เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยก่อนกำหนดโดย ดร วิศิษฏ์

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2608
ผู้ติดตาม: 255

เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยก่อนกำหนดโดย ดร วิศิษฏ์

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Strategic Global Asset Allocation โดย ดร วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล
บันทึกจากรายการ CSISociety

ดร วิศิษฐ์ พูดเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 ในรายการ CSI Society
ว่า เฟดจะทำการขึ้นดอกเบี้ยก่อนกำหนด
ซึ่งตรงกับคุณเจเนต เยลเลน รัฐมนตรีคลังของสหรัฐ ออกมาบอกเมื่อวันที่4พค2564
ว่าอาจจำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพื่อสกัดไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป

มาฟังดร วิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจโลกและแต่ละประเทศในช่วงนี้ว่าเป็นอย่างไรกันครับ
ดร เริ่มจากการที่พูดว่า เฟตอาจเริ่ม QE Tapering ก่อนกำหนด
หลังจากที่มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐขึ้นร้อนแรงในปีนี้
ดร มองว่า GDP สหรัฐ ปีนี้อาจโตถึง 7-8% มาตรการต่างๆในปีนี้
แต่ตอนหลัง ดร ก็บอกว่าอาจขึ้นดอกเบี้ยช่วงปลายปี2022ถึงต้นปี2023

เศรษฐกิจหลายประเทศหลังCovidที่ฟื้นตัวเป็นรูปตัววี เช่น จีน ฟิลิปินส์ เวียดนาม
ส่วนอินเดียน่าจะเป็นรูปตัววี แต่ยังหาฐานไม่เจอ น่าสนใจ แต่ต้องรอจังหวะ
ไทย ฟื้นตัวเป็นรูปไนกี้ ซึ่งจะพูดถึงรายละเอียดในภายหลัง

มาดูดัชนีหุ้นของแต่ละประเทศกัน เริ่มจากDevelop Market
- s&p500 ตอนนี้แพง Forward PE 23.7
ช่วงที่เจอวิกฤตรอบก่อน Forward PE 30เท่า
แต่ดัชนีก็ทำ New high เพราะ US Equity ETF ไหลเข้าลงทุนเยอะ

ยูโรโซน เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ทำให้ตลาดหุ้นไม่ค่อยโต
-Eurozone Forward PE 17.7 เท่า

ส่วนประเทศจีนฟื้นจากCovidเร็ว ราคาไม่แพง
-China Forward PE 12.4 เท่า ถูกสุด

-Japan Forward PE 21.5 ถูก ต่ำกว่าช่วงวิกฤตปี2009 ที่ขึ้นไปมากกว่า 40 เท่า

-SET Forward PE 19.5 เท่าถือว่า แพง ไม่สามารถลงทุนแบบTop down
ต้องใช้กลยุทธ์แบบ Bottom up คือSelective buys หุ้นที่ประโยชน์

PE bandของSET 5ปีเฉลี่ย จะสูงกว่าค่าเฉลี่ย
การปรับกำไรของตลาดประมาณ 5%ไม่เยอะ ถ้าเทียบกับ อินเดีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และ ไต้หวัน
แต่เงินปันผลถ้าเทียบกับในกลุ่มเอเซียด้วยกัน ประมาณ 2%กว่าๆ อยู่กลางๆของกลุ่ม



ดร มองว่าเศรษฐกิจจะโต3%กว่า มากกว่าที่คาดการณ์เพราะมองว่ากลุ่มส่งออก โรงงานจะได้ประโยชน์
จากเศรษฐกิจโลกที่โตมากกว่าที่คาดการณ์ หลักๆก็มาจาก สหรัฐ และ จีน โตกว่าที่คาดการณ์นั่นเอง

หุ้นไทยจะขึ้นเฉพาะกลุ่มที่ได้ประโยชน์ เน้นกลุ่ม
- Logistic
- Hospital
- Sugar export
- Electronic,export
- Alternative Energy
- Some Auto
- Steel
- Manufacturing

Underperform Sector

- Service and Leisure
- Bank sector
- Retail

กลยุทธ์การลงทุน

เราควรลงทุนในประเทศที่เข้าถึงทรัพยากรเช่น commodity ได้มากกว่าไทย
หลายๆกองทุนก็ย้ายจากกลุ่มเทคมาที่ลงทุนกลุ่มEV และcommodityที่ใช้ในEV

Global Manufacturing PMI new high
Semiconductorน่าสนมาก มองที่ประเทศไต้หวัน เพราะทำnew high

Trinity มีกองทุนprivate fund ที่จะออกในพค
เป็น กองทุน ที่ลงทุนใน Asian Private Fund.ปีที่แล้ว performance ดีมาก เพราะเริ่มลงในพค

สรุป
สหรัฐอเมริกา มีแนวโน้ม ปรับฐานในกลางเดือน พค ถึง มิถุนายน
ส่วนไทย หุ้นจะไม่ลงเพราะหุ้นลงไปในเดือนเมษาแล้ว ไม่เกิด Sell in May ,go away
แนบไฟล์
F5769636-A32B-48BC-8B2A-EC181117EFE7.png
3379237B-5B35-4ECA-BBA0-5074E03B2AA2.png
1D2B5667-11B9-46FB-9F89-842A0245777F.png
565FD6B0-D6DF-48A5-AF87-86FF303CF908.png
8BEFBA55-D1C7-4EAD-8E7F-299F078FD2E4.png
8441D451-A8A4-476A-9EBD-79F4619B381E.png
690B55E9-81B4-487B-909E-DD7EC54F82F8.png
A5FEF5A3-A887-4260-BA5D-9B9872EBDEAC.png

โพสต์โพสต์