ThaiVI Go USA น้องแดม ชนาเมธ เฟื่องวรรธนะ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2608
ผู้ติดตาม: 255

ThaiVI Go USA น้องแดม ชนาเมธ เฟื่องวรรธนะ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ThaiVI GO EP 2 –หุ้นอเมริกา (USA)
By น้องแดม ชนาเมธ เฟื่องวรรธนะ เจ้าของเพจ เล่าเท่าที่รู้
วิธีการประเมินมูลค่าหุ้นของบริษัทในอเมริกา น้องแดมจะใช้วิธีการของ Venture Capital (VC) มาประเมินมูลค่าหุ้น
โดยปกติถ้บริษัทก่อนเข้าตลาด ถ้ามีการvaluationมาสูง หลังเข้าตลาดก็จะมีราคาสูงต่อเนื่อง
ถ้าเราเข้าใจว่า VC ว่าเขาคิดวิเคราะห์อย่างไร ก็จะได้ประเมินมูลค่าของบริษัทได้ถูกต้อง

การทำการบ้าน สำหรับหุ้นในอเมริกาที่ไม่มีอยู่ในเมืองไทยนั้น
-การเข้าใจธุรกิจ เราต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ถ้าเราต้องการให้การลงทุนในบริษัทนี้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปเลย
ซึ่งต้องใช้พลังในการศึกษาบริษัทให้มากหน่อย บางธุรกิจมีแต่ในUS เราไม่สามารถทดลองใช้สินค้าได้
ทำอย่างไรละ เราก็สามารถรู้ได้ โดยโทรถามเพื่อนที่อยู่US
เช่น Pinterest ไม่เคยใช้บริการ แต่เคยได้ยินมา นึกถึงเพื่อนที่อยู่US เลยโทรไปถามว่า
ใช้อย่างไร , ทำไมถึงใช้ , ดีกว่าตัวอื่นอย่างไร
เราต้องวิเคราะห์ให้ขาดในตัวธุรกิจ กับกิจการ
เราต้องทำตัวเหมือนเป็น VC ซึ่งลงทุนในกิจการต้องอยู่กับธุรกิจ 5-10ปี ดังนั้นเราต้องคิดเหมือนกัน
คือ ถือบริษัท 5-10 ปี

ไอเดียที่ได้จาก Pinterest
ดูหุ้นสองตัวที่มีกำไร 10 เท่าในสองปี คือ Livongo , Square
เลยคิดว่า Pinterest ก็มีโอกาสเป็นไปได้ เลยทำการบ้านอย่างหนัก และ ตัดสินใจลงทุนในบริษัทนี้
บางทีการลงทุนขึ้นกับ จังหวะ ความรู้เกี่ยวกับบริษัท
เข้าใจในเรื่อง Platform Business Model
และ เก็บทีละจุด (connect the dot) จนเกิดยูเรก้า เข้าใจได้เอง

ตอนนี้ที่ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวนหนัก น้องแดม บอกว่า ตลาดเหวี่ยง ไม่ใช่มีผลเสียต่อนักลงทุนอย่างเดียว
ถ้าคนนั้นไม่ได้ใช้margin หมายถึงสามารถถือหุ้นต่อได้ ไม่ถูกบังคับขายจากราคาที่ต่ำลง
น้องแดมบอกว่า เป็นโอกาสในการซื้อหุ้นในราคาที่ดี ผมFocus ที่กิจกรรมแทนมองตลาดที่เหวี่ยง
โดยยึดหลักการ
1.เราไม่ตามเล่นกับคนส่วนใหญ่ ความเสี่ยงจริงๆเกิดจากตัวเราเอง
2.Price per sales ไม่สามารถใช้ได้กับทุกอุตสาหกรรม
ตอนนี้คนแห่เล่นตามกันเยอะ ทั้งที่ไม่เข้าใจสูตรของ Price per sales
เราไม่เข้าใจเรื่องvaluationเลย ถ้าฟองสบู่แตก ก็จะเจ็บหนัก ถือเป็นความเสี่ยง
Price per sales ค่อนข้างจะฉาบฉวย เราต้องมีหลักการด้วย
เช่น ตอนนี้ธุรกิจไม่มีกำไร แต่ต้องแน่ใจว่าอีก 5-10ปี ต้องมีกำไรนะ ตัวอย่างเช่น Amazon ซึ่ง
ไป ในที่สุดปลายทางก็มีกำไรมหาศาล

ตัวอย่าง เคสที่ยกมา คือ
หุ้นในกลุ่ม Health Tech ซึ่งเคยซื้อเมื่อกลางปีที่แล้ว และขายในวันรุ่งขึ้น เพราะไม่เข้าใจในธุรกิจ
หลังจากที่ได้ศึกษาจนเข้าใจ ก็กลับมาซื้ออีกรอบ
ซึ่งหุ้นตัวนี้ รุ่นพี่ที่เห็นเราชอบธุรกิจที่เป็น Platform เลยแนะนำมา และ น้องแดมก็ไปศึกษาต่อจนมั่นใจ

การประเมินมูลค่าหุ้นTech
1.Backward
2.Forward
วิธีการ Forward คือ หาว่าอีก 5 ปี ประเมินรายได้ได้เท่าไหร่ ซื่งมาจาก
การดูว่า market share ตอนนั้นสมมติว่าเท่ากับ 10% , Growth 20% จะได้รายได้เท่านี้
จากนั้นก็คำนวณว่า Operating margin ได้เท่าไหร่ สุดท้ายก็จะหาราคาออกมาได้

ส่วนวิธี Backward
ตัวอย่างจาก หุ้น Fiverr , Livongo คิดย้อนกลับ โดยเริ่มจากว่าต้องการกำไร 10 เท่าจากราคาหุ้น
ก็คิดย้อนกลับไปว่า ควรมีสัดส่วนจาก TAM(Total Addressible Market)เท่าไหร่
เป็นไปได้ไหม ถ้าเป็นไปได้ ก็เป็นโอกาสในการลงทุน

สุดท้ายขอขอบคุณสมาคมที่จัดสัมมนาบน Club house มากๆครับ
ติดตาม ThaiVI GO EP3 ได้ในสัปดาห์หน้าครับ
แนบไฟล์
792FEB80-F919-41B9-B001-C576A24BEC02.jpeg

โพสต์โพสต์