MoneyTalk กลยุทธ์หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ในช่วงโควิดพีค ครึ่งปีหลัง64

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2608
ผู้ติดตาม: 255

MoneyTalk กลยุทธ์หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ในช่วงโควิดพีค ครึ่งปีหลัง64

โพสต์ที่ 1

โพสต์

MoneyTalk
.
กลยุทธ์หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ในช่วงโควิดพีค ครึ่งปีหลัง 64
สรุป โดย Seminar Knowledge By Amorn
.
ช่วงเวลาที่สถานการณ์โควิด-19 ยังคงวิกฤตในไทย กำลังอยู่ในจุด "ขีดสุด" เลยก็ว่าได้ ยอดตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การระบาดยังกระจายอยู่ในหลาย ๆ พื้นที่ อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่ซบเซา จำนวนคนไทยที่ยังเข้าไม่ถึงวัคซีนมีอยู่เยอะ ระบบสาธารณสุขล้นเกินการควบคุม แถมค่าเงินบาทยังมาอ่อนสุดในรอบเกือบ 3 ปี มาดูว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทย ครึ่งปีหลัง 2564 จะไปทิศทางใด? เปิดโอกาสรับมุมมองกลยุทธ์หุ้นไทย ครึ่งปีหลัง 64 ว่าจะเป็นอย่างไร ถึงเวลาปรับกลยุทธ์ + ปรับพอร์ตหุ้น
.
🔹พบกับแขกรับเชิญ
คุณเจษฎา สุขทิศ, CFA (คุณเจ๊ต)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท FINNOMENA

ดำเนินรายการ โดย ดร ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

1.คุณเจษฏา หรือ คุณเจ็ต ได้เกริ่นว่า
จากสถานการณ์โควิทที่เข้มข้น เริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น
ที่สหรัฐ ถึงแม้ติดเชื้อโควิดมากขึ้น จะเกิดกับฐานเสียงของรีพัครีกัน
แต่ตอนนี้พากันไปฉีดเยอะขึ้น กิจกรรมทาง ศก คึกคักมากขึ้นหลังฉีดวัคซีนmRNA
โอกาสจะปิดประเทศอีกทียากขึ้น คนเสียชีวิตน้อยมาก

ที่อังกฤษก็เกิดเหมือนกัน แต่ฉีดวัคซีนได้เยอะ ทำให้คนติดเชื้อน้อยลง คนเสียชีวิตก็น้อยลง
โลกแบ่งเป็น2กลุ่ม คือกลุ่มประเทศที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และฉีดวัคซีนได้เยอะ
และมีอีกกลุ่มที่ฉีดวัคซีนช้า เช่นไทย ศก อาจหดตัวได้
ทำให้เกิดเป็น K shape ขึ้น

ไทย ฉีด 2 เข็ม 5% และ ฉีดแค่เข็มเดียว 12% วัคซีนก็เป็น sinovac
ส่วน US ซึ่งฉีดวัคซีนได้เยอะ ตอนนี้เกิดเงินเฟ้อสูง สินค้าตามร้านค้า ,supermarket ราคาขึ้น 5-10%
ร้านอาหารดังๆ ต่อคิวกัน 60-90 นาที รอกันนาน
แต่ที่ไทย ห้างปิด ร้านอาหารปิด ทำให้เกิด K shape recovery ขึ้น ประเทศแต่ละประเทศฟื้นตัวไม่เท่ากัน

ที่ต่างประเทศ พูดถึงการฉีดเข็มที่สามแล้ว แต่WHO ขอให้ส่งไปประเทศที่ยังไม่ได้ฉีดก่อน

อังกฤษ ตอนพีค ตายวัน 500คน แต่หลังจากที่เปิดประเทศ ตัวเลขติดเชื้อเพิ่ม แต่ก็ปรับลงอย่าง
รวดเร็ว ยอดติด 40,000เคส แต่เสียชีวิตน้อยมาก แสดงว่าวัคซีนทำให้คนเสียชีวิตน้อยลงมาก

สรุปว่าวัคซีนเอาอยู่ สำหรับ ไวรัส Delta

ภาคการผลิตของยุโรปฟื้นตัว ตัวเลขทางยุโรป PMI สูงกว่า50%
ส่วนญี่ปุ่นกับไทย ที่เจอโควิดหนัก แต่PMIของญี่ปุ่นยังอยู่สูงกว่า50%
เทียบกับไทย ที่ดัชนีPMI ต่ำกว่า 50%และมีแนวโน้มลดลงด้วย

ส่วนจีน ควบคุมได้ดี แต่ขยายตัวเล็กน้อย ตามหลักบัญชี FIFO ติดก่อนและฟื้นเร็วกว่า
ศก ปีที่แล้วไม่ติดลบ ดังนั้นปีนี้ก็ฟื้นเมื่อเทียบปีที่แล้วไม่เยอะ

หน้าที่ของเราไปหาฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด

ทางฟิโนมีน่า คุณเจ็ต ก็ติดต่อที่ รพ ธนบุรี เพื่อขอซื้อวัคซีน
Moderna มาฉีดในช่วงตค 64 ซึ่งทางรพ บอกว่า สองเข็มต่อชุดที่ได้มา อาจนำไปฉีดเป็นบูตเตอร์หนึ่งเข็ม
และอีกเข็มจะส่งให้คนอื่นเช่นคนในครอบครัวก็ได้ครับ (อิจฉาคนเป็นพนักงานบริษัทนี้จัง)

2.ดร นิเวศน์ ถามว่า วัคซีนโดยเฉพาะ Mrna ว่ามีtime frameว่ามาเมื่อไหร่ และถ้าเกิดไม่มาจะทำอย่างไร
ถามคุณเจ็ดว่ามีข้อมูลทางpublicไหม

ดร ไพบูลย์ บอกว่า ยังไม่มีข้อมูลมา อาจมีปัจจัยทำให้วัคซีนมาไม่ตามแผน
วัคซีนรุ่นแรกน่าจะเพียงพอสำหรับประเทศพัฒนาแล้ว อาจมีการแลกเปลี่ยนกันสำหรับประเทศที่ยังไม่ได้
ไฟเซอร์ ที่มาแล้วในไทย ให้หน้าด่าน เช่น หมอ พยาบาล ก่อน

คุณเจ็ตบอกว่า ไฟเซอร์ อาจได้มาล๊อคแรกก่อน มีคนช่วยดูว่าไปถึงหน้าด่านหรือไม่

3.ทางฝั่ง US , EU ฟื้น โดยเฉพาะ US ฟื้นก่อน ดัชนีหุ้นก็ไปก่อน
EU ฟื้นตามหลัง ผลประกอบการดูฟื้นชัดเจนมากกว่าที่อื่น
ที่ไทย คนติดเชื้อต่อวัน 20,000คน บวกลบ
หลังจากWFH จะมีMegatrendใหม่ๆขึ้นมา

4.ในไทย ตลาดหุ้นวิ่งไปตาม ศก ถ้า ศก ไม่ฟื้น กำไรก็ไม่ฟื้นตาม
ก่อนหน้านี้ น้ำมันขึ้นมาเยอะ หุ้นน้ำมันก็ขึ้นมา
และ หุ้นท่องเที่ยว เช่น หุ้นโรงแรม หุ้นร้านอาหาร ก็ดีดกลับขึ้นมาในช่วงก่อนระลอกสอง
ปรากฏว่า โควิดมาระลอกนี้หนักจริงๆ ก่อนหน้านี้ตลาดมองEarning Growthกลับมาไหม
แต่ระลอกนี้ ต้องไปดูถึงความเสี่ยง และ สภาพคล่อง หลายบริษัทเช่น minor ขายโรงแรมทางยุโรปได้
แอร์เอเชีย ก็เพิ่มทุนรอบใหญ่ไป แต่เจอระลอกนี้ก็หนักเหมือนกัน

เพื่อนที่อยู่ฝ่ายสินเชื่อธนาคารของคุณเจ็ต บอกว่า npl เกิด แต่ธนาคารประนอมหนี้ให้
ทำให้ภาพเหมือนกับว่าnplยังไม่มา แต่มีขีดจำกัดเหมือนกัน

ดร นิเวศน์ บอกว่า ธนาคารรุ่นหลังจะconservativeมากขึ้น
แต่กลัว non bank ซึ่งไม่เคยเจอแบบนี้
ตัวเลขที่น่ากลัวคือของ non bank การควบคุมก็ไม่เข้มข้นเหมือน ธปท
วิธีการจัดการยังมีปัญหา น่าห่วง
ธนาคารไม่น่าห่วง สำรองหนี้เสียเยอะ

รอบนี้น่ากลัวมาก หลายคนถอดใจไม่ไหว เลิกกิจการ
คุณเจ็ต ก็บอกว่าที่ฟิโนมีน่า ก็มีตัวชี้วัด
รอบก่อนระลอกแรก มีคนทำธุรกิจ มาหาช่องทางลงทุนกันเยอะแยะ เช่นซื้อหุ้น OR
แต่รอบนี้ เปลี่ยนไป ผู้ประกอบการเหล่านั้น ไปกู้กิจการตัวเอง ทำอย่างไรให้รอด
แสดงว่าพีคกันมากๆ

ดร นิเวศน์ เสนอความคิดเห็นว่า หลังปิดเมือง ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน
ไม่งั้นอาจถึงจุดที่รับไม่ไหว ธนาคารปล่อยมือ แล้วเกิดลุกลามไป

หุ้นไทย สำหรับคุณเจ็ต บอกว่า หุ้นไทยไม่ไปไหน หลังพีค1,800 side wayตลอด
ก่อนหน้านี้ EPS 100 บาท ตอนนี้ EPS 60 บาท
ดังนั้น PE ก็สูงขึ้นกว่าเดิม ภาพหุ้นไทย ยังไม่ค่อยน่าสนใจ

แต่ความสำเร็จของการลงทุน ขึ้นกับความรู้ ถ้าไปลงหุ้นวัฐจักร หุ้นเรือ ก็มีโอกาสสร้างกำไรได้
ดังนั้นแนะนำการลงทุนไปในต่างประเทศเป็นหลัก

5.การลงทุนในต่างประเทศ แบ่งออกเป็นสามกลุ่มคือ

กลุ่มที่1 หุ้นวัฐจักร วิ่งตามศก เช่น พลังงาน ธนาคาร โดยใช้ ETF Finance
เป็นกองทุนที่ลงFinancialทั่วโลก

กลุ่มที่2 กลุ่มเติบโต PE แพง แต่ Earning Growthโตดี เช่น กลุ่ม Technology,IT
มักใช้ดัชนีNasdaqเป็นตัวแทน ตอนนี้ดัชนีสูงกว่าก่อนcovid50%
PE 25-30เท่าเอง

กลุ่มที่3 น่าสนใจที่สุด คือกลุ่ม Defensive เป็น sector S&P500
เช่น โรงไฟฟ้า , โรงพยาบาลที่สหรัฐ pe 16-17เท่า เทียบกับไทย 30เท่า
ก่อนนี้กลุ่มgrowthขึ้นมาเยอะ พอหลังก็กลับขึ้นมาจนสูงกว่าเดิม
หลังจากนั้น กลุ่มวัฐจักร เช่น พลังงานและธนาคารก็ปรับขึ้นตาม
ตอนนี้กลุ่มโรงพยาบาล เช่น United Health หรือ กลุ่มโรงไฟฟ้า
ก็ทยอยขึ้นมา ถือเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ เพราะส่วนตัวคุณเจ็ต ไม่ค่อยชอบกลุ่ม
Growth ซึ่งมีราคาแพง ก็เลยสนใจกลุ่มนี้เป็นพิเศษในช่วงนี้

ตอนนี้คนยังไม่ค่อยพูดถึงเท่าไหร่
ย้อนหลัง11ปีก่อน S&P500 ตั้งแต่ 2009-2020. ดูผลตอบแทนเป็นรายเดือน
พบว่า ช่วง สค เป็นช่วงการปรับฐาน ตรงกับเดือนนี้พอดี
ยังมีพอให้เราเข้าลงทุนได้บ้าง โดยลงใน กลุ่ม defensive PE 17-18เท่า
Earning Growth 5-10% ดูอาจน่าเบื่อ
ถ้าเป็นกองทุน จะเห็นค่ายของบลจ กรุงศรี ที่ คุณวินมาดูแลPrivate Banking
ซึ่งก็จะมี KF infra , KF Global Infrastructure , KF Healthcare
เป็นกองที่ทางเราแนะนำ


6.ดร นิเวศน์ บอกว่า เวียดนามโตมาอันดับหนึ่ง
ค่าเงินเวียดนามเทียบกับค่าเงินบาทแข็งค่า มาจากค่าเงินบาทอ่อน
ผลตอบแทนนับจากต้นปี และ หนึ่งปี ดีกว่าus ส่วนจีน แย่เพราะเจอะเรื่องregulation
PEไม่เกิน 20เท่า ธนาคารก็โตมาก ถ้าเรายังรีรอไม่ลงทุน อาจจะพลาดไป
คุณเจ๊ต บอกว่า ทางฟีโนมิน่า มีเงินมาลงทุน 30,000ลบ
กองทุนหุ้นเวียดนามก็มีคนสนใจลงทุนมาก แนะนำ PRINCIPLE VNEQ-A 1ปีได้ 76%
Port DIY เป็นที่นิยมมาก ลงทุนกองเวียดนามเป็น พันล้านบาท


7.พอร์ตหลัก เราจับมือกับ FRANKLIN TEMPLETON จัดพอร์ตให้กับลูกค้าได้ลงทุน
ปัจจุบันลงทุนใน us 50-60% ของพอร์ต

ล่าสุด จีนก็น่าสนใจมากขึ้น จากราคาหุ้นจีนโดยจัดระเบียบ ทำให้ร่วงลงมาเยอะ

สถิติย้อนหลังตั้งแต่ ปี2011 จะดูค่า Maximum DD ว่าลงได้ต่ำสุดเท่าไหร่
พบว่า ลงหนักสุดกี่%. จะดูในสองตลาด คือ A Share (CSI-300) , MSCI China

พบว่า MSCI China. ลงมาแล้ว 30% ไปดูย้อนหลังพบว่าลงหนักสุด 36%
แสดงว่า downsideค่อนข้างจำกัดแล้ว อยู่ที่ถ้าเราเชื่อยังไปต่อได้
ก็สามารถไปลงใน MSCI china เช่น K-China ที่เราคัดเลือกมาแล้ว

สุดท้ายขอขอบคุณ คุณเจษฏา ที่มาให้ข้อมูล
ขอบคุณผู้ดำเนินรายการ ดร ไพบูลย์ และ ดร นิเวศน์ ครับ
แนบไฟล์
34E8C451-547D-4915-8194-623844F00E88.jpeg
29A62800-81BE-4497-94BA-8B9FB7D9A657.jpeg
24DB6425-2BBE-4EBB-BF3E-30119719CC71.jpeg
06C7DD26-4BF1-4594-ADDB-79B650770F15.jpeg
CC1DAE25-A086-468A-81E2-4F65A67D474A.jpeg

โพสต์โพสต์