน่วยทรัสต์
ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง / กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
สถานะ Filing
จำนวนหน่วยทรัสต์ n/a
ระยะเวลาเสนอขาย
n/a

ราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์
n/a

วันที่เริ่มซื้อขาย n/a
ผู้จัดการกองทรัสต์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)
ทรัสตี บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด
ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์
-

ที่ปรึกษาทางการเงิน
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ข้อมูล Filing
pakapong_u
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 47266
ผู้ติดตาม: 397

Re: BHGRT

โพสต์ที่ 2

โพสต์

https://market.sec.or.th/public/ipos/IP ... sID=356798

หนังสือชี้ชวนตราสารทุน
รายละเอียดตราสาร
ผู้ออกหลักทรัพย์ : ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เครือโรงพยาบาลบางปะกอก
ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ : บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)
วันที่ยื่น Filing version แรก : 13/08/2564
วันที่แก้ไข Filing ครั้งล่าสุด (วันที่นับ 1 Filing) : -
วันที่ Filing มีผลบังคับใช้ : -
วันที่เริ่มต้นการเสนอขาย : -
วันที่สิ้นสุดการเสนอขาย : -
ประเภทหลักทรัพย์ : ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
ประเภทการเสนอขาย : การเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน
ที่ปรึกษาทางการเงิน/ผู้ควบคุม : ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) / นาย สุทธิพงษ์ พูนเสริมลาภ, บริษัท หลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) / นาง วันทนา เพชรฤกษ์วงศ์
pakapong_u
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 47266
ผู้ติดตาม: 397

Re: BHGRT

โพสต์ที่ 3

โพสต์

MFC เปิดแผนงานสุดปัง รับบทบาททรัสตีสิริฮับ ผู้จัดการทรัสต์รพ.บางประกอก

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน) หรือ MFC โดยนาย ธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ประกาศข่าวดีของบริษัทในครั้งเดียวถึง 3 เรื่องรวด เริ่มจากบทบาทเด่นในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real estate investment trust) ที่ MFC เตรียมโดดเข้ารับหน้าที่เป็น “ผู้จัดการกองทรัสต์” โดยยื่นไฟล์ลิ่งขอจัดตั้งและเสนอขายกองทรัสต์โรงพยาบาลแห่งแรกของประเทศไทยคือ “ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เครือโรงพยาบาลบางปะกอก” หรือ “Bangpakok Hospital Group Leasehold Real Estate Investment Trust” (ชื่อย่อหลักทรัพย์ BHGRT)



โดยคาดว่ามีมูลค่าเข้าลงทุนครั้งแรกไม่เกิน 5,200 ล้านบาท จะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโครงการโรงพยาบาลบางปะกอก1 (BPK 1) และโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล (BPK 9) รวมถึงระบบสาธารณูปโภค งานระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนควบของสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว และกรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินกิจการในโครงการดังกล่าว มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เป็นทรัสตี และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน การเข้าเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ BHGRT นั้นจะเป็นการเพิ่มความหลากหลายของประเภททรัพย์สินที่ MFC บริหารจัดการ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและเพิ่มโอกาสในการเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัพย์สินประเภทอื่น ๆ ในอนาคต




ในขณะเดียวกัน จากความเชี่ยวชาญและคุณสมบัติครบถ้วนด้านการบริหารจัดการกองทุน จนสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง MFC จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ทรัสตี ในโครงการ “โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ” หรือ “SiriHub Investment Token” มีหน้าที่จัดการกองทรัสต์ และติดตาม ดูแลการบริหารจัดการทรัพย์สินของผู้ออกโทเคนดิจิทัล ซึ่ง MFC เป็นทรัสตีรายแรกของไทย ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ให้ประกอบธุรกิจการเป็นทรัสตีของทรัสต์สำหรับธุรกรรมการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่อ้างอิง หรือมีกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา



ด้าน “สิริฮับ” เป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่อ้างอิงกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate-backed ICO) รายแรกในไทย ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 มีมูลค่าการเสนอขาย 2,400 ล้านบาท จุดประสงค์เพื่อกระจายโอกาสให้นักลงทุนทุกกลุ่มสามารถลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพและมีมูลค่าสูงได้ โดยมีกลไกการคุ้มครองนักลงทุนในทุกขั้นตอน ปลอดภัยสูงบนเทคโนโลยีบล็อกเชน เนื่องจากในการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับครั้งนี้ ถูกรองรับด้วยเทคโนโลยีระบบบล็อกเชน (Blockchain) ของเทโซส (Tezos) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ทันสมัยที่สุดถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการระดมทุนในรูปแบบของโทเคนดิจิทัลที่มีสินทรัพย์อ้างอิงโดยเฉพาะ ยังเป็นการขยายช่องทางและโอกาสการเป็นทรัสตีในอนาคตอีกด้วย



ด้วยศักยภาพและความพร้อมของทีมงาน MFC ประกอบกับประสบการณ์ด้านการลงทุนที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจนสามารถเข้ารับงานบริหารการลงทุนได้พร้อมกันถึง 2 แห่ง เป็นทั้งผู้จัดการกองทรัสต์โรงพยาบาลรายแรกในไทย และทรัสตีรายแรกของกองโทเคน ซึ่งบริษัทตั้งเป้าขยายทีมงานและพัฒนาทักษะการดำเนินงานของทุกภาคฝ่าย ให้มีความพร้อมและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมรับการเข้าบริหารงานกองทุนในโครงการใหม่ๆที่กำลังจะมีเข้ามาในอนาคต



นอกจากการบริหารจัดการกองทุนเพื่อการลงทุนแล้ว MFC มีนโยบายต่อยอดงานบริหารจัดการให้กว้างขึ้นผ่านประเภทการลงทุนรูปแบบใหม่ที่จะทำให้เกิดผลตอบแทนที่คุ้มค่า มั่นคง และปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม ซึ่งสะท้อนออกมาในรูปแบบผลการดำเนินงานที่ดีในครึ่งแรกของปี 2564 ตามที่บริษัทได้รายงานผลการดำเนินงานสำหรับรายได้งวด 6 เดือนแรกในปี 2564 ว่ามีจำนวน 826.62 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นกว่า 106.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่กำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือน มีจำนวน 183.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 120.65 ล้านบาท หรือร้อยละ 191.74



สาเหตุหลักจากการที่ปี 2564 บริษัทจัดตั้งกองทุนรวมใหม่จำนวน 10 กองทุน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 8,223 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 314.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 998.4% และมีกองทุนที่โดดเด่น ที่เป็นกองทุนยอดนิยม คือ MRENEW กองทุนพลังงานทดแทนกองแรกในไทย, M-EM กองทุนตลาดเกิดใหม่, MFTECH กองทุนฟินเทค, MEURO กองทุนหุ้นยุโรป, MCHINA กองทุนหุ้นจีน A-shares, MGF กองทุนหุ้นเติบโตคุณภาพดีทั่วโลก และ MMPLUS กองทุนตราสารหนี้เป็นต้น



โดยมีปัจจัยจากการปรับขยายช่องทางการขายผ่านตัวแทนขายเพิ่มขึ้นมาเสริม ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมอยู่ที่ 31.55 % และมีอัตรากำไรสุทธิต่อรายได้รวมเท่ากับ 22.21 % ซึ่ง MFC ทำหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนได้อย่างสมบูรณ์แบบและจะพัฒนาได้ดียิ่งๆขึ้นไปในอนาคต
pakapong_u
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 47266
ผู้ติดตาม: 397

Re: BHGRT

โพสต์ที่ 4

โพสต์

เครือรพ.บางปะกอก ยื่นไฟลิ่งตั้งกองทรัสต์ ‘BHGRT’ มูลค่าไม่เกิน 5.2 พันล.

เครือโรงพยาบาลบางปะกอก ยื่นไฟลิ่งขออนุญาตจัดตั้ง ‘BHGRT’ กองทรัสต์โรงพยาบาลแห่งแรกของไทย และเสนอขายหน่วยทรัสต์แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) เพื่อลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินอาคารและอุปกรณ์การแพทย์ที่สำคัญ ของโรงพยาบาลบางปะกอก 1 และโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล มูลค่าทรัพย์สินหลักที่กองทรัสต์ จะเข้าลงทุนครั้งแรก มูลค่าไม่เกิน 5,200 ล้านบาท



แพทย์หญิง.เจรียง จันทรกมล ประธานบริษัทโรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและโรงพยาบาลปิยะเวท กล่าวว่า เครือบางปะกอกฯ มีแผนจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เครือโรงพยาบาลบางปะกอก หรือ Bangpakok Hospital Group Leasehold Real Estate Investment Trust (BHGRT) [เพื่อระดมทุนสำหรับการขยายธุรกิจของกลุ่มโรงพยาบาลบางปะกอกและรพ.ปิยะเวท ที่มีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจโรงพยาบาลและดูแลสุขภาพ ทั้งนี้ กองทรัสต์ BHGRT คาดว่าจะเป็นทรัสต์กองแรกของไทยที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทธุรกิจโรงพยาบาลและการดูแลสุขภาพ (Hospital and Healthcare) ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ดี มีความมั่นคงทางธุรกิจสูง และเป็นกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม



โดยเฉพาะในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปัจจุบัน ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญมากของโรงพยาบาลมากยิ่งขึ้น บุคลากรทางการแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ที่มีความพร้อมและทันสมัย โดยเครือโรงพยาบาลฯ ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ และมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินร่วม ในการยื่นขออนุญาตการจัดตั้งกองทรัสต์และการเสนอขายหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ BHGRT โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เป็นทรัสตีของกองทรัสต์



โดยกองทรัสต์ BHGRT จะลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารสิ่งปลูกสร้างโครงการ โรงพยาบาลบางปะกอก 1 (โครงการ BPK 1) และโครงการ โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล (โครงการ BPK 9 international) รวมถึงระบบสาธารณูปโภค งานระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนควบของสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว และกรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินกิจการของโครงการ ดังกล่าว ซึ่งโรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและรพ.ปิยะเวท มีประสบการณ์ดูแลรักษาสุขภาพเป็นที่ยอมรับมานานกว่า 40 ปี



ทั้งในกลุ่มลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติ กองทรัสต์จะนำทรัพย์สินที่เข้าลงทุนดังกล่าวไปจัดหาประโยชน์โดยการให้เช่าบริษัท บางปะกอก ฮอสพิทอล กรุ๊ป จำกัด กลับ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเครือโรงพยาบาลบางปะกอกและโรงพยาบาลปิยะเวท และได้กำหนดค่าเช่าที่แน่นอนตลอดระยะเวลาการเช่า เพื่อที่กองทรัสต์จะสามารถสร้างรายได้จากการลงทุนได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง และสามารถจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ลงทุนกองทรัสต์ BHGRT ได้อย่างสม่ำเสมอ โดยกองทรัสต์มีนโยบายจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วของรอบปีบัญชี



โดยมูลค่าทรัพย์สินหลักของโครงการ BPK 1 และ BPK 9international ที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนครั้งแรกคาดว่าจะมีมูลค่าไม่เกิน 5,200 ล้านบาท โดยโครงการทั้งสองมีผลประกอบการ 3 ปีล่าสุด ที่ดี มีรายได้รวมจำนวน 2,740 ล้านบาท 2,791 ล้านบาท และ 2,585 ล้านบาท ในปี 2561, 2562 และ 2563 ตามลำดับ และมีรายได้รวมในไตรมาส 1 ปี 2564 ที่ 635 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนใกล้เคียงกับรายได้รวม 635 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2563 และมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 487 ล้านบาท 511 ล้านบาท และ 466 ล้านบาท ในปี 2561, 2562 และ 2563 ตามลำดับ ขณะที่มี EBITDA ในไตรมาส 1 ปี 2564 จำนวน 138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46 % จาก EBITDA จำนวน 95 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2563 และมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) เพิ่มขึ้นจาก 15% ในไตรมาส 1 ปี 2563 เป็น 22% ในไตรมาส 1 ปี 2564



ปัจจุบัน เครือโรงพยาบาลบางปะกอกและโรงพยาบาลปิยะเวท มีบริษัทบางปะกอก ฮอสพิทอล กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้ให้บริการทางการแพทย์และสุขภาพมายาวนานกว่า 40 ปี มีโรงพยาบาลและสถานพยาบาลในเครือจำนวน 9 แห่ง คือ (1) โรงพยาบาลบางปะกอก 1 (2) โรงพยาบาลบางปะกอก 3 (3) โรงพยาบาลบางปะกอก สมุทรปราการ (4) โรงพยาบาลบางปะกอก 8 (5) โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชันแนล (6) โรงพยาบาลบางปะกอกรังสิต 2 (7) โรงพยาบาลปิยะเวท (8) สถานพยาบาลบางปะกอก บางบอน 2 และ (9) บางปะกอก คลินิคเวชกรรม



นอกจากนี้ โรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและโรงพยาบาลปิยะเวท ได้คำนึงถึงการให้บริการแก่สังคม โดยได้สนับสนุนภาครัฐในการป้องกันและรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2563 จนถึงปัจจุบัน โดยเครือโรงพยาบาลได้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนกว่า 15,724 คนและโรงพยาบาลทุกแห่งในเครือ ได้เปิดให้การดูแลผู้ป่วย โดยมีตั้งแต่ สนับสนุนโครงการ Home Isolation (HI) Community Isolation (CI) และได้เตรียมความพร้อมในการดูแลผู้ป่วยทุกระดับอาการ โดยการจัดเตรียม Hospitel โรงพยาบาลสนาม และ โรงพยาบาล ICU สนาม ซึ่งทุกโรงพยาบาลมีการเตรียมความพร้อมในทุกระดับ สามารถรับดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มกำลัง โดยได้รับความร่วมมือจาก บริษัทต่างๆ ในภาคเอกชน บริจาคเงินสมทบเข้ามูลนิธิโรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและโรงพยาบาล.เครือปิยะเวท อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) และกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ
pakapong_u
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 47266
ผู้ติดตาม: 397

Re: BHGRT

โพสต์ที่ 5

โพสต์

“เครือรพ.บางปะกอก” ยื่นไฟลิ่งตั้งกองทรัสต์โรงพยาบาลมูลค่า 5.2 พันลบ.
18/08/2021 16:55

เครือโรงพยาบาลบางปะกอก ยื่นไฟลิ่งจัดตั้ง ‘BHGRT’ กองทรัสต์โรงพยาบาลแห่งแรกของไทย เสนอขายหน่วยทรัสต์แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) มูลค่าไม่เกิน 5,200 ล้านบาท ลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินอาคารและอุปกรณ์การแพทย์ที่สำคัญ ของโรงพยาบาลบางปะกอก 1 และโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล


แพทย์หญิง.เจรียง จันทรกมล ประธานบริษัทโรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและโรงพยาบาลปิยะเวท กล่าวว่า เครือบางปะกอกฯ มีแผนจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เครือโรงพยาบาลบางปะกอก หรือ Bangpakok Hospital Group Leasehold Real Estate Investment Trust (BHGRT) เพื่อระดมทุนสำหรับการขยายธุรกิจของกลุ่มโรงพยาบาลบางปะกอกและรพ.ปิยะเวท ที่มีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจโรงพยาบาลและดูแลสุขภาพ

ทั้งนี้ กองทรัสต์ BHGRT คาดว่าจะเป็นทรัสต์กองแรกของไทยที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทธุรกิจโรงพยาบาลและการดูแลสุขภาพ (Hospital and Healthcare) ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ดี มีความมั่นคงทางธุรกิจสูง และเป็นกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยเฉพาะในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปัจจุบัน ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญมากของโรงพยาบาลมากยิ่งขึ้น บุคลากรทางการแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ที่มีความพร้อมและทันสมัย โดยเครือโรงพยาบาลได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ และมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินร่วม ในการยื่นขออนุญาตการจัดตั้งกองทรัสต์และการเสนอขายหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ BHGRT โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เป็นทรัสตีของกองทรัสต์

กองทรัสต์ BHGRT จะลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารสิ่งปลูกสร้างโครงการ โรงพยาบาลบางปะกอก 1 (โครงการ BPK 1) และโครงการ โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล (โครงการ BPK 9 international) รวมถึงระบบสาธารณูปโภค งานระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนควบของสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว และกรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินกิจการของโครงการ ดังกล่าว ซึ่งโรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและรพ.ปิยะเวท มีประสบการณ์ดูแลรักษาสุขภาพเป็นที่ยอมรับมานานกว่า 40 ปี ทั้งในกลุ่มลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติ

กองทรัสต์จะนำทรัพย์สินที่เข้าลงทุนดังกล่าวไปจัดหาประโยชน์โดยการให้เช่าบริษัท บางปะกอก ฮอสพิทอล กรุ๊ป จำกัด กลับ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเครือโรงพยาบาลบางปะกอกและโรงพยาบาลปิยะเวท และได้กำหนดค่าเช่าที่แน่นอนตลอดระยะเวลาการเช่า เพื่อที่กองทรัสต์จะสามารถสร้างรายได้จากการลงทุนได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง และสามารถจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ลงทุนกองทรัสต์ BHGRT ได้อย่างสม่ำเสมอ โดยกองทรัสต์มีนโยบายจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วของรอบปีบัญชี

สำหรับมูลค่าทรัพย์สินหลักของโครงการ BPK 1 และ BPK 9 international ที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนครั้งแรกคาดว่าจะมีมูลค่าไม่เกิน 5,200 ล้านบาท โดยโครงการทั้งสองมีผลประกอบการ 3 ปีล่าสุด ที่ดี มีรายได้รวมจำนวน 2,740 ล้านบาท 2,791 ล้านบาท และ 2,585 ล้านบาท ในปี 2561, 2562 และ 2563 ตามลำดับ และมีรายได้รวมในไตรมาส 1 ปี 2564 ที่ 635 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนใกล้เคียงกับรายได้รวม 635 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2563 และมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 487 ล้านบาท 511 ล้านบาท และ 466 ล้านบาท ในปี 2561, 2562 และ 2563 ตามลำดับ ขณะที่มี EBITDA ในไตรมาส 1 ปี 2564 จำนวน 138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46 % จาก EBITDA จำนวน 95 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2563 และมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) เพิ่มขึ้นจาก 15% ในไตรมาส 1 ปี 2563 เป็น 22% ในไตรมาส 1 ปี 2564

ปัจจุบัน เครือโรงพยาบาลบางปะกอกและโรงพยาบาลปิยะเวท มีบริษัทบางปะกอก ฮอสพิทอล กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้ให้บริการทางการแพทย์และสุขภาพมายาวนานกว่า 40 ปี มีโรงพยาบาลและสถานพยาบาลในเครือจำนวน 9 แห่ง คือ (1) โรงพยาบาลบางปะกอก 1 (2) โรงพยาบาลบางปะกอก 3 (3) โรงพยาบาลบางปะกอก สมุทรปราการ (4) โรงพยาบาลบางปะกอก 8 (5) โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชันแนล (6) โรงพยาบาลบางปะกอกรังสิต 2 (7) โรงพยาบาลปิยะเวท (8) สถานพยาบาลบางปะกอก บางบอน 2 และ (9) บางปะกอก คลินิคเวชกรรม

นอกจากนี้ โรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและโรงพยาบาลปิยะเวท ได้คำนึงถึงการให้บริการแก่สังคม โดยได้สนับสนุนภาครัฐในการป้องกันและรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2563 จนถึงปัจจุบัน โดยเครือโรงพยาบาลได้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนกว่า 15,724 คนและโรงพยาบาลทุกแห่งในเครือ ได้เปิดให้การดูแลผู้ป่วย โดยมีตั้งแต่ สนับสนุนโครงการ Home Isolation (HI) Community Isolation (CI) และได้เตรียมความพร้อมในการดูแลผู้ป่วยทุกระดับอาการ โดยการจัดเตรียม Hospitel โรงพยาบาลสนาม และ โรงพยาบาล ICU สนาม ซึ่งทุกโรงพยาบาลมีการเตรียมความพร้อมในทุกระดับ สามารถรับดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มกำลัง โดยได้รับความร่วมมือจาก บริษัทต่างๆ ในภาคเอกชน บริจาคเงินสมทบเข้ามูลนิธิโรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและโรงพยาบาล.เครือปิยะเวท อาทิ บริษัท ปตท. , บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น , และกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ
pakapong_u
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 47266
ผู้ติดตาม: 397

Re: BHGRT

โพสต์ที่ 6

โพสต์

phpBB [video]
pakapong_u
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 47266
ผู้ติดตาม: 397

Re: BHGRT

โพสต์ที่ 7

โพสต์

BHGRT ชูจุดเด่นรับเทรนด์ธุรกิจสุขภาพ ทรัสต์โรงพยาบาลกองแรกของไทย
16/11/2021 19:00

“เครือรพ.บางปะกอก” ประเดิมออกกองทรัสต์ BHGRT ลงทุนสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เครือโรงพยาบางบางปะกอก มูลค่าไม่เกิน 5.2 พันล้านบาท บล.เมย์แบงก์ฯ ชูเป็นหนึ่งในเครือโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในไทย ประสบการณ์ในธุรกิจการแพทย์และสุขภาพกว่า 40 ปี โอกาสเติบโตจากการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินอื่น ด้านบล.กรุงศรี ประเมินปี 65-67 จ่ายผลตอบแทนปีละ 6%

เครือรพ.บางปะกอก จัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เครือโรงพยาบาลบางปะกอก หรือ Bangpakok Hospital Group Leasehold Real Estate Investment Trust (BHGRT) เสนอขาย IPO ลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคารสิ่งปลูกสร้างโครงการ โรงพยาบาลบางปะกอก 1 (โครงการ BPK 1) และโครงการ โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล (โครงการ BPK 9) และกรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์การแพทย์ที่สำคัญ ที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินกิจการของโครงการดังกล่าว มูลค่าทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนครั้งแรกไม่เกิน 5.2 พันล้านบาท

แพทย์หญิง เจรียง จันทรกมล ประธานบริษัทโรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและโรงพยาบาลปิยะเวท กล่าวว่า การจัดตั้งกองทรัสต์ BHGRT มีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนสำหรับการขยายธุรกิจของกลุ่มโรงพยาบาลเครือบางปะกอกและโรงพยาบาลปิยะเวท ที่มีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจโรงพยาบาลและการดูแลสุขภาพ

ทั้งนี้ กองทรัสต์ BHGRT คาดว่าจะเป็นทรัสต์กองแรกของไทยที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทธุรกิจโรงพยาบาลและการดูแลสุขภาพ (Hospital and Healthcare) ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ดี มีความมั่นคงทางธุรกิจ และเป็นกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ และมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินร่วม ในการยื่นขออนุญาตการจัดตั้งกองทรัสต์และการเสนอขายหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ BHGRT โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ เป็นทรัสตีของกองทรัสต์และมีบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีและบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายร่วม

ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย สำหรับการเสนอขายหน่วยทรัสต์ ร่วม ระบุว่า กองทรัสต์ BHGRT จะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคาร 30 ปีและกรรมสิทธิ์ของอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญของโครงการ BPK 1 และ BPK 9 ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดี มีศักยภาพ อยู่ภายใต้ทีมผู้บริหารที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ในธุรกิจ ภายใต้สัญญาเช่าดำเนินการระยะเวลา 3 ปี และมีคำมั่นในการต่ออายุสัญญาเช่าดำเนินการ 9 คราว รวม 30 ปี โดยมีการกำหนดค่าเช่าเริ่มต้นทั้งจำนวนเป็นจำนวนคงที่และมีการเติบโตทุกๆ 3 ปี

อีกทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ (OPEX & CAPEX) ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินดังกล่าวจะถูกรับผิดชอบโดยกลุ่มบริษัท บางปะกอก ฮอสพิทอล กรุ๊ป (BHG) ทำให้กองทรัสต์ มีรายได้ที่มั่นคง สามารถจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอที่ประมาณ 6% ต่อปีโดยประมาณ ขณะที่ expected IRR ตลอดอายุสัญญาเช่า 30 ปี อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 6.3%

โครงการ BPK 1 และ BPK 9 เป็นทรัพย์สินหลักของ BHG ซึ่งมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจสถานพยาบาลและสุขภาพมานานถึง 40 ปี ทั้งในกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นๆ ประกอบด้วยโรงพยาบาลจำนวน 7 แห่ง และโพลีคลินิกจำนวน 2 แห่ง โดยแบ่งเป็นเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 6 แห่ง และปริมณฑล จำนวน 3 แห่ง

รายได้รวมและ EBITDA รวมของโครงการ BPK 1 และ BPK 9 ในปี 2563 คิดเป็น 49% และ 81% ของรายได้และ EBITDA รวมของกลุ่ม BHG ตามลำดับ อีกทั้งกองทรัสต์มีโอกาสในการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมจากข้อตกลงที่ BHG ให้แก่กองทรัสต์ โดยกองทรัสต์มีสิทธิเสนอการเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้สิทธิเสนอเพื่อการลงทุน (Option to Buy/Lease) และสิทธิในการปฏิเสธก่อน (Right of First Refusal) เป็นระยะเวลา 30 ปี

โครงสร้างการเสนอขายหน่วยทรัสต์ โดยมีสมมติฐานมูลค่าทรัพย์สินหลักที่กองทรัสต์ที่จะเข้าลงทุนครั้งแรกอยู่ที่ไม่เกิน 5.2 พันล้านบาท (ราคาประเมินต่ำสุดโดยผู้ประเมินทรัพย์สินอิสระอยู่ที่ 4.93 พันล้านบาท) โดยแหล่งเงินทุนของกองทรัสต์จะมาจากเงินกู้เงินจากสถาบันการเงินประมาณ 1 พันล้านบาท และการเสนอขายหน่วยทรัสต์ที่จะออกและเสนอขาย IPO ไม่เกิน 421.7ล้านหน่วย ประเมินราคาเหมาะสมของหน่วยทรัสต์เท่ากับ 10.40 บาท อัพไซด์สำคัญในอนาคตจะมาจาก 1) การที่กองทรัสต์อาจสามารถบริหารต้นทุนดอกเบี้ยให้ต่ำลงได้ ผ่านทางการรีไฟแนนซ์เงินกู้สถาบันการเงินหรือออกหุ้นกู้ และ 2) การซื้อทรัพย์สินเข้ามาเพิ่มเติมจากกลุ่ม BHG

ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม ระบุว่า คาดกองทรัสต์ BHGRT จะให้เงินปันผลและคืนทุน (ถ้ามี) ปีละ 0.6 บาท/หน่วย (สมมติฐานอัตราการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน 100%) ในช่วงปี 2565 – 2567 คิดเป็นผลตอบแทนปีละ 6.0% คำนวณจากพาร์ 10 บาท และจะเติบโตตามการปรับค่าเช่าขึ้นทุก 3 ปี และกองทรัสต์มีรายได้ชัดเจนเนื่องจาก

(1) BHG จะเป็นผู้รับผิดชอบเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายในอนาคตที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน

(2) กลุ่มบริษัท บางปะกอก ฮอสพิทอล กรุ๊ป (BHG) มี EBITDA ในไตรมาส 1/2564 สูงกว่าค่าเช่าที่จ่ายให้ BHGRT ถึง 3 เท่า

(3) การขยายธุรกิจของ BHG จะเพิ่ม EBITDA และสร้างความมั่นคงให้กับรายได้ของ BHGRT

(4) BHG มีแรงจูงใจในการต่อสัญญาเนื่องจากโครงการ BPK1 และ BPK9 เป็นทรัพย์สินหลักของเครือ และ BHG จะถือหน่วยลงทุนใน BHGRT อย่างน้อย 15%

ทั้งนี้ ประเมินมูลค่า BHGRT ที่ 10.20 บาทต่อหน่วย และ IRR ที่ 6.4% โดย BHG เป็นหนึ่งในเครือโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทั้งนี้ BHG จะเช่าโรงพยาบาลและอุปกรณ์การแพทย์จาก BHGRT เป็นเวลา 3 ปี และให้คำมั่นจะต่อสัญญาเช่า 9 ครั้ง ครั้งละ 3 ปี (รวม 30 ปี) ให้เงินปันผลที่น่าสนใจ และค่าเช่าจะปรับขึ้น 6% ทุกสามปี มีผลตอบแทนมั่นคง
pakapong_u
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 47266
ผู้ติดตาม: 397

Re: BHGRT

โพสต์ที่ 8

โพสต์

“BHGRT” ทรัสต์โรงพยาบาลกองแรกของไทย “เครือรพ.บางปะกอก”
วันที่ 16 พ.ย. 2564 เวลา 21:50 น.

“BHGRT” ทรัสต์โรงพยาบาลกองแรกของไทย “เครือรพ.บางปะกอก” เผยจุดเด่นรับเทรนด์ธุรกิจสุขภาพ

แพทย์หญิง เจรียง จันทรกมล ประธานบริษัทโรงพยาบาลในเครือบางปะกอกและโรงพยาบาลปิยะเวท กล่าวว่า การจัดตั้งกองทรัสต์ BHGRT มีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนสำหรับการขยายธุรกิจของกลุ่มโรงพยาบาลเครือบางปะกอกและโรงพยาบาลปิยะเวท ที่มีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจโรงพยาบาลและการดูแลสุขภาพ

ทั้งนี้ กองทรัสต์ BHGRT คาดว่าจะเป็นทรัสต์กองแรกของไทยที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทธุรกิจโรงพยาบาลและการดูแลสุขภาพ (Hospital and Healthcare) ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ดี มีความมั่นคงทางธุรกิจ และเป็นกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ และมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินร่วม ในการยื่นขออนุญาตการจัดตั้งกองทรัสต์และการเสนอขายหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ BHGRT โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เป็นทรัสตีของกองทรัสต์ และมีบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายร่วม

ด้าน บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย สำหรับการเสนอขายหน่วยทรัสต์ ร่วม ระบุว่า กองทรัสต์ BHGRT จะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคาร 30 ปีและกรรมสิทธิ์ของอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญของโครงการ BPK 1 และ BPK 9 ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดี มีศักยภาพ อยู่ภายใต้ทีมผู้บริหารที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ในธุรกิจ ภายใต้สัญญาเช่าดำเนินการระยะเวลา 3 ปี และมีคำมั่นในการต่ออายุสัญญาเช่าดำเนินการ 9 คราว รวม 30 ปี โดยมีการกำหนดค่าเช่าเริ่มต้นทั้งจำนวนเป็นจำนวนคงที่และมีการเติบโตทุกๆ 3 ปี อีกทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ (OPEX & CAPEX) ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินดังกล่าวจะถูกรับผิดชอบโดยกลุ่มบริษัท บางปะกอก ฮอสพิทอล กรุ๊ป (BHG) ทำให้กองทรัสต์ มีรายได้ที่มั่นคง สามารถจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอที่ประมาณ 6% ต่อปีโดยประมาณ ขณะที่ expected IRR ตลอดอายุสัญญาเช่า 30 ปี อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 6.3%

โดยโครงการ BPK 1 และ BPK 9 เป็นทรัพย์สินหลักของ BHG ซึ่งมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจสถานพยาบาลและสุขภาพมานานถึง 40 ปี ทั้งในกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นๆ ประกอบด้วยโรงพยาบาลจำนวน 7 แห่ง และโพลีคลินิกจำนวน 2 แห่ง โดยแบ่งเป็นเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 6 แห่ง และปริมณฑล จำนวน 3 แห่ง

รายได้รวมและ EBITDA รวมของโครงการ BPK 1 และ BPK 9 ในปี 2563 คิดเป็น 49% และ 81% ของรายได้และ EBITDA รวมของกลุ่ม BHG ตามลำดับ อีกทั้งกองทรัสต์มีโอกาสในการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมจากข้อตกลงที่ BHG ให้แก่กองทรัสต์ โดยกองทรัสต์มีสิทธิเสนอการเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้สิทธิเสนอเพื่อการลงทุน (Option to Buy/Lease) และสิทธิในการปฏิเสธก่อน (Right of First Refusal) เป็นระยะเวลา 30 ปี

โครงสร้างการเสนอขายหน่วยทรัสต์ โดยมีสมมติฐานมูลค่าทรัพย์สินหลักที่กองทรัสต์ที่จะเข้าลงทุนครั้งแรกอยู่ที่ไม่เกิน 5.2 พันล้านบาท (ราคาประเมินต่ำสุดโดยผู้ประเมินทรัพย์สินอิสระอยู่ที่ 4.93 พันล้านบาท) โดยแหล่งเงินทุนของกองทรัสต์จะมาจากเงินกู้เงินจากสถาบันการเงินประมาณ 1 พันล้านบาท และการเสนอขายหน่วยทรัสต์ที่จะออกและเสนอขาย IPO ไม่เกิน 421.7ล้านหน่วย ประเมินราคาเหมาะสมของหน่วยทรัสต์เท่ากับ 10.40 บาท อัพไซด์สำคัญในอนาคตจะมาจาก 1) การที่กองทรัสต์อาจสามารถบริหารต้นทุนดอกเบี้ยให้ต่ำลงได้ ผ่านทางการรีไฟแนนซ์เงินกู้สถาบันการเงินหรือออกหุ้นกู้ และ 2) การซื้อทรัพย์สินเข้ามาเพิ่มเติมจากกลุ่ม BHG

IMH ส่งซิกครึ่งปีหลังส่อแววนิวไฮ
IMH จ่อศึกษาแผนเทคโอเวอร์ รพ.1-2 แห่ง
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม ระบุว่า คาดกองทรัสต์ BHGRT จะให้เงินปันผลและคืนทุน (ถ้ามี) ปีละ 0.6 บาท/หน่วย (สมมติฐานอัตราการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน 100%) ในช่วงปี 2565 - 2567 คิดเป็นผลตอบแทนปีละ 6.0% คำนวณจากพาร์ 10 บาท และจะเติบโตตามการปรับค่าเช่าขึ้นทุก 3 ปี และกองทรัสต์มีรายได้ชัดเจนเนื่องจาก

(1) BHG จะเป็นผู้รับผิดชอบเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายในอนาคตที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน

(2) กลุ่มบริษัท บางปะกอก ฮอสพิทอล กรุ๊ป (BHG) มี EBITDA ในไตรมาส 1/2564 สูงกว่าค่าเช่าที่จ่ายให้ BHGRT ถึง 3 เท่า

(3) การขยายธุรกิจของ BHG จะเพิ่ม EBITDA และสร้างความมั่นคงให้กับรายได้ของ BHGRT

(4) BHG มีแรงจูงใจในการต่อสัญญาเนื่องจากโครงการ BPK1 และ BPK9 เป็นทรัพย์สินหลักของเครือ และ BHG จะถือหน่วยลงทุนใน BHGRT อย่างน้อย 15%

โดยประเมินมูลค่า BHGRT ที่ 10.20 บาทต่อหน่วย และ IRR ที่ 6.4% โดย BHG เป็นหนึ่งในเครือโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทั้งนี้ BHG จะเช่าโรงพยาบาลและอุปกรณ์การแพทย์จาก BHGRT เป็นเวลา 3 ปี และให้คำมั่นจะต่อสัญญาเช่า 9 ครั้ง ครั้งละ 3 ปี (รวม 30 ปี) ให้เงินปันผลที่น่าสนใจ และค่าเช่าจะปรับขึ้น 6% ทุกสามปี มีผลตอบแทนมั่นคง
pakapong_u
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 47266
ผู้ติดตาม: 397

Re: BHGRT

โพสต์ที่ 9

โพสต์

phpBB [video]


ข้อมูลแนะนำกองทรัสต์ BHGRT
pakapong_u
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 47266
ผู้ติดตาม: 397

Re: BHGRT

โพสต์ที่ 10

โพสต์

phpBB [video]
โพสต์โพสต์